.
เมื่อพรหมลิขิตบันดาลชักพา ให้เรามาพบกันทันใด
พรหมลิขิตดลจิตใจ...
เสียงเพลงดังมาจากที่ไหนไม่รู้ มันช่างไพเราะเสนาะหูดี เขาเดินไปเรื่อย ๆ คิดว่าจะหาที่เหมาะ ๆ งีบสักหน่อย เขารู้สึกเพลียแต่มีความสุขพิลึก เมื่อได้เจอสาวสวยน่ารัก หน้าตาบ๊องแบ๊ว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน มีสีดำปนด้วยเล็กน้อย ลำตัวสะอาดสะอ้าน ผิวขาวทั้งตัว แถมยังนิสัยดีไม่รังเกียจเขาอีกด้วย
เขาเดินไปที่หลังบ้านหลังหนึ่ง สงบดีไม่มีใครอยู่บ้าน สบโอกาสมาก ๆ เขาจะนอนหลับพักผ่อนมันตรงนี้แหละ พรุ่งนี้จะลองไปที่นั่นอีก ไปเจอกับเธอผู้แสนดี แสนสวย แสนน่ารักของเขา ไม่ได้เห็นหน้าเห็นชายคาบ้านก็ยังดี เขาภาวนาขอให้พ่อของเธออนุญาตให้เธอเป็นเพื่อนกับเขาด้วยเถิด แค่เพื่อนก็เพียงพอสำหรับเธอ แต่สำหรับเขาลึก ๆ ในใจมันอยากเป็นมากกว่าเพื่อน อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า คนที่ใช่ไม่จำเป็นต้องคิดนาน เจอปุ๊ปมันก็ใช่ปั๊ปเลย ก่อนที่เขาจะหลับตาลง พาตัวเองเข้าไปสู่ห้วงนิทราหลับไหลฝันถึงหน้าของเธอผู้นั้น
“พรุ่งนี้เจอกันนะโป๊ย” เขายิ้มและพูดออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะหลับตาไปในที่สุด ด้วยฤทธิ์ของความง่วง ความเหนื่อยและเพลียที่เดินไปนู่นไปนี่มาทั้งวัน เขาไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง จะนอนที่ไหนก็ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะได้ชื่อจรจัดเหรอ แต่นอนไหนก็สบายใจทั้งนั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าของก็ได้ ขอแค่ไม่ไหล่เขาไปเหมือนหมูเหมือนหมาก็พอ เขาขอแค่ที่หลบฝนก็พอ บางคนก็ใจดีให้ข้าวให้น้ำ ให้ที่หลบแดดหลบฝน ก็อีกนั่นแหละบางคนก็ไม่มีน้ำใจ สำหรับวันนี้ปลอดภัยหายห่วง เจ้าของบ้านหลังนี้ไม่อยู่ แอบอาศัยหลับนอนได้ถึงเช้า พวกเขามาตอนไหนค่อยว่ากัน ตอนนี้ของีบก่อน เขาหลับไปในที่สุด
เขาหลับสนิทจนถึงเช้า ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงรถยนต์ได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาใกล้ ๆ ภายในบริเวณบ้านหลังนี้ เข้าตื่นและรีบลุกขึ้นพรวดเดียว เพื่อเตรียมตัวหนี คงจะเป็นเจ้าของบ้านที่พึ่งกลับมาจากที่ไหนสักแห่ง เขาไม่สนใจรีบหนีออกไปจากที่นี่ทันที จุดหมายปลายทางคือ บ้านของโป๊ยเซียน ป่านนี้เธอคงรอเขาแย่แล้ว หรือเปล่านะ! หรือเธอลืมเขาไปแล้วก็ได้ ภายในเวลาค่ำคืนเดียว ห่างกันหนึ่งวันใจนารีก็เป็นอื่นแล้ว โป๊ยเซียนจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า เขาเดินไปตามทางพลางนึกเล่น ๆ ในใจ ถ้าเธอลืมเขาแล้วเขาก็จะทำใจยอมรับมัน แต่ว่าคงจะเสียใจมากแน่ ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้น
เมื่อเดินมาถึงอพาร์ตเมนต์ที่เธออยู่ เขาต้องซ่อนตัวแอบย่องเข้ามาภายในบริเวณนี้อีกที เพราะนึกขึ้นมาได้โป๊ยเซียนบอกว่าเจ้าของที่นี่ดุ แถมยังยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เขาอยากเจอเธอ เขาต้องหาทางเข้าไปให้ได้ เหมือนเทวดาอยากให้เขาได้เจอกับเธอจริง ๆ เจ้าของอพาร์ตเมนต์ไม่ได้สนใจเขาเลย เขาย่องเข้ามาได้ และแอบเดินไปที่ห้องของเธอ เขาจำได้ เขาจำห้องที่เธออยู่ได้
แค่เดินขึ้นมาบันไดกลิ่นหอมของตัวเธอก็ลอยมาเตะจมูกเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องจำห้องก็ได้ แค่ได้กลิ่นก็จำได้ว่าอยู่ห้องไหน อนิจจัง เมื่อเขาเดินมาถึงห้องของเธอ ก็พบว่าห้องปิดประตูไว้อย่างสนิท คล้องแม่กุญแจไว้อย่างดี แค่นี้ก็ทำเอาหัวใจเขาหล่นไปที่พื้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว เขาอุตส่าห์แอบเข้าอพาร์ตเมนต์มาได้ ทำไมห้องต้องปิดด้วย เขามองทั่ว ๆ บริเวณหน้าห้อง รองเท้าพ่อกับแม่ของเธอไม่อยู่ หรือพวกเขาไม่อยู่ห้องกัน แล้วโป๊ยล่ะ โป๊ยอยู่ในนั้นหรือเปล่า หรือออกไปกับพ่อแม่ของเธอ เขาลองเรียกเธอดีกว่า
“โป๊ย! โป๊ยเซียนอยู่มั้ย” เมี๊ยว... “เราเองจรจัดไง โป๊ยอยู่ในนั้นหรือเปล่า” เมี๊ยว ๆ ...
ไม่มีเสียงตอบรับ เขานั่งหลังพิงประตู คิดว่าวันนี้คงไม่ได้เจอนางอันเป็นที่รักแล้วล่ะ โป๊ยน่าจะออกไปข้างนอกกับพ่อแม่ แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ ตอนไหน เขาไม่มีทางรู้ได้เลย ความผิดหวังทำให้เศร้าไปโดยอัตโนมัติ ไม่รู้สิเขารู้สึกผิดหวังนิด ๆ ยังไงไม่รู้ โป๊ยเซียนไม่อยู่ เขามาพรุ่งนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ไม่เจอก็วันต่อ ๆ ไป จนกว่าจะเจอ เธอคือหัวใจของเขา
แมวตัวผู้ลายสีดำปนขาวตัวอ้วนถ้วนสมบูรณ์ นอนขวางประตูห้องไว้ ไม่มีท่าทีว่าจะเดินไปไหนมาไหน นอนเฝ้าประตูอยู่อย่างนั้น ประหนึ่งว่าห้องนี้เป็นห้องของมัน เพียงรอเจ้าของกลับมาเท่านั้นเอง จรจัดนอนหมดอาลัยตายอยากที่หน้าห้องของโป๊ยเซียน เขาจะรอเธอ รอจนกว่าจะได้เจอกัน
“เมี๊ยว”! เสียงร้องใส ๆ เล็กแหลมที่เขาคุ้นหูมาก ดังมาจากข้างในห้อง เขารีบลุกขึ้นในทันทีเพราะจำเสียงนั้นได้ “เหมียว เหมียว” ใช่แล้วมันเป็นเสียงร้องของเธอ แล้วเธอเรียกเขาอยู่ตรงไหน
“โป๊ยอยู่ไหน” เมี๊ยว ๆ
“อยู่ตรงนี้!” ตรงหน้าต่างหน้าห้อง โป๊ยเซียนใช้กรงเล็บเกาะมุ้งลวดหน้าต่าง ส่องหน้าคุยกับจรจัด เธอจำเสียงเขาได้เช่นกัน และรอคอยเขา ไม่คิดว่าเขาจะมาตามที่พูดจริง ๆ หลังจากที่แม่ดุเธอเรื่องจรจัด เธอแทบจะตัดใจจากเขาไปในทันที มันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ความรักไม่ต้องการครอบครอง ไม่ต้องอยู่ด้วยกันก็ได้หนิ แค่ได้รักกันก็พอ และไม่คิดว่าเขาจะกลับมาจริง ๆ
จรจัดเห็นเธอนาทีแรกแทบจะหัวเราะออกมา แต่เกรงใจว่าเธอจะโกรธเอา ก็ดูหน้าเธอสิ หน้าอูม ๆ กลม ๆ ของเธอแนบชิดติดมุ้งลวดหน้าต่างขนาดนั้น ใครจะไม่ตลก ตาบ๊องแบ๊วเชียว
“โป๊ยเราดีใจที่ได้เจอโป๊ยอีก เรานึกว่าโป๊ยไม่อยู่ด้วยซ้ำ”
“อยู่! เราอยู่บ้านทุกวันแหละ พ่อกับแม่ไปทำงานน่ะ” เมี๊ยว ๆ เสียงร้องเล็ก ๆ เล็ดลอดออกมาจากรูมุ้งลวดหน้าต่าง เขามองเธอทีไรขำทุกที แต่ไม่กล้าขำออกมาให้เธอเห็น เขากระโดดขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง โชคดีแม่ของเธอเปิดหน้าต่างเอาไว้ แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะหน้าต่างมีทั้งเหล็กดัด เสริมด้วยมุ้งลวดล็อกไว้อย่างดี
จรจัดกระโดดขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง คุยกันสองตัวระหว่างเธอกับเขาอยู่นานสองนาน ไม่มีเบื่อ ไม่รู้มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาเล่าสู่กันฟัง เขานึกว่าเธอจะเมื่อยที่เห็นใช้มือเกาะมุ้งลวดเอาไว้ เปล่าเลย เธอยืนบนคอนโดแมว แม่ของเธอซื้อไว้ให้ เขาค่อยโล่งอกหน่อย สงสารเธอเกรงว่าเธอจะเมื่อย
แต่ว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา เมื่อพ่อกับแม่ของเธอกลับมาแล้ว
“เฮ้ย! ไปเลยนะ!” แม่ของเธอมาถึงก็ไล่เขาไปในทันที ด้วยความกลัวเขากระโดดลงจากหน้าต่างแบบไม่คิดชีวิต วิ่งตรงไปที่บันได ไม่ทันได้ร่ำลานางอันเป็นที่รักเลย หวังว่าโป๊ยคงเข้าใจ
แป้งเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นแมวของตนเกาะหน้าต่าง ขาห้อยต่องแต่ง เพราะกระโดดลงไม่ทัน แป้งอดขำไม่ได้นึกเอ็นดูขึ้นทันที
“อี่โป๊ย! โอย!!หนูลงทุนขนาดนี้เลย “ แป้งเดินไปอุ้มลูกแมวลงจากมุ้งลวด อุ้มมันไว้ที่อ้อมกอดของเธอ ถึงจะดุแต่ก็รัก “เคียวเหมือนพ่อจริง ๆ หึหึ” ใช้มือตีเบา ๆ “ไม่ได้นะลูก หนูจะคบกับแมวจรจัดไม่มีหัวนอนปลายเท้าไม่ได้นะ แม่ไม่อนุญาต หนูเป็นเปอร์เซียหนูจะเอากับแมวบ้านไม่ได้ แม่ไม่ยอมต้องพันธุ์อื่นเท่านั้น แต่แม่คงไม่ให้หนูมีผัวอ่ะ”
เมี๊ยว!
“ไม่ต้องมาเมี๊ยวเลย” เธอใช้มือตีไปที่ปากของโป๊ยเซียนเบา ๆ เป็นการดุแบบเบา ๆ โป๊ยดิ้นพยายามจะลงจากอ้อมกอดของเธอ ๆ ปล่อยมันลงและมันก็เดินไปหาสามีของเธอแทน “แหมเห็นพ่อเป็นไม่ได้ หาข้าวกินเองนะ เทข้าวกินเองเลย เปลี่ยนทรายเองด้วยเวลาพ่อไม่อยู่ หึหึ”
.....
“คุณพ่อขาหนูอยากเลี้ยงแมวตัวนี้ค่ะ “ เด็กน้อยวัยเตาะแตะเดินไปอุ้มแมวอ้วนตัวหนึ่ง มันเดินมาร้องเหมียว ๆ ให้เธอได้ยิน ทำสายตาอ้อนอย่างยากที่จะตัดใจไม่อุ้มขึ้นมาไม่ได้ ด้วยตัวของมันตัวใหญ่ และหนักทำให้เด็กน้อยอุ้มมันไม่ถนัดมือ มันก็ยอมเพราะมันก็รู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้มากเช่นกัน เด็กคนนี้จะช่วยมันให้เลิกเป็นแมวจรจัดได้
“หนูรักมันเหรอคะ รักก็เอามาเลี้ยงเลยลูก “
จบ...
รอยรัก
เมื่อพรหมลิขิตบันดาลชักพา ให้เรามาพบกันทันใด
พรหมลิขิตดลจิตใจ...
เสียงเพลงดังมาจากที่ไหนไม่รู้ มันช่างไพเราะเสนาะหูดี เขาเดินไปเรื่อย ๆ คิดว่าจะหาที่เหมาะ ๆ งีบสักหน่อย เขารู้สึกเพลียแต่มีความสุขพิลึก เมื่อได้เจอสาวสวยน่ารัก หน้าตาบ๊องแบ๊ว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน มีสีดำปนด้วยเล็กน้อย ลำตัวสะอาดสะอ้าน ผิวขาวทั้งตัว แถมยังนิสัยดีไม่รังเกียจเขาอีกด้วย
เขาเดินไปที่หลังบ้านหลังหนึ่ง สงบดีไม่มีใครอยู่บ้าน สบโอกาสมาก ๆ เขาจะนอนหลับพักผ่อนมันตรงนี้แหละ พรุ่งนี้จะลองไปที่นั่นอีก ไปเจอกับเธอผู้แสนดี แสนสวย แสนน่ารักของเขา ไม่ได้เห็นหน้าเห็นชายคาบ้านก็ยังดี เขาภาวนาขอให้พ่อของเธออนุญาตให้เธอเป็นเพื่อนกับเขาด้วยเถิด แค่เพื่อนก็เพียงพอสำหรับเธอ แต่สำหรับเขาลึก ๆ ในใจมันอยากเป็นมากกว่าเพื่อน อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า คนที่ใช่ไม่จำเป็นต้องคิดนาน เจอปุ๊ปมันก็ใช่ปั๊ปเลย ก่อนที่เขาจะหลับตาลง พาตัวเองเข้าไปสู่ห้วงนิทราหลับไหลฝันถึงหน้าของเธอผู้นั้น
“พรุ่งนี้เจอกันนะโป๊ย” เขายิ้มและพูดออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะหลับตาไปในที่สุด ด้วยฤทธิ์ของความง่วง ความเหนื่อยและเพลียที่เดินไปนู่นไปนี่มาทั้งวัน เขาไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง จะนอนที่ไหนก็ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะได้ชื่อจรจัดเหรอ แต่นอนไหนก็สบายใจทั้งนั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าของก็ได้ ขอแค่ไม่ไหล่เขาไปเหมือนหมูเหมือนหมาก็พอ เขาขอแค่ที่หลบฝนก็พอ บางคนก็ใจดีให้ข้าวให้น้ำ ให้ที่หลบแดดหลบฝน ก็อีกนั่นแหละบางคนก็ไม่มีน้ำใจ สำหรับวันนี้ปลอดภัยหายห่วง เจ้าของบ้านหลังนี้ไม่อยู่ แอบอาศัยหลับนอนได้ถึงเช้า พวกเขามาตอนไหนค่อยว่ากัน ตอนนี้ของีบก่อน เขาหลับไปในที่สุด
เขาหลับสนิทจนถึงเช้า ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงรถยนต์ได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาใกล้ ๆ ภายในบริเวณบ้านหลังนี้ เข้าตื่นและรีบลุกขึ้นพรวดเดียว เพื่อเตรียมตัวหนี คงจะเป็นเจ้าของบ้านที่พึ่งกลับมาจากที่ไหนสักแห่ง เขาไม่สนใจรีบหนีออกไปจากที่นี่ทันที จุดหมายปลายทางคือ บ้านของโป๊ยเซียน ป่านนี้เธอคงรอเขาแย่แล้ว หรือเปล่านะ! หรือเธอลืมเขาไปแล้วก็ได้ ภายในเวลาค่ำคืนเดียว ห่างกันหนึ่งวันใจนารีก็เป็นอื่นแล้ว โป๊ยเซียนจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า เขาเดินไปตามทางพลางนึกเล่น ๆ ในใจ ถ้าเธอลืมเขาแล้วเขาก็จะทำใจยอมรับมัน แต่ว่าคงจะเสียใจมากแน่ ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้น
เมื่อเดินมาถึงอพาร์ตเมนต์ที่เธออยู่ เขาต้องซ่อนตัวแอบย่องเข้ามาภายในบริเวณนี้อีกที เพราะนึกขึ้นมาได้โป๊ยเซียนบอกว่าเจ้าของที่นี่ดุ แถมยังยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เขาอยากเจอเธอ เขาต้องหาทางเข้าไปให้ได้ เหมือนเทวดาอยากให้เขาได้เจอกับเธอจริง ๆ เจ้าของอพาร์ตเมนต์ไม่ได้สนใจเขาเลย เขาย่องเข้ามาได้ และแอบเดินไปที่ห้องของเธอ เขาจำได้ เขาจำห้องที่เธออยู่ได้
แค่เดินขึ้นมาบันไดกลิ่นหอมของตัวเธอก็ลอยมาเตะจมูกเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องจำห้องก็ได้ แค่ได้กลิ่นก็จำได้ว่าอยู่ห้องไหน อนิจจัง เมื่อเขาเดินมาถึงห้องของเธอ ก็พบว่าห้องปิดประตูไว้อย่างสนิท คล้องแม่กุญแจไว้อย่างดี แค่นี้ก็ทำเอาหัวใจเขาหล่นไปที่พื้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว เขาอุตส่าห์แอบเข้าอพาร์ตเมนต์มาได้ ทำไมห้องต้องปิดด้วย เขามองทั่ว ๆ บริเวณหน้าห้อง รองเท้าพ่อกับแม่ของเธอไม่อยู่ หรือพวกเขาไม่อยู่ห้องกัน แล้วโป๊ยล่ะ โป๊ยอยู่ในนั้นหรือเปล่า หรือออกไปกับพ่อแม่ของเธอ เขาลองเรียกเธอดีกว่า
“โป๊ย! โป๊ยเซียนอยู่มั้ย” เมี๊ยว... “เราเองจรจัดไง โป๊ยอยู่ในนั้นหรือเปล่า” เมี๊ยว ๆ ...
ไม่มีเสียงตอบรับ เขานั่งหลังพิงประตู คิดว่าวันนี้คงไม่ได้เจอนางอันเป็นที่รักแล้วล่ะ โป๊ยน่าจะออกไปข้างนอกกับพ่อแม่ แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ ตอนไหน เขาไม่มีทางรู้ได้เลย ความผิดหวังทำให้เศร้าไปโดยอัตโนมัติ ไม่รู้สิเขารู้สึกผิดหวังนิด ๆ ยังไงไม่รู้ โป๊ยเซียนไม่อยู่ เขามาพรุ่งนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ไม่เจอก็วันต่อ ๆ ไป จนกว่าจะเจอ เธอคือหัวใจของเขา
แมวตัวผู้ลายสีดำปนขาวตัวอ้วนถ้วนสมบูรณ์ นอนขวางประตูห้องไว้ ไม่มีท่าทีว่าจะเดินไปไหนมาไหน นอนเฝ้าประตูอยู่อย่างนั้น ประหนึ่งว่าห้องนี้เป็นห้องของมัน เพียงรอเจ้าของกลับมาเท่านั้นเอง จรจัดนอนหมดอาลัยตายอยากที่หน้าห้องของโป๊ยเซียน เขาจะรอเธอ รอจนกว่าจะได้เจอกัน
“เมี๊ยว”! เสียงร้องใส ๆ เล็กแหลมที่เขาคุ้นหูมาก ดังมาจากข้างในห้อง เขารีบลุกขึ้นในทันทีเพราะจำเสียงนั้นได้ “เหมียว เหมียว” ใช่แล้วมันเป็นเสียงร้องของเธอ แล้วเธอเรียกเขาอยู่ตรงไหน
“โป๊ยอยู่ไหน” เมี๊ยว ๆ
“อยู่ตรงนี้!” ตรงหน้าต่างหน้าห้อง โป๊ยเซียนใช้กรงเล็บเกาะมุ้งลวดหน้าต่าง ส่องหน้าคุยกับจรจัด เธอจำเสียงเขาได้เช่นกัน และรอคอยเขา ไม่คิดว่าเขาจะมาตามที่พูดจริง ๆ หลังจากที่แม่ดุเธอเรื่องจรจัด เธอแทบจะตัดใจจากเขาไปในทันที มันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ความรักไม่ต้องการครอบครอง ไม่ต้องอยู่ด้วยกันก็ได้หนิ แค่ได้รักกันก็พอ และไม่คิดว่าเขาจะกลับมาจริง ๆ
จรจัดเห็นเธอนาทีแรกแทบจะหัวเราะออกมา แต่เกรงใจว่าเธอจะโกรธเอา ก็ดูหน้าเธอสิ หน้าอูม ๆ กลม ๆ ของเธอแนบชิดติดมุ้งลวดหน้าต่างขนาดนั้น ใครจะไม่ตลก ตาบ๊องแบ๊วเชียว
“โป๊ยเราดีใจที่ได้เจอโป๊ยอีก เรานึกว่าโป๊ยไม่อยู่ด้วยซ้ำ”
“อยู่! เราอยู่บ้านทุกวันแหละ พ่อกับแม่ไปทำงานน่ะ” เมี๊ยว ๆ เสียงร้องเล็ก ๆ เล็ดลอดออกมาจากรูมุ้งลวดหน้าต่าง เขามองเธอทีไรขำทุกที แต่ไม่กล้าขำออกมาให้เธอเห็น เขากระโดดขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง โชคดีแม่ของเธอเปิดหน้าต่างเอาไว้ แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะหน้าต่างมีทั้งเหล็กดัด เสริมด้วยมุ้งลวดล็อกไว้อย่างดี
จรจัดกระโดดขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง คุยกันสองตัวระหว่างเธอกับเขาอยู่นานสองนาน ไม่มีเบื่อ ไม่รู้มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาเล่าสู่กันฟัง เขานึกว่าเธอจะเมื่อยที่เห็นใช้มือเกาะมุ้งลวดเอาไว้ เปล่าเลย เธอยืนบนคอนโดแมว แม่ของเธอซื้อไว้ให้ เขาค่อยโล่งอกหน่อย สงสารเธอเกรงว่าเธอจะเมื่อย
แต่ว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา เมื่อพ่อกับแม่ของเธอกลับมาแล้ว
“เฮ้ย! ไปเลยนะ!” แม่ของเธอมาถึงก็ไล่เขาไปในทันที ด้วยความกลัวเขากระโดดลงจากหน้าต่างแบบไม่คิดชีวิต วิ่งตรงไปที่บันได ไม่ทันได้ร่ำลานางอันเป็นที่รักเลย หวังว่าโป๊ยคงเข้าใจ
แป้งเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นแมวของตนเกาะหน้าต่าง ขาห้อยต่องแต่ง เพราะกระโดดลงไม่ทัน แป้งอดขำไม่ได้นึกเอ็นดูขึ้นทันที
“อี่โป๊ย! โอย!!หนูลงทุนขนาดนี้เลย “ แป้งเดินไปอุ้มลูกแมวลงจากมุ้งลวด อุ้มมันไว้ที่อ้อมกอดของเธอ ถึงจะดุแต่ก็รัก “เคียวเหมือนพ่อจริง ๆ หึหึ” ใช้มือตีเบา ๆ “ไม่ได้นะลูก หนูจะคบกับแมวจรจัดไม่มีหัวนอนปลายเท้าไม่ได้นะ แม่ไม่อนุญาต หนูเป็นเปอร์เซียหนูจะเอากับแมวบ้านไม่ได้ แม่ไม่ยอมต้องพันธุ์อื่นเท่านั้น แต่แม่คงไม่ให้หนูมีผัวอ่ะ”
เมี๊ยว!
“ไม่ต้องมาเมี๊ยวเลย” เธอใช้มือตีไปที่ปากของโป๊ยเซียนเบา ๆ เป็นการดุแบบเบา ๆ โป๊ยดิ้นพยายามจะลงจากอ้อมกอดของเธอ ๆ ปล่อยมันลงและมันก็เดินไปหาสามีของเธอแทน “แหมเห็นพ่อเป็นไม่ได้ หาข้าวกินเองนะ เทข้าวกินเองเลย เปลี่ยนทรายเองด้วยเวลาพ่อไม่อยู่ หึหึ”
.....
“คุณพ่อขาหนูอยากเลี้ยงแมวตัวนี้ค่ะ “ เด็กน้อยวัยเตาะแตะเดินไปอุ้มแมวอ้วนตัวหนึ่ง มันเดินมาร้องเหมียว ๆ ให้เธอได้ยิน ทำสายตาอ้อนอย่างยากที่จะตัดใจไม่อุ้มขึ้นมาไม่ได้ ด้วยตัวของมันตัวใหญ่ และหนักทำให้เด็กน้อยอุ้มมันไม่ถนัดมือ มันก็ยอมเพราะมันก็รู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้มากเช่นกัน เด็กคนนี้จะช่วยมันให้เลิกเป็นแมวจรจัดได้
“หนูรักมันเหรอคะ รักก็เอามาเลี้ยงเลยลูก “
จบ...