Mental breakdown ความเจ็บป่วยทางจิตใจจากการเป็นออแพร์ | ออแพร์เยอรมัน | ฉันเป็นออแพร์ยุคโควิด
สวัสดีค่ะ นินจาอีกแล้ว ฮ่าๆ เราเขียนแต่ด้านดีๆให้ทุกคนได้อ่านคราวนี้เราจะมาแชร์ด้านมืดในการมาเป็นออแพร์บ้าง เราไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าการมาอยู่ต่างประเทศด้วยตัวเองนั้นง่าย เส้นทางมันจะโรยด้วยกลับกุหลาบ สิ่งดีๆที่เราได้แชร์ไปนั้นเพื่อเพิ่มกำลังใจ เพิ่มพลัง เพิ่มความหวังในการต่อสู้ว่ามันคุ้มนะที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ คนอื่นๆอาจจะมีความต้องการในชีวิตไม่เหมือนเรา แต่เราเชื่อว่าความต้องการเหล่านั้นต้องการแรงใจเหมือนๆกัน
อย่างที่เคยกล่าวไปในกระทู้ก่อนๆ การมาเป็นออแพร์คือการกระโดดข้ามขั้นตอนในการเป็นผู้ใหญ่ เพราะออแพร์สามารถทำได้ตั้งแต่อายุเพียง 18 ปีเพราะฉะนั้นการเป็นออแพร์คือการกระโดดข้ามจากวัยรุ่น หรือ วัยผู้ใหญ่เริ่มแรกมาเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบหลายสิ่งอย่างเต็มตัว เพราะเราก็คือผู้ปกครองคนหนึ่ง ความเป็นผู้ปกครองนี่หละค่ะ มันให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นพ่อแม่คนเลย นั้นเอง เพราะฉะนั้นมันจึงกดดันเหลือเกินในการเป็นออแพร์ นอกจากจะถูกคาดหวังว่าคุณจะเป็นคนที่สามารถนำพาความสนุกมาเอนเตอร์เทนเด็กๆได้เสมอแล้ว เค้ายังหวังพึ่งเรามากมายอีกด้วย ผู้ปกครองมักจะหวังว่าเราจะมีความสามารถในการพาเด็กทำกิจกรรมอย่างมืออาชีพ และเล่นกับน้องได้แบบไม่มีวันแบตหมด แม้ในโปรไฟล์ฉันจะบอกว่า ฉันไม่มีประสบการณ์นะยู เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าจบวันแล้วจบกัน ต้องทำการบ้านเสิร์ชหากิจกรรมยามว่างว่าเด็กๆจะสามารถทำอะไรได้บ้าง ตั้งแต่การคราฟท์ หรือการประดิษฐ์ ตัด ต่อ ติด ตกแต่ง เศษขยะ กระดาษ ลูกไม้ ดอกไม้ เปลือกถั่ว ก้อนหิน เนรมิตให้เป็นงานฝีมือ คุณจะปล่อยก็ได้นะ จะไม่ทำก็ได้แต่เค้าก็จะมองว่าคุณไม่กระตือรือร้นในการทำงานเสียเลย
ถ้าวันไหนเกิดเพิ่งตื่นนอนแล้วเมื่อคืนดูซีรี่ย์ ดูเน็ตฟลิกหรือคุยกับหนุ่มดึกไปหน่อย ฮ่าๆ เผอิญว่าเพลีย สมองยังเบลอตายังทำงานไม่ปรกติ ทำจานชามหลุดมือแตกหรือสิ่งของมันเกิดพังในสายตาของคุณ เช่นยางแบน แต่มันแบนมาก่อนแล้วเราเป็นคนที่เจอเราก็ต้องรับผิดชอบอีก เพื่อนลองคิดดูนะ เราอยู่ ตปท ถ้าหากว่าเราทำของพัง เงินเดือนเราเพียง 260 ยูโรเท่านั้น แต่ของมันแพงกว่าเงินเดือนเราอีก เราไม่สามารถรับผิดชอบได้จะทำยังไง เครียดรึยังคะ ? อันนี้เรามีทางออกให้นะ เราทำประกันได้อันนี้โฮสเราจ่ายให้ห้าสิบยูโรต่อเดือน ลองไปอ่านที่เราเขียนไว้นะคะ
ฉันทำของบ้านโฮสพัง!!! แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะทำแบบนี้ให้เรา
หรือคุณเกิดลืมบางย่างที่เขาวานให้ทำ หรือสื่อสารกันไม่เข้าใจ เข้าใจผิดบ้างบางที คุณก็ดูไม่เป็นผู้ใหญ่ไปเสียดื้อๆเพราะไม่ทำตามที่เขาบอก ลืมไม่เคยเป็นข้ออ้างที่ดีแต่ ใครๆก็ลืมกันได้เนาะ แต่พยายามไม่ลืมดีที่สุด
เด็กร้องเด็กเสียใจ เราก็รู้สึกผิดที่ทำน้องร้องไห้ เพราะเหมือนเราจะเป็นต้นเหตุและกลายเป็นคนไม่ดีไปเลย
ถ้าเราไม่วางแผนอนาคต เค้าก็มองว่าเราไม่จริงจังกับชีวิต เราเครียดในการวางแผนในอนาคตมาก กลายเป็นว่าการมาอยู่ต่างประเทศมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย เรารู้สึกโดดเดี่ยว เพราะเราต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น ไม่มีใครให้กลับบ้านไปหาอีกแล้ว ด้วยสาเหตุเหล่านี้ทำให้เราเกิด Mental Breakdown ครั้งแรกในการมาอยู่ที่ต่างประเทศ เราร้องไห้หนักมากกับความรู้สึกที่มันหนักอึ้ง เราต้องข้ามมาเป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็วและเราไม่สามารถอ่อนแอได้เพราะสายตาก็ต่างจ้องมองเรา มันทำให้เรากดดันตัวเองมากจนต้องระเบิดอารมณ์ออกมา มันเหมือนน้ำท่วมปากบางอย่างเราก็พูดกับใครไม่ได้ เราต้องรับผิดชอบกับชีวิตคนซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ยิ่งกว่านั้นเรากดดันตัวเอง เพราะเราไม่อยากโดนใครมองว่าเราไม่มีความรับผิดชอบและไม่โต แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนทมีจุดอ่อนทั้งนั้น ทุกคนมีวันขี้เกียจและมีวันอ่อนแอ
การมาอยู่ต่างประเทศมันทำให้เรารักครอบครัว รักพ่อแม่และเข้าใจถึงภาระที่เขามี รักเพื่อนๆที่เรามีมากขึ้นเพราะพวกเค้าต่างเป็นที่พึ่งทางใจให้เราได้ดีเสมอ และเราตระหนักได้แล้วว่าคนแบบไหนที่สำคัญต่อชีวิตเรา ถึงว่าวันนี้มันจะหนัก แต่เราจะผ่านไปได้ และภูมิต้านทานของเราจะแข็งแรงขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าจะต้องร้องไห้ก็ร้องออกมาเลยเถอะค่ะ ไม่เป็นไร เราต้องระบายความกดดันบ้าง เราคุยกับใครแล้วสบายใจ ให้ไปคุยกับเค้า เราทำอะไรแล้วเราสบายใจก็ทำ สุดท้ายก็คือปล่อยวางบ้างอย่ากดดันตัวเองจนเกินไป มันไม่ง่ายหรอกค่ะ ไม่ ไม่เคยมีอะไรง่าย ตัวเราเองไม่เคยคาดหวังเลยว่าทุกอย่างจะราบรื่นดี และสุขสบาย ขนาดว่าเราทำใจไว้ก่อนแล้วเรายังแพ้ต่อความรู้สึกตัวเองในบางทีเลย เราพูดได้อย่างยืดอกเลยว่าเราร้องไห้ เรามีมุมอ่อนแอแต่เราจะไม่ร้องไห้แล้วนอนรอวันเชือดเฉยๆ เราร้องไห้เสร็จแล้วเราก็ต้องฮึบต่อไป หวังว่าเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านจะมีกำลังใจในการเดินไปข้างหน้านะคะ เรารู้ เราเข้าใจว่ามันยากในสถานการณ์แย่ๆแบบนี้ คุณอาจจะรู้สึกหมดกำลังและอ่อนแอ และร้องไห้ แต่เชื่อเถอะค่ะ เราเป็นกันทุกคน คุณไม่ใช่คนเดียวที่อ่อนแอบางที เพราะเราเองก็อ่อนแอ แต่เราจะอ่อนแออย่างภูมิใจ เพราะเรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะลุกขึ้นมายืนด้วยสองขาของเราเองอีกครั้ง และนั้นแหละค่ะคือความภูมิใจ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
อ่านผลการกระทู้อื่นๆได้ที่
ฉันเป็นออแพร์ยุคโควิด | ออแพร์เยอรมัน
ปัญหาที่พบเจอเยอะที่สุดและเป็นที่ถกเถียงมากที่สุดในการเป็นออแพร์ | ฉันเป็นออแพร์ยุคโควิด | ออแพร์เยอรมัน
สิ่งที่ได้จากการเป็นออแพร์ อยู่กับเด็กยังไงใช้ชีวิตดี |ออแพร์เยอรมัน EP 1
Mental breakdown ความเจ็บป่วยทางจิตใจจากการเป็นออแพร์ | ออแพร์เยอรมัน | ฉันเป็นออแพร์ยุคโควิด
สวัสดีค่ะ นินจาอีกแล้ว ฮ่าๆ เราเขียนแต่ด้านดีๆให้ทุกคนได้อ่านคราวนี้เราจะมาแชร์ด้านมืดในการมาเป็นออแพร์บ้าง เราไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าการมาอยู่ต่างประเทศด้วยตัวเองนั้นง่าย เส้นทางมันจะโรยด้วยกลับกุหลาบ สิ่งดีๆที่เราได้แชร์ไปนั้นเพื่อเพิ่มกำลังใจ เพิ่มพลัง เพิ่มความหวังในการต่อสู้ว่ามันคุ้มนะที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ คนอื่นๆอาจจะมีความต้องการในชีวิตไม่เหมือนเรา แต่เราเชื่อว่าความต้องการเหล่านั้นต้องการแรงใจเหมือนๆกัน
อย่างที่เคยกล่าวไปในกระทู้ก่อนๆ การมาเป็นออแพร์คือการกระโดดข้ามขั้นตอนในการเป็นผู้ใหญ่ เพราะออแพร์สามารถทำได้ตั้งแต่อายุเพียง 18 ปีเพราะฉะนั้นการเป็นออแพร์คือการกระโดดข้ามจากวัยรุ่น หรือ วัยผู้ใหญ่เริ่มแรกมาเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบหลายสิ่งอย่างเต็มตัว เพราะเราก็คือผู้ปกครองคนหนึ่ง ความเป็นผู้ปกครองนี่หละค่ะ มันให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นพ่อแม่คนเลย นั้นเอง เพราะฉะนั้นมันจึงกดดันเหลือเกินในการเป็นออแพร์ นอกจากจะถูกคาดหวังว่าคุณจะเป็นคนที่สามารถนำพาความสนุกมาเอนเตอร์เทนเด็กๆได้เสมอแล้ว เค้ายังหวังพึ่งเรามากมายอีกด้วย ผู้ปกครองมักจะหวังว่าเราจะมีความสามารถในการพาเด็กทำกิจกรรมอย่างมืออาชีพ และเล่นกับน้องได้แบบไม่มีวันแบตหมด แม้ในโปรไฟล์ฉันจะบอกว่า ฉันไม่มีประสบการณ์นะยู เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าจบวันแล้วจบกัน ต้องทำการบ้านเสิร์ชหากิจกรรมยามว่างว่าเด็กๆจะสามารถทำอะไรได้บ้าง ตั้งแต่การคราฟท์ หรือการประดิษฐ์ ตัด ต่อ ติด ตกแต่ง เศษขยะ กระดาษ ลูกไม้ ดอกไม้ เปลือกถั่ว ก้อนหิน เนรมิตให้เป็นงานฝีมือ คุณจะปล่อยก็ได้นะ จะไม่ทำก็ได้แต่เค้าก็จะมองว่าคุณไม่กระตือรือร้นในการทำงานเสียเลย
ถ้าวันไหนเกิดเพิ่งตื่นนอนแล้วเมื่อคืนดูซีรี่ย์ ดูเน็ตฟลิกหรือคุยกับหนุ่มดึกไปหน่อย ฮ่าๆ เผอิญว่าเพลีย สมองยังเบลอตายังทำงานไม่ปรกติ ทำจานชามหลุดมือแตกหรือสิ่งของมันเกิดพังในสายตาของคุณ เช่นยางแบน แต่มันแบนมาก่อนแล้วเราเป็นคนที่เจอเราก็ต้องรับผิดชอบอีก เพื่อนลองคิดดูนะ เราอยู่ ตปท ถ้าหากว่าเราทำของพัง เงินเดือนเราเพียง 260 ยูโรเท่านั้น แต่ของมันแพงกว่าเงินเดือนเราอีก เราไม่สามารถรับผิดชอบได้จะทำยังไง เครียดรึยังคะ ? อันนี้เรามีทางออกให้นะ เราทำประกันได้อันนี้โฮสเราจ่ายให้ห้าสิบยูโรต่อเดือน ลองไปอ่านที่เราเขียนไว้นะคะ ฉันทำของบ้านโฮสพัง!!! แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะทำแบบนี้ให้เรา
หรือคุณเกิดลืมบางย่างที่เขาวานให้ทำ หรือสื่อสารกันไม่เข้าใจ เข้าใจผิดบ้างบางที คุณก็ดูไม่เป็นผู้ใหญ่ไปเสียดื้อๆเพราะไม่ทำตามที่เขาบอก ลืมไม่เคยเป็นข้ออ้างที่ดีแต่ ใครๆก็ลืมกันได้เนาะ แต่พยายามไม่ลืมดีที่สุด
เด็กร้องเด็กเสียใจ เราก็รู้สึกผิดที่ทำน้องร้องไห้ เพราะเหมือนเราจะเป็นต้นเหตุและกลายเป็นคนไม่ดีไปเลย
ถ้าเราไม่วางแผนอนาคต เค้าก็มองว่าเราไม่จริงจังกับชีวิต เราเครียดในการวางแผนในอนาคตมาก กลายเป็นว่าการมาอยู่ต่างประเทศมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย เรารู้สึกโดดเดี่ยว เพราะเราต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น ไม่มีใครให้กลับบ้านไปหาอีกแล้ว ด้วยสาเหตุเหล่านี้ทำให้เราเกิด Mental Breakdown ครั้งแรกในการมาอยู่ที่ต่างประเทศ เราร้องไห้หนักมากกับความรู้สึกที่มันหนักอึ้ง เราต้องข้ามมาเป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็วและเราไม่สามารถอ่อนแอได้เพราะสายตาก็ต่างจ้องมองเรา มันทำให้เรากดดันตัวเองมากจนต้องระเบิดอารมณ์ออกมา มันเหมือนน้ำท่วมปากบางอย่างเราก็พูดกับใครไม่ได้ เราต้องรับผิดชอบกับชีวิตคนซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ยิ่งกว่านั้นเรากดดันตัวเอง เพราะเราไม่อยากโดนใครมองว่าเราไม่มีความรับผิดชอบและไม่โต แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนทมีจุดอ่อนทั้งนั้น ทุกคนมีวันขี้เกียจและมีวันอ่อนแอ
การมาอยู่ต่างประเทศมันทำให้เรารักครอบครัว รักพ่อแม่และเข้าใจถึงภาระที่เขามี รักเพื่อนๆที่เรามีมากขึ้นเพราะพวกเค้าต่างเป็นที่พึ่งทางใจให้เราได้ดีเสมอ และเราตระหนักได้แล้วว่าคนแบบไหนที่สำคัญต่อชีวิตเรา ถึงว่าวันนี้มันจะหนัก แต่เราจะผ่านไปได้ และภูมิต้านทานของเราจะแข็งแรงขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าจะต้องร้องไห้ก็ร้องออกมาเลยเถอะค่ะ ไม่เป็นไร เราต้องระบายความกดดันบ้าง เราคุยกับใครแล้วสบายใจ ให้ไปคุยกับเค้า เราทำอะไรแล้วเราสบายใจก็ทำ สุดท้ายก็คือปล่อยวางบ้างอย่ากดดันตัวเองจนเกินไป มันไม่ง่ายหรอกค่ะ ไม่ ไม่เคยมีอะไรง่าย ตัวเราเองไม่เคยคาดหวังเลยว่าทุกอย่างจะราบรื่นดี และสุขสบาย ขนาดว่าเราทำใจไว้ก่อนแล้วเรายังแพ้ต่อความรู้สึกตัวเองในบางทีเลย เราพูดได้อย่างยืดอกเลยว่าเราร้องไห้ เรามีมุมอ่อนแอแต่เราจะไม่ร้องไห้แล้วนอนรอวันเชือดเฉยๆ เราร้องไห้เสร็จแล้วเราก็ต้องฮึบต่อไป หวังว่าเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านจะมีกำลังใจในการเดินไปข้างหน้านะคะ เรารู้ เราเข้าใจว่ามันยากในสถานการณ์แย่ๆแบบนี้ คุณอาจจะรู้สึกหมดกำลังและอ่อนแอ และร้องไห้ แต่เชื่อเถอะค่ะ เราเป็นกันทุกคน คุณไม่ใช่คนเดียวที่อ่อนแอบางที เพราะเราเองก็อ่อนแอ แต่เราจะอ่อนแออย่างภูมิใจ เพราะเรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะลุกขึ้นมายืนด้วยสองขาของเราเองอีกครั้ง และนั้นแหละค่ะคือความภูมิใจ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
อ่านผลการกระทู้อื่นๆได้ที่
ฉันเป็นออแพร์ยุคโควิด | ออแพร์เยอรมัน
ปัญหาที่พบเจอเยอะที่สุดและเป็นที่ถกเถียงมากที่สุดในการเป็นออแพร์ | ฉันเป็นออแพร์ยุคโควิด | ออแพร์เยอรมัน
สิ่งที่ได้จากการเป็นออแพร์ อยู่กับเด็กยังไงใช้ชีวิตดี |ออแพร์เยอรมัน EP 1