น้ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา
ชีวิตเราผูกพันอยู่กับน้ำ ตั้งแต่ล้างหน้า อาบน้ำ แปรงฟัน ทำอาหาร ซักล้างเสื้อผ้าของใช้ต่างๆ เป็นต้น
นอกจากการใช้น้ำสำหรับกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันแล้ว ต้องอย่าลืมว่าเราจำเป็นที่จะต้องมีน้ำสะอาดสำหรับดื่มด้วย
และผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยให้แต่ละบ้านสามารถเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ และประหยัด ก็คือ “เครื่องกรองน้ำ”
บางครั้งการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวด สำหรับดื่มในบ้านก็อาจจะเป็นการสิ้นเปลืองไม่ใช่น้อย
ปัจจุบันหลายแบรนด์ในท้องตลาดมีการผลิตและพัฒนาเครื่องกรองน้ำออกมามากมาย
อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันไปเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบต่างๆ
ซึ่งบางรุ่นก็สามารถกรองน้ำได้อย่างดีเทียบเท่าน้ำดื่มบรรจุขวด และยังสามารถช่วยประหยัดเงินในระยะยาวด้วย
วันนี้เรามีคำถามที่มักพบบ่อย ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องกรองน้ำมาฝากค่ะ
1. แหล่งน้ำต่างกัน ต้องใช้เครื่องกรองน้ำต่างกันด้วยหรือ?
ก่อนเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ ควรพิจารณาก่อนว่าแหล่งน้ำในบ้านของเรานั้นมาจากไหน เช่น น้ำประปา น้ำบาดาล หรือ น้ำฝน
เพราะแหล่งน้ำแต่ละแหล่งก็จะมีสารปนเปื้อนแตกต่างกัน เช่น น้ำบาดาลอาจจะมีปริมาณสารปนเปื้อนมากกว่าน้ำประปา
ดังนั้นอาจจะต้องเลือกเครื่องกรองน้ำที่สามารถขจัดสิ่งปนเปื้อนได้มากกว่า
2. ถ้าเป็นน้ำดื่ม ควรใช้เครื่องกรองน้ำแบบไหน?
หากที่บ้านใช้น้ำประปา สามารถใช้เครื่องกรองน้ำแบบ 3 ขั้นตอนขึ้นไป
แต่หากน้ำที่ใช้เป็นน้ำบาดาล ควรใช้เครื่องกรองน้ำที่มีไส้กรองเรซิ่นซึ่งช่วยกรองหินปูนและลดความกระด้างของน้ำด้วย
3. ไส้กรองทำงานอย่างไร?
ไส้กรอง คือส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของเครื่องกรองน้ำทุกรุ่นทุกแบรนด์
ซึ่งคุณสมบัติการกรองจะขึ้นอยู่กับตัวไส้กรองว่าบรรจุด้วยสารหรือวัสดุอะไร
หลักการทำงานของไส้กรองมี 2 แบบ คือ
1. แบบกรองโดยน้ำทะลุผ่านไส้กรอง เช่น ไส้กรองหยาบ
2. แบบที่น้ำทำปฏิกิริยากับสารกรอง เช่น ไส้กรองเรซิ่น
4. คุณสมบัติของไส้กรองแบบต่างๆ คืออะไร?
สารที่นำมาใช้และวัสดุที่ทำไส้กรองคืออีกหนึ่งปัจจัยที่ควรคำนึงถึง
เพราะสารที่นำมาใช้ในไส้กรองแต่ละชนิดช่วยคัดกรองสิ่งสกปรกและสารปนเปื้อนแตกต่างกัน
เช่น ไส้กรองที่ทำขึ้นจากโพลีเอธีเลน (PE) และโพลีไพลีน (PP) ช่วยแยกตะกอน โคลน ทรายและอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 – 10 ไมครอน ออกจากน้ำ, ถ่านกัมมันต์ชนิดเม็ดช่วยขจัดคลอรีนที่ตกค้าง ขจัดกลิ่นและรสชาติไม่พึงประสงค์, ขจัดเชื้อราและโลหะหนักบางส่วน, ผงคาร์บอนชนิดเม็ดช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่ถูกกรองทิ้งเจริญเติบโตอยู่ในเครื่องกรอง, หินซิลเวอร์ไลท์ช่วยกำจัดแบคทีเรียและช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ไส้กรอง
นอกจากไส้กรองจะช่วยในเรื่องการขจัดสิ่งสกปรกและสารปนเปื้อนต่างๆ ที่มากับน้ำแล้ว
ไส้กรองบางประเภทยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มสารที่ให้คุณประโยชน์แก่ร่างกาย เช่น วิตามิน และแร่ธาตุ ได้อีกด้วย
5. เครื่องกรองน้ำดื่มปัจจุบันมีไส้กรองกี่แบบ?
ปัจจุบันแต่ละแบรนด์ก็มีนวัตกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาไส้กรองของเครื่องกรองน้ำให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่สุด
ทั้งเรื่องกลิ่น ความสะอาดบริสุทธิ์ รวมถึงรสชาติของน้ำดื่มด้วย
วันนี้ ขอแนะนำ 4 ไส้กรองยอดนิยม พร้อมข้อดีของไส้กรองแต่ละประเภท ดังนี้
1. ไส้กรองคาร์บอน
ไส้กรองคาร์บอนเป็นวัสดุธรรมชาติที่เป็นที่นิยมใช้มากที่สุดในเครื่องกรองน้ำทุกชนิด
เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษคือ ช่วยลดระดับคลอรีนในน้ำ รวมถึงกลิ่นและรสชาติที่ไม่พึงประสงค์
และขจัดโลหะหนักที่อาจแฝงตัวมาในน้ำประปาได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการช่วยกรองสารอินทรีย์ระเหยง่าย และสารไตรฮาโลมีเทน
ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบในผลิตภัณฑ์ทั่วไป อาทิ เช่น สารทำความสะอาด สีทาบ้าน น้ำยาซักแห้ง และยาฆ่าแมลง
ที่อาจพบเจือปนลงในน้ำดิบก่อนบริโภค และเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
2. ไส้กรองทรายปะการัง
ด้วยโครงสร้างที่เป็นโพรงและช่องบุขนาดเล็กจำนวนมากของปะการัง
ทำให้เป็นประโยชน์ต่อการนำมาใช้กรองสิ่งสกปรกอันไม่พึงประสงค์
มีคุณสมบัติช่วยดูดซับและกรองสิ่งปฏิกูลจากน้ำได้อย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น ทรายปะการังยังมีแคลเซียมคาร์บอเนต เป็นส่วนประกอบสำคัญ
จึงสามารถปล่อยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่าง แคลเซียมไอออน และแมกนีเซียมไอออนลงในน้ำดื่ม
จึงช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงได้อีกทางหนึ่งด้วย
3. ไส้กรองเยื่ออัลตราฟิลเทรชั่น (Ultrafiltration)
เยื่ออัลตราฟิลเทรชั่น เป็นเยื่อเมมเบรนที่มีรูพรุนเล็ก (ขนาด 0.1 ไมครอน) ที่มีขนาดเล็กกว่าแบคทีเรียขนาดเล็กที่สุด
ทำให้ไส้กรองนี้สามารถช่วยขจัดแบคทีเรียได้ 100% รวมไปถึงจุลินทรีย์และเชื้อไวรัสบางส่วนด้วย
ทำให้น้ำดื่มที่ได้สะอาด บริสุทธิ์ และปลอดภัยจากแบคทีเรีย
ถือเป็นนวัตกรรมที่สามารถขจัดสารเจือปนขนาดเล็กที่สุดได้อย่างดีเยี่ยม
4. ถ่านกัมมันต์ชนิดเม็ด หรือ แอ็คทิเวตเท็ด คาร์บอน (Activated Carbon) ชนิดเม็ด
ถ่านกัมมันต์เป็นการนำวัตถุดิบ เช่น ไม้ มาเผาเป็นถ่าน และผ่านกระบวนการภายใต้ความร้อนสูงและไอน้ำ ในสภาวะปราศจากออกซิเจน
เพื่อกำจัดสารประกอบต่างๆ และคงไว้ซึ่งคาร์บอนบริสุทธิ์เพียงอย่างเดียว
ปัจจุบัน ถ่านกัมมันต์หรือแอ็คทิเวตเท็ด คาร์บอน นิยมใช้ทางการแพทย์เพื่อกำจัดพิษ ฟอกเลือด
จนกระทั่งผสมผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ เช่น แชมพู ยาสีฟัน และโฟมล้างหน้า
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจ ที่ถ่านกัมมันต์จึงเป็นหนึ่งในไส้กรองชั้นเยี่ยม
เพราะมีคุณสมบัติในการ กรองสีและกลิ่น สารคลอรีน รวมไปถึงโลหะหนักบางชนิด เพื่อทำให้น้ำสะอาด ปราศจากสิ่งเจือปนได้อย่างดี
6. เมื่อไหร่ที่ควรจะเปลี่ยนไส้กรอง?
การเปลี่ยนไส้กรองถือเป็นหัวใจสำคัญของการกรองน้ำ เพราะสิ่งสกปรกจะติดอยู่ที่ไส้กรองน้ำ
หากไม่เปลี่ยนไส้กรองตามเวลาที่สมควร สิ่งสกปรกก็จะสะสมที่ไส้กรองเป็นปริมาณที่มากขึ้นและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และอาจจะส่งผลต่อสุขภาพของเราได้
การเปลี่ยนไส้กรองของเครื่องกรองน้ำแต่ละไส้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
เช่น ระยะเวลาการใช้งาน, คุณภาพและแรงดันของน้ำ รวมไปถึงบริเวณที่ติดตั้งเครื่องกรองน้ำ
แต่ถ้าคิดตามหลักปกติทั่วไป
ควรเปลี่ยนไส้กรองทุก 6-12 เดือน
หรือสามารถสังเกตได้จากความผิดปกติในการใช้งาน เช่น น้ำที่กรองออกมามีกลิ่นผิดปกติ มีกลิ่นเหมือนสารเคมีปนมากับในน้ำ
หรืออัตราการไหลของน้ำที่ช้าลง ก็น่าจะถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรองได้แล้ว
หากได้คำตอบแล้ว ลองไปสอบถามข้อมูลที่หน้าร้านเพิ่มเติม เพื่อเลือกแบรนด์ที่สนใจ ตามบัดเจดของท่านได้อีกทีนะคะ
ช่วงนี้หน้าร้านค่อนข้างมีเครื่องกรองน้ำหลายแบรนด์ หลายวิธีการกรองและหลายราคาให้เลือกพร้อมโปรโมชั่นดีๆเยอะเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากสตีเบล เอลทรอน
www.facebook.com/stiebeleltronasia หรือ
http://www.stiebeleltronasia.com
“ไส้กรอง” เรื่องเล็กๆ ที่ไม่เล็ก ของเครื่องกรองน้ำดื่ม
น้ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา
ชีวิตเราผูกพันอยู่กับน้ำ ตั้งแต่ล้างหน้า อาบน้ำ แปรงฟัน ทำอาหาร ซักล้างเสื้อผ้าของใช้ต่างๆ เป็นต้น
นอกจากการใช้น้ำสำหรับกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันแล้ว ต้องอย่าลืมว่าเราจำเป็นที่จะต้องมีน้ำสะอาดสำหรับดื่มด้วย
และผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยให้แต่ละบ้านสามารถเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ และประหยัด ก็คือ “เครื่องกรองน้ำ”
บางครั้งการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวด สำหรับดื่มในบ้านก็อาจจะเป็นการสิ้นเปลืองไม่ใช่น้อย
ปัจจุบันหลายแบรนด์ในท้องตลาดมีการผลิตและพัฒนาเครื่องกรองน้ำออกมามากมาย
อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันไปเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบต่างๆ
ซึ่งบางรุ่นก็สามารถกรองน้ำได้อย่างดีเทียบเท่าน้ำดื่มบรรจุขวด และยังสามารถช่วยประหยัดเงินในระยะยาวด้วย
วันนี้เรามีคำถามที่มักพบบ่อย ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องกรองน้ำมาฝากค่ะ
1. แหล่งน้ำต่างกัน ต้องใช้เครื่องกรองน้ำต่างกันด้วยหรือ?
ก่อนเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ ควรพิจารณาก่อนว่าแหล่งน้ำในบ้านของเรานั้นมาจากไหน เช่น น้ำประปา น้ำบาดาล หรือ น้ำฝน
เพราะแหล่งน้ำแต่ละแหล่งก็จะมีสารปนเปื้อนแตกต่างกัน เช่น น้ำบาดาลอาจจะมีปริมาณสารปนเปื้อนมากกว่าน้ำประปา
ดังนั้นอาจจะต้องเลือกเครื่องกรองน้ำที่สามารถขจัดสิ่งปนเปื้อนได้มากกว่า
2. ถ้าเป็นน้ำดื่ม ควรใช้เครื่องกรองน้ำแบบไหน?
หากที่บ้านใช้น้ำประปา สามารถใช้เครื่องกรองน้ำแบบ 3 ขั้นตอนขึ้นไป
แต่หากน้ำที่ใช้เป็นน้ำบาดาล ควรใช้เครื่องกรองน้ำที่มีไส้กรองเรซิ่นซึ่งช่วยกรองหินปูนและลดความกระด้างของน้ำด้วย
3. ไส้กรองทำงานอย่างไร?
ไส้กรอง คือส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของเครื่องกรองน้ำทุกรุ่นทุกแบรนด์
ซึ่งคุณสมบัติการกรองจะขึ้นอยู่กับตัวไส้กรองว่าบรรจุด้วยสารหรือวัสดุอะไร
หลักการทำงานของไส้กรองมี 2 แบบ คือ
1. แบบกรองโดยน้ำทะลุผ่านไส้กรอง เช่น ไส้กรองหยาบ
2. แบบที่น้ำทำปฏิกิริยากับสารกรอง เช่น ไส้กรองเรซิ่น
4. คุณสมบัติของไส้กรองแบบต่างๆ คืออะไร?
สารที่นำมาใช้และวัสดุที่ทำไส้กรองคืออีกหนึ่งปัจจัยที่ควรคำนึงถึง
เพราะสารที่นำมาใช้ในไส้กรองแต่ละชนิดช่วยคัดกรองสิ่งสกปรกและสารปนเปื้อนแตกต่างกัน
เช่น ไส้กรองที่ทำขึ้นจากโพลีเอธีเลน (PE) และโพลีไพลีน (PP) ช่วยแยกตะกอน โคลน ทรายและอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 – 10 ไมครอน ออกจากน้ำ, ถ่านกัมมันต์ชนิดเม็ดช่วยขจัดคลอรีนที่ตกค้าง ขจัดกลิ่นและรสชาติไม่พึงประสงค์, ขจัดเชื้อราและโลหะหนักบางส่วน, ผงคาร์บอนชนิดเม็ดช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่ถูกกรองทิ้งเจริญเติบโตอยู่ในเครื่องกรอง, หินซิลเวอร์ไลท์ช่วยกำจัดแบคทีเรียและช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ไส้กรอง
นอกจากไส้กรองจะช่วยในเรื่องการขจัดสิ่งสกปรกและสารปนเปื้อนต่างๆ ที่มากับน้ำแล้ว
ไส้กรองบางประเภทยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มสารที่ให้คุณประโยชน์แก่ร่างกาย เช่น วิตามิน และแร่ธาตุ ได้อีกด้วย
5. เครื่องกรองน้ำดื่มปัจจุบันมีไส้กรองกี่แบบ?
ปัจจุบันแต่ละแบรนด์ก็มีนวัตกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาไส้กรองของเครื่องกรองน้ำให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่สุด
ทั้งเรื่องกลิ่น ความสะอาดบริสุทธิ์ รวมถึงรสชาติของน้ำดื่มด้วย
วันนี้ ขอแนะนำ 4 ไส้กรองยอดนิยม พร้อมข้อดีของไส้กรองแต่ละประเภท ดังนี้
1. ไส้กรองคาร์บอน
ไส้กรองคาร์บอนเป็นวัสดุธรรมชาติที่เป็นที่นิยมใช้มากที่สุดในเครื่องกรองน้ำทุกชนิด
เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษคือ ช่วยลดระดับคลอรีนในน้ำ รวมถึงกลิ่นและรสชาติที่ไม่พึงประสงค์
และขจัดโลหะหนักที่อาจแฝงตัวมาในน้ำประปาได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการช่วยกรองสารอินทรีย์ระเหยง่าย และสารไตรฮาโลมีเทน
ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบในผลิตภัณฑ์ทั่วไป อาทิ เช่น สารทำความสะอาด สีทาบ้าน น้ำยาซักแห้ง และยาฆ่าแมลง
ที่อาจพบเจือปนลงในน้ำดิบก่อนบริโภค และเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
2. ไส้กรองทรายปะการัง
ด้วยโครงสร้างที่เป็นโพรงและช่องบุขนาดเล็กจำนวนมากของปะการัง
ทำให้เป็นประโยชน์ต่อการนำมาใช้กรองสิ่งสกปรกอันไม่พึงประสงค์
มีคุณสมบัติช่วยดูดซับและกรองสิ่งปฏิกูลจากน้ำได้อย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น ทรายปะการังยังมีแคลเซียมคาร์บอเนต เป็นส่วนประกอบสำคัญ
จึงสามารถปล่อยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่าง แคลเซียมไอออน และแมกนีเซียมไอออนลงในน้ำดื่ม
จึงช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงได้อีกทางหนึ่งด้วย
3. ไส้กรองเยื่ออัลตราฟิลเทรชั่น (Ultrafiltration)
เยื่ออัลตราฟิลเทรชั่น เป็นเยื่อเมมเบรนที่มีรูพรุนเล็ก (ขนาด 0.1 ไมครอน) ที่มีขนาดเล็กกว่าแบคทีเรียขนาดเล็กที่สุด
ทำให้ไส้กรองนี้สามารถช่วยขจัดแบคทีเรียได้ 100% รวมไปถึงจุลินทรีย์และเชื้อไวรัสบางส่วนด้วย
ทำให้น้ำดื่มที่ได้สะอาด บริสุทธิ์ และปลอดภัยจากแบคทีเรีย
ถือเป็นนวัตกรรมที่สามารถขจัดสารเจือปนขนาดเล็กที่สุดได้อย่างดีเยี่ยม
4. ถ่านกัมมันต์ชนิดเม็ด หรือ แอ็คทิเวตเท็ด คาร์บอน (Activated Carbon) ชนิดเม็ด
ถ่านกัมมันต์เป็นการนำวัตถุดิบ เช่น ไม้ มาเผาเป็นถ่าน และผ่านกระบวนการภายใต้ความร้อนสูงและไอน้ำ ในสภาวะปราศจากออกซิเจน
เพื่อกำจัดสารประกอบต่างๆ และคงไว้ซึ่งคาร์บอนบริสุทธิ์เพียงอย่างเดียว
ปัจจุบัน ถ่านกัมมันต์หรือแอ็คทิเวตเท็ด คาร์บอน นิยมใช้ทางการแพทย์เพื่อกำจัดพิษ ฟอกเลือด
จนกระทั่งผสมผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ เช่น แชมพู ยาสีฟัน และโฟมล้างหน้า
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจ ที่ถ่านกัมมันต์จึงเป็นหนึ่งในไส้กรองชั้นเยี่ยม
เพราะมีคุณสมบัติในการ กรองสีและกลิ่น สารคลอรีน รวมไปถึงโลหะหนักบางชนิด เพื่อทำให้น้ำสะอาด ปราศจากสิ่งเจือปนได้อย่างดี
6. เมื่อไหร่ที่ควรจะเปลี่ยนไส้กรอง?
การเปลี่ยนไส้กรองถือเป็นหัวใจสำคัญของการกรองน้ำ เพราะสิ่งสกปรกจะติดอยู่ที่ไส้กรองน้ำ
หากไม่เปลี่ยนไส้กรองตามเวลาที่สมควร สิ่งสกปรกก็จะสะสมที่ไส้กรองเป็นปริมาณที่มากขึ้นและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และอาจจะส่งผลต่อสุขภาพของเราได้
การเปลี่ยนไส้กรองของเครื่องกรองน้ำแต่ละไส้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
เช่น ระยะเวลาการใช้งาน, คุณภาพและแรงดันของน้ำ รวมไปถึงบริเวณที่ติดตั้งเครื่องกรองน้ำ
แต่ถ้าคิดตามหลักปกติทั่วไป ควรเปลี่ยนไส้กรองทุก 6-12 เดือน
หรือสามารถสังเกตได้จากความผิดปกติในการใช้งาน เช่น น้ำที่กรองออกมามีกลิ่นผิดปกติ มีกลิ่นเหมือนสารเคมีปนมากับในน้ำ
หรืออัตราการไหลของน้ำที่ช้าลง ก็น่าจะถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรองได้แล้ว
หากได้คำตอบแล้ว ลองไปสอบถามข้อมูลที่หน้าร้านเพิ่มเติม เพื่อเลือกแบรนด์ที่สนใจ ตามบัดเจดของท่านได้อีกทีนะคะ
ช่วงนี้หน้าร้านค่อนข้างมีเครื่องกรองน้ำหลายแบรนด์ หลายวิธีการกรองและหลายราคาให้เลือกพร้อมโปรโมชั่นดีๆเยอะเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากสตีเบล เอลทรอน
www.facebook.com/stiebeleltronasia หรือ http://www.stiebeleltronasia.com