เรื่องของผม
ชีวิตมันไม่มีอะไรที่แน่นอนวันนี้กับพรุ่งนี้มันก็แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นการไม่ยึดติดคือสิ่งที่ดีที่สุด อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเป็นไปตามกฎแห่งวีถีธรรมชาติ ใครๆเขาว่ากันอย่างนั้น ตัวผมเองนี้ทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนในหลายๆรูปแบบหลายหน้าที่ตั้งแต่จบการศึกษามา เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับกลางๆ ผมอยากทำงานประเภทใดบริษัทไหนล้วนได้ทำมาทั้งหมดตามที่ตัวเองอยากทำตามความชอบและสามารถของตัวเองจนมาถึงขั้นสูงสุดในระดับหัวหน้างานในบริษัทชั้นนำของประเทศ เรียกได้ว่าสูงสุดแห่งความใฝ่ฝันในชีวิตของการเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ว่าได้ จนกระทั้งผมลาออกจากงานประจำจากสาเหตุปัญหาที่เกิดจากคนหรือผู้ร่วมงาน คุณเชื่อไม่ว่า ไม่ว่าคุณจะทำงานในบริษัทเล็กๆระดับอำเภอไปจนถึงบริษัทใหญ่โตในระดับประเทศมีพนักงานหลักหน่วยยันหลักพัน สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาระดับตำนานคือตัวบุคคล เพราะคนเป็นอะไรที่เข้าใจอยากไม่เหมือนเครื่องกลเครื่องจักรต่างๆที่เวลามันเกิดปัญหาขึ้นมายังคู่มือการใช้งานไห้เราได้ศึกษาแก้ไขมันได้ แต่นี้มันคนหรือเรียกมนุษย์ นี้แหละช่างเป็นสิ่งที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่งทำไห้เบื่อระอาเลยต้องลาออกมาแสวงหาสัจจะธรรมบนโลกใบนี้ต่อไป ผมลาออกจากงานประจำด้วยอายุ 44 ปี วางแผนไว้ว่าลาออกจากบริษัทแล้วจะออกไปทำธุรกิจส่วนตัวที่ได้เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์มาในช่วงระยะเวลาหลายปี จึงรวบรวมเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนด้าน logistic แต่ขอโทษมันล้มไม่เป็นในระยะเวลาเพียงไม่ทันข้ามปี สาเหตุนั้นหรือก็คือผมไม่ศึกษารายละเอียดปลีกย่อยของธุรกิจในด้านนี้ไห้รอบคอบเสียก่อน ผมต้องขายทรัพย์สินที่ซื้อมาเพื่อเป็นตัวช่วยในการทำธุรกิจ เช่น รถยนต์ซึ่งมันก็เป็นรถมือสองที่ราคาแพงเกินกว่าคุณภาพ แต่ผมใจร้อนเลยซื้อมันมาใช้แล้วก็ขายมันไปเพื่อเอาทุนคืน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำไห้ผมคิดว่า การที่คนๆหนึ่งจะเป็นเจ้าของกิจการอะไรสักอย่างมันไม่ใช่เรื่องง่ายและจะยากขึ้นไปอีกหากว่าต้องการที่ประสบความสำเร็จ ต้องทุ่มเททั้งแรงทรัพย์แรงกายแรงใจและแรงสมอง ในหลายๆส่วนที่กล่าวมานี้ สำหรับผมแรงทรัพย์เป็นอะไรที่มีน้อยมากๆ ผมไม่กล้าพอที่จะทุ่มเงินไปกับการลงทุนอะไรสักอย่างถ้าไม่มั่นใจเกินร้อย เพราะอะไรนั้นหรือเพราะผมมีคนที่ต้องดูแลและรับผิดอยู่ข้างหลังผมอีกหลายคน แม่ผม ภรรยาผม น้องผม หลานผม ถึงผมกับภรรยาจะไม่มีลูกแต่เรามีคนที่ต้องแลมากมายหลายคน ผมจึงไม่กล้าที่จะนำเงินเย็นออกมาเดินเล่นนอกบัญชี แล้วไม่ได้อะไรกลับเข้าไปเลย แต่ผมก็เลือกที่จะลงทุนกองทุนรวมบ้าง ซื้อหุ้นสหกรณ์บ้าง สลากออมสินบ้าง ซื้อทองเก็บไว้บ้าง เหมือนกับคนอื่นๆที่เขาทำกันแถมยังทำเยอะกว่าผมอีก ผมก็ลองมานั่งคิดใหม่ว่าจะจะดำเนินชีวิตไปในทิศทางใด เมื่อก่อนมีงานประจำทำผมให้เงินภรรยาเดือนละ 15,000 บาท แต่มาตอนนี้ผมไม่มีเงินเดือนจะให้เธอแล้ว เธออีกต่างหากที่ให้เงินผมใช้ มันช่างน่าละอายใจสิ้นดีผมเลยมานั่งคิดทบทวนเรื่องราวของชีวิตท่ามกลางความเครียดที่อยู่รอบๆตัวผมผมจะทำมาหากินอะไรดี? คือคำถาม ถ้าจะทำธุรกิจจะทำอะไรดี? ผมลืมบอกไปว่าในตอนที่ผมทำงานประจำอยู่นั้นผมไปเช่าห้องแถวใกล้บ้านแล้วเปิดเป็นร้านขายไอศกรีมและก็ขายเครื่องดื่มเล็กๆน้อยๆ ร้านประมาณว่าแนวโบราณๆ ย้อนวันเก่าๆ ลูกค้าผมก็เป็นเด็กๆแถวนั้น เพื่อนของผมบ้าง แรกๆกิจการก็ไปได้ดี แต่สุดท้ายแล้วก็ไปไม่รอดเพราะเราไม่มีจุดขายที่เด่นชัด แต่อันที่จริงกิจการร้านผมทำเพราะเป็นความชอบส่วนตัวไม่หวังในเรื่องเงินๆทองๆอยู่แล้ว อย่างน้อยๆผมก็ยังมีร้านไว้เป็นที่นั่งคิดหาหนทาง ค้นหาแนวทาง ค้นหาตัวเอง และอะไรต่อมิอะไร เรียกง่ายๆว่าเป็นที่พักใจยามสิ้นหวังสิ้นกำลังใจ ผมมาร้านทุกวันยกเว้นวันเสาร์กับอาทิตย์หลังจากส่งภรรยาเสร็จที่ทำงานของเขา
ผมเริ่มสนใจขายของออนไลน์กับเขาบ้างเพราะร้านของผมมีไวไฟล์ด้วยอย่างน้อยก็ใช้ไห้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ผมหาข้อมูลและสมัครการลงประกาศขายสินค้าออนไลน์ในหลายๆเว็บไซต์ ของเมืองไทยก็พอขายได้บ้างแต่ไม่เยอะเท่าไรอาจเป็นเพราะสินค้าเรายังมีไม่มากพอและไม่โดดเด่นสำหรับผู้บริโภค ผมเลยคิดว่าหนีไปขายในเว็บไซต์ของต่างประเทศดีกว่าแต่จนแล้วจนรอดก็สมัครไม่ผ่านสักทีเพราะเราไม่มีบัตรเครดิตสมัครไปทีไรติดตรงข้อมูลบัตรเครดิตทุกที ผมเลยล้มเลิกความตั้งใจที่ขายสินค้าในเว็บไซต์ของต่างประเทศเน้นของไทยๆดีกว่าน่าพอพูดกันได้รู้เรื่องหน่อย เท่าที่ผมทำมามันก็เหมือนเป็นรายได้เสริมถึงแม้มันจะไม่ได้เงินอย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ยังดีเสียกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยทุกวันนี้ก็พยายามที่คิดว่าจะทำสินค้าอะไรที่เป็นยี่ห้อของเราโดยเฉพาะก็ยังคิดไม่ออกบอกไม่ถูกอีกเรื่องก็เป็นห่วงเรื่องเงินๆทองๆด้วย ถ้าไม่มั่นใจผมไม่ทำเพราะประสบการณ์จากอดีตมันเคยบอกผมไว้อย่างนั้น แต่บางคนมาบอกว่าไม่ลองก็ไม่รู้ แล้วถ้าผมรู้แล้วพร้อมๆกับการเป็นหนี้สินใครจะมาช่วยผมแบ่งเบาละครับมันเครียดนะครับเรื่องหนี้สินไม่ใช่ว่าใจไม่ถึง ยิ่งมีความรู้เกี่ยวกับการบริหารด้านการเงินอยู่ไม่มากด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ผมเลยเดินแบบประคับประคองไปก่อน ที่นี้ผมเลยต้องมาคิดทบทวนแผนการดำเนินชีวิตของผมใหม่ว่าจะต้องทำอย่างไร ผมก็ลองมานั่งคิดน่าจะลองหาสินค้าที่แปลกใหม่หรือสินค้าต้นทุนต่ำมาขายน่าจะดี ผมเลยลองค้นหาข้อมูลดูว่ามีสินค้าอะไรบ้าง รวมทั้งเวลาผมเดินทางไปต่างจังหวัดผมก็จะแวะดูสินค้าพื้นเมืองของแต่ละแห่งอันไหนพอที่จะนำมาขายได้บ้างคือประมาณว่าไปเที่ยวแล้วอย่าไห้เสียเงินค่าน้ำมันค่าตั๋วโดยสารแบบฟรีๆต้องได้ไอเดียความคิดติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง ก็ไม่เสียเที่ยวเปล่าครับผมความคิดที่ไปเจอสินค้าในหลายรูปแบบ ทั้งของใช้,ของตกแต่ง ไม่ของลงรายละเอียดในส่วนนี้ เอาเป็นว่าผมสั่งของเหล่านั้นมาขายดู บ้างอย่างก็พอไปได้ บ้างอย่างพอไปได้แล้วก็ไม่ไปไหนอีกเลย สาเหตุเพราะว่าร้านของผมนั้นอยู่ในที่มุมอับมีคนเดินผ่านไปมาน้อยมาก นอกจากขาประจำที่รู้จักมักคุ้นไปๆมาๆอยู่เป็นประจำลูกค้าหน้าใหม่ๆนานๆจึงจะมีมาให้เห็นสักที เงินที่ลงทุนไปก็ไปจมอยู่ในตัวสินค้าหมดแต่ผมก็ยังไม่เลิกกิจการร้านไอศกรีมของผมนะครับ เพราะสงสารเด็กๆเหล่าบรรดาลูกค้าตัวน้อยๆของผม ผมก็เลยมาปรับขบวนท่าใหม่ในเมื่อไม่มีลูกค้ามาหาเราๆจะต้องออกไปหาลูกค้าเองเหมือนๆกับการทำธุรกิจขายตรง ผมก็ต้องข้อมูลตัวสินค้าที่จะไปขายเขาว่าจะขายอะไรดี พอดีผมไปทำธุระที่กรุงเทพฯ 2 วัน ผมก็ไปเดินสวนจตุจักรเผื่อว่าจะมีของอะไรที่พอจะสั่งไปขายในพื้นที่ของเราได้บ้าง ปรากฏว่าเจอครับแต่ผมไม่บอกว่าเป็นอะไร ผมบอกกับภรรยาของผมว่าไอ้สิ่งนี้ถ้านำไปขายแถวจังหวัดของเราน่าดีเพราะสินค่าแนวความคิดแปลกใหม่ภรรยาของผมก็เห็นดีเห็นงามด้วยก็เลยนำเงินจำนวนไม่มากมาสั่งซื้อเพื่อหยั่งเชิงตลาดก่อนว่าจะไปได้สวยเหลือซวยไม่เป็นท่ากันแน่ สรุปเป็นอย่างข้อหลังครับเพราะสินค้าตัวนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นแนวความคิดแปลกใหม่แต่ข้อเสียคือราคาสูงนิดหนึ่งและผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องใช้เป็นประจำ สรุปม้วนม้วนเสื่ออีกรอบ นี้คือตัวอย่างในความพยายามที่จะเอาดีในทางด้านการค้าขายเพราะแม่ผมเคยเป็นแม่ค้าขายขนมหวานมาก่อน อย่างน้อยๆวิญญาณขอลูกแม่ค้าก็น่าเปล่งรัศมีออกมาบ้าง แต่เปล่าเลยผมไม่มีโชคทางด้านค้าขายทั้งที่พยายามจนเกิดความท้อแท้หลายรอบ ดีนะที่ผมมีภรรยาที่ดีที่คอยไห้กำลังตลอดเวลา ย่างเข้าปลายปีที่ 2 ของการว่างงานและรายได้ทุกด้านมันดูมืดมนไปหมดผมไม่รู้เดินไปทางไหนคล้ายกับว่าชีวิตผมเดินมาจนถึงขอบหน้าพาสูงเบื้องหน้าคือเหวลึก ไม่มีทางไห้เดินต่ออีกแล้วนอกจากกระโดดลงหุบเหวไปหรือไม่ก็บินไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วอีกทางเดินย้อนกลับไปทางเดิม ผมคิดในใจว่านี้เราเดินมาไกลที่สุดได้เท่านี้หรือนี้ เรามาถึงที่สุดของเราแล้วหรือนี้ มันสับสนไปหมด นั่งคิดทบทวนดูว่าเงินในบัญชีฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยธรรมดาๆก็ถอนออกมาใช้จ่ายทุกเดือนทั้งค่าน้ำมันรถ,ค่าไฟฟ้า,ค่าโทรศัพท์,ค่าประกันรถ,ประกันชีวิต,ภาษีสังคมอีกต่างหากเป็นต้น มีแต่รายออกไม่มีรายเข้าเลยแล้วที่นี้จะเป็นอย่างไร ผมนั่งคิดอยู่นานแล้วก็มีความคิดเห็นทีเราต้องกลับไปหางานประจำเหมือนคั่งแต่ก่อนถึงแม้เงินจะไม่เยอะแต่มันก็ได้ทุกเดือน อย่างน้อยๆก็จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของภรรยา คิดได้ดั่งนั้นผมก็เริ่มติดตามข่าวการรับสมัครงานทั้งภาคเอกชนและราชการที่ตรงกับคุณวุฒิของเรา บางแหล่งก็ไปเขียนใบสมัครทิ้งเอาไว้ถ้าเป็นงานราชการก็มีการสอบแข่งขันกัน ผมอายุย่าง 45 ปี สู้ความสดของบรรดาเด็กนักศึกจบมาใหม่ไม่ได้งานบริษัทเอกชนบ้างแหล่งก็มีมีแต่เอาคนออกไม่เอาคนเข้า มีบริษัทจากประเทศเกาหลีแห่งหนึ่งเสนอเงินเดือนไห้ผมค่อยข้างสูงแต่ผมปฏิเสธไปเพราะต้องย้ายตามไปอยู่ในพื้นที่โครงการของบริษัท ผมเป็นห่วงครอบครัวเรื่องการดูแลรับผิดชอบครอบครัวสำหรับผมต้องมาเป็นอันดับแรกเงินทองมาทีหลัง ถึงแม้มันจะสำคัญก็ตามแต่ผมเลือกครอบครัวก่อนครับ หลังจากนั้นผมเลยล้มเลิกโครงการที่จะกลับไปเป็นมนุษย์เงินไปหันกลับมาคิดกันใหม่อีกรอบซึ่งมันเป็นรอบที่เท่าไรผมเองก็จำมันไม่ได้ บอกได้เลยว่ากลุ้มมากเครียดด้วยพลอยทำไห้สุขภาพของผมย่ำแย่ไปด้วย นี้ก็ใกล้จะปีใหม่เข้าไปทุกทีแล้วแต่ชีวิตผมยังไม่มีอะไรใหม่ๆเข้ามาในชีวิตเลยท้อครับ มีเมาบ้างเป็นบ้างครั้งก็ทำอย่างไรได้ไม่รู้จะเดินไปหนทางไหนเดินไปเดินมาก็เจอแต่ทางตันวันๆผมก็เอาแต่นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ของผมไม่ใช่เกมหรือว่าดูหนังโป๊นะครับ นั่งหาข้อมูลต่างๆที่พอจะทำไห้ชีวิตของผมพบกับแสงสว่าง แล้ววันหนึ่งผมก็ไปเจอสิ่งหนึ่งใน you tube พี่คนนั้นเขาบอกขั้นตอนเอาการคิดเพื่อไห้ตัวเราพบเจอกับแนวทางแก้ปัญหาและหลุดพ้นจากปัญหาเหล่านั้น ซึ่งเริ่มจากตัวเราก่อน เริ่มจากความคิดในหัวสมองของเรานี้แหละ ผมก็นั่งและคิดตามมันก็เป็นอะไรที่เหมือนกับว่ามีคนมาเคาะกะบาลของเราว่า แท้ที่จริงแล้วทีเหล่านี้ตัวเราเองก็เคยคิดและประสบพบเจอกับเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ด้วยตัวเองมาแล้ว แต่เรายังไม่รู้ว่านั้นแหละคือแนวความคิดของการสยบปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวเรา ผมมานั่งคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาก็จริงอย่างเขาพูดชี้แนะเอาไว้ ผมก็เคยมีความเชื่อและความคิดเช่นนั้น แต่ผมกลับมองข้ามมันไปไม่ใส่ใจมันเลย เมื่อผมรู้และเข้าเช่นนั้นผมเลยลองปฏิบัติตามที่พี่คนนั้นแนะนำดูอยู่ระยะหนึ่งสั้นๆผลที่เกิดขึ้นคือเริ่มมีงานเข้ามาหาผม จากการที่ผมเคยประกาศรับทำงานอิสระเหมือนพวกฟรีแลนด์ ทำไห้ผมมีรายได้เข้ามาสมทบในบัญชีเงินฝากของผมซึ่งเกือบจะแตะพื้นล่างของบัญชีก็ว่าได้ มันเปรียบเสมือนการมาต่อลมหายใจไห้กับคนที่ใกล้ตายปานนั้นเลยที่เดียว ผมรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่แค่เราเปลี่ยนแนวทางความคิดรวมถึงแนวทางการปฏิบัติตัวของตัวเราเสียใหม่มันทำไห้มีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตของเราได้ แต่บางทีผมก็แอบคิดว่ามันเป็นเหตุบังเอิญมากกว่า แต่อย่างไรก็แล้วแต่ผมก็ยังรู้สึกขอบคุณในหลายสิ่งหลายอย่างที่ไห้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิตขิงผม ในยามที่ผมไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนแล้ว มันทำไห้ผมมีเงินฝากมีเงินเก็บเก็บ มีเงินส่วนหนึ่งไปเที่ยวอย่างไม่ต้องกังวลเหมือน 2 ปีที่แล้ว เหตุการณ์นั้นมันทำไห้ผมตั้งหลักที่จะค้นคว้าศึกษาหาข้อมูลของการดำเนินชีวิตในตามแบบฉบับของผมอย่างจริงจัง เพื่อความมั่นคงในการก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป ผมจึงเรียนรู้ศึกษาหาข้อมูลต่างๆทั้งจากทางโลกของอินเตอร์เน็ตและจากหนังสือ ไอ้จากหนังนี้สำคัญมากเพราะผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพวกเรื่องสั้น นวนิยาย ปรัชญา วิทยาศาสตร์ แต่หนังสือจำพวก ฮาวทูนี้ผมแทบไม่ได้อ่านเลย ก็เลยต้องปรับเปลี่ยนแบบแผนใหม่ คือพักอ่านพวกหนังสือประเภทเรื่องสั้นและอื่นๆเอาไว้ก่อน เพื่อหาหนังสือแนวชี้ทางเดินของชีวิตในการทำมาหากินอะไรทำนองนี้มาอ่าน ซึ่งไม่เกินความสามารถเพราะผมเป็นคนที่เข้าร้านขายหนังสือบ่อยอยู่แล้ว จึงเริ่มออกสางหาหนังสือมาอ่านเพื่อชี้ทางสว่างให้แก่ชีวิตของผม พูดไปเหมือนโกหกวันแรกในการเดินทางหาหนังสือมาอ่านผมเข้าไปในร้านหนังสือชื่อดังร้านหนึ่ง เดินไปดูตรงโซนหนังสือลดครึ่งราคา พระเจ้าช่วย !!!เหมือนกับมีอะไรสักอย่างล่วงรู้ความต้องการของผมหรือไม่ก็อาจเป็นเพราะหนังสือต้องการผมอะไร
คุณลืมตอบคำถามที่ * จำเป็นต้องตอบ
เรื่องของผม
ชีวิตมันไม่มีอะไรที่แน่นอนวันนี้กับพรุ่งนี้มันก็แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นการไม่ยึดติดคือสิ่งที่ดีที่สุด อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเป็นไปตามกฎแห่งวีถีธรรมชาติ ใครๆเขาว่ากันอย่างนั้น ตัวผมเองนี้ทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนในหลายๆรูปแบบหลายหน้าที่ตั้งแต่จบการศึกษามา เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับกลางๆ ผมอยากทำงานประเภทใดบริษัทไหนล้วนได้ทำมาทั้งหมดตามที่ตัวเองอยากทำตามความชอบและสามารถของตัวเองจนมาถึงขั้นสูงสุดในระดับหัวหน้างานในบริษัทชั้นนำของประเทศ เรียกได้ว่าสูงสุดแห่งความใฝ่ฝันในชีวิตของการเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ว่าได้ จนกระทั้งผมลาออกจากงานประจำจากสาเหตุปัญหาที่เกิดจากคนหรือผู้ร่วมงาน คุณเชื่อไม่ว่า ไม่ว่าคุณจะทำงานในบริษัทเล็กๆระดับอำเภอไปจนถึงบริษัทใหญ่โตในระดับประเทศมีพนักงานหลักหน่วยยันหลักพัน สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาระดับตำนานคือตัวบุคคล เพราะคนเป็นอะไรที่เข้าใจอยากไม่เหมือนเครื่องกลเครื่องจักรต่างๆที่เวลามันเกิดปัญหาขึ้นมายังคู่มือการใช้งานไห้เราได้ศึกษาแก้ไขมันได้ แต่นี้มันคนหรือเรียกมนุษย์ นี้แหละช่างเป็นสิ่งที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่งทำไห้เบื่อระอาเลยต้องลาออกมาแสวงหาสัจจะธรรมบนโลกใบนี้ต่อไป ผมลาออกจากงานประจำด้วยอายุ 44 ปี วางแผนไว้ว่าลาออกจากบริษัทแล้วจะออกไปทำธุรกิจส่วนตัวที่ได้เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์มาในช่วงระยะเวลาหลายปี จึงรวบรวมเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนด้าน logistic แต่ขอโทษมันล้มไม่เป็นในระยะเวลาเพียงไม่ทันข้ามปี สาเหตุนั้นหรือก็คือผมไม่ศึกษารายละเอียดปลีกย่อยของธุรกิจในด้านนี้ไห้รอบคอบเสียก่อน ผมต้องขายทรัพย์สินที่ซื้อมาเพื่อเป็นตัวช่วยในการทำธุรกิจ เช่น รถยนต์ซึ่งมันก็เป็นรถมือสองที่ราคาแพงเกินกว่าคุณภาพ แต่ผมใจร้อนเลยซื้อมันมาใช้แล้วก็ขายมันไปเพื่อเอาทุนคืน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำไห้ผมคิดว่า การที่คนๆหนึ่งจะเป็นเจ้าของกิจการอะไรสักอย่างมันไม่ใช่เรื่องง่ายและจะยากขึ้นไปอีกหากว่าต้องการที่ประสบความสำเร็จ ต้องทุ่มเททั้งแรงทรัพย์แรงกายแรงใจและแรงสมอง ในหลายๆส่วนที่กล่าวมานี้ สำหรับผมแรงทรัพย์เป็นอะไรที่มีน้อยมากๆ ผมไม่กล้าพอที่จะทุ่มเงินไปกับการลงทุนอะไรสักอย่างถ้าไม่มั่นใจเกินร้อย เพราะอะไรนั้นหรือเพราะผมมีคนที่ต้องดูแลและรับผิดอยู่ข้างหลังผมอีกหลายคน แม่ผม ภรรยาผม น้องผม หลานผม ถึงผมกับภรรยาจะไม่มีลูกแต่เรามีคนที่ต้องแลมากมายหลายคน ผมจึงไม่กล้าที่จะนำเงินเย็นออกมาเดินเล่นนอกบัญชี แล้วไม่ได้อะไรกลับเข้าไปเลย แต่ผมก็เลือกที่จะลงทุนกองทุนรวมบ้าง ซื้อหุ้นสหกรณ์บ้าง สลากออมสินบ้าง ซื้อทองเก็บไว้บ้าง เหมือนกับคนอื่นๆที่เขาทำกันแถมยังทำเยอะกว่าผมอีก ผมก็ลองมานั่งคิดใหม่ว่าจะจะดำเนินชีวิตไปในทิศทางใด เมื่อก่อนมีงานประจำทำผมให้เงินภรรยาเดือนละ 15,000 บาท แต่มาตอนนี้ผมไม่มีเงินเดือนจะให้เธอแล้ว เธออีกต่างหากที่ให้เงินผมใช้ มันช่างน่าละอายใจสิ้นดีผมเลยมานั่งคิดทบทวนเรื่องราวของชีวิตท่ามกลางความเครียดที่อยู่รอบๆตัวผมผมจะทำมาหากินอะไรดี? คือคำถาม ถ้าจะทำธุรกิจจะทำอะไรดี? ผมลืมบอกไปว่าในตอนที่ผมทำงานประจำอยู่นั้นผมไปเช่าห้องแถวใกล้บ้านแล้วเปิดเป็นร้านขายไอศกรีมและก็ขายเครื่องดื่มเล็กๆน้อยๆ ร้านประมาณว่าแนวโบราณๆ ย้อนวันเก่าๆ ลูกค้าผมก็เป็นเด็กๆแถวนั้น เพื่อนของผมบ้าง แรกๆกิจการก็ไปได้ดี แต่สุดท้ายแล้วก็ไปไม่รอดเพราะเราไม่มีจุดขายที่เด่นชัด แต่อันที่จริงกิจการร้านผมทำเพราะเป็นความชอบส่วนตัวไม่หวังในเรื่องเงินๆทองๆอยู่แล้ว อย่างน้อยๆผมก็ยังมีร้านไว้เป็นที่นั่งคิดหาหนทาง ค้นหาแนวทาง ค้นหาตัวเอง และอะไรต่อมิอะไร เรียกง่ายๆว่าเป็นที่พักใจยามสิ้นหวังสิ้นกำลังใจ ผมมาร้านทุกวันยกเว้นวันเสาร์กับอาทิตย์หลังจากส่งภรรยาเสร็จที่ทำงานของเขา
ผมเริ่มสนใจขายของออนไลน์กับเขาบ้างเพราะร้านของผมมีไวไฟล์ด้วยอย่างน้อยก็ใช้ไห้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ผมหาข้อมูลและสมัครการลงประกาศขายสินค้าออนไลน์ในหลายๆเว็บไซต์ ของเมืองไทยก็พอขายได้บ้างแต่ไม่เยอะเท่าไรอาจเป็นเพราะสินค้าเรายังมีไม่มากพอและไม่โดดเด่นสำหรับผู้บริโภค ผมเลยคิดว่าหนีไปขายในเว็บไซต์ของต่างประเทศดีกว่าแต่จนแล้วจนรอดก็สมัครไม่ผ่านสักทีเพราะเราไม่มีบัตรเครดิตสมัครไปทีไรติดตรงข้อมูลบัตรเครดิตทุกที ผมเลยล้มเลิกความตั้งใจที่ขายสินค้าในเว็บไซต์ของต่างประเทศเน้นของไทยๆดีกว่าน่าพอพูดกันได้รู้เรื่องหน่อย เท่าที่ผมทำมามันก็เหมือนเป็นรายได้เสริมถึงแม้มันจะไม่ได้เงินอย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ยังดีเสียกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยทุกวันนี้ก็พยายามที่คิดว่าจะทำสินค้าอะไรที่เป็นยี่ห้อของเราโดยเฉพาะก็ยังคิดไม่ออกบอกไม่ถูกอีกเรื่องก็เป็นห่วงเรื่องเงินๆทองๆด้วย ถ้าไม่มั่นใจผมไม่ทำเพราะประสบการณ์จากอดีตมันเคยบอกผมไว้อย่างนั้น แต่บางคนมาบอกว่าไม่ลองก็ไม่รู้ แล้วถ้าผมรู้แล้วพร้อมๆกับการเป็นหนี้สินใครจะมาช่วยผมแบ่งเบาละครับมันเครียดนะครับเรื่องหนี้สินไม่ใช่ว่าใจไม่ถึง ยิ่งมีความรู้เกี่ยวกับการบริหารด้านการเงินอยู่ไม่มากด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ผมเลยเดินแบบประคับประคองไปก่อน ที่นี้ผมเลยต้องมาคิดทบทวนแผนการดำเนินชีวิตของผมใหม่ว่าจะต้องทำอย่างไร ผมก็ลองมานั่งคิดน่าจะลองหาสินค้าที่แปลกใหม่หรือสินค้าต้นทุนต่ำมาขายน่าจะดี ผมเลยลองค้นหาข้อมูลดูว่ามีสินค้าอะไรบ้าง รวมทั้งเวลาผมเดินทางไปต่างจังหวัดผมก็จะแวะดูสินค้าพื้นเมืองของแต่ละแห่งอันไหนพอที่จะนำมาขายได้บ้างคือประมาณว่าไปเที่ยวแล้วอย่าไห้เสียเงินค่าน้ำมันค่าตั๋วโดยสารแบบฟรีๆต้องได้ไอเดียความคิดติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง ก็ไม่เสียเที่ยวเปล่าครับผมความคิดที่ไปเจอสินค้าในหลายรูปแบบ ทั้งของใช้,ของตกแต่ง ไม่ของลงรายละเอียดในส่วนนี้ เอาเป็นว่าผมสั่งของเหล่านั้นมาขายดู บ้างอย่างก็พอไปได้ บ้างอย่างพอไปได้แล้วก็ไม่ไปไหนอีกเลย สาเหตุเพราะว่าร้านของผมนั้นอยู่ในที่มุมอับมีคนเดินผ่านไปมาน้อยมาก นอกจากขาประจำที่รู้จักมักคุ้นไปๆมาๆอยู่เป็นประจำลูกค้าหน้าใหม่ๆนานๆจึงจะมีมาให้เห็นสักที เงินที่ลงทุนไปก็ไปจมอยู่ในตัวสินค้าหมดแต่ผมก็ยังไม่เลิกกิจการร้านไอศกรีมของผมนะครับ เพราะสงสารเด็กๆเหล่าบรรดาลูกค้าตัวน้อยๆของผม ผมก็เลยมาปรับขบวนท่าใหม่ในเมื่อไม่มีลูกค้ามาหาเราๆจะต้องออกไปหาลูกค้าเองเหมือนๆกับการทำธุรกิจขายตรง ผมก็ต้องข้อมูลตัวสินค้าที่จะไปขายเขาว่าจะขายอะไรดี พอดีผมไปทำธุระที่กรุงเทพฯ 2 วัน ผมก็ไปเดินสวนจตุจักรเผื่อว่าจะมีของอะไรที่พอจะสั่งไปขายในพื้นที่ของเราได้บ้าง ปรากฏว่าเจอครับแต่ผมไม่บอกว่าเป็นอะไร ผมบอกกับภรรยาของผมว่าไอ้สิ่งนี้ถ้านำไปขายแถวจังหวัดของเราน่าดีเพราะสินค่าแนวความคิดแปลกใหม่ภรรยาของผมก็เห็นดีเห็นงามด้วยก็เลยนำเงินจำนวนไม่มากมาสั่งซื้อเพื่อหยั่งเชิงตลาดก่อนว่าจะไปได้สวยเหลือซวยไม่เป็นท่ากันแน่ สรุปเป็นอย่างข้อหลังครับเพราะสินค้าตัวนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นแนวความคิดแปลกใหม่แต่ข้อเสียคือราคาสูงนิดหนึ่งและผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องใช้เป็นประจำ สรุปม้วนม้วนเสื่ออีกรอบ นี้คือตัวอย่างในความพยายามที่จะเอาดีในทางด้านการค้าขายเพราะแม่ผมเคยเป็นแม่ค้าขายขนมหวานมาก่อน อย่างน้อยๆวิญญาณขอลูกแม่ค้าก็น่าเปล่งรัศมีออกมาบ้าง แต่เปล่าเลยผมไม่มีโชคทางด้านค้าขายทั้งที่พยายามจนเกิดความท้อแท้หลายรอบ ดีนะที่ผมมีภรรยาที่ดีที่คอยไห้กำลังตลอดเวลา ย่างเข้าปลายปีที่ 2 ของการว่างงานและรายได้ทุกด้านมันดูมืดมนไปหมดผมไม่รู้เดินไปทางไหนคล้ายกับว่าชีวิตผมเดินมาจนถึงขอบหน้าพาสูงเบื้องหน้าคือเหวลึก ไม่มีทางไห้เดินต่ออีกแล้วนอกจากกระโดดลงหุบเหวไปหรือไม่ก็บินไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วอีกทางเดินย้อนกลับไปทางเดิม ผมคิดในใจว่านี้เราเดินมาไกลที่สุดได้เท่านี้หรือนี้ เรามาถึงที่สุดของเราแล้วหรือนี้ มันสับสนไปหมด นั่งคิดทบทวนดูว่าเงินในบัญชีฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยธรรมดาๆก็ถอนออกมาใช้จ่ายทุกเดือนทั้งค่าน้ำมันรถ,ค่าไฟฟ้า,ค่าโทรศัพท์,ค่าประกันรถ,ประกันชีวิต,ภาษีสังคมอีกต่างหากเป็นต้น มีแต่รายออกไม่มีรายเข้าเลยแล้วที่นี้จะเป็นอย่างไร ผมนั่งคิดอยู่นานแล้วก็มีความคิดเห็นทีเราต้องกลับไปหางานประจำเหมือนคั่งแต่ก่อนถึงแม้เงินจะไม่เยอะแต่มันก็ได้ทุกเดือน อย่างน้อยๆก็จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของภรรยา คิดได้ดั่งนั้นผมก็เริ่มติดตามข่าวการรับสมัครงานทั้งภาคเอกชนและราชการที่ตรงกับคุณวุฒิของเรา บางแหล่งก็ไปเขียนใบสมัครทิ้งเอาไว้ถ้าเป็นงานราชการก็มีการสอบแข่งขันกัน ผมอายุย่าง 45 ปี สู้ความสดของบรรดาเด็กนักศึกจบมาใหม่ไม่ได้งานบริษัทเอกชนบ้างแหล่งก็มีมีแต่เอาคนออกไม่เอาคนเข้า มีบริษัทจากประเทศเกาหลีแห่งหนึ่งเสนอเงินเดือนไห้ผมค่อยข้างสูงแต่ผมปฏิเสธไปเพราะต้องย้ายตามไปอยู่ในพื้นที่โครงการของบริษัท ผมเป็นห่วงครอบครัวเรื่องการดูแลรับผิดชอบครอบครัวสำหรับผมต้องมาเป็นอันดับแรกเงินทองมาทีหลัง ถึงแม้มันจะสำคัญก็ตามแต่ผมเลือกครอบครัวก่อนครับ หลังจากนั้นผมเลยล้มเลิกโครงการที่จะกลับไปเป็นมนุษย์เงินไปหันกลับมาคิดกันใหม่อีกรอบซึ่งมันเป็นรอบที่เท่าไรผมเองก็จำมันไม่ได้ บอกได้เลยว่ากลุ้มมากเครียดด้วยพลอยทำไห้สุขภาพของผมย่ำแย่ไปด้วย นี้ก็ใกล้จะปีใหม่เข้าไปทุกทีแล้วแต่ชีวิตผมยังไม่มีอะไรใหม่ๆเข้ามาในชีวิตเลยท้อครับ มีเมาบ้างเป็นบ้างครั้งก็ทำอย่างไรได้ไม่รู้จะเดินไปหนทางไหนเดินไปเดินมาก็เจอแต่ทางตันวันๆผมก็เอาแต่นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ของผมไม่ใช่เกมหรือว่าดูหนังโป๊นะครับ นั่งหาข้อมูลต่างๆที่พอจะทำไห้ชีวิตของผมพบกับแสงสว่าง แล้ววันหนึ่งผมก็ไปเจอสิ่งหนึ่งใน you tube พี่คนนั้นเขาบอกขั้นตอนเอาการคิดเพื่อไห้ตัวเราพบเจอกับแนวทางแก้ปัญหาและหลุดพ้นจากปัญหาเหล่านั้น ซึ่งเริ่มจากตัวเราก่อน เริ่มจากความคิดในหัวสมองของเรานี้แหละ ผมก็นั่งและคิดตามมันก็เป็นอะไรที่เหมือนกับว่ามีคนมาเคาะกะบาลของเราว่า แท้ที่จริงแล้วทีเหล่านี้ตัวเราเองก็เคยคิดและประสบพบเจอกับเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ด้วยตัวเองมาแล้ว แต่เรายังไม่รู้ว่านั้นแหละคือแนวความคิดของการสยบปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวเรา ผมมานั่งคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาก็จริงอย่างเขาพูดชี้แนะเอาไว้ ผมก็เคยมีความเชื่อและความคิดเช่นนั้น แต่ผมกลับมองข้ามมันไปไม่ใส่ใจมันเลย เมื่อผมรู้และเข้าเช่นนั้นผมเลยลองปฏิบัติตามที่พี่คนนั้นแนะนำดูอยู่ระยะหนึ่งสั้นๆผลที่เกิดขึ้นคือเริ่มมีงานเข้ามาหาผม จากการที่ผมเคยประกาศรับทำงานอิสระเหมือนพวกฟรีแลนด์ ทำไห้ผมมีรายได้เข้ามาสมทบในบัญชีเงินฝากของผมซึ่งเกือบจะแตะพื้นล่างของบัญชีก็ว่าได้ มันเปรียบเสมือนการมาต่อลมหายใจไห้กับคนที่ใกล้ตายปานนั้นเลยที่เดียว ผมรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่แค่เราเปลี่ยนแนวทางความคิดรวมถึงแนวทางการปฏิบัติตัวของตัวเราเสียใหม่มันทำไห้มีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตของเราได้ แต่บางทีผมก็แอบคิดว่ามันเป็นเหตุบังเอิญมากกว่า แต่อย่างไรก็แล้วแต่ผมก็ยังรู้สึกขอบคุณในหลายสิ่งหลายอย่างที่ไห้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิตขิงผม ในยามที่ผมไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนแล้ว มันทำไห้ผมมีเงินฝากมีเงินเก็บเก็บ มีเงินส่วนหนึ่งไปเที่ยวอย่างไม่ต้องกังวลเหมือน 2 ปีที่แล้ว เหตุการณ์นั้นมันทำไห้ผมตั้งหลักที่จะค้นคว้าศึกษาหาข้อมูลของการดำเนินชีวิตในตามแบบฉบับของผมอย่างจริงจัง เพื่อความมั่นคงในการก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป ผมจึงเรียนรู้ศึกษาหาข้อมูลต่างๆทั้งจากทางโลกของอินเตอร์เน็ตและจากหนังสือ ไอ้จากหนังนี้สำคัญมากเพราะผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพวกเรื่องสั้น นวนิยาย ปรัชญา วิทยาศาสตร์ แต่หนังสือจำพวก ฮาวทูนี้ผมแทบไม่ได้อ่านเลย ก็เลยต้องปรับเปลี่ยนแบบแผนใหม่ คือพักอ่านพวกหนังสือประเภทเรื่องสั้นและอื่นๆเอาไว้ก่อน เพื่อหาหนังสือแนวชี้ทางเดินของชีวิตในการทำมาหากินอะไรทำนองนี้มาอ่าน ซึ่งไม่เกินความสามารถเพราะผมเป็นคนที่เข้าร้านขายหนังสือบ่อยอยู่แล้ว จึงเริ่มออกสางหาหนังสือมาอ่านเพื่อชี้ทางสว่างให้แก่ชีวิตของผม พูดไปเหมือนโกหกวันแรกในการเดินทางหาหนังสือมาอ่านผมเข้าไปในร้านหนังสือชื่อดังร้านหนึ่ง เดินไปดูตรงโซนหนังสือลดครึ่งราคา พระเจ้าช่วย !!!เหมือนกับมีอะไรสักอย่างล่วงรู้ความต้องการของผมหรือไม่ก็อาจเป็นเพราะหนังสือต้องการผมอะไร