สวัสดีคะ วันนี้จะมาเล่า เรื่องราวแปลกๆเรื่องหนึ่ง เป็นประสบการณ์ตรงของตัวเอง สมัยเรียนอยู่ชั้น ม.ต้น ที่โรงเรียนประจำอำเภอแห่งหนึ่ง แถวภาคใต้ ซึ่งแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยรู้เลย ว่าสิ่งที่เห็นในครั้งนั้น.. คือ อะไร
ขอย้อนกลับไป สมัยเรียนชั้น ม.3 (ไม่บอก พศ.ละกัน เดี๋ยวรู้อายุ5555 รู้แค่ว่า ในสมัยนั้นยังไม่มีมือถือ ไม่มีอินเทอร์เน็ตนะคะ)
เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนั้นทางโรงเรียนจัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือประจำปีขึ้น โดยจะต้องไปพักทำกิจกรรม นอกสถานที่1วัน1คืน
สถานที่ที่ว่านี้ ไม่ใช่ค่ายลูกเสือถาวรนะคะ แต่เป็นสวนมะพร้าว ของชาวบ้านที่อยู่ห่าง จากโรงเรียนประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งคุณครูได้ไปเตรียมสถานที่ไว้ก่อนแล้ว เพื่อการจัดกิจกรรมลูกเสือในครั้งนี้
วันแรกของการเข้าค่าย หลังจากรวมตัวกันที่โรงเรียน ตั้งแต่เช้า ก็เริ่มออกเดินทางไกลพร้อมกัน ลูกเสือเนตรนารีทั้งหมดสิบกว่าหมู่ๆละประมาณ 7 คน รวมคุณครูอีกประมาณสิบคน การเดินทางไกลก็คึกคักเลยคะ สนุกดี และสมัยนั้น ถนนก็ยังเป็นดินลูกรัง ไม่ค่อยมีรถสัญจรคะ หมู่ที่เดินรั้งท้ายนี่บันเทิงเลยคะ เพราะหมู่แรกๆที่เดินนำหน้าไปเค้าเดินลากรองเท้ากัน😁 พวกที่เดินหลังๆจึงกลายเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณครู 😅(ฝรั่งหัวแดง)
เราเดินทางไปถึงสวนมะพร้าว ซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายลูกเสือ ก่อนเที่ยงเล็กน้อย พอไปถึงก็เห็นเต็นท์ ที่คุณครูเตรียมไว้ให้เป็นฐานของแต่ละหมู่เรียบร้อยแล้ว โดยแยกหญิงอยู่ด้านซ้าย และชาย ให้อยู่ด้านขวา โดย มีบ้านพักและที่ทำกิจกรรมรอบกองไฟอยู่ตรงกลาง ซึ่งเต็นท์ของหมู่เรานั้น อยู่นอกสุด ด้านหลังติดกับสวนที่ยังไม่ได้ตัดหญ้า ด้านข้างเป็นสวนปาล์มอายุประมาณ2ปี ที่ถูกปลูกแซมในสวนมะพร้าว และอีกข้างก็เป็นเต็นท์ของหมู่ที่อยู่ถัดไป
กิจกรรมของกลางวันนั้น ไม่ได้มีอะไรมาก บลาๆๆๆ
พอตกกลางคืนก็มีการจัดกิจกรรมรอบกองไฟ (ที่ทุกคนรอคอย) โดยต้องผลัดกันไปทำกิจกรรม และอยู่เฝ้าฐานของตัวเอง ฐานละ 2 คน ตอนนั้นเราและเพื่อนสนิท อาสาเฝ้าฐาน ผลัดแรก
ในการเฝ้าฐานนี้ เป็นที่รู้กันว่า จะหลับไม่ได้ ทิ้งฐานก็ไมได้ เพราะจะมีคุณครูที่ย่องมาขโมยธง ถ้าหมู่ไหนโดนขโมยธงไป ก็จะโดนทำโทษด้วยวิธีที่น่าอายมาก5555 แน่ละหมู่เราจึงต้องกำชับเรื่องนี้กันดิบดี ง่วงก็ต้องทน แล้วถ้าปวดฉี่ละ ก็ต้องทน.. เพราะห้องน้ำอยู่ไกล
จนค่อนข้างจะดึกแล้ว การแสดงรอบกองไฟก็ยังคงดำเนินต่อไป อย่างสนุกสนาน และตอนนั้น ที่เรารู้สึกปวดปัสสาวะมากๆ จะเดินไปห้องน้ำก็ขี้เกียจล่ะ หันไปมองต้นปาล์มเป็นเงาตะคุ่ม อยู่ในความมืด เอาล่ะวะ แค่ปัสสาวะแถวนี้คงไม่มีใครเห็นแน่ๆ และเพื่อนก็เห็นดีเห็นงาม เพราะไม่อยากถูกทิ้งอยู่ที่ฐานคนเดียว ก็เลยอาสาระวังหลังให้
เราเดินห่างจากที่เพื่อนยืนรออยู่สักห้าก้าวน่าจะได้ ชนิดที่ยังพูดคุยกันไปเรื่อยๆ ก่อนจะตัดสินใจ นั่งลงตรงกอปาล์ม หันหน้าไปทางที่เค้ากำลังทำกิจกรรมรอบกองไฟกัน เห็นแสงไฟสว่างโพลงที่ส่องถึงยอดมะพร้าว ที่อยู่ไกลออกไป ส่วนรอบตัวเรามีแค่ความมืดมิด
ขณะทำธุระ เราก็ยังได้ยิน เสียงเพลงจากกิจกรรมรอบกองไฟดังชัดเจน แต่แล้ว.. มันก็มีเสียง ฮัม แทรกเข้ามา เสียงมันเหมือนรถบรรทุกหนักที่วิ่งบนถนน แต่มันมีความสะเทือนอยู่ในหู ด้วย และเสียงนั้นก็ค่อยๆชัดขึ้น ขณะเดียวกัน กับที่สายตา ก็พลันมองเห็น แสงสีเขียวจุดเล็กๆ ประมาณหิ่งห้อย อยู่ไกลออกไปในระดับสายตา เลยเงาตะคุ่มของกิ่งปาล์มไปพอสมควร
มันคือตัวอะไร.. มันคือแมลงอะไร.. นั่นคือสิ่งแรกที่เราคิด มันต้องเป็นแมลง แต่มันคือแมลงอะไร ที่มีแสงสีเขียว
ในความมืดมองกะเกณฑ์ ความใกล้ไกลค่อนข้างยาก แต่แสงสีเขียวนั้น มันชัดเจนขึ้น มันเป็นสีเขียวแบบปีกแมลงทับ แต่มีความสว่างจ้าอยู่ตรงกลาง
แล้วจากจุดเล็กๆ มันก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น.. พร้อมๆกับเสียงฮัมสะเทือนในหู ที่ดังขึ้น เช่นกัน
ตอนนั้น... เราเร่งทำธุระ ด้วยความรู้สึกว่า แสงนั้นมันกำลังลอยตรงมาหาเรา และมันก็ใหญ่ขึ้น จนกลายเป็น ดวงไฟขนาดเท่าลูกปิงปองล่ะ
และวินาทีที่ตัดสินใจลุกขึ้น กระโดดจากตรงนั้น ก็คือวินาทีที่ดวงไฟสีเขียวจ้า ซึ่งตอนนี้ขยายใหญ่เท่ากำปั้น พุ่งตรงมาหาเรา พร้อมกับเสียง ฮัม.. บีบโสตประสาท จนทนไม่ไหว
เรากระโดดทีเดียวถึงตัวเพื่อนที่รออยู่ และรีบลากเพื่อนออกมาโดยไม่กล้าหันหลังกลับไปมองเลย
มายืนใจเต้นตูมตามอยู่ที่ฐานซึ่งมีแสงจากหลอดไฟ ทำให้พอจะลดความกลัวไปได้บ้าง ก็มาถามเพื่อนว่า.. ได้ยินหรือเห็นอะไรไหม.. เพื่อนกลับส่ายหน้าว่าไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรเลย ทั้งที่ก็อยู่ใกล้กันแค่นั้น
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น.. ก็คิดสงสัยตลอดมา.. ว่าไอ้ดวงไฟที่เราเห็นมันคืออะไร ถ้าเป็นแมลง แมลงชนิดไหนกัน จะบินมาพร้อมกับเสียง ฮัม ที่สั่นสะเทือนหู และขยายใหญ่ขึ้นได้
และที่สำคัญเราเพิ่งมานึกออกในตอนหลัง ว่าตอนที่ดวงไฟลอยมานั้น เรานั่งหันหน้าเข้าหาโคนต้นปาล์ม ชนิดที่ถ้ามีแมลงอะไรบิน มาจากอีกด้านของต้นปาล์ม มันก็ต้องชนโคนปาล์มก่อนมาถึงตัวเรา แต่การพุ่งเข้ามาของไฟดวงนั้น มันคือ การพุ่งทะลุโคนต้นปาล์มมา
และอีกอย่าง ความสว่างของไฟดวงนั้น ซึ่งมีแสงสีเขียวรอบๆ และสว่างจ้าตรงกลางนั่น มันไม่ได้ทำให้บริเวณนั้นมีแสงสว่างขึ้นมาเลย แต่มันเหมือนมีแสงสว่างอยู่แค่ตัวมันเองเท่านั้น
หรือเรื่องทั้งหมด นี้ จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเรานั่งเป็นที่เป็นทาง 😱
เป็นที่เป็นทาง
ขอย้อนกลับไป สมัยเรียนชั้น ม.3 (ไม่บอก พศ.ละกัน เดี๋ยวรู้อายุ5555 รู้แค่ว่า ในสมัยนั้นยังไม่มีมือถือ ไม่มีอินเทอร์เน็ตนะคะ)
เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนั้นทางโรงเรียนจัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือประจำปีขึ้น โดยจะต้องไปพักทำกิจกรรม นอกสถานที่1วัน1คืน
สถานที่ที่ว่านี้ ไม่ใช่ค่ายลูกเสือถาวรนะคะ แต่เป็นสวนมะพร้าว ของชาวบ้านที่อยู่ห่าง จากโรงเรียนประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งคุณครูได้ไปเตรียมสถานที่ไว้ก่อนแล้ว เพื่อการจัดกิจกรรมลูกเสือในครั้งนี้
วันแรกของการเข้าค่าย หลังจากรวมตัวกันที่โรงเรียน ตั้งแต่เช้า ก็เริ่มออกเดินทางไกลพร้อมกัน ลูกเสือเนตรนารีทั้งหมดสิบกว่าหมู่ๆละประมาณ 7 คน รวมคุณครูอีกประมาณสิบคน การเดินทางไกลก็คึกคักเลยคะ สนุกดี และสมัยนั้น ถนนก็ยังเป็นดินลูกรัง ไม่ค่อยมีรถสัญจรคะ หมู่ที่เดินรั้งท้ายนี่บันเทิงเลยคะ เพราะหมู่แรกๆที่เดินนำหน้าไปเค้าเดินลากรองเท้ากัน😁 พวกที่เดินหลังๆจึงกลายเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณครู 😅(ฝรั่งหัวแดง)
เราเดินทางไปถึงสวนมะพร้าว ซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายลูกเสือ ก่อนเที่ยงเล็กน้อย พอไปถึงก็เห็นเต็นท์ ที่คุณครูเตรียมไว้ให้เป็นฐานของแต่ละหมู่เรียบร้อยแล้ว โดยแยกหญิงอยู่ด้านซ้าย และชาย ให้อยู่ด้านขวา โดย มีบ้านพักและที่ทำกิจกรรมรอบกองไฟอยู่ตรงกลาง ซึ่งเต็นท์ของหมู่เรานั้น อยู่นอกสุด ด้านหลังติดกับสวนที่ยังไม่ได้ตัดหญ้า ด้านข้างเป็นสวนปาล์มอายุประมาณ2ปี ที่ถูกปลูกแซมในสวนมะพร้าว และอีกข้างก็เป็นเต็นท์ของหมู่ที่อยู่ถัดไป
กิจกรรมของกลางวันนั้น ไม่ได้มีอะไรมาก บลาๆๆๆ
พอตกกลางคืนก็มีการจัดกิจกรรมรอบกองไฟ (ที่ทุกคนรอคอย) โดยต้องผลัดกันไปทำกิจกรรม และอยู่เฝ้าฐานของตัวเอง ฐานละ 2 คน ตอนนั้นเราและเพื่อนสนิท อาสาเฝ้าฐาน ผลัดแรก
ในการเฝ้าฐานนี้ เป็นที่รู้กันว่า จะหลับไม่ได้ ทิ้งฐานก็ไมได้ เพราะจะมีคุณครูที่ย่องมาขโมยธง ถ้าหมู่ไหนโดนขโมยธงไป ก็จะโดนทำโทษด้วยวิธีที่น่าอายมาก5555 แน่ละหมู่เราจึงต้องกำชับเรื่องนี้กันดิบดี ง่วงก็ต้องทน แล้วถ้าปวดฉี่ละ ก็ต้องทน.. เพราะห้องน้ำอยู่ไกล
จนค่อนข้างจะดึกแล้ว การแสดงรอบกองไฟก็ยังคงดำเนินต่อไป อย่างสนุกสนาน และตอนนั้น ที่เรารู้สึกปวดปัสสาวะมากๆ จะเดินไปห้องน้ำก็ขี้เกียจล่ะ หันไปมองต้นปาล์มเป็นเงาตะคุ่ม อยู่ในความมืด เอาล่ะวะ แค่ปัสสาวะแถวนี้คงไม่มีใครเห็นแน่ๆ และเพื่อนก็เห็นดีเห็นงาม เพราะไม่อยากถูกทิ้งอยู่ที่ฐานคนเดียว ก็เลยอาสาระวังหลังให้
เราเดินห่างจากที่เพื่อนยืนรออยู่สักห้าก้าวน่าจะได้ ชนิดที่ยังพูดคุยกันไปเรื่อยๆ ก่อนจะตัดสินใจ นั่งลงตรงกอปาล์ม หันหน้าไปทางที่เค้ากำลังทำกิจกรรมรอบกองไฟกัน เห็นแสงไฟสว่างโพลงที่ส่องถึงยอดมะพร้าว ที่อยู่ไกลออกไป ส่วนรอบตัวเรามีแค่ความมืดมิด
ขณะทำธุระ เราก็ยังได้ยิน เสียงเพลงจากกิจกรรมรอบกองไฟดังชัดเจน แต่แล้ว.. มันก็มีเสียง ฮัม แทรกเข้ามา เสียงมันเหมือนรถบรรทุกหนักที่วิ่งบนถนน แต่มันมีความสะเทือนอยู่ในหู ด้วย และเสียงนั้นก็ค่อยๆชัดขึ้น ขณะเดียวกัน กับที่สายตา ก็พลันมองเห็น แสงสีเขียวจุดเล็กๆ ประมาณหิ่งห้อย อยู่ไกลออกไปในระดับสายตา เลยเงาตะคุ่มของกิ่งปาล์มไปพอสมควร
มันคือตัวอะไร.. มันคือแมลงอะไร.. นั่นคือสิ่งแรกที่เราคิด มันต้องเป็นแมลง แต่มันคือแมลงอะไร ที่มีแสงสีเขียว
ในความมืดมองกะเกณฑ์ ความใกล้ไกลค่อนข้างยาก แต่แสงสีเขียวนั้น มันชัดเจนขึ้น มันเป็นสีเขียวแบบปีกแมลงทับ แต่มีความสว่างจ้าอยู่ตรงกลาง
แล้วจากจุดเล็กๆ มันก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น.. พร้อมๆกับเสียงฮัมสะเทือนในหู ที่ดังขึ้น เช่นกัน
ตอนนั้น... เราเร่งทำธุระ ด้วยความรู้สึกว่า แสงนั้นมันกำลังลอยตรงมาหาเรา และมันก็ใหญ่ขึ้น จนกลายเป็น ดวงไฟขนาดเท่าลูกปิงปองล่ะ
และวินาทีที่ตัดสินใจลุกขึ้น กระโดดจากตรงนั้น ก็คือวินาทีที่ดวงไฟสีเขียวจ้า ซึ่งตอนนี้ขยายใหญ่เท่ากำปั้น พุ่งตรงมาหาเรา พร้อมกับเสียง ฮัม.. บีบโสตประสาท จนทนไม่ไหว
เรากระโดดทีเดียวถึงตัวเพื่อนที่รออยู่ และรีบลากเพื่อนออกมาโดยไม่กล้าหันหลังกลับไปมองเลย
มายืนใจเต้นตูมตามอยู่ที่ฐานซึ่งมีแสงจากหลอดไฟ ทำให้พอจะลดความกลัวไปได้บ้าง ก็มาถามเพื่อนว่า.. ได้ยินหรือเห็นอะไรไหม.. เพื่อนกลับส่ายหน้าว่าไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรเลย ทั้งที่ก็อยู่ใกล้กันแค่นั้น
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น.. ก็คิดสงสัยตลอดมา.. ว่าไอ้ดวงไฟที่เราเห็นมันคืออะไร ถ้าเป็นแมลง แมลงชนิดไหนกัน จะบินมาพร้อมกับเสียง ฮัม ที่สั่นสะเทือนหู และขยายใหญ่ขึ้นได้
และที่สำคัญเราเพิ่งมานึกออกในตอนหลัง ว่าตอนที่ดวงไฟลอยมานั้น เรานั่งหันหน้าเข้าหาโคนต้นปาล์ม ชนิดที่ถ้ามีแมลงอะไรบิน มาจากอีกด้านของต้นปาล์ม มันก็ต้องชนโคนปาล์มก่อนมาถึงตัวเรา แต่การพุ่งเข้ามาของไฟดวงนั้น มันคือ การพุ่งทะลุโคนต้นปาล์มมา
และอีกอย่าง ความสว่างของไฟดวงนั้น ซึ่งมีแสงสีเขียวรอบๆ และสว่างจ้าตรงกลางนั่น มันไม่ได้ทำให้บริเวณนั้นมีแสงสว่างขึ้นมาเลย แต่มันเหมือนมีแสงสว่างอยู่แค่ตัวมันเองเท่านั้น
หรือเรื่องทั้งหมด นี้ จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเรานั่งเป็นที่เป็นทาง 😱