มีเรื่องอยากระบาย ขอพื้นที่และผู้รับฟังแสดงความเห็นได้เต็มที่เลยนะคะ
ดิฉันแต่งงานกับสามีฝรั่ง ก่อนแต่งงานคบหาดูใจกันมาระยะเวลา3ปี ความห่างไกลกัน อยู่คนละประเทศมุนทำให้ดิฉันเกิดความเหงา โหยหาชีวิตคู่ ไม่อยากอยู่คนเดียวแล้ว จึงตัดสินใจแต่งงานแบบไม่มีงานแต่งกับสามี ไม่มีแหวน สินสอด พิธีใดๆ เพราะแค่ความรักความรู้สึกก็มากมายพอแล้ว
หลังแต่งงานดิฉันย้ายมาอยู่กับสามีในประเทศเขา เกิดปัฯหาระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้ สามีหาทางออกให้ดิฉันเดินทางไปอยู่บ้านพี่คนไทยที่รู้จักและทำงานเลี้ยงเด็กในบ้านนั้น เพื่อมีเวลาพูดคุยให้เข้าใจกับแม่ตัวเอง ตอนนั้นเขาต้องโกหกว่าดิฉันเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว สุดท้ายดิฉันไม่ทนรอ คิดอยากกลับไทยทันที เขาก็มารับดิฉันจากบ้านพี่คนไทยกลับไปที่บ้านเขาและนอมมีปัญหากับแม่ตัวเอง จากนั้นพิษเศรษฐกิจ ดิฉันและสามีเดินทางมาทำงานที่ประเทศที่สาม(ของเรา)ในยุโรป ทำงานหาเช้ากินค่ำ ลำบากทนกันไป เรียกได้ว่าดิฉันไม่เคยสบายเลย ทำงานเท่าๆกับสามี สามีมีหนี้สินเราก็ช่วยหาเงินแระตับประคองชีวิตคู่ของเราต่อไป เคยแม้แต่จะเกือบนอนในสถานีรถไฟเพราะไม่มีเงินหาที่พัก พอดีเดินทางไปทำงานแต่มันไม่เป็นอย่างที่หวัง เงินหมด ดิฉันต้องโทรยืมเงินเพื่อนจากไทยส่งให้เป็นที่พัก ล่วงเลยมา ดิฉันก็เริ่มไม่แน่ใจตัวเองว่าเขาจะใช่คนที่เราฝากชีวิตด้วยได้ไหม ก็เริ่มบอกตัวเองว่า โอเคฉันยังไหว มันคือความรัก
เวลาเราไม่สบายมีเขาคอยดูแล แต่ความต้องการ ดิฉันขาดมาก แทบโกหกตัวเองว่ายังไหวตลอดเวลา เวลาผ่านมาปีที่7 ในขณะที่ดิฉันหลอกตัวเองมาตลอดที่ว่ายังไหว จนมาเจอผู้ชายคนหนึ่ง เขาอยากเข้ารู้จักเพราะดิฉันเดินอยู่คนเดียว มีการพูดคุย เป็นกำลังใจ เอาใจใส่พาไปเที่ยวกินข้าว มีอะไรกัน2ครั้งในระยะเวลา2เดือน (พยายามห้ามมาตลอดแต่ไม่ช่วย) จนถึงวันที่เขาให้เลือก ดิฉันเลือกสามี เขาจากไป ดิฉันเสียใจเพราะเขาคือคนดี เขาเหนือกว่าสามีทุกสิ่งแต่นั่นมันไม่ได้ทำให้ดิฉันคิดว่าเขาจะรักดิฉันได้มากพอที่สามีรักดิฉัน เขาจากไปแล้ว3เดือน ดิฉันหันกลับมาสู่ความจริง ชีวิตคู่ของดิฉันมันกลับยิ่งแย่ลง คือ
ตลอดเวลาตั้งแต่ที่ดิฉันคบหาเป็นจนกระทั่งแต่งงานเกือบ7ปีนัง
-สามีไม่เคยจูบดิฉันแบบล้ำลึก ไม่เคยจูบดูดดื่ม
-ปัญหาความไม่เข้าใจในครอบครัวก่อเป็นรายจ่ายที่ดิฉันไม่เคยเก็บเงินพอตามความฝันหรือความหวังที่ดิฉันต้องการ คือสร้างบ้าน
-ดิฉันทำงานหาเงินเข้าบ้านช่วยสามีตลอดเวลา มันเหนื่อยมาก
-ปัจจุบันดิฉัน34ปี สามี47ปี ไม่มีบุตร
-สามีไม่มีภาวะผู้นำ ต้องบอกต้องกล่าว ทำบ้างไม่ทำบ้าง
-สามีทำงานหนัก ไม่มีเวลาสำหรับเรา ดิฉันว่างเขาไม่ว่าง แม้แต่เสาร์-อาท้ตย์ยังต้องทำงาน
-ดิฉันเผชิญความเงา อยู่คนเดียวตลอดเวลา แม้แต่วันอาทิตย์อยากกินไอติมสักถ้วยก็ต้องกินคนเดียว
-ดิฉันไปสมัครเล่นฟิตเนสเพื่อฆ่าเวลา แต่ความเหงาก็ยังคงมี
-ดิฉันเปิดใจคุยกับคนนั้นแบบคุยแก้เหงา จนถึงขั้นไม่ควรทำและต้องเลิก เพราะดิฉันไม่อยากบาปไปมากกว่านี้
-ดิฉันเปิดใจคุยกับสามี ในเรื่องเซ็กส์ ฉันเหงา แต่ก็เหมือนเดิม
-สามีไม่หวาน ไม่โรแมนติก แต่งกันมา7ปี แหวนไม่เคยมีสวมใส่ให้สักวง ไม่มีของขวัญในวาระพิเศษอะไรสักชิ้น
-ดิฉันหมดรักสามีแล้ว เพราะมีเขาหรือไม่มี ตลอด7ปี ดิฉันมีความเหงาตลอดเวลา
-ดิฉันคบเพื่อนนะคะแต่เพื่อนเขาเองก็มีครอบครัวของเขาทางของเขาเช่นกัน จะออนทามตลอดกับดิฉันก็ไม่ใช่
-ดิฉันอยากอยู่คนเดียวค่ะ แต่ดิฉันมีความห่วงใยเขาอยู่
-ดิฉันอยากมีความสุขในชีวิตมากกว่านี้ ไกลบ้านก็ว่าแย่แล้ว แต่ต้องอยู่แบบทนขมอดหวาน ดิฉันรู้สึกไม่มีขีวิตชีวา
7ปีทำให้ดิฉันเห็นว่าการโกหกตัวเองแบบขอไปทีหรือคิดง่ายๆมันทำให้ดิฉันเองไม่มีความสุข
ดิฉันควรคิดหรือตัดสินใจกับเรื่องนี้อย่างไรดีค่ะ
ช่วยดิฉันหาทางออกที
7ปี ชีวิตคู่ที่นับเวลาถอยหลัง เพราะหมดรักสามี
ดิฉันแต่งงานกับสามีฝรั่ง ก่อนแต่งงานคบหาดูใจกันมาระยะเวลา3ปี ความห่างไกลกัน อยู่คนละประเทศมุนทำให้ดิฉันเกิดความเหงา โหยหาชีวิตคู่ ไม่อยากอยู่คนเดียวแล้ว จึงตัดสินใจแต่งงานแบบไม่มีงานแต่งกับสามี ไม่มีแหวน สินสอด พิธีใดๆ เพราะแค่ความรักความรู้สึกก็มากมายพอแล้ว
หลังแต่งงานดิฉันย้ายมาอยู่กับสามีในประเทศเขา เกิดปัฯหาระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้ สามีหาทางออกให้ดิฉันเดินทางไปอยู่บ้านพี่คนไทยที่รู้จักและทำงานเลี้ยงเด็กในบ้านนั้น เพื่อมีเวลาพูดคุยให้เข้าใจกับแม่ตัวเอง ตอนนั้นเขาต้องโกหกว่าดิฉันเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว สุดท้ายดิฉันไม่ทนรอ คิดอยากกลับไทยทันที เขาก็มารับดิฉันจากบ้านพี่คนไทยกลับไปที่บ้านเขาและนอมมีปัญหากับแม่ตัวเอง จากนั้นพิษเศรษฐกิจ ดิฉันและสามีเดินทางมาทำงานที่ประเทศที่สาม(ของเรา)ในยุโรป ทำงานหาเช้ากินค่ำ ลำบากทนกันไป เรียกได้ว่าดิฉันไม่เคยสบายเลย ทำงานเท่าๆกับสามี สามีมีหนี้สินเราก็ช่วยหาเงินแระตับประคองชีวิตคู่ของเราต่อไป เคยแม้แต่จะเกือบนอนในสถานีรถไฟเพราะไม่มีเงินหาที่พัก พอดีเดินทางไปทำงานแต่มันไม่เป็นอย่างที่หวัง เงินหมด ดิฉันต้องโทรยืมเงินเพื่อนจากไทยส่งให้เป็นที่พัก ล่วงเลยมา ดิฉันก็เริ่มไม่แน่ใจตัวเองว่าเขาจะใช่คนที่เราฝากชีวิตด้วยได้ไหม ก็เริ่มบอกตัวเองว่า โอเคฉันยังไหว มันคือความรัก
เวลาเราไม่สบายมีเขาคอยดูแล แต่ความต้องการ ดิฉันขาดมาก แทบโกหกตัวเองว่ายังไหวตลอดเวลา เวลาผ่านมาปีที่7 ในขณะที่ดิฉันหลอกตัวเองมาตลอดที่ว่ายังไหว จนมาเจอผู้ชายคนหนึ่ง เขาอยากเข้ารู้จักเพราะดิฉันเดินอยู่คนเดียว มีการพูดคุย เป็นกำลังใจ เอาใจใส่พาไปเที่ยวกินข้าว มีอะไรกัน2ครั้งในระยะเวลา2เดือน (พยายามห้ามมาตลอดแต่ไม่ช่วย) จนถึงวันที่เขาให้เลือก ดิฉันเลือกสามี เขาจากไป ดิฉันเสียใจเพราะเขาคือคนดี เขาเหนือกว่าสามีทุกสิ่งแต่นั่นมันไม่ได้ทำให้ดิฉันคิดว่าเขาจะรักดิฉันได้มากพอที่สามีรักดิฉัน เขาจากไปแล้ว3เดือน ดิฉันหันกลับมาสู่ความจริง ชีวิตคู่ของดิฉันมันกลับยิ่งแย่ลง คือ
ตลอดเวลาตั้งแต่ที่ดิฉันคบหาเป็นจนกระทั่งแต่งงานเกือบ7ปีนัง
-สามีไม่เคยจูบดิฉันแบบล้ำลึก ไม่เคยจูบดูดดื่ม
-ปัญหาความไม่เข้าใจในครอบครัวก่อเป็นรายจ่ายที่ดิฉันไม่เคยเก็บเงินพอตามความฝันหรือความหวังที่ดิฉันต้องการ คือสร้างบ้าน
-ดิฉันทำงานหาเงินเข้าบ้านช่วยสามีตลอดเวลา มันเหนื่อยมาก
-ปัจจุบันดิฉัน34ปี สามี47ปี ไม่มีบุตร
-สามีไม่มีภาวะผู้นำ ต้องบอกต้องกล่าว ทำบ้างไม่ทำบ้าง
-สามีทำงานหนัก ไม่มีเวลาสำหรับเรา ดิฉันว่างเขาไม่ว่าง แม้แต่เสาร์-อาท้ตย์ยังต้องทำงาน
-ดิฉันเผชิญความเงา อยู่คนเดียวตลอดเวลา แม้แต่วันอาทิตย์อยากกินไอติมสักถ้วยก็ต้องกินคนเดียว
-ดิฉันไปสมัครเล่นฟิตเนสเพื่อฆ่าเวลา แต่ความเหงาก็ยังคงมี
-ดิฉันเปิดใจคุยกับคนนั้นแบบคุยแก้เหงา จนถึงขั้นไม่ควรทำและต้องเลิก เพราะดิฉันไม่อยากบาปไปมากกว่านี้
-ดิฉันเปิดใจคุยกับสามี ในเรื่องเซ็กส์ ฉันเหงา แต่ก็เหมือนเดิม
-สามีไม่หวาน ไม่โรแมนติก แต่งกันมา7ปี แหวนไม่เคยมีสวมใส่ให้สักวง ไม่มีของขวัญในวาระพิเศษอะไรสักชิ้น
-ดิฉันหมดรักสามีแล้ว เพราะมีเขาหรือไม่มี ตลอด7ปี ดิฉันมีความเหงาตลอดเวลา
-ดิฉันคบเพื่อนนะคะแต่เพื่อนเขาเองก็มีครอบครัวของเขาทางของเขาเช่นกัน จะออนทามตลอดกับดิฉันก็ไม่ใช่
-ดิฉันอยากอยู่คนเดียวค่ะ แต่ดิฉันมีความห่วงใยเขาอยู่
-ดิฉันอยากมีความสุขในชีวิตมากกว่านี้ ไกลบ้านก็ว่าแย่แล้ว แต่ต้องอยู่แบบทนขมอดหวาน ดิฉันรู้สึกไม่มีขีวิตชีวา
7ปีทำให้ดิฉันเห็นว่าการโกหกตัวเองแบบขอไปทีหรือคิดง่ายๆมันทำให้ดิฉันเองไม่มีความสุข
ดิฉันควรคิดหรือตัดสินใจกับเรื่องนี้อย่างไรดีค่ะ
ช่วยดิฉันหาทางออกที