ผมคิดว่ารัฐควรทบทวนนโยบายรับคนไทยเดินทางกลับในช่วงเวลานี้เนื่องจากเข้าใจว่ารัฐเองแทบจะแบกรับค่าใช้จ่ายในการดูแลคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไม่ไหว ค่าเครื่องบิน ค่าที่พักตลอดเวลาที่กักตัว ค่ารักษาพยาบาลดูแล ค่าจ้างบุคลากรทางการแพทย์เป็นเงินมหาศาล
เมื่อรัฐไม่มีงบเพียงพอก็เกิดผลกระทบไปยังผู้ประกอบกิจการโรงแรมที่ร่วมโครงการ state quarantine เพราะรัฐไม่ยอมจ่ายเงินให้ตรงเวลา ประวิงเวลาล่าช้าสร้างความเสียหาย พนักงานก็ไม่ได้เงินเดือนค่าจ้าง เมื่อผู้ประกอบการสำรองจ่ายไปก่อนก็เกิดภาวะขาดสภาพคล่อง นี่จะกลายเป็นอุ้มคนไทยที่อยู่ต่างประเทศแต่ไม่ดูดำดูดีคนไทยที่อยู่ในประเทศ

ผู้เข้ารับการกักตัวบางคนก็ทำเหมือนมาพักผ่อนโรงแรมห้าดาวต้องการความสะดวกสบาย ต้องการบริการ แต่ส่วนใหญ่ก็เข้าใจดีว่าไม่สามารถให้บริการได้อย่างเวลาปรกติเพราะมีระเบียบกำหนดไว้

ผมทำงานโรงแรมที่เปิดรับคนไทยกักตัว state quarantine ตั้งแต่รับกลุุ่มคนไทยจากหลายประเทศเข้าพักตลอด 4 เดือน สถานการณ์ก็ยังไม่สู้ดีนัก เงินเดือนได้รับล่าช้ามาตลอดจนหนักสุดก็เดือนนี้ที่ยังไม่ได้รับเงินเดือนเลย นอกจากที่สถานประกอบการให้พนักงานบางส่วนหยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ในส่วนที่ยังทำงานอยู่ก็ให้ใช้ลาหยุดโดยไม่ได้รับค่าจ้างเป็น % ตามแต่ความจำเป็นของงาน เหตุที่ต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานช้าเนื่องจากทางรัฐไม่ยอมจ่ายให้กับทางสถานประกอบการ ถ่วงเวลาล่าช้า เข้าใจว่าเงินสำรองคลังคงเหลือน้อย ทีนี้ปัญหาก็ตกอยู่ที่สถานประกอบการที่ต้องดำเนินกิจการต่อไปแบกรับค่าใช้จ่ายแต่ไม่มีเงินหมุนเวียน ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้นจากการที่ผู้กักตัวต้องอยู่ในห้องพักตลอด 14 วัน ค่าอาหาร 3 มื้อและค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ 

เมื่อโรงแรมเข้าโครงการ state quarantine ก็จะต้องหยุดให้บริการอย่างอื่นหมด เช่น ฟิตเนส ห้องอาหาร ห้องประชุมสัมมนา 
การที่รัฐไม่ตรงตามสัญญากับผู้ประกอบการจะส่งผลให้โรงแรมต่างๆ ถอนตัวออกจากการเข้าร่วม state quarantine หมดเพราะได้ไม่คุ้มเสีย ยิ่งช่วงนี้ใกล้เทศกาลงานประชุม เลี้ยงส่งท้ายปี งานแต่งงานก็ต้องเสียโอกาส 

ปัญหาคือถ้ารัฐแบกรับตรงนี้ไม่ไหวก็ควรยกเลิกหรือชะลอการรับกลุ่มคนไทยจากต่างประเทศเข้ามาก่อน รับมาแล้วส่งไปพักตามที่ต่างๆ แล้วรัฐไม่จ่ายเงินให้เขาๆ ก็อยู่ไม่ได้ สุดท้ายก็ล้มหมด มิฉะนั้นรัฐก็ใช้สถานที่ของรัฐเองเป็นที่กักตัว อย่าใช้สถานที่เอกชน