Galaxy Note ถือว่าเป็นตระกูลที่ประสบความสำเร็จ อันดับต้นๆของทางค่ายและแน่นอนว่าจุดเด่นของมันคือในเรื่องของปากกาที่มีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าทุกมือถือแน่นอนว่าในช่วงแรกๆถือว่าเป็นไม่กี่รุ่นที่มาพร้อมกับปากกาในตัวที่ใช้งานได้ดีเทียบเท่ากับการใช้ปากกาทั่วไปรวมถึงเป็นแบรนด์แรกที่ทำออกมาที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนด้วย และการพัฒนายังคงมีมาต่อเนื่องจนมาถึงรุ่นปัจจุบัน ทั้งการเขียนที่ดีขึ้น การใช้งานแบบไร้สาย ใช้งานโบกไปมาได้สั่งงานได้ไร้สายเต็มที่มากขึ้น และในรุ่นนี้ได้มีการพัฒนาใช้งานร่วมกับหน้าจอ 120Hz ได้ดีมากขึ้นไปอีกขั้นใน Samsung Galaxy Note20 Ultra ตัวนี้ ที่มีการพัฒนาหน้าจอให้สวยงาม 120Hz ลื่นไหลมากขึ้น ดีไซน์แบบใหม่ พร้อมกับ กล้องหลังพัฒนาขึ้น ซูมได้ 50X และใช้งานเลนส์ Periscope ด้วยเช่นกันรวมถึงยังคงใช้งาน Exynos 990 แบบเดียวกับรุ่น S20 ก่อนหน้านี้ และฟีเจอร์การถ่ายวีดีโอที่เทพขึ้นรวมถึง ปากกาด้วยเช่นกัน
Samsung Galaxy Note 20 Ultra นั้นมีหน้าจอโค้ง Dynamic AMOLED Infinity-O ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด QHD+ ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz (แต่ความละเอียดจะเหลือเพียง HD+ เท่านั้นหากใช้ 120Hz) และมีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วแบบ ultrasonic ใต้หน้าจอ นอกจากนี้มันยังใช้กระจก Gorilla Glass 7 หรือ Gorilla Glass Victus ที่เทพที่สุดในตอนนี้ โดยสามารถทนทานการรอยขีดข่วนมากขึ้น และสามารถทำตกได้สูงสุดได้ถึง 2 เมตร อีกทั้งตัวเครื่องยังทำมาจากกระจกอีกด้วย ในส่วนของกล้องหลังนั้นเจ้า Note20 Ultra จะมาพร้อมกล้องตัวหลักที่มีความละเอียด 108MP ที่สามารถถ่ายวิดิโอได้ 8K ที่ 24fps ในอัตราส่วน 21:9 + เลนส์ periscope ความละเอียด 12MP ที่สามารถซูมแบบ optical ได้ 5x และซูมแบบ Space Zoom ได้สูงสุด 50x + เลนส์กว้าง 120 องศาความละเอียด 12MP และใช้ระบบ autofocus แบบ Laser AF ส่วนของชิปเซตนั้นทั้ง Note20 ธรรมดาและรุ่น Ultra จะใช้เหมือนกัน เป็นชิป Exynos 990 ตัวท็อปของ Samsung สำหรับปากกา S Pen รุ่นใหม่ที่ได้รับการแล้วนั้นทำให้สามารถใช้งานบนหน้าจอ Note20 Ultra ได้โดยมีดีเลย์เพียง 9ms เท่านั้น (ฟีเจอร์นี้ไม่มีบน Note20 รุ่นธรรมดา) และ Samsung ยังเคลมว่าการใช้งาน S Pen จะให้ความรู้สึกเหมือนกับการเขียนบนกระดาษจริง ๆ อีกทั้งข้อความที่เขียนยังสามารถแปลงไฟล์ให้เป็นรูปแบบของ Microsoft Office และสามารถแชร์ไฟล์ดังกล่าวกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ตัว S Pen ยังสามารถตวัดไปกลางอากาศ (โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กับตัวสมาร์ทโฟน) เพื่อสั่งการได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นใช้คำสั่งกลับ, กดปุ่ม home ฯลฯ ถือว่าเปลี่ยนแปลงเยอะพอสมควรครับ มาพร้อมกับ แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 45W, ชาร์จไร้สาย 15W และชาร์จไร้สาย reverse charging 9W สำหรับทางด้านราคานั้นมาพร้อมกับ ราคา Note 20 Ultra 4G 256GB ราคา 38,900 บาท Note 20 Ultra 4G 512GB ราคา 42,900 บาท และ Note 20 Ultra 5G 256GB ราคา 42,900 บาท Note 20 Ultra 5G 512GB ราคา 46,900 บาท ในรีวิวจะเป็นตัว LTE 4G นะครับผม
DESIGN
งานออกแบบในค่ายนี้ยังคงมีความเรียบง่ายแต่เล่นกับวัสดุได้ค่อนข้างสวยงามครับ แต่ทางด้านน้ำหนักและขนาดอาจจะดูใหญ่ไปนิดหน่อยสำหรับการใช้งานทั่วไปแต่ก็ทำออกมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งเรื่องของกล้อง และ หน้าจอในการวาดเขียนต่างๆได้ดีมากขึ้น วัสดุยังคงมีความพรีเมี่ยมเช่นเดิมทั้งหน้าจอและฝาหลัง การวางตำแหน่งกล้องนั้นอาจจะนูนไปเยอะมากพอสมควรทั้งนี้เพราะต้องรองรับกับเลนส์ Periscope ของตัวเทเลที่มีพื้นที่พอสมควรเลยนั้นเองแต่จะเห็นว่าโมดูลตัวกล้องนั้นค่อนข้างใหญ่มากๆทั้งวงกลม 3 วงและภาพรวมสี่เหลี่ยมทั้งหมด แต่ก็ยังคงแนวทางการออกแบบแบบเดียวกับ S20 Ultra ก่อนหน้านี้รวมถึงในรุ่นอื่นๆในค่ายนี้เช่นเดียวกันไม่ได้ดีไซน์แปลกแยกออกมากมากนัก
หน้าจอนั้นมาพร้อมกับหน้าจอ Dynamic AMOLED Infinity-O แบบโค้ง 6.9 นิ้ว (3088 × 1440 พิกเซล) Quad HD+, อัตราส่วน 19.3:9 , HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1500 nits, ใช้กระจก Gorilla Glass Victus พร้อมกับการออกแบบที่เหลี่ยมจัดมากกว่ารุ่น S20 รวมถึงขอบหน้าจออะไรนั้นบางขึ้น
ทางด้านขอบบนหน้าจอนั้นยังคงใช้กล้องหน้าแบบเจาะรู Infinity O-Display เช่นเดิมพร้อมกับกล้องหน้า 10MP F2.2 ตัวเดิมกับรุ่นก่อนหน้าครับ แต่จะเห็นว่าขอบค่อนข้างบางพอสมควรและแทรกลำโพง เซนเซอร์ได้เนียนตา
ขอบหน้าจอด้านล่างนั้นจะเห็นว่ามีความหนากว่าส่วนอื่นๆเป็นปกติครับ จะมีขนาดเท่ากันกับ S20 Ultra ประมาณนึง ก็ถือว่าเป็นส่วนที่อาจจะทำความยางได้ค่อนข้างยากพอสมควรครับเพราะเป็นชิ้นส่วนข้างในต่างๆ และการควบคุมนั้นใช้งานแบบ 3 ปุ่มหรือใช้ท่าทางต่างๆได้เช่นเดิมเลย และตัวหน้าจอขอบข้างยังคงโค้งอยู่ในรุ่นนี้ ซึ่งถ้ารุ่นปกตินั้นจะไม่โค้งนะครับเช่น Note 20 นั้นจะเป็นแบบหน้าจอเรียบๆไม่ได้มีการโค้งลงแต่อย่างใดเลย
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นเราจะเห็นว่ามีความสมมาตรในการออกแบบชัดเจนเลยหน้าจอและฝาหลังนั้นเรียบเท่ากันพร้อมกับ ทำมุมโค้งลงทั้งหมด 2 ข้างมีองศาเท่ากัน และวัสดุอลูมิเนียมสวยงามปัดกึ่งเงา พร้อมกับไมค์ รู USB-C และ ลำโพงหลักของเครื่องตัวแรก และ ที่เก็บปากกานั้นเอง และแน่นอนว่ารองรับการกันน้ำอะไรได้ปกติครับ
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม เพิ่ม ลดเสียงครับแน่นอนว่าจะเห็นการออกแบบขอบอลูมิเนียมที่พยายามทำให้บางมากๆพร้อมกับ การปัดเงาสวยงาม และเว้าส่วนปุ่มไว้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งฝาหลังจะโค้งเท่ากับกระจกด้านหน้าเช่นกัน
ขอบด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามีการออกแบบที่สมมาตรเช่นกันแต่จุดที่เด่นมากคือ เลนส์กล้องที่มีความนูนขึ้นมาเยอะมากๆครับ ซึ่งจุดนี้ในการใช้งานจริงแอบเกะกะนิดหน่อยและเวลาวางพื้นจะโดนได้ง่ายรวมถึง เวลาเขียนปากกาจะค่อนข้างโยกได้ง่าย ทำให้ไม่ค่อยโอเคเท่าไรนัก แต่สามารถหาเคสช่วยได้ครับ รวมถึงถาดซิมเป็น Nano 2 ซิม และมีไมค์ตัดเสียงรบกวนมาให้ด้วยในด้านบน
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นต้องบอกว่ามีความบางมากๆในแง่ของเฟรมเครื่องและยังคงใช้งานวัสดุโลหะปัดเงาสวยงามครับและจะเห็นว่าความโค้งของฝาหลัง และ กระจกหน้านั้นมีความโค้งเท่าๆกันเลยทีเดียวทำให้การจับถือนั้นสะดวก
ฝาหลังการออกแบบนั้นยังคงอิงการวางกล้องอะไรไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้ามากนักเมื่อเทียบกับ S20 Ultra ก่อนหน้าแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงเลนส์การวางข้างในรวมถึงความนูนออกมาแตกต่างกันนั้นเอง ส่วนวัสดุฝาหลังเป็นกระจกด้านเล่นกับแสงได้ดีครับ ทางด้านสีนั้นจะออกทองแดง Mystic Bronze สวยงามพอสมควรเลยและมีความเรียบง่าย ส่วนกล้องนั้นจะเป็นวัสดุแบบเงาครับ และสแกนนิ้วนั้นเป็นสแกนนิ้วบนหน้าจอแบบเดียวกับรุ่นอื่นๆก่อนหน้านี้ทั้งหมดแล้วด้วยเช่นกัน
กล้องหลังนั้นมีความใหญ่โตจริงๆทั้งเรื่องของ วงกลมแต่ละเลนส์และความนูนออกมาของตัวโมดูลเล่นต่างๆนั้นทำให้ส่วนนี้มีความหนาขึ้นเยอะมากๆ การวางกล้องนั้นทำให้วงกลมทั้งหมดดูแปลกตาและดูเข้ากันแม้ว่าจะข้างในเลนส์สุดท้ายจะเป็นสี่เหลี่ยมก็ตามครับ มาพร้อมกับเลนส์ กล้องหลังมุมกว้าง 108MP (f/1.8), รองรับ PDAF, + เลนส์เทเล 12MP (f/3.0), รองรับ PDAF, OIS, ที่ซูมแบบ optical ได้ 5X, ซูมแบบ Super Resolution ได้ 50X + เลนส์กว้าง 120 องศา 12MP (f/2.2) และ เซนเซอร์ในการวัดแสง วัดระยะต่างๆพร้อมกับไฟแฟลชให้มาครบ
ปากกานั้นยังคงมีการออกแบบที่ไม่ได้หนีจากเดิมมากนักแต่การเล่นสีนั้นเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องมีความพรีเมี่ยมพอสมควรเลยทีเดียวมีความเงาสวยและเรียบๆไม่ได้มีการตกแต่งอะไรเยอะในส่วนของปากกาตัวนี้รวมถึงสามารถใช้งานได้ดีเช่นเดิมเลย รองรับการใช้งานคำสั่งแบบไม่สัมผัสตัวเครื่องได้รวมถึงน้ำหนักและขนาดกำลังใช้งานได้ดีลงตัวครับ
SPEC
- หน้าจอ Dynamic AMOLED Infinity-O แบบโค้ง 6.9 นิ้ว (3088 × 1440 พิกเซล) Quad HD+, อัตราส่วน 19.3:9 , HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1500 nits, ใช้กระจก Gorilla Glass Victus
- ชิปประมวลผล Snapdragon 865+ 7nm พร้อมการ์ดจอ Adreno 650 / Exynos 990 7nm EUV พร้อมการ์ดจอ ARM Mali-G77MP11 (ตามประเทศที่วางจำหน่าย)
- รุ่น LTE- RAM LPDDR5 8GB + storage (UFS 3.1) 256GB/512GB
- Android 10 ที่ครอบด้วย OneUI
- ซิมคู่ (nano + nano)
- กล้องหลังมุมกว้าง 108MP (f/1.8), รองรับ PDAF, + เลนส์เทเล 12MP (f/3.0), รองรับ PDAF, OIS, ที่ซูมแบบ optical ได้ 5X, ซูมแบบ Super Resolution ได้ 50X + เลนส์กว้าง 120 องศา 12MP (f/2.2)
- กล้องหน้า 10MP (f/2.2)
- กันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP68
- ลำโพง Stereo speakers โดย AKG, รองรับ Dolby Atmos
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- ขนาดตัวเครื่อง: 164.8 x 77.2 x 8.1mm; น้ำหนัก: 208กรัม
- รองรับปากกา S Pen ที่มีหัวขนาด 0.7 mm, กันน้ำ IP68
- Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11ax (2.4/5GHz), Bluetooth 5, GPS , USB Type-C (Gen 3.2), NFC
- แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 25W, ชาร์จไร้สาย 15W และชาร์จไร้สาย reverse charging 9W ชาร์จไวสูงสุด 45W
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพตัวเครื่องในรุ่นนี้ S20 Plus จัดเต็มมาเช่นเดิมในการใช้งาน Exynos ในตลาดไทยครับ โดยใช้งานตัว Exynos 990 7nm EUV + GPU Mali-G77MP11 พร้อมกับ RAM LPDDR5 8GB ทำคะแนนไปได้ 525942 คะแนนถือว่าแรงดีครับ และในส่วนของ UFS 3.0 ทำคะแนนได้ดีเช่นเดิมคือ 1575 และ 758 แน่นอนว่าความปลอดภัยรองรับ NETFLIX FHD เรียบร้อยสูงสุดครับ และ คะแนน GEEKBENCH นั้นทำไปได้ 566-2645
SYSTEM UI
หน้าตาเรือธงตัวนี้ยังคงใช้งาน ONE UI2 ตัวล่าสุดครับ ที่มีการเปลี่ยนมาไม่นานครับ และพัฒนาแก้ไขจากรุ่น 1 มาเยอะขึ้นในแง่ของความเสถียรครับและหน้าตาบางอย่างเลยทำให้ หน้าตารวมๆสวยงามเลยนะ ในหน้าล็อคนั้นมีรูปลายนิ้วเราก็สามารถสแกนนิ้วได้เลยครับ ส่วนหน้าตา ไอคอน และ อุณหภูมิอะไรก็ไปอยู่มุมซ้ายสวยงามเลยครับ ส่วนหน้าตารวมๆก็เรียบสวยขึ้นนะอันนี้แอบชอบครับ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้และรู้สึกว่ามันมีความลื่นไหลมากกว่าเดิมแบบชัดเจนในการพัฒนารอบนี้
[SR] รีวิว Samsung Galaxy Note20 Ultra เรือธงเน้นปากกา จอ 120Hz พร้อมกล้องเทพขึ้น !
Galaxy Note ถือว่าเป็นตระกูลที่ประสบความสำเร็จ อันดับต้นๆของทางค่ายและแน่นอนว่าจุดเด่นของมันคือในเรื่องของปากกาที่มีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าทุกมือถือแน่นอนว่าในช่วงแรกๆถือว่าเป็นไม่กี่รุ่นที่มาพร้อมกับปากกาในตัวที่ใช้งานได้ดีเทียบเท่ากับการใช้ปากกาทั่วไปรวมถึงเป็นแบรนด์แรกที่ทำออกมาที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนด้วย และการพัฒนายังคงมีมาต่อเนื่องจนมาถึงรุ่นปัจจุบัน ทั้งการเขียนที่ดีขึ้น การใช้งานแบบไร้สาย ใช้งานโบกไปมาได้สั่งงานได้ไร้สายเต็มที่มากขึ้น และในรุ่นนี้ได้มีการพัฒนาใช้งานร่วมกับหน้าจอ 120Hz ได้ดีมากขึ้นไปอีกขั้นใน Samsung Galaxy Note20 Ultra ตัวนี้ ที่มีการพัฒนาหน้าจอให้สวยงาม 120Hz ลื่นไหลมากขึ้น ดีไซน์แบบใหม่ พร้อมกับ กล้องหลังพัฒนาขึ้น ซูมได้ 50X และใช้งานเลนส์ Periscope ด้วยเช่นกันรวมถึงยังคงใช้งาน Exynos 990 แบบเดียวกับรุ่น S20 ก่อนหน้านี้ และฟีเจอร์การถ่ายวีดีโอที่เทพขึ้นรวมถึง ปากกาด้วยเช่นกัน
Samsung Galaxy Note 20 Ultra นั้นมีหน้าจอโค้ง Dynamic AMOLED Infinity-O ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด QHD+ ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz (แต่ความละเอียดจะเหลือเพียง HD+ เท่านั้นหากใช้ 120Hz) และมีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วแบบ ultrasonic ใต้หน้าจอ นอกจากนี้มันยังใช้กระจก Gorilla Glass 7 หรือ Gorilla Glass Victus ที่เทพที่สุดในตอนนี้ โดยสามารถทนทานการรอยขีดข่วนมากขึ้น และสามารถทำตกได้สูงสุดได้ถึง 2 เมตร อีกทั้งตัวเครื่องยังทำมาจากกระจกอีกด้วย ในส่วนของกล้องหลังนั้นเจ้า Note20 Ultra จะมาพร้อมกล้องตัวหลักที่มีความละเอียด 108MP ที่สามารถถ่ายวิดิโอได้ 8K ที่ 24fps ในอัตราส่วน 21:9 + เลนส์ periscope ความละเอียด 12MP ที่สามารถซูมแบบ optical ได้ 5x และซูมแบบ Space Zoom ได้สูงสุด 50x + เลนส์กว้าง 120 องศาความละเอียด 12MP และใช้ระบบ autofocus แบบ Laser AF ส่วนของชิปเซตนั้นทั้ง Note20 ธรรมดาและรุ่น Ultra จะใช้เหมือนกัน เป็นชิป Exynos 990 ตัวท็อปของ Samsung สำหรับปากกา S Pen รุ่นใหม่ที่ได้รับการแล้วนั้นทำให้สามารถใช้งานบนหน้าจอ Note20 Ultra ได้โดยมีดีเลย์เพียง 9ms เท่านั้น (ฟีเจอร์นี้ไม่มีบน Note20 รุ่นธรรมดา) และ Samsung ยังเคลมว่าการใช้งาน S Pen จะให้ความรู้สึกเหมือนกับการเขียนบนกระดาษจริง ๆ อีกทั้งข้อความที่เขียนยังสามารถแปลงไฟล์ให้เป็นรูปแบบของ Microsoft Office และสามารถแชร์ไฟล์ดังกล่าวกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ตัว S Pen ยังสามารถตวัดไปกลางอากาศ (โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กับตัวสมาร์ทโฟน) เพื่อสั่งการได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นใช้คำสั่งกลับ, กดปุ่ม home ฯลฯ ถือว่าเปลี่ยนแปลงเยอะพอสมควรครับ มาพร้อมกับ แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 45W, ชาร์จไร้สาย 15W และชาร์จไร้สาย reverse charging 9W สำหรับทางด้านราคานั้นมาพร้อมกับ ราคา Note 20 Ultra 4G 256GB ราคา 38,900 บาท Note 20 Ultra 4G 512GB ราคา 42,900 บาท และ Note 20 Ultra 5G 256GB ราคา 42,900 บาท Note 20 Ultra 5G 512GB ราคา 46,900 บาท ในรีวิวจะเป็นตัว LTE 4G นะครับผม
DESIGN
งานออกแบบในค่ายนี้ยังคงมีความเรียบง่ายแต่เล่นกับวัสดุได้ค่อนข้างสวยงามครับ แต่ทางด้านน้ำหนักและขนาดอาจจะดูใหญ่ไปนิดหน่อยสำหรับการใช้งานทั่วไปแต่ก็ทำออกมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งเรื่องของกล้อง และ หน้าจอในการวาดเขียนต่างๆได้ดีมากขึ้น วัสดุยังคงมีความพรีเมี่ยมเช่นเดิมทั้งหน้าจอและฝาหลัง การวางตำแหน่งกล้องนั้นอาจจะนูนไปเยอะมากพอสมควรทั้งนี้เพราะต้องรองรับกับเลนส์ Periscope ของตัวเทเลที่มีพื้นที่พอสมควรเลยนั้นเองแต่จะเห็นว่าโมดูลตัวกล้องนั้นค่อนข้างใหญ่มากๆทั้งวงกลม 3 วงและภาพรวมสี่เหลี่ยมทั้งหมด แต่ก็ยังคงแนวทางการออกแบบแบบเดียวกับ S20 Ultra ก่อนหน้านี้รวมถึงในรุ่นอื่นๆในค่ายนี้เช่นเดียวกันไม่ได้ดีไซน์แปลกแยกออกมากมากนัก
หน้าจอนั้นมาพร้อมกับหน้าจอ Dynamic AMOLED Infinity-O แบบโค้ง 6.9 นิ้ว (3088 × 1440 พิกเซล) Quad HD+, อัตราส่วน 19.3:9 , HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1500 nits, ใช้กระจก Gorilla Glass Victus พร้อมกับการออกแบบที่เหลี่ยมจัดมากกว่ารุ่น S20 รวมถึงขอบหน้าจออะไรนั้นบางขึ้น
ทางด้านขอบบนหน้าจอนั้นยังคงใช้กล้องหน้าแบบเจาะรู Infinity O-Display เช่นเดิมพร้อมกับกล้องหน้า 10MP F2.2 ตัวเดิมกับรุ่นก่อนหน้าครับ แต่จะเห็นว่าขอบค่อนข้างบางพอสมควรและแทรกลำโพง เซนเซอร์ได้เนียนตา
ขอบหน้าจอด้านล่างนั้นจะเห็นว่ามีความหนากว่าส่วนอื่นๆเป็นปกติครับ จะมีขนาดเท่ากันกับ S20 Ultra ประมาณนึง ก็ถือว่าเป็นส่วนที่อาจจะทำความยางได้ค่อนข้างยากพอสมควรครับเพราะเป็นชิ้นส่วนข้างในต่างๆ และการควบคุมนั้นใช้งานแบบ 3 ปุ่มหรือใช้ท่าทางต่างๆได้เช่นเดิมเลย และตัวหน้าจอขอบข้างยังคงโค้งอยู่ในรุ่นนี้ ซึ่งถ้ารุ่นปกตินั้นจะไม่โค้งนะครับเช่น Note 20 นั้นจะเป็นแบบหน้าจอเรียบๆไม่ได้มีการโค้งลงแต่อย่างใดเลย
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นเราจะเห็นว่ามีความสมมาตรในการออกแบบชัดเจนเลยหน้าจอและฝาหลังนั้นเรียบเท่ากันพร้อมกับ ทำมุมโค้งลงทั้งหมด 2 ข้างมีองศาเท่ากัน และวัสดุอลูมิเนียมสวยงามปัดกึ่งเงา พร้อมกับไมค์ รู USB-C และ ลำโพงหลักของเครื่องตัวแรก และ ที่เก็บปากกานั้นเอง และแน่นอนว่ารองรับการกันน้ำอะไรได้ปกติครับ
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม เพิ่ม ลดเสียงครับแน่นอนว่าจะเห็นการออกแบบขอบอลูมิเนียมที่พยายามทำให้บางมากๆพร้อมกับ การปัดเงาสวยงาม และเว้าส่วนปุ่มไว้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งฝาหลังจะโค้งเท่ากับกระจกด้านหน้าเช่นกัน
ขอบด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามีการออกแบบที่สมมาตรเช่นกันแต่จุดที่เด่นมากคือ เลนส์กล้องที่มีความนูนขึ้นมาเยอะมากๆครับ ซึ่งจุดนี้ในการใช้งานจริงแอบเกะกะนิดหน่อยและเวลาวางพื้นจะโดนได้ง่ายรวมถึง เวลาเขียนปากกาจะค่อนข้างโยกได้ง่าย ทำให้ไม่ค่อยโอเคเท่าไรนัก แต่สามารถหาเคสช่วยได้ครับ รวมถึงถาดซิมเป็น Nano 2 ซิม และมีไมค์ตัดเสียงรบกวนมาให้ด้วยในด้านบน
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นต้องบอกว่ามีความบางมากๆในแง่ของเฟรมเครื่องและยังคงใช้งานวัสดุโลหะปัดเงาสวยงามครับและจะเห็นว่าความโค้งของฝาหลัง และ กระจกหน้านั้นมีความโค้งเท่าๆกันเลยทีเดียวทำให้การจับถือนั้นสะดวก
ฝาหลังการออกแบบนั้นยังคงอิงการวางกล้องอะไรไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้ามากนักเมื่อเทียบกับ S20 Ultra ก่อนหน้าแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงเลนส์การวางข้างในรวมถึงความนูนออกมาแตกต่างกันนั้นเอง ส่วนวัสดุฝาหลังเป็นกระจกด้านเล่นกับแสงได้ดีครับ ทางด้านสีนั้นจะออกทองแดง Mystic Bronze สวยงามพอสมควรเลยและมีความเรียบง่าย ส่วนกล้องนั้นจะเป็นวัสดุแบบเงาครับ และสแกนนิ้วนั้นเป็นสแกนนิ้วบนหน้าจอแบบเดียวกับรุ่นอื่นๆก่อนหน้านี้ทั้งหมดแล้วด้วยเช่นกัน
กล้องหลังนั้นมีความใหญ่โตจริงๆทั้งเรื่องของ วงกลมแต่ละเลนส์และความนูนออกมาของตัวโมดูลเล่นต่างๆนั้นทำให้ส่วนนี้มีความหนาขึ้นเยอะมากๆ การวางกล้องนั้นทำให้วงกลมทั้งหมดดูแปลกตาและดูเข้ากันแม้ว่าจะข้างในเลนส์สุดท้ายจะเป็นสี่เหลี่ยมก็ตามครับ มาพร้อมกับเลนส์ กล้องหลังมุมกว้าง 108MP (f/1.8), รองรับ PDAF, + เลนส์เทเล 12MP (f/3.0), รองรับ PDAF, OIS, ที่ซูมแบบ optical ได้ 5X, ซูมแบบ Super Resolution ได้ 50X + เลนส์กว้าง 120 องศา 12MP (f/2.2) และ เซนเซอร์ในการวัดแสง วัดระยะต่างๆพร้อมกับไฟแฟลชให้มาครบ
ปากกานั้นยังคงมีการออกแบบที่ไม่ได้หนีจากเดิมมากนักแต่การเล่นสีนั้นเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องมีความพรีเมี่ยมพอสมควรเลยทีเดียวมีความเงาสวยและเรียบๆไม่ได้มีการตกแต่งอะไรเยอะในส่วนของปากกาตัวนี้รวมถึงสามารถใช้งานได้ดีเช่นเดิมเลย รองรับการใช้งานคำสั่งแบบไม่สัมผัสตัวเครื่องได้รวมถึงน้ำหนักและขนาดกำลังใช้งานได้ดีลงตัวครับ
SPEC
- หน้าจอ Dynamic AMOLED Infinity-O แบบโค้ง 6.9 นิ้ว (3088 × 1440 พิกเซล) Quad HD+, อัตราส่วน 19.3:9 , HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1500 nits, ใช้กระจก Gorilla Glass Victus
- ชิปประมวลผล Snapdragon 865+ 7nm พร้อมการ์ดจอ Adreno 650 / Exynos 990 7nm EUV พร้อมการ์ดจอ ARM Mali-G77MP11 (ตามประเทศที่วางจำหน่าย)
- รุ่น LTE- RAM LPDDR5 8GB + storage (UFS 3.1) 256GB/512GB
- Android 10 ที่ครอบด้วย OneUI
- ซิมคู่ (nano + nano)
- กล้องหลังมุมกว้าง 108MP (f/1.8), รองรับ PDAF, + เลนส์เทเล 12MP (f/3.0), รองรับ PDAF, OIS, ที่ซูมแบบ optical ได้ 5X, ซูมแบบ Super Resolution ได้ 50X + เลนส์กว้าง 120 องศา 12MP (f/2.2)
- กล้องหน้า 10MP (f/2.2)
- กันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP68
- ลำโพง Stereo speakers โดย AKG, รองรับ Dolby Atmos
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- ขนาดตัวเครื่อง: 164.8 x 77.2 x 8.1mm; น้ำหนัก: 208กรัม
- รองรับปากกา S Pen ที่มีหัวขนาด 0.7 mm, กันน้ำ IP68
- Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11ax (2.4/5GHz), Bluetooth 5, GPS , USB Type-C (Gen 3.2), NFC
- แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 25W, ชาร์จไร้สาย 15W และชาร์จไร้สาย reverse charging 9W ชาร์จไวสูงสุด 45W
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพตัวเครื่องในรุ่นนี้ S20 Plus จัดเต็มมาเช่นเดิมในการใช้งาน Exynos ในตลาดไทยครับ โดยใช้งานตัว Exynos 990 7nm EUV + GPU Mali-G77MP11 พร้อมกับ RAM LPDDR5 8GB ทำคะแนนไปได้ 525942 คะแนนถือว่าแรงดีครับ และในส่วนของ UFS 3.0 ทำคะแนนได้ดีเช่นเดิมคือ 1575 และ 758 แน่นอนว่าความปลอดภัยรองรับ NETFLIX FHD เรียบร้อยสูงสุดครับ และ คะแนน GEEKBENCH นั้นทำไปได้ 566-2645
SYSTEM UI
หน้าตาเรือธงตัวนี้ยังคงใช้งาน ONE UI2 ตัวล่าสุดครับ ที่มีการเปลี่ยนมาไม่นานครับ และพัฒนาแก้ไขจากรุ่น 1 มาเยอะขึ้นในแง่ของความเสถียรครับและหน้าตาบางอย่างเลยทำให้ หน้าตารวมๆสวยงามเลยนะ ในหน้าล็อคนั้นมีรูปลายนิ้วเราก็สามารถสแกนนิ้วได้เลยครับ ส่วนหน้าตา ไอคอน และ อุณหภูมิอะไรก็ไปอยู่มุมซ้ายสวยงามเลยครับ ส่วนหน้าตารวมๆก็เรียบสวยขึ้นนะอันนี้แอบชอบครับ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้และรู้สึกว่ามันมีความลื่นไหลมากกว่าเดิมแบบชัดเจนในการพัฒนารอบนี้
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้