ในวันที่แม่จากไป...

แม่เราเสียมาได้ 2 สัปดาห์แล้ว  ถ้าดวงวิญญาณของแม่รับรู้  แม่คงด่าเราว่า แม่ตายทำไมจะต้องร้องไห้มากมายขนาดนี้
      แม่เราเคยสั่งเสียเอาไว้หลายครั้งแล้วว่า ถ้าแม่ตาย.... ไม่ต้องร้องไห้เศร้าโศกมาก จนเครียด จนเป็นบ้า
      เพราะนี่เป็นเรื่องของธรรมชาติ เป็นกฎของธรรมชาติ เหมือนกับที่โลกเป็นทรงกลม ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
      และต้องตกทางทิศตะวันตก ความตายก้อเช่นกัน เราดูว่า แม่อาจจะอยู่ต่อไปได้อีกซัก 3-4 ปี เราหมั่นไปหาแม่บ่อยๆ เท่าที่ทำได้
      เพราะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันมาเกือบ 4 ปี แต่ก่อนเราอยู่กับแม่มาทั้งชีวิต ตื่นเช้าขึ้นมาต้องขับรถออกไปซื้อข้าว
      ให้แม่กิน แม่ชอบกินข้าวผัดกุ้งตอนเช้า ก๋วยเตี๋ยวตอนเที่ยง มื้อเย็นไม่กิน แต่บางวันแม่เราจะหิวตอนเย็นๆ 

      เราเคยคิด มาตลอดว่า เราอาจจะตายก่อนแม่ เพราะนึกภาพไม่ออกว่าถ้าแม่ตายก่อนเราจะเป็นอย่างไร 
      แต่ในความเป็นจริงมันโหดร้ายมาก เพราะเราดันเป็นคนแรกที่เห็นแม่สิ้นใจ มันเหมือนซีนในหนังแต่เกิดขึ้นกับชีวิตจริง
      มันโหดร้ายสำหรับเรา คนเป็นลุก ที่ต้องเห็นแม่สิ้นใจต่อหน้าต่อตา แต่แม่เรามีบุญตรงที่เค้าซึมๆ อยู่ 2 วัน
      แล้วเค้าก้อนอนหลับไปไม่ตื่นอีกเลย ช่วงเย็นๆคืนก่อนแม่เสีย แม่จะซึมๆ อ่อนแรง เรากับพี่ก้อมานอนเฝ้าที่บ้านเแม่ 
      เราเป็นคนนอนเฝ้าข้างเตียงของแม่ คอยดูตลอด ทุกคนต่างลงความเห็นว่า อาการแม่อาจจะดีขึ้นตอนเช้า 
      แต่แม่มีอาการของคน ธาตุไฟแตก คืออาการของคนใกล้เสียชีวิตตามสาเหตธรรมชาติ
      แต่ตอนนั้นยังไม่มีใครแน่ใจ เพราะเราลองวัดความดันก้อปกติ เลยตกลงกันว่าลองเฝ้าดูอาการซัก 1 คืนถ้าไม่ดีขึ้นค่อยไป รพ. 

      เราเผลอหลับไปตอนตี2กว่า ตื่นขึ้นมาตอนตี 4 ก้อพบว่าแม่จากไปแล้ว 
      วินาทีนั้นทุกอย่างมันเบลอๆ เหมือนสติจะหลุด เหมือนโดนทุบหัว ไม่รู้อะไรเป็นอะไร น้ำตาร่วงออกมาเหมือนคนบ้า 
      มันเป็นความจริง สัจธรรมของชีวิต แต่ก้อเป็นความจริงที่โหดร้ายสำหรับเราอย่างมาก 
      ในชาติภพนึงที่ต้องเกิดมา  เจ็บปวดและโหดร้ายที่สุด ที่ต้องเห็นแม่ตัวเองสิ้นใจตาย มันเจ็บปวดยิ่งกว่าโดนยิงเข้าที่หัว 
      ตอนนี้...ทุกอย่างในชีวิตเราเหมือนแตกสลายออกเป็นล้านๆชิ้นไปพร้อมกับชีวิตแม่ 
   
      งานศพแม่ดำเนินไปอย่างเร็วเพราะแม่สั่งเสียไว้ว่าไม่ต้องไว้นาน สวด เผา ลอยอังคารจบ ภายใน 1 สัปดาห์
      ตอนนี้ทุกเช้าเราจะตื่นขึ้นทำกับข้าวไปใส่บาตรให้แม่ หลังจากที่เลิกใส่บาตรมานานหลายปี เพราะเราเป็นเอทิส 
      พอใส่บาตรเสร็จก้อจะอธิษฐานถึงแม่ และร้องไห้ไป 1 ยกตอนเช้า พอตอนเย็นๆ โพล้เพล้ๆ ก้อร้องอีกยก 
      เพราะตอนเย็นๆ เป็นช่วงเวลาที่เรากับแม่ชอบนั่งคุยเล่นกันกับเพื่อนบ้าน เล่นกับน้องหมา
      ไม่รู้อีกกี่ปีเราถึงจะทำใจได้ แต่ว่าตอนนี้น้ำตาเรา ถ้ากลายเป็นเลือดได้ เราคงตายตามแม่ไปแล้ว 

      ยายเราตายเมื่อ 30 ปีก่อน พอ 30 ปีผ่านไป แม่เราก้อตายตามยายไป 
      ไม่รู้ว่าอีกกี่ปี กี่สิบปี เราถึงจะได้ตามไปอยู่กับแม่ ชีวิตนี้มันช่างยาวนานเหลือเกิน 
      เราเก็บรุปแม่ไว้เยอะ ทุกรุปที่ถ่ายแม่จะยิ้มทุกครั้งเวลาเราไปหา แม่เราเป็นโรคสมองเสื่อม อาการท้ายๆแล้ว 
      แม่จึงจำเราไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่เราไปหาแม่ๆจะยิ้มทกครั้ง บางครั้งเรารู้ว่าแม่รู้ว่าว่า เราเป็นลุกเค้า 
      แต่เค้าจำชื่อเราไม่ได้ บางครั้งเราติดงานไม่ได้ไปหาแม่หลายวัน พอแม่เห็นเราแม่ขอกอดเราแน่นๆ แต่เค้านึกชื่อเราไม่ออก 

     * แม่เราป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมมา 10 ปีจนแม่เสีย ครั้งสุดท้ายที่ความจำแม่ของเรากลับมาคือ
       เมื่อเดือนตุลาคม 2016 แต่เราเป็นลุกคนเดียวที่อยู่ตอนที่ความทรงจำแม่กลับมาปกติเป็นครั้งสุดท้าย 
       แม่พูดอะไรหลายๆ อย่าง อย่างแรกคือบอกลาเรา และสั่งเสียว่า แม่คงอยู่กับเราได้อีกไม่นานนะ 
       ให้คิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ อย่าเสียใจ แม่รู้ว่าลุกจะพาชีวิตตัวเองไปต่อได้ เพราะแม่รู้ว่าลูกเป็นเด็กดี 
       คืนวันนั้นเราสองคนกอดกันกลม ร้องไห้ดังลั่นบ้าน เพราะมันคือการบอกลา อย่างเป็นทางการ 
       แล้วเช้าวันรุ่งขึ้น แม่ก้อตื่นขึ้นมาลืมทุกอย่างเป็นปกติ โวยวาย เอะอะ ตามอาการของโรคสมองเสื่อม 
       
       4 ปีหลังจากที่แม่บอกลาเราตอนนั้น แม่ก้อจากไปตอนเดือนตุลาคม 2020 พอดี มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่บังเอิญ
       เราไม่อาจรู้ได้  แต่ช่วง 2 ปีแรก เราจะต้องตื่นขึ้นมาร้องไห้ก่อนไปทำงานทุกวัน เป็นเวลาเกือบ 2 ปี 
       แล้วเราเลิกร้องเพราะ คิดว่าแม่อาจจะอยู่ได้ต่ออีกหลายปี เพราะเค้าแข็งแรง แต่ไม่ใช่ แม่รู้ตัวเองมาตลอด 
       4 ปีที่ผ่านมา เป็นแบบฝึกหัดให้เราทำใจทุกวัน ว่าแม่อาจจะจากไปวันไหนก้อได้ เพราะงั้นไม่ว่าฝนตกแดดออก
       เราต้องดั้นด้นไปหาแม่ให้ได้ทุกครั้งที่มีโอกาส ระยะทางก้อไม่ได้ใกล้ 15-20 กิโล บางทีเราเลิกงาน 1 ทุ่ม 
       เราก้อขี่แมงกาไซค์ผ่าสายฝนดึกๆ เข้าไปเพื่อให้ได้เห็นหน้าแม่ยิ้มแค่ 5 นาทีแค่นี้เราก้อมีความสุขยิ่งกว่าถูกหวย

       เรื่องที่ความจำแม่กลับมานั้น เราไม่เคยบอกให้พี่คนอื่นรู้ เพราะตอนนั้น พี่น้องทะเลาะกัน ไม่มองหน้ากัน 
       เราจึงเลือกที่จะไม่บอกและเก็บเรื่องนี้เอาไว้ 4 ปีเต็ม จนมีโอกาสได้บอกในวันที่แม่จากไป 
       เราร้องไห้ ไม่ใช่เพราะ เสียใจที่ไม่ได้ทำอะไรให้แม่ เพราะที่ผ่านมาเราทำตามกำลังสุดความสามารถที่มี
       วันเผาแม่ ตอนเค้าเอาโลงเข้าเตา เราก้มลงกราบที่พื้น อธิษฐานว่า ขอให้แม่มีความสุขตลอดไป
       *คุณๆ ที่แม่หรือพ่อยังมีชีวิตอยู่ พวกคุณยังโชคดีและมีโอกาส อย่าลืมไปหาท่านบ่อยๆนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่