สวัสดีค่ะ ดิฉันอายุ 47 ปี.. ที่ผ่านมาชีวิตลำบากมากๆ แต่เป็นคนมุมานะ ตั้งใจเรียนเพื่อหวังให้การศึกษาฉุดขึ้นไป เพื่อจะได้หลุดพ้นจากความจน และก็เป็นเช่นนั้น ดิฉันมีหน้าที่การงานดี จบปริญญาโท เป็นที่พึ่งของแม่และครอบครัว ตลอดชีวิตของดิฉันรู้อย่างเดียวว่าจะทำให้แม่มีความสุขให้ได้ กินอิ่ม มีเสื้อผ้าใหม่ๆสวมใส่ ดิฉันใช้ชีวิตในวัยเยาว์ วัยรุ่น คือการทำงานอุทิศตนเพื่อครอบครัว.. จนแม่สิ้นเมื่อดิฉันอายุ 30 ปี ซึ่งก่อนแม่เสียดิฉันได้พบกับสามี และเป็นคนที่ช่วยสนับสนุนดิฉันทุกอย่าง จนหลังจากแม่เสีย 3 ปีจึงได้แต่งงาน แต่หลังจากนั้นไม่นาน 5 ปีหลังจากแต่งงานเขาเปลี่ยนไปมีมือที่สามเข้ามา จนทำให้ดิฉันตัดสินใจขอเลิก แต่เขาขอเวลาพิสูจน์ตัวเอง ดิฉันให้โอกาส แต่จะอยู่กันแบบเพื่อน ไม่ต้องมีลูกหรืออนาคตด้วยกัน ซึ่งหลังจากนั้นงานที่ดิฉันทำเริ่มมีปัญหาจนตัดสินใจลาออกเมื่ออาย 39 ปี ชีวิตหลังจากนี้คือนรก การออกจากงานโดยไม่มีแผนสำรองเป็นความผิดพลาด ไม่มีที่ไหนรับคนอายุเยอะเข้าทำงาน ดิฉันดิ้นรนจึงกลับมายืนได้ใช้เวลาถึง 5 ปีทีเดียว และได้กลับเข้าทำงานที่ลาออกมาอีกครั้ง สามีพิสูจน์ให้เห็นตามสัญญาที่ให้ไว้แต่ก็ทำงานอีกจังหวัดหนึ่ง แต่กาลเวลาหมุนผ่าน ดิฉันมองไปรอบตัวหลายคนเริ่มร่วงโรย หลายคนล้มหายตายจากไป ดิฉันเริ่มเหงา เคว้ง ซึมเศร้า อยากฆ่าตัวตายตลอดเวลาถามตัวเองถึงจุดหมาย หาตัวตนไม่เจอ เพราะรุ่นๆเดียวกับฉันลูกเริ่มโต เริ่มนำความภูมิใจมาสู่ครอบครัว แล้วตัวดิฉันล่ะ ญาติไม่มี ไม่เห็นใครเลยนอกจากสามี และถ้าวันหนึ่งสามีไปก่อนดิฉันล้ม เป็นผัก อัมพาต ใครจะอยู่ข้างๆ ดิฉันจึงเริ่มคิดจะมีลูกในวัย 47 ซึ่งมันไม่ใช่เวลาเลย ดิฉันเข้าปรึกษาแพทย์ แต่มดลูกดิฉันไม่อำนวย จึงรับไข่บริจาคมา แต่การดำเนินการอาจไม่สำเร็จเช่นกัน จึงมีหวังสุดท้ายคือการอุ้มบุญ.. ซึ่งใช้เงินจำนวนมาก และดิฉันก็เพิ่งตั้งตัวได้อีกครั้งไม่นาน.. ดิฉันทำถูกมั้ย ดิ้นรนมากไปหรือเปล่า ความสุขคือเด็กตัวเล็กๆจริงหรือไม่ คำตอบของชีวิตบั้นปลายของดิฉันคืออะไร..
รู้สึกผิดที่ไม่ตัดสินใจมีลูก มาตอนนี้ชีวิตเคว้งมากๆ เป็นเหมือนกันมั้ย?