Huawei นั้นได้ทำการเปิดตัวเรือธงประจำปีในตระกูล P ปีนี้และในครั้งนี้มาถึง 3 รุ่นด้วยกันแต่ในช่วงนี้แน่นอนว่าสถานการณ์ช่วงนี้อาจจะต้องลำบากกันนิดหน่อยครับ แต่ทาง Huawei เองก็เดินหน้าเปิดตัวกันเป็นที่เรียบร้อยสำหรับรุ่นนี้ ในครั้งนี้แน่นอนว่าเน้นเรื่องกล้องขึ้นไปอีกทั้งการพัฒนาเซนเซอร์ใหญ่ขึ้น การรองรับการถ่ายที่ดีขึ้นรวมถึง RYYB ที่พัฒนาไปมากกว่าเดิม และการโฟกัสอะไรก็เช่นกันครับ ในส่วนงานถ่ายวีดีโอก็พัฒนามากขึ้น รวมถึงในงานออกแบบหน้าจอขอบโค้งทั้ง 4 ด้านในด้านหน้าที่โค้งด้านบนและล่างรวมถึงฝาหลังแบบด้านและการเล่นสีที่สวยงามขึ้น และแน่นอนการรองรับการชาร์จไร้สายที่ไวกว่าเดิมมากถึง 27W ในรุ่นนี้ครับและ มี AI เข้ามาช่วยในงานถ่ายภาพต่างๆมากขึ้น รวมถึงการรองรับ 5G WIFI 6+ ในการเชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยเช่นกันถือว่าหลายๆอย่างจัดเต็มขึ้นครับ
Huawei P40 Pro นั้นมาพร้อมกับ สเปครองรับ 5G ในไทยได้สบายใช้งาน CPU Kirin 990 5G พร้อมกับ RAM 8 GB STORAGE 256 GB ใช้งาน UFS 3.0 รวมถึงในการเชื่อมต่อรองรับ Wifi6+ ด้วยเช่นกัน ในส่วนของหน้าจอนั้นอัพเกรดมาใช้งานหน้าจอ OLED ขนาด 6.58 นิ้ว (2640×1200พิกเซล) อัตราส่วน 19.8:9, รีเฟรชเรท90Hz เป็นรุ่นแรกที่มีความลื่นไหลสูงสุดของค่ายในตอนนี้พร้อมกับหน้าจอแบบโค้งลงทั้ง 4 ด้านทำให้การสัมผัสเนียนมากกว่าเดิมแต่พาแนลจอไม่ได้โค้งตามแบบ Mate 30 Pro นะครับรวมถึงปุ่มเพิ่มลดเสียงก็ใช้งานแบบปกติแล้วไม่ได้สัมผัสแบบรุ่นนั้น ส่วนทางด้านแบตให้มาที่ 4200mAh ที่รองรับชาร์จเร็วแบบมีสาย 40W และชาร์จเร็วแบบไร้สาย 27W ถือว่าเร็วแรงมากๆ และ ในด้านของกล้องนั้นจะให้มา 4 ตัวกล้องหลัง UltraVision 50MP (f/1.9) ที่มี optical stabilization + เลนส์สำหรับถ่ายวิดิโอและเลนส์กว้าง ultra-wide 40MP + เลนส์เทเล 3x SuperSensing 12MP ในรุ่น P40 Pro Plus หรือ เลนส์เทเล 5x SuperSensing 12MP ในรุ่น P40 Pro + เซนเซอร์ ToF อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Huawei XD Fusion Engine และสามารถซูมแบบดิจิทัลได้ 50x และ กล้องหน้า 32MP (f/2.2) พร้อมระบบแสกนใบหน้าแบบ 3 มิติด้วยไม่ได้ตัดออกไปเลย ส่วนราคานั้นยังไม่ประกาศ
UNBOX
- ตัวเครื่อง HUAWEI P40 PRO
- หูฟัง USB-C
- ที่ชาร์จรองรับ 40W
- สายชาร์จรองรับ 40W USB-C
- คู่มือที่จิ้มซิม
- เคสใสแข็ง ตัวขายจริงมีนะครับ
ทางด้านหัวชาร์จให้เต็มที่มา 40W แบบ SuperCharge ครับ และ ทางด้านหูฟังแน่นอนว่าเป็นแบบเดียวกับทาง Mate 30 Pro และไม่มีรู 3.5 มม.แล้วนั้นเองครับเลยใช้งานแบบนี้ทั้งหมดแบบในรุ่นก่อนๆรูปทรงแบบเดิมนั้นเอง
DESIGN
งานออกแบบนั้นจะเป็นการเปลี่ยนงานออกแบบอีกครั้งจากรุ่นก่อนหน้าทั้งรูปทรงดีไซน์และวัสดุ ฝาหลังในครั้งนี้ใช้งานฝาหลังกระจกแบบด้านพร้อมกับเล่นแสงสะท้อนได้ดีงามมากครับเด่นและสวยแบบเรียบๆโทนสีเงินอมฟ้าจางๆนิดหน่อยเล่นแสงสีได้ดี กล้องหลังวางไว้มุมซ้ายบนทรงที่เหลี่ยมใหญ่เอาเรื่องและนูนพอสมควรครับ ส่วนการวางกล้องแบบนี้มันไม่ค่อยเป็นเอกลักษณ์ตัวเองเท่าไรนักยังคงก็ชอบดีไซน์ Mate ที่ยังเด่นและไม่เหมือนใครได้ดีกว่า ส่วนน้ำหนักมีพอประมาณไม่ได้เบามากแต่ก็ใกล้ๆกับ P30 Pro แต่หนักกว่า Mate 30 Pro ครับ ส่วนงานประกอบวัสดุ ความเนียนสมมาตรถือว่าทำได้ดีจับแล้วเนียนเวลาใช้งานหน้าจอโค้งทั้ง 4 ด้านก็เลื่อนปุ่มโฮมอะไรได้เนียนนิ้วมาก
หน้าจอนั้นเปลี่ยนการออกแบบใหม่หมดขอบโค้ง 4 ด้านพร้อมหน้าจอเจาะรูพร้อมสแกนใบหน้า หน้าจอให้ OLED ขนาด 6.58 นิ้ว (2640×1200พิกเซล) อัตราส่วน 19.8:9, รีเฟรชเรท90Hz 531 nits DCI-P3 and sRGB รองรับ HDR 10+ พร้อมกับสัมผัสที่ค่อนข้างติดนิ้วและลื่นไหลพอสมควรเลย
หน้าจอในด้านหน้านั้นต้องบอกว่าถ้ามองตรงๆแบบในภาพนั้นจอจะค่อนข้างบางมากขอบบางกว่ารุ่นอื่นชัดเจนแต่ถ้ามองแบบ ISOMETRIC หรือเอียงๆจะหนาเพราะว่าขอบดำหน้าจอมันโค้งลงข้างเครื่องเลยหลอกตาว่ามันดูหนานั้นเองครับ แต่จริงๆถ้ามองตรงๆจะไม่หนามากนักบางกว่าตัวอื่นพอสมควรเลย แต่เพียงเพราะรุ่นอื่นมันขอบเครื่องกินมาข้างบนเลยทำให้มุมเอียงๆมันดูไม่หนานั้นเองครับ
ขอบด้านล่างนั้นอย่างที่แจ้งถ้าดูแบบมุมนี้จะหนาพอสมควรแต่ถ้าหน้าตรงจะได้ประมาณภาพแรกนั้นเองครับ ขอบโค้งลงมาข้างล่างทำให้การใช้งานมันลื่นไหลและเลื่อนใช้งานเต็มหน้าจอได้สะดวกมากขึ้นแต่เรื่องฟิลม์บอกเลยว่ายาก
ส่วนขอบบนนั้นจะบางกว่าข้างล่างชัดเจนและมองตรงๆก็บางกว่าครับแน่นอนว่าลำโพงแทรกตรงสีดำเช่นเดิมพร้อมกับกล้องหน้าคู่ที่รองรับการถ่าย 32MP F2.0 และมี IR สแกนใบหน้า 3 มิติด้วยเช่นกันครับในรุ่นนี้เหมือนรุ่น Mate
ขอบด้านล่างยิ่งชัดเจนครับจะเห็นว่าขอบหน้าจอมันกินลงมาจริงๆแต่ดีที่ขอบมุมเครื่องยังมีเฟรมหุ้มไว้อยู่ครับ ด้านล่างนั้นจะเป็น ถาดซิม Nanosim รองรับ 5G ทั้งคู่ และ รูไมค์ รวมถึง USB-C และ ลำโพงหลักของตัวเครื่องครับ
ในด้านซ้ายนั้นจะเห็นว่าไม่มีปุ่มอะไรทั้งนั้นและขอบหน้าจอจะโค้งลงมาเยอะพอสมควร แต่จะไม่ได้โค้งชันเท่าตัว Mate 30 Pro นะครับตัวนั้นจะโค้งเยอะกว่ามาก ส่วนขอบเครื่องปัดเงาสวยงามและฝาหลังก็โค้งมารับเช่นกันครับ
ด้านบนนั้นจะเห็นว่ามี IR ในการควบคุมเครื่องเสียง แอร์พวกนี้เป็นรีโมทในตัวให้อยู่ไม่ตัดไปไหน และมีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ด้วย และจะเห็นเช่นกันว่าหน้าจอขอบโค้งลงมาในส่วนนี้ด้วยครับเรีบกได้ว่าโค้งทุก 4 ด้านของจริงเลยแหละ แต่จะโค้งลงมาไม่เท่ากับขอบด้านล่างนะครับเลยทำให้ขอบด้านล่างนั้นดูหนากว่าด้านอื่นๆเพราะมันโค้งลงมาเยอะสุดเลย
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม Power และปุ่มเพิ่ม ลดเสียงของตัวเครื่องครับ จะไม่ได้ใช้แบบสัมผัสแบบรุ่น Mate 30 Pro แล้วนะ เปลี่ยนมาใช้งานแบบธรรมดาแทนแล้ว อาจจะด้วยซีรีย์ที่แตกต่างกันเลยมีความแตกต่างกันอยู่ครับ
ฝาหลังอันนี้ดูดีและชอบมากคือมันไม่ใช่แค่กระจกด้านธรรมดาแต่มันมีการเล่นเลเยอร์แสงเข้ามาเยอะทำให้แสงกระทบได้สวยและสะท้อนได้สวยครับคือมีความสะท้อนแบบพวกโครมเมี่ยมแต่เป็นแบบด้านถือว่าออกแบบไล่สีและแสงดีมากส่วนการสแกนนิ้วแน่นอนว่าไปบนหน้าจอแล้วครับและ กล้องนูนพอสมควรเลยนะและทุกอย่างอยุ่ในกรอบทั้งหมด
การออกแบบตรงนี้ก็แน่นอนว่ารวมไว้ให้ทั้งหมดทั้ง เซนเซอร์ ไมค์ แฟลชทั้งหลาย และ กล้อง 4 ตัวที่มี กล้องหลัง UltraVision 50MP (f/1.9) ที่มี optical stabilization + เลนส์สำหรับถ่ายวิดิโอและเลนส์กว้าง ultra-wide 40MP + เลนส์เทเล 3x SuperSensing 12MP ในรุ่น P40 Pro Plus หรือ เลนส์เทเล 5x SuperSensing 12MP ในรุ่น P40 Pro + เซนเซอร์ ToF อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Huawei XD Fusion Engine และสามารถซูมแบบดิจิทัลได้ 50x แต่ความนูนนั้นก็เอาเรื่องเหมือนกันครับเพราะตัว Periscope นั้นมันมีระยะของมันพอสมควรเลย
SPEC
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.58 นิ้ว (2640×1200พิกเซล) อัตราส่วน 19.8:9, รีเฟรชเรท90Hz
- ชิปเซต Kirin 990 5G
- RAM 8GB + ความจำ 128/256GB
- Android 10 ที่ครอบด้วย EMUI 10.1
- ซิมคู่ 5G Dual
- กล้องหลัง UltraVision 50MP (f/1.9) ที่มี optical stabilization + เลนส์สำหรับถ่ายวิดิโอและเลนส์กว้าง ultra-wide 40MP + เลนส์เทเล 3x SuperSensing 12MP ในรุ่น P40 Pro Plus หรือ เลนส์เทเล 5x SuperSensing 12MP ในรุ่น P40 Pro + เซนเซอร์ ToF อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Huawei XD Fusion Engine และสามารถซูมแบบดิจิทัลได้ 50x
- กล้องหน้า 32 Mp (f/2.2) ที่มีเซ็นเซอร์อินฟราเรดตรวจจับความลึก
- ขนาดตัวเครื่อง: 158.2 x 72.6 x 8.95mm, น้ำหนัก203กรัม
- WiFi 6, NFC,GPS, AGPS. Glonass, Galileo, QZSS, Bluetooth 5.1 – 3G / 4G / 5G
- แบตเตอรี่ความจุ 4200mAh ที่รองรับชาร์จเร็วแบบมีสาย 40W และชาร์จเร็วแบบไร้สาย 27W
- มีให้เลือกในสีเงิน, ทอง, ขาว และดำ
SCREEN
P40 Pro เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของ Huawei ที่มีหน้าจออัตราการรีเฟรชที่มากกว่ารุ่นก่อนๆ ด้วยขนาดหน้าจอ 6.58 นิ้ว Flex OLED มีความละเอียดสูง 2640×1200 และ 90Hz อัตราการรีเฟรชที่ค่อนข้างคมชัด กล้อง selfie 32MP พร้อมโฟกัสอัตโนมัติ อัตราส่วนหน้าจอ 19:8:9 ทำให้การแสดงผลสี DCI-P3 HDR และลดแสงสีฟ้า พร้อมทั้งใส่เทคโนโลยีช่วยสำหรับการปลดล๊อคใบหน้าแบบ 3 มิติ และ ขอบหน้าจอค่อนข้างบางมีเพียง 1.7 มม มุมขอบเป็นแบบโค้งมนทั้ง4ด้าน และขอบด้านบน ด้านล่างหน้าจอบางแค่ 2.4 มม นับว่าแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัดเลยครับแต่ในเรื่องของการติดฟิลม์อาจจะต้องดูว่าจะมีปัญหาเหมือนหน้าจอโค้งในรุ่นอื่นๆหรือไม่ครับ
ANTUTU
ทางด้านคะแนน Antutu นั้นตัวนี้ใช้งาน Kirin 990 5G คือว่าค่ายนี้นั้นค่อนข้างแรงพอสมควรอยู่แล้วครับในแง่ของการทดสอบการใช้งาน และเด่นๆควบคู่ไปกับการประหยัดแบตถือว่าเรื่องแบตค่ายนี้ต้องยอมจริงๆครับและรักษาความร้อนได้ดี ตัวนี้สามารถทำคะแนนไปได้ 465644 คะแนน ในการทดสอบส่วนเรื่องความร้อนอะไรนั้นกำลังดีครับจริงๆค่ายนี้จะค่อนข้างเด่นในเรื่องของความร้อน ซึ่งตัว 990 5G ตอนนี้ถือว่ามีความแรงเป็นเรือธงที่สุดจากทาง Kirin
ANDROBENCH
ในส่วนของหน่วยความจำตัวนี้ใช้งาน UFS 3.0 ถือว่าการอ่านเขียนค่อนข้างเร็วเช่นเดิม ทำความเร็วในการอ่านเขียนไปได้ 1792 MB/s และ เขียนไปได้ที่ 396 MB/s ครับ แน่นอนว่าทำได้ดีแบบเดียวกับเรือธงตัวอื่นๆครับและส่วนในแง่ของความปลอดภัยรุ่นนี้ได้ DRM L3 ครับ แน่นอนเพราะมันไม่มี GMS เลยทำให้ในส่วนการใช้งาน NETFLIX นั้นจึงไม่รองรับครับและเหมือนตอนนี้โหลดมาลงเวอร์ชั่นเก่าไมไ่ด้แล้วครับถ้าใครที่เน้นในเรื่องนี้อาจจะต้องตัดสินใจกัน
[SR] พรีวิว HUAWEI P40 Pro เรือธงกล้องเทพ 4 ตัว จอโค้ง 4 ด้านพร้อม Kirin 990 5G !
Huawei นั้นได้ทำการเปิดตัวเรือธงประจำปีในตระกูล P ปีนี้และในครั้งนี้มาถึง 3 รุ่นด้วยกันแต่ในช่วงนี้แน่นอนว่าสถานการณ์ช่วงนี้อาจจะต้องลำบากกันนิดหน่อยครับ แต่ทาง Huawei เองก็เดินหน้าเปิดตัวกันเป็นที่เรียบร้อยสำหรับรุ่นนี้ ในครั้งนี้แน่นอนว่าเน้นเรื่องกล้องขึ้นไปอีกทั้งการพัฒนาเซนเซอร์ใหญ่ขึ้น การรองรับการถ่ายที่ดีขึ้นรวมถึง RYYB ที่พัฒนาไปมากกว่าเดิม และการโฟกัสอะไรก็เช่นกันครับ ในส่วนงานถ่ายวีดีโอก็พัฒนามากขึ้น รวมถึงในงานออกแบบหน้าจอขอบโค้งทั้ง 4 ด้านในด้านหน้าที่โค้งด้านบนและล่างรวมถึงฝาหลังแบบด้านและการเล่นสีที่สวยงามขึ้น และแน่นอนการรองรับการชาร์จไร้สายที่ไวกว่าเดิมมากถึง 27W ในรุ่นนี้ครับและ มี AI เข้ามาช่วยในงานถ่ายภาพต่างๆมากขึ้น รวมถึงการรองรับ 5G WIFI 6+ ในการเชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยเช่นกันถือว่าหลายๆอย่างจัดเต็มขึ้นครับ
Huawei P40 Pro นั้นมาพร้อมกับ สเปครองรับ 5G ในไทยได้สบายใช้งาน CPU Kirin 990 5G พร้อมกับ RAM 8 GB STORAGE 256 GB ใช้งาน UFS 3.0 รวมถึงในการเชื่อมต่อรองรับ Wifi6+ ด้วยเช่นกัน ในส่วนของหน้าจอนั้นอัพเกรดมาใช้งานหน้าจอ OLED ขนาด 6.58 นิ้ว (2640×1200พิกเซล) อัตราส่วน 19.8:9, รีเฟรชเรท90Hz เป็นรุ่นแรกที่มีความลื่นไหลสูงสุดของค่ายในตอนนี้พร้อมกับหน้าจอแบบโค้งลงทั้ง 4 ด้านทำให้การสัมผัสเนียนมากกว่าเดิมแต่พาแนลจอไม่ได้โค้งตามแบบ Mate 30 Pro นะครับรวมถึงปุ่มเพิ่มลดเสียงก็ใช้งานแบบปกติแล้วไม่ได้สัมผัสแบบรุ่นนั้น ส่วนทางด้านแบตให้มาที่ 4200mAh ที่รองรับชาร์จเร็วแบบมีสาย 40W และชาร์จเร็วแบบไร้สาย 27W ถือว่าเร็วแรงมากๆ และ ในด้านของกล้องนั้นจะให้มา 4 ตัวกล้องหลัง UltraVision 50MP (f/1.9) ที่มี optical stabilization + เลนส์สำหรับถ่ายวิดิโอและเลนส์กว้าง ultra-wide 40MP + เลนส์เทเล 3x SuperSensing 12MP ในรุ่น P40 Pro Plus หรือ เลนส์เทเล 5x SuperSensing 12MP ในรุ่น P40 Pro + เซนเซอร์ ToF อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Huawei XD Fusion Engine และสามารถซูมแบบดิจิทัลได้ 50x และ กล้องหน้า 32MP (f/2.2) พร้อมระบบแสกนใบหน้าแบบ 3 มิติด้วยไม่ได้ตัดออกไปเลย ส่วนราคานั้นยังไม่ประกาศ
UNBOX
- ตัวเครื่อง HUAWEI P40 PRO
- หูฟัง USB-C
- ที่ชาร์จรองรับ 40W
- สายชาร์จรองรับ 40W USB-C
- คู่มือที่จิ้มซิม
- เคสใสแข็ง ตัวขายจริงมีนะครับ
ทางด้านหัวชาร์จให้เต็มที่มา 40W แบบ SuperCharge ครับ และ ทางด้านหูฟังแน่นอนว่าเป็นแบบเดียวกับทาง Mate 30 Pro และไม่มีรู 3.5 มม.แล้วนั้นเองครับเลยใช้งานแบบนี้ทั้งหมดแบบในรุ่นก่อนๆรูปทรงแบบเดิมนั้นเอง
DESIGN
งานออกแบบนั้นจะเป็นการเปลี่ยนงานออกแบบอีกครั้งจากรุ่นก่อนหน้าทั้งรูปทรงดีไซน์และวัสดุ ฝาหลังในครั้งนี้ใช้งานฝาหลังกระจกแบบด้านพร้อมกับเล่นแสงสะท้อนได้ดีงามมากครับเด่นและสวยแบบเรียบๆโทนสีเงินอมฟ้าจางๆนิดหน่อยเล่นแสงสีได้ดี กล้องหลังวางไว้มุมซ้ายบนทรงที่เหลี่ยมใหญ่เอาเรื่องและนูนพอสมควรครับ ส่วนการวางกล้องแบบนี้มันไม่ค่อยเป็นเอกลักษณ์ตัวเองเท่าไรนักยังคงก็ชอบดีไซน์ Mate ที่ยังเด่นและไม่เหมือนใครได้ดีกว่า ส่วนน้ำหนักมีพอประมาณไม่ได้เบามากแต่ก็ใกล้ๆกับ P30 Pro แต่หนักกว่า Mate 30 Pro ครับ ส่วนงานประกอบวัสดุ ความเนียนสมมาตรถือว่าทำได้ดีจับแล้วเนียนเวลาใช้งานหน้าจอโค้งทั้ง 4 ด้านก็เลื่อนปุ่มโฮมอะไรได้เนียนนิ้วมาก
หน้าจอนั้นเปลี่ยนการออกแบบใหม่หมดขอบโค้ง 4 ด้านพร้อมหน้าจอเจาะรูพร้อมสแกนใบหน้า หน้าจอให้ OLED ขนาด 6.58 นิ้ว (2640×1200พิกเซล) อัตราส่วน 19.8:9, รีเฟรชเรท90Hz 531 nits DCI-P3 and sRGB รองรับ HDR 10+ พร้อมกับสัมผัสที่ค่อนข้างติดนิ้วและลื่นไหลพอสมควรเลย
หน้าจอในด้านหน้านั้นต้องบอกว่าถ้ามองตรงๆแบบในภาพนั้นจอจะค่อนข้างบางมากขอบบางกว่ารุ่นอื่นชัดเจนแต่ถ้ามองแบบ ISOMETRIC หรือเอียงๆจะหนาเพราะว่าขอบดำหน้าจอมันโค้งลงข้างเครื่องเลยหลอกตาว่ามันดูหนานั้นเองครับ แต่จริงๆถ้ามองตรงๆจะไม่หนามากนักบางกว่าตัวอื่นพอสมควรเลย แต่เพียงเพราะรุ่นอื่นมันขอบเครื่องกินมาข้างบนเลยทำให้มุมเอียงๆมันดูไม่หนานั้นเองครับ
ขอบด้านล่างนั้นอย่างที่แจ้งถ้าดูแบบมุมนี้จะหนาพอสมควรแต่ถ้าหน้าตรงจะได้ประมาณภาพแรกนั้นเองครับ ขอบโค้งลงมาข้างล่างทำให้การใช้งานมันลื่นไหลและเลื่อนใช้งานเต็มหน้าจอได้สะดวกมากขึ้นแต่เรื่องฟิลม์บอกเลยว่ายาก
ส่วนขอบบนนั้นจะบางกว่าข้างล่างชัดเจนและมองตรงๆก็บางกว่าครับแน่นอนว่าลำโพงแทรกตรงสีดำเช่นเดิมพร้อมกับกล้องหน้าคู่ที่รองรับการถ่าย 32MP F2.0 และมี IR สแกนใบหน้า 3 มิติด้วยเช่นกันครับในรุ่นนี้เหมือนรุ่น Mate
ขอบด้านล่างยิ่งชัดเจนครับจะเห็นว่าขอบหน้าจอมันกินลงมาจริงๆแต่ดีที่ขอบมุมเครื่องยังมีเฟรมหุ้มไว้อยู่ครับ ด้านล่างนั้นจะเป็น ถาดซิม Nanosim รองรับ 5G ทั้งคู่ และ รูไมค์ รวมถึง USB-C และ ลำโพงหลักของตัวเครื่องครับ
ในด้านซ้ายนั้นจะเห็นว่าไม่มีปุ่มอะไรทั้งนั้นและขอบหน้าจอจะโค้งลงมาเยอะพอสมควร แต่จะไม่ได้โค้งชันเท่าตัว Mate 30 Pro นะครับตัวนั้นจะโค้งเยอะกว่ามาก ส่วนขอบเครื่องปัดเงาสวยงามและฝาหลังก็โค้งมารับเช่นกันครับ
ด้านบนนั้นจะเห็นว่ามี IR ในการควบคุมเครื่องเสียง แอร์พวกนี้เป็นรีโมทในตัวให้อยู่ไม่ตัดไปไหน และมีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ด้วย และจะเห็นเช่นกันว่าหน้าจอขอบโค้งลงมาในส่วนนี้ด้วยครับเรีบกได้ว่าโค้งทุก 4 ด้านของจริงเลยแหละ แต่จะโค้งลงมาไม่เท่ากับขอบด้านล่างนะครับเลยทำให้ขอบด้านล่างนั้นดูหนากว่าด้านอื่นๆเพราะมันโค้งลงมาเยอะสุดเลย
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม Power และปุ่มเพิ่ม ลดเสียงของตัวเครื่องครับ จะไม่ได้ใช้แบบสัมผัสแบบรุ่น Mate 30 Pro แล้วนะ เปลี่ยนมาใช้งานแบบธรรมดาแทนแล้ว อาจจะด้วยซีรีย์ที่แตกต่างกันเลยมีความแตกต่างกันอยู่ครับ
ฝาหลังอันนี้ดูดีและชอบมากคือมันไม่ใช่แค่กระจกด้านธรรมดาแต่มันมีการเล่นเลเยอร์แสงเข้ามาเยอะทำให้แสงกระทบได้สวยและสะท้อนได้สวยครับคือมีความสะท้อนแบบพวกโครมเมี่ยมแต่เป็นแบบด้านถือว่าออกแบบไล่สีและแสงดีมากส่วนการสแกนนิ้วแน่นอนว่าไปบนหน้าจอแล้วครับและ กล้องนูนพอสมควรเลยนะและทุกอย่างอยุ่ในกรอบทั้งหมด
การออกแบบตรงนี้ก็แน่นอนว่ารวมไว้ให้ทั้งหมดทั้ง เซนเซอร์ ไมค์ แฟลชทั้งหลาย และ กล้อง 4 ตัวที่มี กล้องหลัง UltraVision 50MP (f/1.9) ที่มี optical stabilization + เลนส์สำหรับถ่ายวิดิโอและเลนส์กว้าง ultra-wide 40MP + เลนส์เทเล 3x SuperSensing 12MP ในรุ่น P40 Pro Plus หรือ เลนส์เทเล 5x SuperSensing 12MP ในรุ่น P40 Pro + เซนเซอร์ ToF อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Huawei XD Fusion Engine และสามารถซูมแบบดิจิทัลได้ 50x แต่ความนูนนั้นก็เอาเรื่องเหมือนกันครับเพราะตัว Periscope นั้นมันมีระยะของมันพอสมควรเลย
SPEC
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.58 นิ้ว (2640×1200พิกเซล) อัตราส่วน 19.8:9, รีเฟรชเรท90Hz
- ชิปเซต Kirin 990 5G
- RAM 8GB + ความจำ 128/256GB
- Android 10 ที่ครอบด้วย EMUI 10.1
- ซิมคู่ 5G Dual
- กล้องหลัง UltraVision 50MP (f/1.9) ที่มี optical stabilization + เลนส์สำหรับถ่ายวิดิโอและเลนส์กว้าง ultra-wide 40MP + เลนส์เทเล 3x SuperSensing 12MP ในรุ่น P40 Pro Plus หรือ เลนส์เทเล 5x SuperSensing 12MP ในรุ่น P40 Pro + เซนเซอร์ ToF อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Huawei XD Fusion Engine และสามารถซูมแบบดิจิทัลได้ 50x
- กล้องหน้า 32 Mp (f/2.2) ที่มีเซ็นเซอร์อินฟราเรดตรวจจับความลึก
- ขนาดตัวเครื่อง: 158.2 x 72.6 x 8.95mm, น้ำหนัก203กรัม
- WiFi 6, NFC,GPS, AGPS. Glonass, Galileo, QZSS, Bluetooth 5.1 – 3G / 4G / 5G
- แบตเตอรี่ความจุ 4200mAh ที่รองรับชาร์จเร็วแบบมีสาย 40W และชาร์จเร็วแบบไร้สาย 27W
- มีให้เลือกในสีเงิน, ทอง, ขาว และดำ
SCREEN
P40 Pro เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของ Huawei ที่มีหน้าจออัตราการรีเฟรชที่มากกว่ารุ่นก่อนๆ ด้วยขนาดหน้าจอ 6.58 นิ้ว Flex OLED มีความละเอียดสูง 2640×1200 และ 90Hz อัตราการรีเฟรชที่ค่อนข้างคมชัด กล้อง selfie 32MP พร้อมโฟกัสอัตโนมัติ อัตราส่วนหน้าจอ 19:8:9 ทำให้การแสดงผลสี DCI-P3 HDR และลดแสงสีฟ้า พร้อมทั้งใส่เทคโนโลยีช่วยสำหรับการปลดล๊อคใบหน้าแบบ 3 มิติ และ ขอบหน้าจอค่อนข้างบางมีเพียง 1.7 มม มุมขอบเป็นแบบโค้งมนทั้ง4ด้าน และขอบด้านบน ด้านล่างหน้าจอบางแค่ 2.4 มม นับว่าแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัดเลยครับแต่ในเรื่องของการติดฟิลม์อาจจะต้องดูว่าจะมีปัญหาเหมือนหน้าจอโค้งในรุ่นอื่นๆหรือไม่ครับ
ANTUTU
ทางด้านคะแนน Antutu นั้นตัวนี้ใช้งาน Kirin 990 5G คือว่าค่ายนี้นั้นค่อนข้างแรงพอสมควรอยู่แล้วครับในแง่ของการทดสอบการใช้งาน และเด่นๆควบคู่ไปกับการประหยัดแบตถือว่าเรื่องแบตค่ายนี้ต้องยอมจริงๆครับและรักษาความร้อนได้ดี ตัวนี้สามารถทำคะแนนไปได้ 465644 คะแนน ในการทดสอบส่วนเรื่องความร้อนอะไรนั้นกำลังดีครับจริงๆค่ายนี้จะค่อนข้างเด่นในเรื่องของความร้อน ซึ่งตัว 990 5G ตอนนี้ถือว่ามีความแรงเป็นเรือธงที่สุดจากทาง Kirin
ANDROBENCH
ในส่วนของหน่วยความจำตัวนี้ใช้งาน UFS 3.0 ถือว่าการอ่านเขียนค่อนข้างเร็วเช่นเดิม ทำความเร็วในการอ่านเขียนไปได้ 1792 MB/s และ เขียนไปได้ที่ 396 MB/s ครับ แน่นอนว่าทำได้ดีแบบเดียวกับเรือธงตัวอื่นๆครับและส่วนในแง่ของความปลอดภัยรุ่นนี้ได้ DRM L3 ครับ แน่นอนเพราะมันไม่มี GMS เลยทำให้ในส่วนการใช้งาน NETFLIX นั้นจึงไม่รองรับครับและเหมือนตอนนี้โหลดมาลงเวอร์ชั่นเก่าไมไ่ด้แล้วครับถ้าใครที่เน้นในเรื่องนี้อาจจะต้องตัดสินใจกัน
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้