ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 2 ประจำสัปดาห์ที่ 11 ครับ ^^
นี่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ
เพื่อน...
เขาว่ากันว่า "เพื่อนกิน" หาง่าย "เพื่อนตาย" หายาก ก็น่าจะจริงอยู่นะครับ
"เพื่อนตาย" ที่ว่านี้ ความหมายคือ "เพื่อนแท้" รักกันยิ่งกว่าพี่น้องท้องแม่เดียวกัน ยิ่งกว่าคนในครอบครัวเดียวกัน
ที่เรียกว่า
"เพื่อนตาย" นั้น เพราะว่า "ตายแทนกันก็ยังได้"
เพื่อนตาย แบบนี้แหละ หายากยิ่ง...
แต่ แบบในเรื่องนี้ หายากยิ่งกว่าครับ ^^
ผมเป็นคนรักเพื่อน รักมากโดยเฉพาะไอ้โต้งเพื่อนรักที่เติบโตมาพร้อมกัน หลังจากที่เราสองคนเรียนจบม.6 ผมกับไอ้โต้งได้ตกลงกันว่าจะมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ม.ราม
แต่เพราะความยากจนทำให้ครอบครัวของเราสองคน ไม่เห็นด้วยกับการเรียนต่อมหาวิทยาลัย พ่อกับแม่ของผมกับไอ้โต้งต้องการให้เราออกมาทำงาน ทำสวน ทำไร่ ทำนา หรือไม่ก็ไปทำงานก่อสร้างกับญาติพี่น้อง
แต่ผมกับไอ้โต้งไม่ยอมตามใจพวกท่าน ถึงแม้พวกท่านจะออกปากว่าจะไม่ส่งเสียค่าเล่าเรียน ทว่าผมรู้ว่าไม่ใช่พวกท่านไม่อยากส่งเสียค่าเล่าเรียนหากเป็นเพราะ พวกท่านไม่มีเงินจะส่งให้เรียนต่างหาก
ผมกับไอ้โต้งจึงตกลงกันว่าจะหางานทำก่อนเปิดเทอม คงมีเงินพอที่จะจ่ายค่าหน่วยกิตได้ ผมกับไอ้โต้งนั่งรถทัวร์จากหนองคายมากรุงเทพฯ โดยมีสัมภาระคือเป้สะพายหลังคนละใบ
ทันทีที่ถึงกรุงเทพฯ ในเวลาหกโมงเช้า เราสองคนออกเดินเท้า หางานทำ ส่วนเรื่องที่พัก ผมกับไอ้โต้งคิดไว้แล้วว่าจะพักตามปั๊มน้ำมัน จนกว่าจะมีเงินพอเช่าห้องพัก
ตอนสายแดดร้อนบรมเลย เราสองคนเหงื่อออกท่วมตัว เสื้อยืดสีซีดเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ผมยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากสามสี่ครั้ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หน้าผากแห้ง ผมเลยเลิกสนใจ เปลี่ยนความสนใจมามองถนนที่คราคร่ำไปด้วยรถยนต์ และมลพิษที่รถยนต์แต่ละคันปล่อยออกมาจากท่อไอเสีย
ทำเอาไอ้โต้งไอและสำลักควันพิษไปหลายรอบ ผมบอกให้มันเอายาแก้แพ้ขึ้นมากิน ไอ้โต้งมันเป็นโรคภูมิแพ้ ผมไม่รู้ว่ามันแพ้อะไรบ้าง แต่เท่าที่ผมสังเกตเห็น วันไหนที่อากาศเย็น หรือฝนตก ไอ้โต้งมันจะไอ จาม หรือบางครั้งอาจมีตุ่มแดงขึ้นตามตัว
แต่วันนี้ไม่มีฝน แถมอากาศร้อนตับแตก ผมหวังว่าไอ้โต้งคงไม่อุติริแพ้เมืองกรุงขึ้นมาหรอกนะ มันกินยาอาการค่อยดีขึ้นหน่อย ขืนไปสมัครงานแล้วไอ้โต้งไปยืนไอค่อก ๆ แค่ก ๆ มีหวังได้ชวดงานกันพอดี
คนจ้างคงหาว่ามันเป็นโควิด ไอ้โรคระบาดที่ทำเอาโลกทั้งใบปั่นป่วนไปหมด แต่วางใจได้ ผมกับไอ้โต้งได้รับวัคซีนมาแล้ว โควิดเริ่มหายไปจากโลก แต่ความหวาดระแวงของคนยังมีอยู่ ไม่มีใครอยากให้โควิดกลับมาอีกรอบ
ผมกับไอ้โต้งเดินมาไกลจนเข่าอ่อน ตะวันเลื่อนมาอยู่ตรงกลางหัว ยิ่งทำให้ความร้อนทวีคูณ เราสองคนนั่งหลบแดดใต้ต้นไม้ริมทาง ผลัดกันดื่มน้ำขวดที่เหลือเพียงขวดเดียว แต่น้ำไม่ได้ทำให้หายหิว ข้าวยังเป็นสิ่งที่ท้องต้องการเพิ่ม ผมกับไอ้โต้งเอาเงินมานับรวมกันได้ 260 บาท
ผมเห็นใบหน้าซีดเซียวของเพื่อนรัก แล้วอดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้ ที่พามันมาลำบาก แต่เพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม เราสองคนจึงต้องมาเรียน
จริง ๆ แล้ว ไอ้โต้งมันเป็นเด็กเรียนดี ไม่ค่อยพูด แต่เรื่องความมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนฝูง ผมละนับถือมันเลย มันช่วยทุกคนที่เดือดร้อน โดยไม่สนหรอกว่าตัวมันเองจะเดือดร้อนไปด้วย
ผมบอกให้มันรอตรงนี้ ส่วนผมจะไปซื้อข้าว ไม่นานผมกลับมาพร้อมข้าวผัดหนึ่งกล่องในราคา 60 ผมตั้งใจซื้อมากล่องเดียว กะจะแบ่งกันกินคนละครึ่ง เงินที่เหลือจะได้เก็บไว้ซื้อข้าวกินในวันถัด ๆ ไป เพราะไม่รู้จะหางานได้ตอนไหน
ไอ้โต้งหายไป มันไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิม แต่ช่างเถอะ มันอาจจะไปหาที่ยิงกระต่ายที่ไหนสักที่ ผมนั่งลงเปิดกล่องข้าวผัดออก หวังจะสูดดมความหอมของอาหาร แต่ผมกลับได้กลิ่นเหม็นไหม้ เหมือนเนื้อไหม้ โชยมาแตะจมูกแทนข้าวผัดหอม ๆ
แค่ก ๆๆๆๆ...
เสียงไอ้โต้งไอ ดึงผมให้ต้องหันมามอง ผมตกใจนิดหน่อยที่ไม่รู้ตัวว่าไอ้โต้งมันเดินมานั่งตอนไหน
"ตัวนายเหม็น chip หาย เจอปั๊มเมื่อไหร่ นายเข้าไปอาบน้ำนะโว้ย" ผมแขวะเพื่อน กลิ่นตัวมันเหม็นยังกะศพเน่า
ไอ้โต้งพยักหน้ารับเนือง ๆ ใบหน้ามันดูเขียวคล้ำผิดปกติจนผมตกใจ
"นายไม่สบายเปล่าวะ" ผมถามมัน
"ข้าสบายดี แค่ยังเมารถนิดหน่อย ไหนล่ะข้าว ข้าหิวแล้ว"
ผมฉีกกล่องโฟมอีกฝั่งหนึ่งออก แล้วตักข้าวแบ่งให้มัน
เราสองคนนั่งกินข้าวกันอย่างเงียบ ๆ แต่กลิ่นเหม็นเหมือนเนื้อถูกไหม้ยังอบอวลอยู่รอบตัวผม จะว่าเป็นกลิ่นเนื้อหมูในข้าวผัดก็ไม่ใช่ ผมทำจมูกฟุดฟิด ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ไอ้โต้ง
"นายดมอะไรวะ" ไอ้โต้งถามผม
"แล้วนายได้กลิ่นเหม็นไหม้อะไรไหมล่ะ"
"จะกลิ่นเหม็นไหม้อะไรล่ะ ก็กลิ่นเหม็นไหม้เราสองคนนี้แหละ สงสัยสมองแกจะได้รับการกระทบกระเทือน
ก็รถทัวร์ที่เราสองคนนั่งมาเกิดพลิกคว่ำ แล้วไฟไหม้ แต่โชคดีดีเราสองคนหนีออกมาได้ กลิ่นไหม้พวกนี้คงติดตัวพวกเรามา"
"ทำไมข้าจำไม่ได้เลยว่ะ"
"ข้าจะเล่าให้ฟัง รถทัวร์ที่เรานั่งแล่นมาบนถนนมิตรภาพด้วยความเร็ว จู่ ๆ เกิดเสียงระเบิดดังตูม รถทัวร์ยางแตก ก่อนจะไถลไปชนกับรถสิบล้อ เกิดประกายไฟ แล้วรถก็เริ่มไหม้ เราสองคนหนีออกมาทัน"
ผมฟังไอ้โต้งเล่าแล้วขนลุก มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ผมลืมเหตุการณ์ระทึกขวัญเฉียดตายไปได้
"แล้วผู้โดยสารคนอื่น ๆ ล่ะ" ผมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนร่วมเดินทาง
"ตายหมดแล้ว"
ไอ้โต้งตอบน้ำเสียงราบเรียบ แต่หัวใจผมเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัว และตกใจ
"เฮ้ย!!!!! ทำไมเป็นแบบนี้"
"อย่าตกใจไปเพื่อน เราสองคนก็ไม่รอด ดูแขนแกสิ"
ผมก้มมองแขนตัวเอง แล้วต้องเย็นวูบไปทั้งตัว ผิวหนังแดงฉาน แผลพุพองจากการโดนไฟไหม้ น้ำหนองไหลย้อยอาบแขนเน่า ๆ ที่เริ่มส่งกลิ่นเหม็นฉุนชวนอาเจียน
ผมเงยหน้ามองไอ้โต้งแล้วต้องผงะ เขยิบถอยห่างออกมา ร่างของไอ้โต้งไหม้เกรียมเป็นตอตะโก ดวงตาแดงก่ำของมันทำผมขนลุก มันขยับปากซึ่งไร้ฟัน เพื่อที่จะพูดอะไรสักอย่าง ผมกรีดร้องลั่น ด้วยความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ
เฮ้ย!!!!!..
ฮึด!!!..
ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่ง หอบหายใจแรง รู้สึกตัวสั่นไปหมด เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มหน้าผากและฝ่ามือ โชคดีเหลือหลายที่เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน
ผมตื่นขึ้นมาในห้องนอนของตัวเอง ฟูกเก่า ๆ กับผ้าห่มกลิ่นอับ ผมมองไปรอบห้องกีต้าร์ตัวโปรดยังวางอยู่ข้างผนัง กีต้าร์ตัวนี้ผมทำงานตัดอ้อย เก็บเงินเกือบสองปี กว่าจะมีเงินซื้อมา
ผมยิ้มให้กับกีต้าร์ ถอนหายใจแรง ก็แค่ความฝัน เสียงพ่อแม่และน้องสาว ดังแว่วเข้ามาในห้อง และยังมีเสียงญาติพี่น้องคนอื่นที่กำลังคุยกันอย่างเมามันส์
ผมแปลกใจนิดหน่อย ที่ญาติ ๆ มาบ้านผมตั้งแต่เช้า หรือทุกคนจะมาส่งผมไปกรุงเทพฯ แต่ไม่ละ ผมไม่ไปแล้ว ความฝันเมื่อกี้ ทำเอาหวาดหวั่น กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ๆ ผมต้องรีบไปบอกไอ้โต้ง ให้ยกเลิกแผนการเดินทางไปกรุงเทพฯ
ผมค่อย ๆ เปิดประตู เดินออกจากห้องอย่างแผ่วเบา เพื่อไม่ให้ใครเห็น แล้วหลบออกไปทางหลังบ้าน รีบวิ่งไปบ้านไอ้โต้งที่อยู่ซอยถัดไป
หน้าบ้านไอ้โต้งมีญาติพี่น้องมันยืนออเต็มไปหมด ผมจึงเดินอ้อมบ้านที่อยู่ติดบ้านไอ้โต้ง เพื่อหลบทุกคน โชคดีห้องนอนไอ้โต้งอยู่ทางด้านหลังของตัวบ้าน ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นผม
ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าต่างห้องไอ้โต้ง เป็นหน้าต่างบานไม้เก่า ๆ สีซีด ผมเคาะหน้าต่างเรียกมันอยู่สองสามที แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
"ไอ้โต้ง นายอยู่ไหมวะ เปิดหน้าต่างที"
ทันทีที่ผมพูดจบ บานหน้าต่างพลันเปิดอ้าออก
"ไอ้นี่ ข้าเรียกอยู่ตั้งนานกว่าจะเปิดได้"
ผมปีนหน้าต่างเข้ามาในห้องไอ้โต้งอย่างรวดเร็ว มองไปรอบห้องก็ไม่เห็นมีใครอยู่ในห้อง
แล้วเมื่อกี้ใครเปิดหน้าต่างให้ผม
"ไอ้โต้งแกอยู่ไหนวะ" ผมเดินมาใกล้ประตู ทำท่าจะเปิดประตูส่องดูข้างนอกเสียงหน่อย แต่เสียงไอ้โต้งดึงผมให้กลับมามองในห้อง
"ข้าอยู่นี่"
ผมหันกลับมาแล้วเห็นไอ้โต้งนั่งอยู่บนเตียง ตัวดำเป็นตอตะโก ดวงตาแดงก่ำ มันฉีกยิ้มกว้างให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ไร้ฟัน แต่สยดสยองจนสติสัมปชัญญะของผมดับวูบดำดิ่งสู่ความมืดมิด
ฮึด!!!!
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนรถทัวร์ โดยมีไอ้โต้งนั่งนอนหลบอยู่ข้าง ๆ ผมถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ ความฝันบ้าบออะไรน่ากลัวจริง ๆ
ผมกับไอ้โต้งยังไม่ตาย รถทัวร์ไม่ได้ลุกไหม้เหมือนในความฝัน ผมมองออกไปนอนรถ ทุกอย่างมืดมิดไปหมด ไฟริมทาง รถราที่วิ่งสวนไปมาไม่มีสักคัน แสงไฟจากบ้านคนก็ไม่เห็นมี
ผมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ จึงใช้มือจับไหล่ไอ้โต้งเขย่าแรง ๆ เพื่อปลุกเพื่อน
แต่ผลที่ได้ คือศีรษะไอ้โต้งหลุ่นตุ๊บลงบนตักผม...ไม่มีเสียงกรีดร้องตกใจจากผม ไม่มี ไม่มีอะไรอีกแล้ว เพราะผมรู้แล้ว นี้แหละคือเรื่องจริง ผมยอมรับชะตากรรม จับศีรษะไอ้โต้งเสียบคือให้มัน ...และมองออกไปทางหน้าต่าง รถทัวร์ขนศพกำลังแล่นไปตามถนนอเวจีอย่างโดดเดี่ยว...
/// จบ ///
รายชื่อให้เลือกตอบครับ
1. Chi River
2. Christian Trevelyan Grey
3. KTHc
4. Ladylongleg - 2326325 (คุณเล็ก)
5. Lady Star 919 (น้องดาว)
6. Psycho G
7. Soul Master
8. TOSHARE - 5212378
9. WANG JIE (กรรมการ)
10. แจ๊คในสวนถั่ว
11. ดินสอสีน้ำ
12. นลินมณี
13. ป้ามล - 3650985
14. รัชต์สารินท์
15. ลุงแผน
16. ลูนาติก
17. วนิล - 3188982
18. ส.สัตยา
19. สวนดอก
20. สิงห์ริมถนน
💥💀💀 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#32 สัปดาห์ที่ 11 : 8-11 ก.ย. "เพื่อนตาย" - ถุงมือเพื่อนรัก 💀💀💥
นี่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เพื่อน...
เขาว่ากันว่า "เพื่อนกิน" หาง่าย "เพื่อนตาย" หายาก ก็น่าจะจริงอยู่นะครับ
"เพื่อนตาย" ที่ว่านี้ ความหมายคือ "เพื่อนแท้" รักกันยิ่งกว่าพี่น้องท้องแม่เดียวกัน ยิ่งกว่าคนในครอบครัวเดียวกัน
ที่เรียกว่า "เพื่อนตาย" นั้น เพราะว่า "ตายแทนกันก็ยังได้"
เพื่อนตาย แบบนี้แหละ หายากยิ่ง...
แต่ แบบในเรื่องนี้ หายากยิ่งกว่าครับ ^^
ผมเป็นคนรักเพื่อน รักมากโดยเฉพาะไอ้โต้งเพื่อนรักที่เติบโตมาพร้อมกัน หลังจากที่เราสองคนเรียนจบม.6 ผมกับไอ้โต้งได้ตกลงกันว่าจะมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ม.ราม
แต่เพราะความยากจนทำให้ครอบครัวของเราสองคน ไม่เห็นด้วยกับการเรียนต่อมหาวิทยาลัย พ่อกับแม่ของผมกับไอ้โต้งต้องการให้เราออกมาทำงาน ทำสวน ทำไร่ ทำนา หรือไม่ก็ไปทำงานก่อสร้างกับญาติพี่น้อง
แต่ผมกับไอ้โต้งไม่ยอมตามใจพวกท่าน ถึงแม้พวกท่านจะออกปากว่าจะไม่ส่งเสียค่าเล่าเรียน ทว่าผมรู้ว่าไม่ใช่พวกท่านไม่อยากส่งเสียค่าเล่าเรียนหากเป็นเพราะ พวกท่านไม่มีเงินจะส่งให้เรียนต่างหาก
ผมกับไอ้โต้งจึงตกลงกันว่าจะหางานทำก่อนเปิดเทอม คงมีเงินพอที่จะจ่ายค่าหน่วยกิตได้ ผมกับไอ้โต้งนั่งรถทัวร์จากหนองคายมากรุงเทพฯ โดยมีสัมภาระคือเป้สะพายหลังคนละใบ
ทันทีที่ถึงกรุงเทพฯ ในเวลาหกโมงเช้า เราสองคนออกเดินเท้า หางานทำ ส่วนเรื่องที่พัก ผมกับไอ้โต้งคิดไว้แล้วว่าจะพักตามปั๊มน้ำมัน จนกว่าจะมีเงินพอเช่าห้องพัก
ตอนสายแดดร้อนบรมเลย เราสองคนเหงื่อออกท่วมตัว เสื้อยืดสีซีดเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ผมยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากสามสี่ครั้ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หน้าผากแห้ง ผมเลยเลิกสนใจ เปลี่ยนความสนใจมามองถนนที่คราคร่ำไปด้วยรถยนต์ และมลพิษที่รถยนต์แต่ละคันปล่อยออกมาจากท่อไอเสีย
ทำเอาไอ้โต้งไอและสำลักควันพิษไปหลายรอบ ผมบอกให้มันเอายาแก้แพ้ขึ้นมากิน ไอ้โต้งมันเป็นโรคภูมิแพ้ ผมไม่รู้ว่ามันแพ้อะไรบ้าง แต่เท่าที่ผมสังเกตเห็น วันไหนที่อากาศเย็น หรือฝนตก ไอ้โต้งมันจะไอ จาม หรือบางครั้งอาจมีตุ่มแดงขึ้นตามตัว
แต่วันนี้ไม่มีฝน แถมอากาศร้อนตับแตก ผมหวังว่าไอ้โต้งคงไม่อุติริแพ้เมืองกรุงขึ้นมาหรอกนะ มันกินยาอาการค่อยดีขึ้นหน่อย ขืนไปสมัครงานแล้วไอ้โต้งไปยืนไอค่อก ๆ แค่ก ๆ มีหวังได้ชวดงานกันพอดี
คนจ้างคงหาว่ามันเป็นโควิด ไอ้โรคระบาดที่ทำเอาโลกทั้งใบปั่นป่วนไปหมด แต่วางใจได้ ผมกับไอ้โต้งได้รับวัคซีนมาแล้ว โควิดเริ่มหายไปจากโลก แต่ความหวาดระแวงของคนยังมีอยู่ ไม่มีใครอยากให้โควิดกลับมาอีกรอบ
ผมกับไอ้โต้งเดินมาไกลจนเข่าอ่อน ตะวันเลื่อนมาอยู่ตรงกลางหัว ยิ่งทำให้ความร้อนทวีคูณ เราสองคนนั่งหลบแดดใต้ต้นไม้ริมทาง ผลัดกันดื่มน้ำขวดที่เหลือเพียงขวดเดียว แต่น้ำไม่ได้ทำให้หายหิว ข้าวยังเป็นสิ่งที่ท้องต้องการเพิ่ม ผมกับไอ้โต้งเอาเงินมานับรวมกันได้ 260 บาท
ผมเห็นใบหน้าซีดเซียวของเพื่อนรัก แล้วอดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้ ที่พามันมาลำบาก แต่เพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม เราสองคนจึงต้องมาเรียน
จริง ๆ แล้ว ไอ้โต้งมันเป็นเด็กเรียนดี ไม่ค่อยพูด แต่เรื่องความมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนฝูง ผมละนับถือมันเลย มันช่วยทุกคนที่เดือดร้อน โดยไม่สนหรอกว่าตัวมันเองจะเดือดร้อนไปด้วย
ผมบอกให้มันรอตรงนี้ ส่วนผมจะไปซื้อข้าว ไม่นานผมกลับมาพร้อมข้าวผัดหนึ่งกล่องในราคา 60 ผมตั้งใจซื้อมากล่องเดียว กะจะแบ่งกันกินคนละครึ่ง เงินที่เหลือจะได้เก็บไว้ซื้อข้าวกินในวันถัด ๆ ไป เพราะไม่รู้จะหางานได้ตอนไหน
ไอ้โต้งหายไป มันไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิม แต่ช่างเถอะ มันอาจจะไปหาที่ยิงกระต่ายที่ไหนสักที่ ผมนั่งลงเปิดกล่องข้าวผัดออก หวังจะสูดดมความหอมของอาหาร แต่ผมกลับได้กลิ่นเหม็นไหม้ เหมือนเนื้อไหม้ โชยมาแตะจมูกแทนข้าวผัดหอม ๆ
แค่ก ๆๆๆๆ...
เสียงไอ้โต้งไอ ดึงผมให้ต้องหันมามอง ผมตกใจนิดหน่อยที่ไม่รู้ตัวว่าไอ้โต้งมันเดินมานั่งตอนไหน
"ตัวนายเหม็น chip หาย เจอปั๊มเมื่อไหร่ นายเข้าไปอาบน้ำนะโว้ย" ผมแขวะเพื่อน กลิ่นตัวมันเหม็นยังกะศพเน่า
ไอ้โต้งพยักหน้ารับเนือง ๆ ใบหน้ามันดูเขียวคล้ำผิดปกติจนผมตกใจ
"นายไม่สบายเปล่าวะ" ผมถามมัน
"ข้าสบายดี แค่ยังเมารถนิดหน่อย ไหนล่ะข้าว ข้าหิวแล้ว"
ผมฉีกกล่องโฟมอีกฝั่งหนึ่งออก แล้วตักข้าวแบ่งให้มัน
เราสองคนนั่งกินข้าวกันอย่างเงียบ ๆ แต่กลิ่นเหม็นเหมือนเนื้อถูกไหม้ยังอบอวลอยู่รอบตัวผม จะว่าเป็นกลิ่นเนื้อหมูในข้าวผัดก็ไม่ใช่ ผมทำจมูกฟุดฟิด ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ไอ้โต้ง
"นายดมอะไรวะ" ไอ้โต้งถามผม
"แล้วนายได้กลิ่นเหม็นไหม้อะไรไหมล่ะ"
"จะกลิ่นเหม็นไหม้อะไรล่ะ ก็กลิ่นเหม็นไหม้เราสองคนนี้แหละ สงสัยสมองแกจะได้รับการกระทบกระเทือน ก็รถทัวร์ที่เราสองคนนั่งมาเกิดพลิกคว่ำ แล้วไฟไหม้ แต่โชคดีดีเราสองคนหนีออกมาได้ กลิ่นไหม้พวกนี้คงติดตัวพวกเรามา"
"ทำไมข้าจำไม่ได้เลยว่ะ"
"ข้าจะเล่าให้ฟัง รถทัวร์ที่เรานั่งแล่นมาบนถนนมิตรภาพด้วยความเร็ว จู่ ๆ เกิดเสียงระเบิดดังตูม รถทัวร์ยางแตก ก่อนจะไถลไปชนกับรถสิบล้อ เกิดประกายไฟ แล้วรถก็เริ่มไหม้ เราสองคนหนีออกมาทัน"
ผมฟังไอ้โต้งเล่าแล้วขนลุก มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ผมลืมเหตุการณ์ระทึกขวัญเฉียดตายไปได้
"แล้วผู้โดยสารคนอื่น ๆ ล่ะ" ผมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนร่วมเดินทาง
"ตายหมดแล้ว"
ไอ้โต้งตอบน้ำเสียงราบเรียบ แต่หัวใจผมเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัว และตกใจ
"เฮ้ย!!!!! ทำไมเป็นแบบนี้"
"อย่าตกใจไปเพื่อน เราสองคนก็ไม่รอด ดูแขนแกสิ"
ผมก้มมองแขนตัวเอง แล้วต้องเย็นวูบไปทั้งตัว ผิวหนังแดงฉาน แผลพุพองจากการโดนไฟไหม้ น้ำหนองไหลย้อยอาบแขนเน่า ๆ ที่เริ่มส่งกลิ่นเหม็นฉุนชวนอาเจียน
ผมเงยหน้ามองไอ้โต้งแล้วต้องผงะ เขยิบถอยห่างออกมา ร่างของไอ้โต้งไหม้เกรียมเป็นตอตะโก ดวงตาแดงก่ำของมันทำผมขนลุก มันขยับปากซึ่งไร้ฟัน เพื่อที่จะพูดอะไรสักอย่าง ผมกรีดร้องลั่น ด้วยความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ
เฮ้ย!!!!!..
ฮึด!!!..
ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่ง หอบหายใจแรง รู้สึกตัวสั่นไปหมด เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มหน้าผากและฝ่ามือ โชคดีเหลือหลายที่เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน
ผมตื่นขึ้นมาในห้องนอนของตัวเอง ฟูกเก่า ๆ กับผ้าห่มกลิ่นอับ ผมมองไปรอบห้องกีต้าร์ตัวโปรดยังวางอยู่ข้างผนัง กีต้าร์ตัวนี้ผมทำงานตัดอ้อย เก็บเงินเกือบสองปี กว่าจะมีเงินซื้อมา
ผมยิ้มให้กับกีต้าร์ ถอนหายใจแรง ก็แค่ความฝัน เสียงพ่อแม่และน้องสาว ดังแว่วเข้ามาในห้อง และยังมีเสียงญาติพี่น้องคนอื่นที่กำลังคุยกันอย่างเมามันส์
ผมแปลกใจนิดหน่อย ที่ญาติ ๆ มาบ้านผมตั้งแต่เช้า หรือทุกคนจะมาส่งผมไปกรุงเทพฯ แต่ไม่ละ ผมไม่ไปแล้ว ความฝันเมื่อกี้ ทำเอาหวาดหวั่น กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ๆ ผมต้องรีบไปบอกไอ้โต้ง ให้ยกเลิกแผนการเดินทางไปกรุงเทพฯ
ผมค่อย ๆ เปิดประตู เดินออกจากห้องอย่างแผ่วเบา เพื่อไม่ให้ใครเห็น แล้วหลบออกไปทางหลังบ้าน รีบวิ่งไปบ้านไอ้โต้งที่อยู่ซอยถัดไป หน้าบ้านไอ้โต้งมีญาติพี่น้องมันยืนออเต็มไปหมด ผมจึงเดินอ้อมบ้านที่อยู่ติดบ้านไอ้โต้ง เพื่อหลบทุกคน โชคดีห้องนอนไอ้โต้งอยู่ทางด้านหลังของตัวบ้าน ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นผม
ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าต่างห้องไอ้โต้ง เป็นหน้าต่างบานไม้เก่า ๆ สีซีด ผมเคาะหน้าต่างเรียกมันอยู่สองสามที แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
"ไอ้โต้ง นายอยู่ไหมวะ เปิดหน้าต่างที"
ทันทีที่ผมพูดจบ บานหน้าต่างพลันเปิดอ้าออก
"ไอ้นี่ ข้าเรียกอยู่ตั้งนานกว่าจะเปิดได้"
ผมปีนหน้าต่างเข้ามาในห้องไอ้โต้งอย่างรวดเร็ว มองไปรอบห้องก็ไม่เห็นมีใครอยู่ในห้อง แล้วเมื่อกี้ใครเปิดหน้าต่างให้ผม
"ไอ้โต้งแกอยู่ไหนวะ" ผมเดินมาใกล้ประตู ทำท่าจะเปิดประตูส่องดูข้างนอกเสียงหน่อย แต่เสียงไอ้โต้งดึงผมให้กลับมามองในห้อง
"ข้าอยู่นี่"
ผมหันกลับมาแล้วเห็นไอ้โต้งนั่งอยู่บนเตียง ตัวดำเป็นตอตะโก ดวงตาแดงก่ำ มันฉีกยิ้มกว้างให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ไร้ฟัน แต่สยดสยองจนสติสัมปชัญญะของผมดับวูบดำดิ่งสู่ความมืดมิด
ฮึด!!!!
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนรถทัวร์ โดยมีไอ้โต้งนั่งนอนหลบอยู่ข้าง ๆ ผมถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ ความฝันบ้าบออะไรน่ากลัวจริง ๆ
ผมกับไอ้โต้งยังไม่ตาย รถทัวร์ไม่ได้ลุกไหม้เหมือนในความฝัน ผมมองออกไปนอนรถ ทุกอย่างมืดมิดไปหมด ไฟริมทาง รถราที่วิ่งสวนไปมาไม่มีสักคัน แสงไฟจากบ้านคนก็ไม่เห็นมี ผมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ จึงใช้มือจับไหล่ไอ้โต้งเขย่าแรง ๆ เพื่อปลุกเพื่อน
แต่ผลที่ได้ คือศีรษะไอ้โต้งหลุ่นตุ๊บลงบนตักผม...ไม่มีเสียงกรีดร้องตกใจจากผม ไม่มี ไม่มีอะไรอีกแล้ว เพราะผมรู้แล้ว นี้แหละคือเรื่องจริง ผมยอมรับชะตากรรม จับศีรษะไอ้โต้งเสียบคือให้มัน ...และมองออกไปทางหน้าต่าง รถทัวร์ขนศพกำลังแล่นไปตามถนนอเวจีอย่างโดดเดี่ยว...
1. Chi River
2. Christian Trevelyan Grey
3. KTHc
4. Ladylongleg - 2326325 (คุณเล็ก)
5. Lady Star 919 (น้องดาว)
6. Psycho G
7. Soul Master
8. TOSHARE - 5212378
9. WANG JIE (กรรมการ)
10. แจ๊คในสวนถั่ว
11. ดินสอสีน้ำ
12. นลินมณี
13. ป้ามล - 3650985
14. รัชต์สารินท์
15. ลุงแผน
16. ลูนาติก
17. วนิล - 3188982
18. ส.สัตยา
19. สวนดอก
20. สิงห์ริมถนน