อวสานสายฟรี ทุกอย่างมันมีต้นทุน
Starbucks: สตาร์บัคส์ ประกาศไม่ต้องการเป็นห้องน้ำสาธารณะ เตรียมใช้มาตรการแรงไม่ให้คนที่ไม่ซื้อเข้าร้าน หากฝ่าฝืนพนักงานร้านจะแจ้งตำรวจทันที
เมื่อวานนี้ (13 มกราคม) “สตาร์บัคส์” (Starbucks) ร้านกาแฟชื่อดังสัญชาติอเมริกันกำลังยกเลิกนโยบาย “เปิดประตู” (open-door policy) ของบริษัทที่เปิดรับทุกคนเข้ามานั่งชิลในร้านกาแฟที่ดำเนินงานมากว่า 7 ปี ด้วยการบังคับให้ผู้ที่ต้องการเข้ามานั่ง นัดพบเพื่อน หรือแม้แต่ต้องการเข้ามาใช้ห้องน้ำของร้านกาแฟสตาร์บัคส์ จะต้องซื้อเครื่องดื่มก่อนเท่านั้นโดยจะเริ่มนำร่องบังคับใช้ทุกร้านสตาร์บัคส์ในทวีปอเมริกาเหนือ
นอกจากนี้ ร้านกาแฟยังออกกฎห้ามลูกค้าสูบบุหรี่ทั้งแบบทั่วไปและบุหรี่ไฟฟ้า ห้ามดื่มแอลกอฮอลล์ ห้ามใช้สารเสพติด และ ห้ามขอทานรอบบริเวณพื้นที่ของร้านกาแฟสตาร์บัคส์ไม่ว่าจะเป็นด้านในร้านหรือด้านนอกร้านก็ตาม
แจซี อันเดอร์สัน โฆษกของสตาร์บัคส์ กล่าวว่า กฎใหม่ที่ตั้งขึ้นมานี้ถูกออกมาแบบมาเพื่อช่วยเหลือและให้ความเป็นธรรมกับลูกค้าที่ซื้อสินค้าภายในร้านก่อนเป็นอันดับแรก สตาร์บัคส์ย้ำด้วยว่าไม่ต้องการเป็นห้องน้ำสาธารณะ เพื่อรักษาภาพลักษณ์และสร้างความรู้สึกสบายใจให้กับ “ลูกค้า” คนอื่นเมื่อเข้ามาในร้าน ซึ่งทางสตาร์บัคส์กล่าวด้วยว่าร้านกาแฟแบรนด์อื่นก็เริ่มใช้กฎดังกล่าวแล้วเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกัน สตาร์บัคส์ยังเผยมาตรการขั้นเด็ดขาดกรณีพบคนที่ไม่ได้ซื้อเครื่องดื่มเข้ามานั่งในร้านว่า พนักงานสามารถโทรศัพท์แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาควบคุมตัวออกไปได้เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยตามกฎของบริษัท ซึ่งหลังจากนี้พนักงานทุกคนในร้านสตาร์บัคส์จะได้รับการฝึกฝนให้รับมือกับผู้ที่ไม่ได้ซื้อสินค้าสตาร์บัคส์รวมไปถึงการฝึกแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรับกับนโยบายใหม่นี้ด้วย
ตั้งแต่สตาร์บัคส์เปิดกว้างให้บุคคลภายนอกเข้ามานั่งในร้านกลับเกิดปัญหามากมาย รวมไปถึงพฤติกรรมแย่ ๆ ที่กลุ่มคนเหล่านี้ประพฤติต่อลูกค้าของร้านจนได้ผลกระทบต่าง ๆ นานา จนทำให้ในปี 2022 สตาร์บัคส์ประกาศปิดร้าน 16 สาขาในสหรัฐฯ เพื่อทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยในร้าน หลังมีลูกค้าจำนวนมากถูกคุกคามจากบุคคลภายนอกที่เข้ามานั่งในร้านโดยพละการ
https://www.facebook.com/share/p/19p64kJ5Kv/
อวสานคนนั่งฟรี "สตาบัค" เปลี่ยนกฏ นั่งในร้าน ต้องสั่งเครื่องดื่ม
Starbucks: สตาร์บัคส์ ประกาศไม่ต้องการเป็นห้องน้ำสาธารณะ เตรียมใช้มาตรการแรงไม่ให้คนที่ไม่ซื้อเข้าร้าน หากฝ่าฝืนพนักงานร้านจะแจ้งตำรวจทันที
เมื่อวานนี้ (13 มกราคม) “สตาร์บัคส์” (Starbucks) ร้านกาแฟชื่อดังสัญชาติอเมริกันกำลังยกเลิกนโยบาย “เปิดประตู” (open-door policy) ของบริษัทที่เปิดรับทุกคนเข้ามานั่งชิลในร้านกาแฟที่ดำเนินงานมากว่า 7 ปี ด้วยการบังคับให้ผู้ที่ต้องการเข้ามานั่ง นัดพบเพื่อน หรือแม้แต่ต้องการเข้ามาใช้ห้องน้ำของร้านกาแฟสตาร์บัคส์ จะต้องซื้อเครื่องดื่มก่อนเท่านั้นโดยจะเริ่มนำร่องบังคับใช้ทุกร้านสตาร์บัคส์ในทวีปอเมริกาเหนือ
นอกจากนี้ ร้านกาแฟยังออกกฎห้ามลูกค้าสูบบุหรี่ทั้งแบบทั่วไปและบุหรี่ไฟฟ้า ห้ามดื่มแอลกอฮอลล์ ห้ามใช้สารเสพติด และ ห้ามขอทานรอบบริเวณพื้นที่ของร้านกาแฟสตาร์บัคส์ไม่ว่าจะเป็นด้านในร้านหรือด้านนอกร้านก็ตาม
แจซี อันเดอร์สัน โฆษกของสตาร์บัคส์ กล่าวว่า กฎใหม่ที่ตั้งขึ้นมานี้ถูกออกมาแบบมาเพื่อช่วยเหลือและให้ความเป็นธรรมกับลูกค้าที่ซื้อสินค้าภายในร้านก่อนเป็นอันดับแรก สตาร์บัคส์ย้ำด้วยว่าไม่ต้องการเป็นห้องน้ำสาธารณะ เพื่อรักษาภาพลักษณ์และสร้างความรู้สึกสบายใจให้กับ “ลูกค้า” คนอื่นเมื่อเข้ามาในร้าน ซึ่งทางสตาร์บัคส์กล่าวด้วยว่าร้านกาแฟแบรนด์อื่นก็เริ่มใช้กฎดังกล่าวแล้วเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกัน สตาร์บัคส์ยังเผยมาตรการขั้นเด็ดขาดกรณีพบคนที่ไม่ได้ซื้อเครื่องดื่มเข้ามานั่งในร้านว่า พนักงานสามารถโทรศัพท์แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาควบคุมตัวออกไปได้เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยตามกฎของบริษัท ซึ่งหลังจากนี้พนักงานทุกคนในร้านสตาร์บัคส์จะได้รับการฝึกฝนให้รับมือกับผู้ที่ไม่ได้ซื้อสินค้าสตาร์บัคส์รวมไปถึงการฝึกแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรับกับนโยบายใหม่นี้ด้วย
ตั้งแต่สตาร์บัคส์เปิดกว้างให้บุคคลภายนอกเข้ามานั่งในร้านกลับเกิดปัญหามากมาย รวมไปถึงพฤติกรรมแย่ ๆ ที่กลุ่มคนเหล่านี้ประพฤติต่อลูกค้าของร้านจนได้ผลกระทบต่าง ๆ นานา จนทำให้ในปี 2022 สตาร์บัคส์ประกาศปิดร้าน 16 สาขาในสหรัฐฯ เพื่อทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยในร้าน หลังมีลูกค้าจำนวนมากถูกคุกคามจากบุคคลภายนอกที่เข้ามานั่งในร้านโดยพละการ
https://www.facebook.com/share/p/19p64kJ5Kv/