[SR] พรีวิว Samsung Galaxy Note 10+ การเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของตระกูล Note !


Samsung Galaxy Note 10 ได้ทำการเปิดตัวในประเทศไทยเรียบร้อยซึ่งมาพร้อมกันทั้งหมด 2 รุ่นคือ Samsung Galaxy Note 10 ในรุ่นเล็ก และ Note 10+ ในรุ่นใหญ่ครับ แน่นอนว่ามีจุดแตกต่างกันพอสมควรทั้งเรื่องของราคา และ ขนาดหน้าจอรวมถึงตัวกล้องครั้บซึ่งรุ่นที่เราจะมาพรีวิวกันนี้จะเป็นรุ่น Note 10+ รุ่นใหญ่ พรีวิวกันสดๆจากงานเปิดตัวครับ โดยในรุ่นนี้ถือว่ามีความน่าสนใจและเป็นการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างจากรุ่นก่อนหน้าส่วนมากจะเป็นฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามาที่น่าสนใจมากๆครับอีกทั้งเรื่องดีไซน์มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรทั้งฝาหลังการจัดวางกล้อง รวมถึงหน้าจอแบบ มีรูตรงกลางหรือเรียกกันว่าหน้าจอ Infinity O Display นั้นเองครับเรามาชมแกะกล่องพรีวิวกันนิดนึงว่าตัวนี้จะมีอะไรมาให้และดีไซน์คร่าวๆกันก่อนรวมถึงหน้าจอ ระบบเสียงเป็นยังไงกันครับ



สำหรับ Samsung Galaxy Note 10+ นั้นเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นมากมายเริ่มแรกคือใช้ CPU Exynos 9825 ตัวใหม่ล่าสุดที่ผลิตในนวัตกรรมแบบใหม่ 7nm EUV ซึ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม และในส่วนของหน้าจอ เป็นหน้าจอ Dynamic AMOLED ทั้งคู่รองรับ HDR 10+ แต่จะแตกต่างกันที่ความละเอียดครับ โดยในตัวของ 10+ นั้นจะมีความละเอียดมากกว่า โดยทั้งคู่ใช้กระจก Gorilla Glass 6 และหน้าจอขอบโค้งเล็กน้อยครับ และ ความสว่างหน้าจอสูงสุดถึง 1,200 nits อีกทั้งกล้องหลังยังมาพร้อมกล้อง 4 ตัว พร้อมใส่ TOF 3D เข้ามาด้วยครับ โดยกล้องหลักนั้น Galaxy Note 10+ กล้อง หลัก 12MP AF F1.5/F2.4 OIS กล้อง เทเล 12 MP F2.1 OIS กล้อง มุมกว้าง 16 MP F2.2 123 องศา ไม่มี AF-OIS และ Depthvision TOF 3D ส่วนสแกนนิ้วก็ใช้แบบ Ultrasonic เข้ามาแต่ใกล้หน้าจอกว่าเดิมทำให้ใช้งานได้ไวขึ้น อีกทั้งระบบชาร์จไวก็ถูกใส่เข้ามาสูงสุด 45W และ S-Pen นั้นได้พัฒนาใช้งานคำสั่งบนอากาศได้ แบบไม้กายสิทธ์เลยนั้นเองโบกไปมาสั่งงานได้ครับล้ำมากๆเลยจุดนี้ แต่เสียดายคือกล้องหน้านั้นรูรับแสงแคบขึ้น และ ตัดรูหูฟังออกไปแล้วในตระกูล Note 10 ครับผม ส่วนราคานั้นเปิดมาที่ 37,900 บาท และ 40,900 บาทสำหรับความจุ 512GB



UNBOX

แกะกล่องกันนิดนึงครับในรุ่นนี้กล่องมาในโทนสีดำด้าน พร้อมกับปากกาสีน้ำเงิน เปลี่ยนสีตามสีเครื่องครับถ้าสีน้ำเงิน หัวสีเงิน แบบนี้จะเป็นสี Aura Glow นั้นเองครับ ส่วนสีอื่นๆก็ตามสีเครื่องเลย และแน่นอนว่าอุปกรณ์ในกล่องนั้นต้องบอกว่าให้มาครบ ยกเว้น ตัวแปลง Type-c 3.5 มม. นั้นไม่มีมาให้นะครับ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆนั้นต้องบอกว่ามาครบ ทั้งเรื่องของเคสใสแบบนิ่ม หัวชาร์จ Type-C 25W และ ในส่วนของหูฟัง AKG เปลี่ยนมาเป็นหัวแบบ Type-C แล้วเช่นกัน รวมถึง สายชาร์จเป็นหัว Type-C ทั้ง 2 ด้านเลย และ มีที่จิ้มซิม คู่มือ และ ตัวเปลี่ยนหัวปากกามาให้เหมือนเดิมครับ


ตัวหัวชาร์จครั้งนี้มาพร้อมกับการชาร์จไวแล้วและให้มา 25W ครับแกะกล่องก็ได้เลย และหัวเป็นแบบ Type-C นั้นเองซึ่งจริงๆแล้วรุ่นนี้สามารถใช้งานได้ไวสุด 45W เลยทีเดียว แต่ต้องหาซื้อเพิ่มกันเอาเองนะครับถ้าตัว 45W



ในเรื่องของเคสครั้งนี้เป็นเคสแบบใสนิ่ม TPU ครับปกคลุมทั้งเครื่องได้ดีเหมือนกันในด้านหลังและพอดีกับหน้าเลนส์กล้อง ส่วนด้านหน้านั้นอาจจะไม่ได้ปกป้องดีมากเท่าไรเพราะด้วยหน้าจอขอบบางๆและขอบโค้งทำให้เคสนั้นไม่สามารถคลุมมาด้านหน้าได้ รวมถึงตัวนี้ไม่มีฟิลม์ติดมาให้ด้วยนะครับแต่ไม่แน่ใจว่าตัวขายจริงนั้นจะมีมาให้ไหมต้องรอชมกันอีกที ส่วนเรืองความหนาของเคสก็กลางๆครับเหมือนเคสแถมหลายๆแบรนด์ใช้งานแก้ขัดได้สบายๆอยู่นะ ข้างหลังนั้นเหมือนจะมีลวดลายแบบจุดๆไม่ให้มันเป็นลายน้ำนั้นเองและทำให้ฝาหลังไม่ติดกับตัวเคสครับ


DESIGN

ในแง่ของการออกแบบเอาจริงๆตอนมีข่าวหลุดๆออกมาก็ไม่ค่อยชอบเท่าไรเลยเพราะมันดันไปคล้ายกับอีกค่ายแบบเหมือนกันมากๆทั้งการวางตำแหน่งกล้องและกล้องตัวที่ 4 นั้นเองจริงๆชอบการออกแบบการวางแนวนอนแบบรุ่นก่อนมากกว่า เลยไม่ค่อยชอบดีไซน์ฝาหลังเท่าไรครับ ส่วนการเล่นสีนั้นในรุ่นนี้จะคล้ายๆสีโครมเมี่ยมและเล่นกับแสงสะท้อนออกมาได้หลากหลายสีมากๆ ทั้งการวางกล้องและสีนั้นจะไปคล้ายกับตระกูล A ของค่ายนั้นเอง แต่ที่ขอชมและชอบมากๆคือการทำขนาดและน้ำหนักความหนา ได้บางมากๆ บางจนเท่าตระกูล S ได้เลย จากที่แตกก่อนตระกูล Note จะหนาหนัก อาจจะเป็นเพราะการตัดรู 3.5 มม. ออกไปนั้นเองครับส่วนหน้าจอนั้นขอบบางมากๆ และมีไฝ 1 จุดตรงกลางที่เป็นกล้องหน้าครับ หน้าจอนั้นขอบโค้งนิดหน่อยในด้านข้างทั้ง 2 ข้าง รวมๆชอบความบางของมัน แต่ดีไซน์ด้านหลังยังไม่ค่อยถูกใจเท่าไรครับผม ส่วนด้านหน้าจอสวยขอบบาง แต่มีไฝนิดนึงตรงกลางของหน้าจอ


หน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอแบบใหม่ Dynamic AMOLED – Infinity O Display ขนาดหน้าจอ 6.8 นิ้วในความละเอียด QuadHD+ รวมถึงหน้าจอครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6 พร้อมรองรับ HDR10+ รวมถึงความสว่างสูงสุดถึง 1,200 Nits เลยทีเดียวครับ


ขอบหน้าจอข้างบนนั้นทำได้บางมากๆและมีการแทรกลำโพงไปตรงขอบเครื่องได้อย่างเนียนๆและกล้องหน้านั้นเป็นไฝอยู่ตรงกลางครับไม่ใช่ติ่งหน้าจอแต่อย่างใด ซึ่งกล้องหน้านั้นเป็น 10MP รูรับแสง F2.2 พร้อมกับ Autofocus


ในขอบด้านล่างนั้นก็ถือว่าทำได้บางมากๆแล้วครับในครั้งนี้ มาพร้อมกับปุ่มควบคุมในหน้าจอสามารถใช้งานเต็มจอได้สบายๆและทำได้บางกว่า S10+ ไปแล้วด้วยในส่วนของขอบล่างหน้าจอครับ


ในด้านบนนั้นจะเห็นว่าเป็น ถาดซิมแบบ Dualslot -HybridSlot นั้นเองสามารถเพิ่มความจำได้ครับ ส่วน 2 ช่องนั้นจะเป็นไมค์หลักๆ 2 ตัวในการทำงานของการตัดเสียงรบกวนและซูมเสียงทั้งหลายนั้นเองครับ ตัวเครื่องค่อนข้างสมมาตร โค้งหน้าหลังเท่ากันเลยและมีความบางที่บางขึ้นมาก บางเพียง 8มม. เท่านั้นครับในรอบนี้เบาด้วยแหละ


ในส่วนของขอบด้านล่างนั้นเป็นที่เสียบปากกา ลำโพง รู Type-C และ ไมค์อีกตัวครับ รวมถึงไม่มีรู 3.5 มม. แล้วด้วยครับ ซึ่งเหตุผลคือต้องการความบาง ความสวย และ พื้นที่ในการใส่ Haptics ตัวสั่นให้ใหญ่กว่าเดิมนั้นเอง


ขอบด้านขวาครั้งนี้จะไม่มีปุ่มอะไรเลยครับ ไม่มีปุ่ม Bixby แล้วด้วยในครั้งนี้ จะเห็นว่าขอบอลูมิเนียมนั้นมันบางมากๆ เพราะกระจกขอบหน้าและหลังโค้งเข้าหากันครับทำให้ขอบมันเหลือบางมากๆ และจอก็โค้งมารับได้ดีเวลาถือใช้งาน


เนื่องจากขอบที่บางมากๆทำให้การใส่ปุ่มเข้ามานั้นทำให้มันหนากว่าขอบด้วยซ้ำ ฝาหลังส่วนนี้จึงต้องมีการเว้าขึ้นไปเพื่อรองรับปุ่มนั้นเองและขอบอลูมิเนียมก็ไม่ได้หนาเท่ากันทุกส่วนด้วยครับถ้าสังเกตดีๆจะเห็นมันเว้าขึ้นไปตรงปุ่ม และฝาหลังนั้นเล่นแสงสีได้ดีมากๆถ้าเจอแสงอาทิตย์หรือหลอดไปจะเล่นแสงได้สวยมากจริงๆมาเป็นสีรุ้ง Spectrum เลย


เมื่อมีคนถามว่าฝาหลังมันสีจริงๆเป็นยังไงจะตอบยากมากๆครับ เพราะสีมันเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมเอาจริงๆตอบได้เลยอาจจะเป็นสีเงินโครเมี่ยมก็ยังได้ครับและมีการเหลือบสีเยอะแยะมากๆสะท้อนแสงได้ดี ส่วนการวางกล้องนั้นจะเป็นแนวตั้งริมซ้ายคล้ายๆกับตระกูล A และคล้ายๆ Huawei เลยแหละ โลโก้วางกลาง พร้อมกับสแกนนิ้วนั้นไม่มีแล้ว เพราะย้ายไปอยู่บนหน้าจอแทนครับทำให้ด้านหลังนั้นเรียบๆเลย กล้องนูนออกมานิดนึงครับไม่นูนเท่าไร


ส่วนของกล้องหลังนั้นวางแนวตั้ง มาพร้อมกับ เซนเซอร์ TOF 3D ที่เป็นจุดๆข้างขวาพร้อมไฟแฟลชครับ รวมถึงกล้องนั้นมาพร้อมกับ 3 ตัวในโมดูลริมซ้าย คือมาพร้อม เลนส์ ultrawide 16MP (f/2.2), เลนส์ตัวหลัก 12MP (f/1.5,f/2.4), เลนส์เทเล 12MP (f/2.1) ที่สามารถซูมแบบ optical ได้ 2x และเลนส์ ToF DepthVision


SPEC

- หน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว WQHD+ (3,040 x 1,080 พิกเซล) Dynamic AMOLED Infinity-O
- Exynos 9825/Snapdragon 855
- Ram 12GB/ Storage 256GB/512GB ที่สามารถใส่ SD card เพิ่มได้ถึง 1TB
- บน Note 10+ 5G ได้เพิ่ม Modem 5G เข้าไปด้วย (Exynos S5100/Snapdragon X50)
- กล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วย เลนส์ ultrawide 16MP (f/2.2), เลนส์ตัวหลัก 12MP (f/1.5,f/2.4), เลนส์เทเล 12MP (f/2.1) ที่สามารถซูมแบบ optical ได้ 2x และเลนส์ ToF DepthVision สำหรับถ่าย 3D scanning ได้
- กล้องหน้า 10MP (f/2.2)
- Dual SIM (nano)
- ตัวเครื่องกันน้ำ IP68
- Bluetooth 5.0, Dual-Band WiFi, NFC, Samsung DeX, Samsung Pay และพอร์ต USB Type-C 3.1
- แบตเตอรี่ 4,300mAh ที่รองรับ Fast Wireless Charging 2.0 (15W) มาพร้อมฟีเจอร์ Wireless PowerShare ด้วย และชาร์จไวแบบสายถึง 45W แต่ว่าหัวชาร์จ 45W นั้นจะไม่แถมมากับเครื่อง
- มาพร้อมสี AURA GLOW – AURA BLACK – AURA WHITE
- ราคาเริ่มต้น 37,900 บาท


SCREEN

สำหรับหน้าจอในรุ่นนี้หลักจากที่ได้ลองกันคร่าวๆนั้นต้องบอกว่าความสว่างทำได้ดีมากๆคือสว่างและสีสันยังคงทำได้ดีครับในเรื่องของหน้าจอจริงๆค่ายนี้ทำออกมาได้ดีตลอดเลยนะในเรื่องของการสู้แสง ความสดของหน้าจอนั้นยังคงทำได้น่าประทับใจรวมถึงมุมมองที่รองรับได้ดีมุมเอียงๆต่างๆครับแต่ที่ขัดใจอาจจะเป็นดีไซน์ของมันมากกว่ามีเป็นจุดตรงกลางครับเวลาดูอะไรเต็มจออย่างเช่นในภาพเวลาดูภาพเต็มๆจออาจจะขัดใจเล็กๆครับ ส่วนเรื่องการสัมผัสนั้นทำได้ดีเลยติดนิ้วและค่อนข้างไว รวมถึงเวลาใช้งานปากกาต่างๆนั้นตอบสนองต่อแรงกดได้ดีและลื่นไหลดีมากๆครับ


SOUND

ในเรื่องของเสียงขอพูดเทียบกับตัว S10+ นะครับเพราะเอาไปในงานทั้งคู่เลยจากที่ได้ลองคร่าวๆขอพูดถึงเรื่องลำโพงกันก่อนในรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงคู่รองรับ Dolby อะไรปกติครับรวมถึงรองรับเสียง 24Bits แน่นอนว่าเสียงจากรุ่น S10+ ที่ทำได้ดีแล้วรุ่นนี้นั้นทำได้ดีกว่านิดหน่อยครับในเรื่องของความดังของเสียงที่มีมากกว่าเดิม แต่เรื่องของมิติเสียงอะไรนั้นยังไม่สามารถจับควมแตกต่างกันได้เท่าไรในสภาพเสียงตอนที่ลองนะครับ ไว้ไปลองในรีวิวเต็มๆในช่อง Techhangout Battle กันได้ และ ในส่วนของหูฟังนั้นต้องบอกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเป็น Type-c แล้วแต่เรื่องของเสียงเอาจริงๆนั้นไมไ่ด้แตกต่างกับตัว S10+ เลยนั้นเองครับหรือเอาง่ายๆนั้นเสียงมันแบบเดียวกันเลยถ้าเอามาเสียบกับ S10+ นั้นแหละเสียงหูฟังให้แนวเสียงเดียวกันกับตัวแรก เบสมานิดหน่อย เสียงใสๆมิติมากลางๆ จะเด่นเรื่องเสียงร้องที่ชัด และ แอบแหลมไปนิดนึงตามสไตล์ครับ ใส่สบายไม่แตกต่างกันนำ้หนักเบาพอสมควรครับ

ชื่อสินค้า:   Samsung Galaxy Note 10+
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่