การล่มสลายของระบบสาธารณรัฐโรมัน The First Triumvirate V

เมื่อหลังจากที่ซุลลาได้เกษียณตนเองไปแล้ว จะมีนายทหาร 3 คน ที่มีบทบาทมากในปลายยุคสาธารณรัฐโรมัน ทั้งสามได้มีอิทธิพลและอำนาจมากซะจนระบบรัฐโรมันเริ่มล่มสลายลงเรื่อยๆ โดยทั้งสามได้ตั้งคณะไตรบดี (Triumvirate) ประกอบด้วย ปอมเปย์ คราสซุส และ ซีซาร์ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองพร้อมกับอีกฝ่ายและควบคุมอำนาจของแต่ละคนไม่ให้มีมากจนเกินไป ซึ่งปัญหามันต้องเกิดแน่ๆเมื่อมีใครซะคนตายในกลุ่มนี้ซึ่งมันก็เกิดขึ้น
โดยผมจะเล่าประวัติแต่ละคนและเหตุการณ์ต่างๆในอาณาจักรโรมันให้ เรามาเริ่มที่ปอมเปย์เป็นคนแรกเลย

ปอมเปย์ (Gnaeus Pompeius Magnus)
มีชื่อเต็มว่า นีอุส ปอมเปอิอุส แม็กนุส (Gnaeus Pompeius Magnus) เกิดเมื่อ 29 กันยายน 106 ก่อน ค.ศ. ที่กรุงโรม เป็นนายทหารที่รบเก่งมากพอตัว
มีปัญญาที่เฉลียวฉลาด ปอมเปย์เป็นลูกชายของนีอุส ปอมเปอิอุส สตราโบ ผู้มีชัยในสงครามกลางเมืองแต่ต่อมากลายเป็นที่เกลียดชังหลังตีสองหน้าในสงครามกลางเมือง หลังสตราโบตายปอมเปย์ได้สืบมรดกต่อจากพ่อ ได้ที่ดินผืนใหญ่ในแถบพีเซนุม ไม่นานนักพวกมาริอุสยึดพื้นที่อิตาลีไว้ได้ ซุลลากลับมาหลังจากรบกับมิตราเดทในปี 83 ได้มาจัดการพวกที่มายึดพื้นที่อีกที ปอมเปย์ที่ตอนนั้นยังหนุ่มอยู่ได้สนับสนุนซุลลาอย่างเต็มที่จนซุลลาได้แต่งตั้งปอมเปย์ให้เป็นอินเพรเตอร์ (เจ้าพนักงานปกครอง) แถมยังได้แต่งงานกับลูกสาวบุญธรรม ทำให้ปอมปอย์ได้เข้าไปอยู่ในแกนคณะของซุลลาได้ เมื่อซุลลาในพื้นที่ในแถบอิตาลีมา ก็มอบหมายให้ปอมเปย์ไปรบที่ซิซีลีและแอฟริกาเพื่อชิงดินแดนจากพวกมาริอุสมา ซึ่งชนะแบบรวดเร็ว ทันใจใจซุลลาเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่ชนะบ่อยๆ ปอมเปย์เลยจัดขบวนตรัยอัมฟ์ที่กรุงโรม Triumph คือพิธีการเรียกเสียงจากประชาชนละครับ โชวความเก่งกาจว่าไปชนะตรงนู่นตรงนี้มา เพื่อแสดงว่าพลทหารนี้โครตเทพ เมื่ออำนาจเริ่มมากขึ้น ปอมเปย์ได้หักหลังซุลลาด้วยการสนับสนุนเลปิดุสในการเลือกตั้งปี 78 ยังดีที่ซุลลาได้วางมือลงจากการเมืองพอดี 
  - สงครามเซอร์โทเรีย 80-72 ก่อน ค.ศ.
อยู่ๆมีนายพลโรมัน ควินตัส เซอร์โตเรียส ทิ้งโรมแล้วไปตั้งรัฐบาลใหม่ที่ถูกกฎหมายในสเปน แต่ไม่ว่าจะถูกกฎหมายหรือไม่ถูกกฎหมายนั้น การปกครองของเซอร์โตเรียสเป็นที่นิยมในคนพื้นที่ ไม่นานเขาก็ปกครองสเปนเกือบหมด โรมเห็นไม่มีทางอื่นนอกจากยกทัพไปปราบตามฉบับโรมัน
ปรากฎว่าปราบทัพของเซอร์โตเรียสไม่ได้ถึงขนาดกองทัพใหญ่กว่าแมตเทลลัส ไพอัส เซเนทจึงส่งปอมเปย์ไปช่วยแต่สงครามก็ลากยาวเป็นปีๆ จนสุดท้ายเซอร์โตเรียสโดนลอบสังหาร และปอมเปย์จึงตีทัพที่เหลือแตกในปี 72
ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นมากมายให้โรมปวดหัว กษัตริย์นิโคเมดีสที่ 4 แห่งบิไธเนียสวรรคตในปี 74 ทิ้งอาณาจักรให้แก่โรม มันได้ไปกระตุ้นมิตราเดทซึ่งยังคง
ติดต่อกับเซอร์โตเรียส จึงรู้ปัญหาโรมเลยคิดจะท้าทายโรมอีกครั้ง ซึ่งท่านรบมาแล้วสองครั้ง รวมครั้งนี้ก็สามครับ ซึ่งคนที่บัญชาด้านทางตะวันออก
คือ ลูเซียส ลูคัลลัส ญาติของซุลลาในปี 74 เขาหวังว่าจะสร้างอำนาจทางตะวันออกที่เสียไป เวลาเดียวกัน มาร์คัส แอรโตนิอัส ได้รับคำสั่งให้ไปกำจัดโจรสลัดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เพื่อไม่ให้เกิดภัยแก่ปอมเปย์
ปัญหารอบข้างก็เยอะอยู่เเล้ว โรมได้เจอปัญหาภายในคือ กบฎทาส ที่มี สปาร์ตาคัส เป็นคนนำในปี 73 ทุกคนคงคุ้นชื่อมากพอแต่เราจะมาเล่าคนที่สามารถกำจัดกบฎครั้งนี้ได้กัน

คราสซุส (Marcus Licinius Crassus)
มาร์คัส ลิซิเนียส คราสซุส มีชีวิตราวอยู่เมื่อปี 115-53 ก่อนค.ศ. เป็นนายพลและนักการเมือง เป็นคนสำคัญอีกคนหนึ่งในคณะไตรบดี เขาเป็นนักพูดที่ดี เนื่องด้วยอาจทำหลายครั้งโดยมีความรู้ปรัชญาแต่งคำพูดจาก พลูตาร์ค แม้แต่ซิเซโรยังต้องหยุดคิดเป็นครั้งที่สองก่อนที่จะโต้แย้งคราสซุส
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโรมเพราะมีเหมืองเงินและอสังหาริมทรัพย์ของตนเอง ซึ่งเขาก็เป็นตัวก่อเกิดปัญหาในอนาคต
คราสซุสเป็นลูกชายของ พับลิอุส ลิซิเนียส คราสซุส ซึ่งเคยเป็นผู้บัญชาการในแถบไอบีเรียเมื่อปี 97 พ่อของเขาได้ชนะในแถบนั้น แต่เข้าข้างผิด
ไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามมาริอุส ทำให้พ่อเขาต้องฆ่าตัวตาย ตัวคราสซุสเองต้องหนีสเปน ต่อมาก็เข้าข้างซุลลาต่อต้านมาริอุสแบบเดียวกับปอมเปย์
โอกาสทองของคราสซุสมาตอนนี้ละครับ เขาได้กอบโกยทรัพย์สินของคนที่เป็นศัตรูของรัฐจนรวย คราสซุสได้อยู่ในคณะบริหารบ้านเมืองของซุลลา
จนซุลลาวางมือลงคราสซุสเองก็ยังคงอยู่กับการเมืองได้อย่างดี ด้วยที่ร่ำรวยใครๆก็ชอบทั้งนั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่คราสซุสไม่มีคือการชัยชนะในด้านทหาร
แข่งขันเป็นคู่อริกับปอมเปย์ นั้นเป็นความคิดที่จะนำเขาไปตายครับ
  - กบฎทาส สปาร์ตาคัส 73-71 ก่อน ค.ศ.
มาต่อกับกบฎทาส โรมได้เผชิญกบฎทาสโดยมี สปาร์ตาคัสเป็นผู้นำที่เป็นอดีตกลาดิเอเตอร์ชาวเธรเชี่ยน ทำให้คราสซุสเป็นเพรเตอร์ในปี 73
กองทัพทาสเองตอนนั้นมีอยู่ราวๆ 70,000 ถึง 120,000 คน สามารถตีทัพกงสุลแตกสองกอง และเริ่มบุกแถบชนบททางตอนใต้อิตาลี คราสซุสได้นำทัพมาพอดีเลยพยายามกำจัดทาสออกไป เมื่อปี 71 คราสซุสพยายามไล่สปาร์ตาคัสให้จนมุมที่บรูทิอุมแต่ไม่สำเร็จ มีนายทหารไม่ยอม
ฟังคำสั่ง เข้าโจมตีทัพทาสจนเกือบโดนสังหารหมู่ คราสซุสจึงลงโทษแบบโบราณคือ สั่งประหารทหารส่วนหนึ่งของคนที่ไม่ยอมฟังคำสั่งไป 500 คน 
จนสามารถต้อนสปาร์ตาคัสได้จนมุมในที่สุด สปาร์ตาคัสตายในสนามรบ ทาสคนอื่นๆได้หนีขึ้นเหนือ บังเอิญเจอทัพใหญ่ของปอมเปย์พอดี
ปอมเปย์ไล่จับพวกทาสที่เหลือแล้วจับตรึงกางเขน ปักเรียงตามเส้นทางแอพเพียน ปอมเปย์อ้างทันทีว่าเป็นคนปราบกบฎแทนที่คราสซุส
โขมยความสำเร็จกันแบบนี้ เซเนทก็เชื่อยอมรับด้วยที่พึ่งไปรบชนะสเปนมา ไม่อยากไปกระตุ้นต่อมปอมเปย์ คราสซุสแค้นปอมเปย์แต่เก็บอาการอยู่ถึง
เสียงโห่ร้องของประชาชนจะน้อย หรือ ไม่ได้ถูกยกย่องแบบปอมเปย์ แต่อย่างน้อยคราสซุสก็รวยครับ
การตายของสปาร์ตาคัส
 - สองคู่หูเพื่อนชี้ ปอมเปย์และคราสซุส
ปอมเปย์และคราสซุส ขึ้นสู่โอกาสได้ตำแหน่งสูงสุด ต่างคนต่างต้องการตำแหน่งกงสุล สุดท้ายต้องไม่มีใครล้ำหน้าไปมากกว่าอีกคน ทั้งคู่จึงตกลง
ร่วมมือกัน เมื่อขึ้นเป็นกงสุล ทั้งคู่เริ่มจัดปรับปรุงโครงสร้างการเมืองใหม่ สิ่งซุลลาทำไว้โดนทิ้งหมด อำนาจทรีบูนกลับคืนมา คณะลูกขุนเป็นตำแหน่ง
ที่แบ่งกันระหว่างพวกสภาเซเนทและเศรษฐีที่ไม่ได้เป็นสภาวุฒิ
ในปี 70 เมื่อระบบการปกครองของซุลลาหมดความนิยมลง โครงสร้างที่ซุลลาสร้างไว้ โดนย้อนกลับไปเป็นเหมือนเดิมหมด พวกชนชั้นสูงได้ถูกรับเลือก
เป็นวุฒิสภาตลอด พวกทรีบูนก็ปั่นเสียงได้ นำเครื่องมือกฎหมายไปปลุกระดมประชาชน ขณะที่นายพลคุมทัพสามารถใชัขุมกำลังคุมไว้เป็นประโยชน์
แก่หาตำแหน่งของตน เรียกง่ายๆ คอรัปชั่นแพร่ทั่วโรม ปัญหาที่แก้ไปแล้วโดนปรับเปลี่ยนให้หนักกว่าเดิมจนรัฐเริ่มล้มสลาย มีแต่พวกเห็นแก่ตัวไปหมด
ช่วงนี้ ปอมเปย์แอปปี้กับความสำเร็จมาก สร้างอำนาจแก่ตน  ทุกคนๆคงงงว่า มิตราเดทไปไหน ก็โดนปอมเปย์พาทัพไปตี จนโดนฆ่าไป 
 - ซิเซโรกับการเมืองอันเร้าร้อน
การเมืองเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อคราสซุสกลัวอำนาจของปอมเปย์ จึงพยายามสร้างความมั่นคงแก่ตัวเอง เริ่มปฎิรูปจนเกิดกฎบขึ้นอีก แต่ถูกซิเซโร
ที่เป็นกงสุลปราบหมด ซิเซโรเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความสามารถในการพูดโน้มน้าวและเก่งเชียวชาญด้านการเมืองมาก ทำหน้าที่ดูแลกรุงโรมแทนปอมเปย์
ปอมเปย์อยากให้คนจำเขาเหมือนมาริอุส คือ คืนที่ปราบมาได้แบบสงบ พอสั่งเลิกแถวทัพทุกคนก็ประหลาดใจ แต่เขานั้นได้ติดการ์ดกับดักทางการเมือง
ระหว่างนั้นเองซีซาร์ได้กลับมาจากสเปนพอดี ในที่สุดซีซาร์ก็มาครับ

ไกอัส จูเลียส ซีซาร์
เป็นผู้ที่มีความทะเยอทะยานมาตั้งแต่เยาว์วัย เขามีความคิดที่ตรงข้ามกับซุลลา แต่ไม่เคยได้รับโทษใดๆ ซีซาร์แต่งงานกับทายาทของชนชั้นผู้ปกครอง
แต่จะสนับสนุนเรื่องต่างๆของประชาชน มักพูดปกป้องปอมเปย์แต่ช่วยคราสซุสวางแผนและค่อยเบิกเงินจากคราสซุส ยังทำงานช่วยซิเซโรอีกด้วย
ปี 63 เขาเริ่มประสบความสำเร็จได้รับเลือกเป็น พอนติแฟกซ์ แม็กชิมัส ตำแหน่งอำนาจและผู้สนับสนุนทั้งที่ไม่เคยเป็นเพรเตอร์มาก่อน ปีต่อมา
ได้ไปครองสเปน ทำให้หนี้หายไปหมด เมื่อกลับมาที่โรมปี 59 หวังที่จะได้เป็นกงสุลแต่โดนศัตรูการเมืองเล่นให้เลือกระหว่างทำงานในสำนักงานหรือทำงานฉลองชัยซึ่งเขาได้เลือกข้อแรก
จึงกลายเป็นกงสุลง่ายๆ

- The First Triumvirate 60-53 ก่อน ค.ศ.
ซีซาร์เก่งขนาดที่สามารถเรียกแรงสนับสนุนจากคู่ปรับปอมเปย์และคราสซุสได้ เขารู้ว่า คราสซุสมีสายสัมพันธ์โยงฬยกับชนชั้นสูงมากมาย ขณะที่
ปอมเปย์มีเสียงสนับสนุนของทหาร ซีซาร์เป็นกงสุลและเป็นพอนติเฟ็ต แม็กซิมัส หัวหน้านักบวช จึงเกิดการจับมือกันเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ของแต่ละ
ฝ่ายกลายเป็น คณะไตรบดีครั้งแรก ปอมเปย์ได้สิ่งที่ต้องการเช่นเดียวกับคราสซุส ซีซาร์ได้ตำแหน่งปกครองพิเศษในกอลโดยการโหวตจากพลเมือง โดยแต่ละฝ่ายจะไม่ก้าวก่ายเขตอำนาจของอีกฝ่าย
ซีซาร์พยายามเสริมความแข็งแรงจึงยกลูกสาวให้ จูเลียแต่งงานกับปอมเปย์ ซีซาร์ได้เดินทางไปที่กอลห้าปี ซึ่งผมจะเล่าละเอียดทีหลัง แต่เวลาหายไปนาน โรมก็เปลี่ยนไป ระบบการเมืองเก่าเริ่มรวน
เพราะมีพัธมิตรค่อนชักจูงอยู่เบื้องหลัง
พันธมิตรนี้ทำให้โรมเริ่มเข้าสู่หายนะเมื่อ คราสซุสและปอมเปย์เป็นกงสุล ซีซาร์ที่มีสัญญาว่าจะเป็นกงสุลเมื่อกลับมาและได้สเปนไป เพื่อไม่ให้ฟ้องร้องที่หักหลังกัน
ปอมเปย์ก็ได้สเปนไปฟรีๆด้วยที่ซีซาร์ยังอยู่ที่กอล คราสซุสอยากได้ชื่อเสียงและเงินทองเลยเริ่มวางแผนบุกพาร์เธีย ซิเซโรก็พยายามให้พันธมิตรนี้ยุบตัวลง
ปัญหาเริ่มก่อตัว แต่หมากตัวสุดท้ายที่จะนำพาโรมไปสู่สงครามกลางเมืองอีกครั้ง คือ การตายของคราสซุส

 - คลาสซุสกับหายนะในพาเธีย
เมื่อคลาสซุสกระหายชื่อเสียงและเงินทองจึงเริ่มคิดที่จะบุกพาร์เธีย ซึ่งคลาสซุสได้พาลูกชายไปด้วย ไปเจอกับพวกพาร์เธียเข้าก็แตกหมู่สิครับ เสียลูกชายไป ตัวเขาเองก็พ่ายแพ้ด้วยความที่ไม่ชินกับสภาพแวดล้อมและประสบการณ์ ต่างจากพวกพาร์เธียที่ยกทัพทหารม้าไปไม่กี่นาย ตีโรมันยับ โดนพลธนูทหารม้าจนคราสซุสถูกจับไป ชะตากรรมก็ โดนเททองคำเหลวลงไปในลำคอ เป็นการตายที่สมความต้องการคลาสซุส
การตายของคราสซุส

- การยุบตัวของพันธมิตร
จูเลีย ลูกสาวซีซาร์ ได้เสียชีวิตลงเมื่อปี 54 ตามด้วยคลาสซุสในปี 53 เหลือปอมเปย์และซีซาร์ เจริญสิครับ เวลานั้นเองซีซาร์ก็กำลังยุ่งอยู่ที่กอล
ปอมเปย์กลายเป็นกงสุลคนเดียวในโรม ซึ่งซีซาร์ยอมรับไม่ได้ ซีซาร์พยายามกดดันให้ปอมเปย์ยังคงเป็นพันธมิตร แต่ปอมเปย์ไม่อยากอยู่แล้วครับ
ปี 52 ก่อน ค.ศ. ปอมเปย์และซีซาร์เริ่มเป็นอริกัน ซีซาร์ตอนนี้มีอำนาจที่กอลและชื่อเสียงพอๆกับปอมเปย์ ไม่มีใครยอมใครจนปอมเปย์ทำให้ซีซาร์เป็นคนนอกกฎหมาย จนเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น เป็น สงครามกลางเมืองของซีซาร์ที่เป็นบทนำให้กับจักรวรรดิโรมันในอนาคต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่