Herguijuela de la Sierra หมู่บ้านเล็กๆ ที่น่าประทับใจกับผู้คน และสถานที่
ได้มาจากการวางแผนขากลับ จากโปรตุเกสมาที่มาดริด เปิดกูเกิ้ล เพื่อหาว่ามีเมืองไหนที่อยู่ระหว่างทางขากลับ ไม่ออกนอกเส้นทางไกลเกินไป เปิดดูที่พักใน Airbnb ควบคู่กันไปด้วย ทั้งราคาที่ไม่เกินงบ และเมืองที่อยู่ในเส้นทางขากลับ
ทริปนี้ไปหลายวัน ช่วงแรกจองเรียบร้อยเนเธอร์แลนด์ หน้าทิวลิปพอดี ไปเยอรมันต่อ แล้วก็ฝรั่งเศสเป็นช่วงกลางๆทริปที่มีวางแผนเดินเท้าเส้นทางแสวงบุญ Camino de Santiago (Camino Frances Route | The French Way ระยะทาง 761.8 กิโลเมตร จาก Saint Jean pied de Port ฝรั่งเศส เพื่อเข้าไป Santiago de Compostela ในสเปน) ผ่านเทือกเขาพิเรนิส 7 วัน (สรุปเดินเท้าได้ แค่สามวัน) เราไม่ได้เดินทั้งเส้นทางที่ระยะเจ็ดร้อยกว่ากิโลนะคะ แค่เดินบางช่วง (เป็นเส้นทางขึ้นเขา ลงเขา) เพราะไม่รู้ว่าจะเดินไหวไหม เดินได้วันละกี่กิโล เลยข้ามการจองห้องพักช่วงนี้ไป
เป้นการจองถอยหลังจากวันสุดท้ายที่มาดริด ย้อนกลับไปที่โปรตุเกส และสเปน ( Santiago de Compostela) เป็นที่มาของเมืองนี้
วันสุดท้ายที่ออกจากโปรตุเกส ไปช่วงหน้าส้มพอดี ส้มโปรตุเกสอร่อยติดใจมากเข้าซุปเปอร์ทีหิ้วมา สองกิโลบ้างสามกิโจาก ลบ้าง ก่อนเข้าสเปนเลยต้องแวะซุปเปอร์มาเก็ตในโปรตุเกสเพื่อซื้อส้มเพิ่ม (แต่ก็ผิดหวัง สู้ในอีกห้างไม่ได้ 555)
Praia Fluvial de Loriga
สระว่ายน้ำธรรมชาติ
Salamanca ไม่ได้เข้าไปถึงตัวเมืองใหญ่
แวะซื้อส้มที่นี่ หิ้วไปสามโล ของสดไม่ได้ซื้อ กะว่าไปซื้อซุปเปอร์ในเมืองที่พัก
La Alberca ในกู้เกิ้ลว่าเป็นเทศบาลในจังหวัดซาลามังกา พอดีขับผ่านเห็นมีซุเปอร์มาเก็ต กะว่าจะซื้อของสด แต่ว่าซุเปอร์ยังไม่เปิด (เปิดบ่ายสองครึ่งเลยเดินเล่น ถ่ายรูป)
ถึงหมู่บ้านที่พักล่ะ 4 คืนที่นี่ เน็ตมือถือแบบแรงๆหมดกันทุกคน เหลือของพี่สาวพอไว้คุยติดต่อเจ้าของบ้านได้ (หาซื้อแล้ว เจอแต่แพงๆ ก็เลยงกไม่ซื้อล่ะ อีกแค่ อาทิตย์เดียวก็กลับบ้านแล้ว)
ที่พัก สามห้องนอน เลือกกันไปคนละห้อง
จองห้องนอนเสร็จเราก็ไปเดินสำรวจหมู่บ้านกัน
เดินมาสักพัก เข้าซอยโน้นออกซอยนี้ ไม่กลัวหลง แต่ถ้าหลงก็ไม่มีเน็ตให้เปิด google map
เจอผู้หญิงคนนึงนั่งปอกหอมใหญ่ อยู่มุมบ้าน ก็ทักกันไป เธอชื่อ ฮัวน่า (Huana) คุยกันมั่วกันไป ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ภาษามือ ฮัวน่าบอกว่าภาษอังกฤษได้นิดหน่อย ส่วนเราก็ได้นิดหน่อย เหมือนกัน
(เราเดินไปกับน้าสองคน พี่สาวไม่ได้มาด้วย)
ฮัวน่าส่งหอมใหญ่ที่ปอกอยู่ให้มาสองลูก แล้วก็ถามว่ามากันสองคนหรือ พวกเราก็บอกเปล่า มากันสามคน ฮัวน่าเลยส่งมาให้อีกลูกนึง ตอนเธอบอกชื่อเธอก็ชี้มือขึ้นไปข้างบน เราก็ยังไม่เข้าใจนึกว่าเธอบอกว่าชื่อเธอแปลว่าท้องฟ้า หรือเมฆอะไรทำนองนี้ 555 แต่สรุปคือมีป้ายอยู่บนหัว เป็นชื่อร้าน Huana
คุยกันไปสักพัก ฮัวน่าก็บอกว่ามีสวนผลไม้ มีบ้านไก่ (ฮัวน่าบอก chicken house) ชวนเราไปกัน
เราเดินตามไปเรื่อยๆ น้าเราก็บอกโดนเขาหลอกไปไหนแล้วนี่ ทางเดินไปสวน เป็นชนบทมีแต่ต้นไม้ ไม่เจอใครเลย แถมทางเดินก็แคบๆ มัวแต่ฟังเขาคุยเลยไม่ได้ถ่ายรูปทางเดิน และสวนไว้
รูปล่างนี้มาจากฮัวน่าให้มาทั้งหมด เดินไปที่สวนบอกมีผลไม้หลายอย่าง Kumquat (ส้มกัมควอท ลูกเล็กเหมือนส้มจิ๊ด แต่ไม่เปรี้ยวเท่ากินได้ทั้งเปลือก) มีสตอเบอร์รี่ ลูกเบอรรี่ ไข่ไก่ (ไม่ได้ให้ทั้งถังนะคะ ให้มา 4ฟอง ตอนแรกให้มาสาม แต่สรุปด้วยเราต้องทำไปให้ฮัวน่ากินเลยได้มา 4ฟอง)
ผลไม้ที่เก็บมาเราเอากลับไปที่พัก กะว่าเดี๋ยวค่อยกิน ล้างเสร็จหันไปอีกทีพี่สาวเรากินหมดเลย
อุตสาห์เอาเบอรรี่มาหลายพวงเพราะพี่สาวเราจะทำแยม (มีสตอเบอรี่ที่ซื้อมาแล้วไม่อร่อย จะให้เอามาผสม)
สองขวดนี่หลังจากทอดไข่เจียวหอมใหญ่ไปให้ฮัวน่าชิม เธอเดินเอาจานมาคืนพร้อมกับเอาของมาให้สองขวด ตอนแรกเรานึกว่าแยมเชอรี่ แต่ไม่ใช่ขวดนึงเป็นพวกหอมใหญ่ ไว้กินกับอะไรก็แล้วแต่ ก็อร่อยดี เอามาใส่ข้าว อีกขวดเป็นเชอรี่กวน ไม่ได้ชิม มานั่งคุยกับพวกเราบนบ้านนานมาก พวกเราก็บอกว่าไม่มีเน็ตกัน คุยกันงงบ้าง ฮัวน่าบอกที่ต้นไม้ใหญ่ของหมู่บ้านมี wifi ฟรี เราสามคุยหัวเราะดีใจมาก นึกว่าจะอยู่หมู่บ้านนี้ 4 วันโดยขาดการเล่นโซเชียลซะแล้ว
เช้าอีกวัน หลังจากไปกินอาหารเช้าที่ร้านฮัวน่าเสร็จ เราก็ขับรถไปที่ต้นไม้ปล่อยไวไฟ เพื่อไปค้นหาที่เที่ยว ระหว่างอยู่ที่รถ ก็มีผู้หญิงเดินมาคุย
ด้วย ซึ่งก็ไม่เข้าใจอีก เราก็เลยพิมพ์บอกกันว่ามาใช้เน็ตฟรี จะหาที่เที่ยว เธอก็แนะนำมา เราก็โอเคเดี๋ยวเราจะไป เราจำชื่อไม่ได้ว่าชื่ออะไร แต่แผนที่ให้ไปที่นี่
Santuario de Nuestra Senora มีจุดชมวิว เห็นไปหลายเมือง
ขากลับก่อนเข้าหมู่บ้าน เห็นต้นเชอรี่ข้างทางเยอะมาก
ในถุงเก็บมา ในกล่องเจ้าของที่พักเอามาให้ เยอะมาก
สามทุ่มเกือบสี่ทุ่ม เดินไปหาโลกโซเียล ที่ต้นไม้ปล่อยไวไฟ (พี่สาวเราเรียกต้นไม้ปล่อยไวไฟ
)
โฉมหน้า ต้นไม้ของพวกเรา อยู่ตรงกลางลานของเมือง เดินไปหน่อยนึงเป็นบาร์ที่ผู้คนมาพบปะสังสรรค์กัน ของคนในหมู่บ้าน ผู้สูงอายุ (พวกเราบ่นเสียดายกันที่หลังว่าทำไม ไม่ลองไปนั่งดู)
เช้าวันนี้ฮัวน่านัดไปกินข้าวมื้อเที่ยง บอกว่าจะทำข้าวผัดสเปนให้กิน Paella เช้าเราก็มาหาต้นไม้ของเราอีก
เจอผู้หญิงคนเมื่อวาน (บ้านอยู่ตรงข้ามต้นไม้) เธอก็มาชวนคุยอีก พี่สาวก็ให้พิมพ์บอกไปว่าวันนี้วันอาทิตย์ จะดูว่าที่ไหนมีมิสซา กี่โมง หมู่บ้านนี้มีเมื่อคืนวันเสาร์ฮัวน่าบอก แต่ว่าพวกเราไม่ไปกัน ตอนนั้นเพิ่งกลับมาจากเที่ยวหิวข้าวมาก
ก็คุยกันไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม เพราะว่าแปลกันไม่ทัน แต่สรุปว่าเธอเรียกผุ้ชายอีกคนมาแล้วให้เราขับรถตามไป เราชี้เกียจเอารถไปเลยเดินตามไป ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าไปไหน ผู้ชายคนนั้นเป็นคนถือกุญแจวัด เขาเปิดพาเราเข้าไปดู
สิบโมงกว่าเกือบสิบเอ็ดโมงแล้วจะไปไหนก็ไม่ได้ เพราะนัดฮัวน่าไว้เที่ยง เราแลยชวนพี่สาวว่าไปเลยก็แล้วกัน เผื่อต้องช่วยทำอะไร สรุปไปถึง ฮัวน่าทำได้สักพัก เธอเดินไปนอนหน้าบ้าน ปวดขา บอกให้เราทำต่อ เราก็เอาล่ะซิ ไม่เคยทำซะด้วย ต้องเดินจากที่ร้านฮั่วน่าไปต้นไม้ ไปดูวิธีทำข้าวผัด (ฮัวน่าทำน้ำซุปไว้แล้ว เคี่ยวอยู่ แต่เราไม่รู้ว่าต้องใส่ข้าวตอนไหน นานเท่าไร ) สรุปเที่ยงนั้น เรากับพี่สาวเป็นคนทำต่อ อร่อยน๊าาาา
ฮัวน่าน่าจะปวดขา เพราะอยากทำอาหารให้พวกเรากิน มีขนมอบด้วย เธอคงเดินเยอะ เป็นคนตัวใหญ่ขาบวมด้วย
หลังจากมื้อเที่ยง เราก็ไปเที่ยวอีกหมู่บ้านนึง ซึ่งแทบจะไม่เจอผู้คนเลย เจอนักท่องเที่ยวสองคน
ในหมู่บ้าน แถวๆต้นไม้ใหญ่ มีน้ำพุจากธรรมชาติ ดื่มได้ เดินเล่นรอบๆ
ร้านฮัวน่า ข้างร้านมีต้นเชอรี่อยู่ ลูกดกมาก ฮัวน่าบอกเด็ดกินได้เลย ตามแถวข้างถนนก็เด็ดได้ ไม่มีใครว่า
ของในตู้เย็นเยอะมาก บ้านต่อไปไม่มีครัว และก็อีกวันเดินทางกลับ ต้องขจัด
ส้มที่ซื้อจากโปรตุเกส เนื้อส้มไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการ เลยเอามาคั้นน้ำ
ขับรถไปเที่ยวด้านนอกหมู่บ้าน
ต้นเชอรรี่ข้างถนน บางต้นก็โทรมๆ สีไม่สวยไม่น่ากิน บางต้นนี่ลูกใหญ่น่ากินมาก
ย
บ้านผู้หญิง คนที่แนะนำที่เที่ยว และบอกคนถือกุญแจวัด ไปเปิดให้เราเข้าไปดู คืนสุดท้ายไปนั่งเล่นโซเชียลที่ต้นไม้เหมือนเดิม เธอออกมานอกบ้านเห็นเรานั่งอยู่เลยเข้าไปบ้านใหม่ เอาขนมชช็อคโกแลตมาให้
เจ้าของที่พักแชทถามพี่สาวมาว่าเอาเชอรรี่อีกไหม พี่เราตอนแรกก็บอกว่ายังไม่หมด ไม่เอาไเพราะเดี๋ยวจะต้องเดินทางกลับแล้ว แต่เจ้าของบ้านก็ยังเอามาให้เพิ่มอีก อร่อยเราเลย เก็บใส่ขวดแพ็คใสกระเป๋าเอามาเป็นของฝากที่บ้านได้
รูปนี้เป็นผ้าปัก นั่งเล่นอยู่ที่ใต้ต้นไม้ มีคนมาคุยด้วย แล้วก็บอกให้พวกเราเดินตามไป มีดอกไม้สวยๆให้ดู (เราก็งงไป ดอกไม้ก็มีสวยๆเยอะแยะ) ไปถึงเขาก็ตะโกนเรียกภรรยาแล้วก็เปิดบ้านประตูให้เราเข้าไป คือเขาโชว์ว่าภรรยาปักผ้าสวยๆ (ขอโทษรูปไม่ค่อยชัด) ทั้งบ้านมีแต่ผ้าปัก ชวนเรากับน้ากินกาแฟ กินโค้ก ตอนนั้นเกือบสามทุ่มล่ะ เลยไม่กิน 555
คนหมู่บ้านนี้ คุยเก่งกันทุกคน แต่เราฟังไม่ออก
ถ้าอยู่ตรงต้นไม้ปล่อยไวไฟก็แล้วไป พอรู้เรื่อง เราประทับใจหมู่บ้านนี้มาก ยังคุยกันว่าถ้ามีโอกาส จะแวะมาพักที่นี่อีกสักครั้ง
หมู่บ้านเล็กๆใน จังหวัดซาลามังกา ประเทศสเปน Herguijuela de la Sierra - Salamanca
ได้มาจากการวางแผนขากลับ จากโปรตุเกสมาที่มาดริด เปิดกูเกิ้ล เพื่อหาว่ามีเมืองไหนที่อยู่ระหว่างทางขากลับ ไม่ออกนอกเส้นทางไกลเกินไป เปิดดูที่พักใน Airbnb ควบคู่กันไปด้วย ทั้งราคาที่ไม่เกินงบ และเมืองที่อยู่ในเส้นทางขากลับ
ทริปนี้ไปหลายวัน ช่วงแรกจองเรียบร้อยเนเธอร์แลนด์ หน้าทิวลิปพอดี ไปเยอรมันต่อ แล้วก็ฝรั่งเศสเป็นช่วงกลางๆทริปที่มีวางแผนเดินเท้าเส้นทางแสวงบุญ Camino de Santiago (Camino Frances Route | The French Way ระยะทาง 761.8 กิโลเมตร จาก Saint Jean pied de Port ฝรั่งเศส เพื่อเข้าไป Santiago de Compostela ในสเปน) ผ่านเทือกเขาพิเรนิส 7 วัน (สรุปเดินเท้าได้ แค่สามวัน) เราไม่ได้เดินทั้งเส้นทางที่ระยะเจ็ดร้อยกว่ากิโลนะคะ แค่เดินบางช่วง (เป็นเส้นทางขึ้นเขา ลงเขา) เพราะไม่รู้ว่าจะเดินไหวไหม เดินได้วันละกี่กิโล เลยข้ามการจองห้องพักช่วงนี้ไป
เป้นการจองถอยหลังจากวันสุดท้ายที่มาดริด ย้อนกลับไปที่โปรตุเกส และสเปน ( Santiago de Compostela) เป็นที่มาของเมืองนี้
วันสุดท้ายที่ออกจากโปรตุเกส ไปช่วงหน้าส้มพอดี ส้มโปรตุเกสอร่อยติดใจมากเข้าซุปเปอร์ทีหิ้วมา สองกิโลบ้างสามกิโจาก ลบ้าง ก่อนเข้าสเปนเลยต้องแวะซุปเปอร์มาเก็ตในโปรตุเกสเพื่อซื้อส้มเพิ่ม (แต่ก็ผิดหวัง สู้ในอีกห้างไม่ได้ 555)
Praia Fluvial de Loriga
สระว่ายน้ำธรรมชาติ
Salamanca ไม่ได้เข้าไปถึงตัวเมืองใหญ่
แวะซื้อส้มที่นี่ หิ้วไปสามโล ของสดไม่ได้ซื้อ กะว่าไปซื้อซุปเปอร์ในเมืองที่พัก
La Alberca ในกู้เกิ้ลว่าเป็นเทศบาลในจังหวัดซาลามังกา พอดีขับผ่านเห็นมีซุเปอร์มาเก็ต กะว่าจะซื้อของสด แต่ว่าซุเปอร์ยังไม่เปิด (เปิดบ่ายสองครึ่งเลยเดินเล่น ถ่ายรูป)
ถึงหมู่บ้านที่พักล่ะ 4 คืนที่นี่ เน็ตมือถือแบบแรงๆหมดกันทุกคน เหลือของพี่สาวพอไว้คุยติดต่อเจ้าของบ้านได้ (หาซื้อแล้ว เจอแต่แพงๆ ก็เลยงกไม่ซื้อล่ะ อีกแค่ อาทิตย์เดียวก็กลับบ้านแล้ว)
ที่พัก สามห้องนอน เลือกกันไปคนละห้อง
จองห้องนอนเสร็จเราก็ไปเดินสำรวจหมู่บ้านกัน
เดินมาสักพัก เข้าซอยโน้นออกซอยนี้ ไม่กลัวหลง แต่ถ้าหลงก็ไม่มีเน็ตให้เปิด google map เจอผู้หญิงคนนึงนั่งปอกหอมใหญ่ อยู่มุมบ้าน ก็ทักกันไป เธอชื่อ ฮัวน่า (Huana) คุยกันมั่วกันไป ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ภาษามือ ฮัวน่าบอกว่าภาษอังกฤษได้นิดหน่อย ส่วนเราก็ได้นิดหน่อย เหมือนกัน (เราเดินไปกับน้าสองคน พี่สาวไม่ได้มาด้วย)
ฮัวน่าส่งหอมใหญ่ที่ปอกอยู่ให้มาสองลูก แล้วก็ถามว่ามากันสองคนหรือ พวกเราก็บอกเปล่า มากันสามคน ฮัวน่าเลยส่งมาให้อีกลูกนึง ตอนเธอบอกชื่อเธอก็ชี้มือขึ้นไปข้างบน เราก็ยังไม่เข้าใจนึกว่าเธอบอกว่าชื่อเธอแปลว่าท้องฟ้า หรือเมฆอะไรทำนองนี้ 555 แต่สรุปคือมีป้ายอยู่บนหัว เป็นชื่อร้าน Huana
คุยกันไปสักพัก ฮัวน่าก็บอกว่ามีสวนผลไม้ มีบ้านไก่ (ฮัวน่าบอก chicken house) ชวนเราไปกัน
เราเดินตามไปเรื่อยๆ น้าเราก็บอกโดนเขาหลอกไปไหนแล้วนี่ ทางเดินไปสวน เป็นชนบทมีแต่ต้นไม้ ไม่เจอใครเลย แถมทางเดินก็แคบๆ มัวแต่ฟังเขาคุยเลยไม่ได้ถ่ายรูปทางเดิน และสวนไว้
รูปล่างนี้มาจากฮัวน่าให้มาทั้งหมด เดินไปที่สวนบอกมีผลไม้หลายอย่าง Kumquat (ส้มกัมควอท ลูกเล็กเหมือนส้มจิ๊ด แต่ไม่เปรี้ยวเท่ากินได้ทั้งเปลือก) มีสตอเบอร์รี่ ลูกเบอรรี่ ไข่ไก่ (ไม่ได้ให้ทั้งถังนะคะ ให้มา 4ฟอง ตอนแรกให้มาสาม แต่สรุปด้วยเราต้องทำไปให้ฮัวน่ากินเลยได้มา 4ฟอง)
ผลไม้ที่เก็บมาเราเอากลับไปที่พัก กะว่าเดี๋ยวค่อยกิน ล้างเสร็จหันไปอีกทีพี่สาวเรากินหมดเลย อุตสาห์เอาเบอรรี่มาหลายพวงเพราะพี่สาวเราจะทำแยม (มีสตอเบอรี่ที่ซื้อมาแล้วไม่อร่อย จะให้เอามาผสม)
สองขวดนี่หลังจากทอดไข่เจียวหอมใหญ่ไปให้ฮัวน่าชิม เธอเดินเอาจานมาคืนพร้อมกับเอาของมาให้สองขวด ตอนแรกเรานึกว่าแยมเชอรี่ แต่ไม่ใช่ขวดนึงเป็นพวกหอมใหญ่ ไว้กินกับอะไรก็แล้วแต่ ก็อร่อยดี เอามาใส่ข้าว อีกขวดเป็นเชอรี่กวน ไม่ได้ชิม มานั่งคุยกับพวกเราบนบ้านนานมาก พวกเราก็บอกว่าไม่มีเน็ตกัน คุยกันงงบ้าง ฮัวน่าบอกที่ต้นไม้ใหญ่ของหมู่บ้านมี wifi ฟรี เราสามคุยหัวเราะดีใจมาก นึกว่าจะอยู่หมู่บ้านนี้ 4 วันโดยขาดการเล่นโซเชียลซะแล้ว
เช้าอีกวัน หลังจากไปกินอาหารเช้าที่ร้านฮัวน่าเสร็จ เราก็ขับรถไปที่ต้นไม้ปล่อยไวไฟ เพื่อไปค้นหาที่เที่ยว ระหว่างอยู่ที่รถ ก็มีผู้หญิงเดินมาคุย
ด้วย ซึ่งก็ไม่เข้าใจอีก เราก็เลยพิมพ์บอกกันว่ามาใช้เน็ตฟรี จะหาที่เที่ยว เธอก็แนะนำมา เราก็โอเคเดี๋ยวเราจะไป เราจำชื่อไม่ได้ว่าชื่ออะไร แต่แผนที่ให้ไปที่นี่
Santuario de Nuestra Senora มีจุดชมวิว เห็นไปหลายเมือง
ขากลับก่อนเข้าหมู่บ้าน เห็นต้นเชอรี่ข้างทางเยอะมาก
ในถุงเก็บมา ในกล่องเจ้าของที่พักเอามาให้ เยอะมาก
สามทุ่มเกือบสี่ทุ่ม เดินไปหาโลกโซเียล ที่ต้นไม้ปล่อยไวไฟ (พี่สาวเราเรียกต้นไม้ปล่อยไวไฟ )
โฉมหน้า ต้นไม้ของพวกเรา อยู่ตรงกลางลานของเมือง เดินไปหน่อยนึงเป็นบาร์ที่ผู้คนมาพบปะสังสรรค์กัน ของคนในหมู่บ้าน ผู้สูงอายุ (พวกเราบ่นเสียดายกันที่หลังว่าทำไม ไม่ลองไปนั่งดู)
เช้าวันนี้ฮัวน่านัดไปกินข้าวมื้อเที่ยง บอกว่าจะทำข้าวผัดสเปนให้กิน Paella เช้าเราก็มาหาต้นไม้ของเราอีก
เจอผู้หญิงคนเมื่อวาน (บ้านอยู่ตรงข้ามต้นไม้) เธอก็มาชวนคุยอีก พี่สาวก็ให้พิมพ์บอกไปว่าวันนี้วันอาทิตย์ จะดูว่าที่ไหนมีมิสซา กี่โมง หมู่บ้านนี้มีเมื่อคืนวันเสาร์ฮัวน่าบอก แต่ว่าพวกเราไม่ไปกัน ตอนนั้นเพิ่งกลับมาจากเที่ยวหิวข้าวมาก
ก็คุยกันไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม เพราะว่าแปลกันไม่ทัน แต่สรุปว่าเธอเรียกผุ้ชายอีกคนมาแล้วให้เราขับรถตามไป เราชี้เกียจเอารถไปเลยเดินตามไป ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าไปไหน ผู้ชายคนนั้นเป็นคนถือกุญแจวัด เขาเปิดพาเราเข้าไปดู
สิบโมงกว่าเกือบสิบเอ็ดโมงแล้วจะไปไหนก็ไม่ได้ เพราะนัดฮัวน่าไว้เที่ยง เราแลยชวนพี่สาวว่าไปเลยก็แล้วกัน เผื่อต้องช่วยทำอะไร สรุปไปถึง ฮัวน่าทำได้สักพัก เธอเดินไปนอนหน้าบ้าน ปวดขา บอกให้เราทำต่อ เราก็เอาล่ะซิ ไม่เคยทำซะด้วย ต้องเดินจากที่ร้านฮั่วน่าไปต้นไม้ ไปดูวิธีทำข้าวผัด (ฮัวน่าทำน้ำซุปไว้แล้ว เคี่ยวอยู่ แต่เราไม่รู้ว่าต้องใส่ข้าวตอนไหน นานเท่าไร ) สรุปเที่ยงนั้น เรากับพี่สาวเป็นคนทำต่อ อร่อยน๊าาาา
ฮัวน่าน่าจะปวดขา เพราะอยากทำอาหารให้พวกเรากิน มีขนมอบด้วย เธอคงเดินเยอะ เป็นคนตัวใหญ่ขาบวมด้วย
หลังจากมื้อเที่ยง เราก็ไปเที่ยวอีกหมู่บ้านนึง ซึ่งแทบจะไม่เจอผู้คนเลย เจอนักท่องเที่ยวสองคน
ในหมู่บ้าน แถวๆต้นไม้ใหญ่ มีน้ำพุจากธรรมชาติ ดื่มได้ เดินเล่นรอบๆ
ร้านฮัวน่า ข้างร้านมีต้นเชอรี่อยู่ ลูกดกมาก ฮัวน่าบอกเด็ดกินได้เลย ตามแถวข้างถนนก็เด็ดได้ ไม่มีใครว่า
ของในตู้เย็นเยอะมาก บ้านต่อไปไม่มีครัว และก็อีกวันเดินทางกลับ ต้องขจัด
ส้มที่ซื้อจากโปรตุเกส เนื้อส้มไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการ เลยเอามาคั้นน้ำ
ขับรถไปเที่ยวด้านนอกหมู่บ้าน
ต้นเชอรรี่ข้างถนน บางต้นก็โทรมๆ สีไม่สวยไม่น่ากิน บางต้นนี่ลูกใหญ่น่ากินมาก
ย
บ้านผู้หญิง คนที่แนะนำที่เที่ยว และบอกคนถือกุญแจวัด ไปเปิดให้เราเข้าไปดู คืนสุดท้ายไปนั่งเล่นโซเชียลที่ต้นไม้เหมือนเดิม เธอออกมานอกบ้านเห็นเรานั่งอยู่เลยเข้าไปบ้านใหม่ เอาขนมชช็อคโกแลตมาให้
เจ้าของที่พักแชทถามพี่สาวมาว่าเอาเชอรรี่อีกไหม พี่เราตอนแรกก็บอกว่ายังไม่หมด ไม่เอาไเพราะเดี๋ยวจะต้องเดินทางกลับแล้ว แต่เจ้าของบ้านก็ยังเอามาให้เพิ่มอีก อร่อยเราเลย เก็บใส่ขวดแพ็คใสกระเป๋าเอามาเป็นของฝากที่บ้านได้
รูปนี้เป็นผ้าปัก นั่งเล่นอยู่ที่ใต้ต้นไม้ มีคนมาคุยด้วย แล้วก็บอกให้พวกเราเดินตามไป มีดอกไม้สวยๆให้ดู (เราก็งงไป ดอกไม้ก็มีสวยๆเยอะแยะ) ไปถึงเขาก็ตะโกนเรียกภรรยาแล้วก็เปิดบ้านประตูให้เราเข้าไป คือเขาโชว์ว่าภรรยาปักผ้าสวยๆ (ขอโทษรูปไม่ค่อยชัด) ทั้งบ้านมีแต่ผ้าปัก ชวนเรากับน้ากินกาแฟ กินโค้ก ตอนนั้นเกือบสามทุ่มล่ะ เลยไม่กิน 555
คนหมู่บ้านนี้ คุยเก่งกันทุกคน แต่เราฟังไม่ออกถ้าอยู่ตรงต้นไม้ปล่อยไวไฟก็แล้วไป พอรู้เรื่อง เราประทับใจหมู่บ้านนี้มาก ยังคุยกันว่าถ้ามีโอกาส จะแวะมาพักที่นี่อีกสักครั้ง