ถุงมือเรื่องสั้น สมัยที่ 5 ยกที่ 1 เรื่องที่ 3 ครับ เรื่องนี้สั้นๆ สมชื่อ "เรื่องสั้น" ^^
นักเขียนไส้แห้งออนไลน์นายหนึ่ง ไปทำอีท่าไหนด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ทราบ ตกเป็นผู้ต้องหาลักขโมย ถุกตำรวจสอบสวน
เขาโอดครวญต่อพนักงานสอบสวนซึ่งก็งงๆ อยุ่ว่าไอ้หมอนี่เป็นนักเขียนอยู่ดีๆ ดันแกว่งเท้าหาเสี้ยนทำไม (วะ)
แต่แล้วคุณตำหนวดก็งงหนักขึ้นไปอีก หลังจากฟังคำพูดของเจ้าทุกข์ และคงจะอึ้งอิมกี่ไปหลายวินาทีอยู่
มันเป็นยังไงกัน ??? ก็ตามมาดูกันสิครับ
ในที่สุดความชุลมุนวุ่นวายหน้าร้านสะดวกซื้อเมื่อกลางดึกก็มาลงเอยที่โรงพัก นายตำรวจท่าทางขึงขังเดินตามหลังชายหนุ่มผอม ๆ และสาวใหญ่รูปร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนทะมัดทะแมงที่นำหน้าขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง
“ไหน ทำไมเราต้องไปล้วงกระเป๋าคุณผู้หญิงคนนี้เค้าด้วย?” ตำรวจถามชายหนุ่มที่ก่อเหตุ
คนถูกถามไม่ตอบทันที เขานั่งกอดอกจนตัวลีบ ตามองต่ำ ส่วนฝ่ายหญิงคู่กรณีนั่งห่างออกไปราวห้าฟุต ลูบคลำหัวไหล่ของตนเองตลอดเวลา
“ความจำเป็นครับ” เขาเอ่ยเสียงเบา ยังไม่ยอมสบตาคนถาม
“จำเป็นยังไงก็ไปเอาของคนอื่นเขาไม่ได้หรอกไอ้น้อง เอ้า บอกมาตรง ๆ เราทำงานอะไร?”
“เขียนหนังสือครับ”
“เขียนหนังสือ?” ตำรวจทวนคำเสียงดังกว่าเดิม “แล้วไหงทำแบบนี้ล่ะ?”
“คือ...ท่านครับ” เขารวบรวมคำพูดก่อนสบตาตำรวจและพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ผมเขียนนิยายขายทางออนไลน์”
”รายได้ไม่ดีหรือไง คิดสั้นแบบนี้?” ตำรวจถามเสียงเข้ม
“เอ้อ...รายได้ก็..ดีครับ..ถ้า...ถ้า...”
“เฮ่ย...ไอ้หนุ่ม พูดออกมาดังๆ ไม่ต้องเกรงต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ทีตอนทำผิดยังไม่รู้จักอายนะเรา” น้ำเสียงของนายตำรวจคล้ายติดจะรำคาญขึ้นมาบ้าง แล้วก็หันไปทางฝ่ายหญิง
“คุณปวดมากไม๊? เอ้า ทายานี่พอบรรเทาไปก่อน” เขาหยิบตลับเล็ก ๆ ในลิ้นชักส่งให้ฝ่ายหญิงที่นั่งกุมหัวไหล่ แต่ยังคงจ้องมองคนล้วงกระเป๋าไม่คลาดสายตา
“ครับ ผมรู้ว่าจะต้องเขียนยังไงถึงให้ได้เงิน ผมก็เขียนได้ครับ เรื่องเซ็กส์ เรื่องบนเตียง ในมุ้ง ในม่านรูด สวิงกิ้งพิสดารสารพัดสิบแปดบวก คนอ่านชอบ ผมเคยหาเงินได้เป็นหมื่น ๆ จากเรื่องแบบนี้...” เขาหยุดลงดื้อๆ เหมือนกับลมหายใจจะขาดเป็นห้วง
“แต่ผมเขียนมามาก ผมเขียนมานานแล้วพี่ หายใจเข้าออกก็มีแต่เซ็กส์ จนผมจะอ้วกทุกครั้งที่ลงมือเขียน” เขาเปลี่ยนสรรพนามคนฟังโดยไม่รู้ตัว เสียงเขาสั่นเครือคล้ายคนจะร้องไห้ หญิงคู่กรณีหันไปมองหน้าร้อยเวร แต่นายตำรวจยังคงจ้องที่ใบหน้าของชายหนุ่มพร้อมกับซักต่อ
“อืม...อืม...แล้วไง?”
“ผมไม่อยากเขียนถึงเซ็กส์อีกแล้วครับ ผมอยากเขียนเรื่องอื่นบ้าง อย่างเรื่องคนตกงาน เรื่องคนแก่ คนป่วย คนที่ชอบเอาข้าวไปให้หมาแมวไม่มีเจ้าของ หรือเรื่องแม่ค้าหมูปิ้ง” เขาก้มหน้าเมื่อน้ำตาไหลออกมา และพยายามจะพูดให้จบประโยคด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น “แต่ว่า...แทบ..ไม่มี....ใคร...อ่าน...ผมหิวครับ ผมไม่มีเงินเลย ผมขอโทษ” แล้วเขาก็ซบหน้าลงบนท่อนแขนที่วางไว้บนเข่า ส่งเสียงร้องและรำพึงรำพันออกมาด้วยความขมขื่น
ทันใดนั้น หญิงเจ้าทุกข์วัยสี่สิบเศษก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก หล่อนพูดเบา ๆ กับร้อยเวร
“หมวดคะ ขอเชิญทางโน้นดีกว่า”
หล่อนผายมือและเดินออกไปยืนรอตรงชั้นวางเอกสารที่ห่างจากจุดเดิมเกือบสิบก้าว อีกฝ่ายยังมองดูชายหนุ่มก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตามไป
“ฉันไม่เอาเรื่องเค้าหรอกหมวด จะว่าไป...ฉันก็เหมือนเค้านั่นแหละ”
“ทำไมพูดงั้นล่ะ?”
“ฉันอยู่บาร์พัฒน์พงศ์” หล่อนพูดด้วยสีหน้าปกติพลางเปิดปากกระเป๋าสะพายใบใหญ่ แล้วหยิบกระเป๋าเงินใบเล็ก ๆ ขึ้นมารูดซิป หยิบธนบัตรห้าร้อยบาท ออกมาใบหนึ่งแล้วพับใส่มือขวาของนายตำรวจ
“รบกวนนะคะ ฝากเงินให้เค้าด้วย บอกว่าฉันไม่เอาเรื่อง”
พูดจบหล่อนก็หันหลังเดินจากไปทันที มีเพียงแววตาครุ่นคิดของนายตำรวจที่แลตามหลัง ขณะที่เสียงคร่ำครวญของผู้ชายคนหนึ่งยังดำเนินต่อไป
/// จบ ///
👦🏼🤷📜 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#69 Week#18, 26-31 ตุลาคม/ เรื่องของผม - ถุงมือสะดวกซัก 📜🤷👦🏼
นักเขียนไส้แห้งออนไลน์นายหนึ่ง ไปทำอีท่าไหนด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ทราบ ตกเป็นผู้ต้องหาลักขโมย ถุกตำรวจสอบสวน
เขาโอดครวญต่อพนักงานสอบสวนซึ่งก็งงๆ อยุ่ว่าไอ้หมอนี่เป็นนักเขียนอยู่ดีๆ ดันแกว่งเท้าหาเสี้ยนทำไม (วะ)
แต่แล้วคุณตำหนวดก็งงหนักขึ้นไปอีก หลังจากฟังคำพูดของเจ้าทุกข์ และคงจะอึ้งอิมกี่ไปหลายวินาทีอยู่
มันเป็นยังไงกัน ??? ก็ตามมาดูกันสิครับ
ในที่สุดความชุลมุนวุ่นวายหน้าร้านสะดวกซื้อเมื่อกลางดึกก็มาลงเอยที่โรงพัก นายตำรวจท่าทางขึงขังเดินตามหลังชายหนุ่มผอม ๆ และสาวใหญ่รูปร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนทะมัดทะแมงที่นำหน้าขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง
“ไหน ทำไมเราต้องไปล้วงกระเป๋าคุณผู้หญิงคนนี้เค้าด้วย?” ตำรวจถามชายหนุ่มที่ก่อเหตุ
คนถูกถามไม่ตอบทันที เขานั่งกอดอกจนตัวลีบ ตามองต่ำ ส่วนฝ่ายหญิงคู่กรณีนั่งห่างออกไปราวห้าฟุต ลูบคลำหัวไหล่ของตนเองตลอดเวลา
“ความจำเป็นครับ” เขาเอ่ยเสียงเบา ยังไม่ยอมสบตาคนถาม
“จำเป็นยังไงก็ไปเอาของคนอื่นเขาไม่ได้หรอกไอ้น้อง เอ้า บอกมาตรง ๆ เราทำงานอะไร?”
“เขียนหนังสือครับ”
“เขียนหนังสือ?” ตำรวจทวนคำเสียงดังกว่าเดิม “แล้วไหงทำแบบนี้ล่ะ?”
“คือ...ท่านครับ” เขารวบรวมคำพูดก่อนสบตาตำรวจและพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ผมเขียนนิยายขายทางออนไลน์”
”รายได้ไม่ดีหรือไง คิดสั้นแบบนี้?” ตำรวจถามเสียงเข้ม
“เอ้อ...รายได้ก็..ดีครับ..ถ้า...ถ้า...”
“เฮ่ย...ไอ้หนุ่ม พูดออกมาดังๆ ไม่ต้องเกรงต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ทีตอนทำผิดยังไม่รู้จักอายนะเรา” น้ำเสียงของนายตำรวจคล้ายติดจะรำคาญขึ้นมาบ้าง แล้วก็หันไปทางฝ่ายหญิง
“คุณปวดมากไม๊? เอ้า ทายานี่พอบรรเทาไปก่อน” เขาหยิบตลับเล็ก ๆ ในลิ้นชักส่งให้ฝ่ายหญิงที่นั่งกุมหัวไหล่ แต่ยังคงจ้องมองคนล้วงกระเป๋าไม่คลาดสายตา
“ครับ ผมรู้ว่าจะต้องเขียนยังไงถึงให้ได้เงิน ผมก็เขียนได้ครับ เรื่องเซ็กส์ เรื่องบนเตียง ในมุ้ง ในม่านรูด สวิงกิ้งพิสดารสารพัดสิบแปดบวก คนอ่านชอบ ผมเคยหาเงินได้เป็นหมื่น ๆ จากเรื่องแบบนี้...” เขาหยุดลงดื้อๆ เหมือนกับลมหายใจจะขาดเป็นห้วง
“แต่ผมเขียนมามาก ผมเขียนมานานแล้วพี่ หายใจเข้าออกก็มีแต่เซ็กส์ จนผมจะอ้วกทุกครั้งที่ลงมือเขียน” เขาเปลี่ยนสรรพนามคนฟังโดยไม่รู้ตัว เสียงเขาสั่นเครือคล้ายคนจะร้องไห้ หญิงคู่กรณีหันไปมองหน้าร้อยเวร แต่นายตำรวจยังคงจ้องที่ใบหน้าของชายหนุ่มพร้อมกับซักต่อ
“อืม...อืม...แล้วไง?”
“ผมไม่อยากเขียนถึงเซ็กส์อีกแล้วครับ ผมอยากเขียนเรื่องอื่นบ้าง อย่างเรื่องคนตกงาน เรื่องคนแก่ คนป่วย คนที่ชอบเอาข้าวไปให้หมาแมวไม่มีเจ้าของ หรือเรื่องแม่ค้าหมูปิ้ง” เขาก้มหน้าเมื่อน้ำตาไหลออกมา และพยายามจะพูดให้จบประโยคด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น “แต่ว่า...แทบ..ไม่มี....ใคร...อ่าน...ผมหิวครับ ผมไม่มีเงินเลย ผมขอโทษ” แล้วเขาก็ซบหน้าลงบนท่อนแขนที่วางไว้บนเข่า ส่งเสียงร้องและรำพึงรำพันออกมาด้วยความขมขื่น
ทันใดนั้น หญิงเจ้าทุกข์วัยสี่สิบเศษก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก หล่อนพูดเบา ๆ กับร้อยเวร
“หมวดคะ ขอเชิญทางโน้นดีกว่า”
หล่อนผายมือและเดินออกไปยืนรอตรงชั้นวางเอกสารที่ห่างจากจุดเดิมเกือบสิบก้าว อีกฝ่ายยังมองดูชายหนุ่มก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตามไป
“ฉันไม่เอาเรื่องเค้าหรอกหมวด จะว่าไป...ฉันก็เหมือนเค้านั่นแหละ”
“ทำไมพูดงั้นล่ะ?”
“ฉันอยู่บาร์พัฒน์พงศ์” หล่อนพูดด้วยสีหน้าปกติพลางเปิดปากกระเป๋าสะพายใบใหญ่ แล้วหยิบกระเป๋าเงินใบเล็ก ๆ ขึ้นมารูดซิป หยิบธนบัตรห้าร้อยบาท ออกมาใบหนึ่งแล้วพับใส่มือขวาของนายตำรวจ
“รบกวนนะคะ ฝากเงินให้เค้าด้วย บอกว่าฉันไม่เอาเรื่อง”
พูดจบหล่อนก็หันหลังเดินจากไปทันที มีเพียงแววตาครุ่นคิดของนายตำรวจที่แลตามหลัง ขณะที่เสียงคร่ำครวญของผู้ชายคนหนึ่งยังดำเนินต่อไป