Samsung เป็นค่ายแรกๆที่ลุยตลาดในบรรดามือถือพับได้และยังคงเดินหน้าพัฒนามากันต่อเนื่องจนมาถึงรุ่นที่ 3 แล้วนั้นเอง แน่นอนว่าค่ายนี้เก่งเรื่องหน้าจอเทคโนโลยีที่ถือว่าเป็นค่ายผู้ผลิตอันดับต้นๆอยุ่แล้ว ในการพัฒนาหน้าจอ หรือเทคโนโลยีคงไม่ยากเกินไปสำหรับค่ายนี้ และ ก็ได้พัฒนามาต่อเรื่องจนมาถึงรุ่น Z FOLD 3 ที่ยังคงใช้งานหน้าจอพับได้พร้อมกับพัฒนาขึ้นในหลายๆส่วน และเป็นตัวแรกที่มาพร้อมกล้องหน้าแบบใต้หน้าจอที่ไม่ต้องเจาะรูอะไรทั้งนั้นทำให้เนียนเรียบสวยกว่ารุ่นอื่นๆ และ ยังรองรับการกันน้ำเป็นรุ่นแรกในบรรดามือถือที่รองรับการพับได้ทั้งหมดเช่นกัน อีกทั้งในแง่ของสเปกก็ไม่ธรรมดาทั้งกล้องหลัง หน้าจอ 120Hz หรือว่าจะเป็นการกันน้ำ รองรับปากกาจัดเต็ม
Z Fold3 5G มาพร้อมหน้าจอ Dynamic AMOLED ขนาด 7.6 นิ้วความละเอียด QXGA+ ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz ซึ่งตัวหน้าจอใช้กระจกบางที่มีความแข็งแรงขึ้น 80% และสว่างกว่าหน้าจอของ Z Fold2 ถึง 29% ส่วนหน้าจอด้านนอกเป็นแบบ Dynamic AMOLED ที่มีขนาด 6.2 นิ้วความละเอียด HD+ และมีรีเฟรชเรทแบบปรับอัตโนมัติ 120Hz กล้องหน้าของหน้าจอหลังจะเป็นกล้องแบบใต้หน้าจอที่มีความละเอียด 4MP ทำให้เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของ Samsung ที่มาพร้อมกล้องหน้าใต้หน้าจอ ส่วนกล้องของหน้าจอด้านนอกมีความละเอียด 10MP กรอบตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมที่ทางบริษัทเคลมว่ามีความแข็งแรงที่สุด และตัวเครื่องยังกันน้ำมาตรฐาน IPX8 เหมือนกับ Z Flip3 นอกจากนี้ Z Fold3 มาพร้อมโหมด Flex ที่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันสองอย่างในเวลาเดียวกันได้ และมีการอัปเกรดให้การเปิดหลายแอปพร้อมกัน การจับคู่แอป และ Taskbar แบบใหม่ที่สามารถสลับแอพไปมาได้โดยไม่ต้องกลับไปหน้า home screen ภายในตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 888 ที่มาพร้อม RAM 12GB และใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบด้วย One UI หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของ Z Fold3 คือรองรับปากกา S Pen โดยปากกาให้เลือก 2 รุ่นคือ S Pen Fold Edition และ S Pen Pro ซึ่งทั้งคู่ถูกออกแบบให้มีตัวปลายปากกา (ส่วนที่สัมผัสหน้าจอ) ให้มีระบบจำกัดแรงกดเพื่อถนอมหน้าจอของตัวสมาร์ตโฟน รวมทั้งปากกาทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมฟีเจอร์ Air Command และรุ่น Pro มาพร้อมฟีเจอร์ Air actions เรียกได้ว่าพัฒนาขึ้นกว่าเดิมหลายๆส่วน
Galaxy Z Fold3 5G วางจำหน่ายในราคา 57,900 บาท (256GB) และ 61,900 บาท (512GB) มาในตัวเลือกทั้งหมด 3 สีสุดคลาสสิก ได้แก่ สีดำ Phantom Black, สีเขียว Phantom Green และ สีเงิน Phantom Silver
DESIGN
งานออกแบบนั้นต้องบอกเลยว่าค่ายนี้ในแง่ของหน้าจอพับถือว่าสวยมากๆตัวนึง ดีไซน์ด้านหลังและด้านหน้า รวมถึงหน้าจออะไรนั้นทำออกมาได้น่าสนใจ เพราะว่าถ้าเรามองไปรุ่นแรกจะมีทั้งติ่งหน้าจอขนาดใหญ่ ขอบหน้าจอหนามากๆและตัวเครื่องหนาและหนัก แต่ทั้งนี้รุ่นนี้ได้แก้จุดทั้งหมดจนได้หน้าจอขอบบางสวยงาม และ กล้องที่ซ่อนใต้หน้าจอแล้วเช่นกัน แต่แน่นอนว่าถ้าหน้าจอพับได้ยังไงก็มีความหนาหนักเวลาพกพาหรือพับพกพาอยู่ดี และสำหรับบางคนอาจจะหนักไปเหมือนกัน ทำให้น้ำหนักตัวรุ่นนี้อยู่ที่ 271 กรัม และ หนา 16 มม. เลยทีเดียวเวลาพับถือพกพาใช้งาน
หน้าจอ Dynamic AMOLED 7.6 นิ้ว (2208×1768พิกเซล) QXGA+, อัตราส่วน 22.5:18, 374ppi, รีเฟรชเรทแบบ adaptive 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1200nits พร้อมกล้องหน้าแบบซ่อนใต้หน้าจอตัวแรกของค่าย
ขอบด้านบนขนาดเท่ากันทั้งหมด และมุมขวาเราจะเห็นส่วนที่เป็นกล้องใต้หน้าจอที่เม็ดพิเซลจะใหญ่กว่ามาตรฐานนิดหน่อยครับ มาพร้อมกับ กล้องหน้าใต้หน้าจอด้านใน 4MP (f/1.8)
สำหรับจอด้านนอกเองนั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรูกล้องหน้าที่คุ้นเคยกันดี พร้อมกับ10MP (f/2.2) ใช้งานหน้าจอ Dynamic AMOLED ขนาด 6.2 นิ้ว (2268×832พิกเซล) อัตราส่วน 24.5:9 HD+, 387ppi, รีเฟรชเรทแบบ adaptive 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1,500nits, ใช้กระจก Gorilla Glass Victus ถือว่าคุณภาพสูง
ส่วนขอบด้านล่างก็ใช้งานความบางอะไรสวยงามและสามารถควบคุมได้แบบเดียวกับหน้าจอหลักเหมือนกันทั้งหมดครับ มาพร้อมกับฟิล์มกันรอยติดตั้งมาให้เรียบร้อย และ รองรับการใช้งาน 120Hz แบบเดียวกับหน้าจอด้านใน
ขอบเครื่องด้านบนนั้น เราจะเห็นว่าเมื่อพับเข้ามาจะมีความหนาพอสมควรเลยแหละ และมาพร้อมกับ ไมค์หลากหลายที่ พร้อมกับ ลำโพงคู่ที่ใส่เข้ามาทั้ง บน และ ล่าง เสียงดังสะใจ และขอบเครื่องเป็นอลูมิเนียมทั้งหมดแข็งแรงมาก
เมื่อมามองส่วนข้อพับยังคงมีการใส่โลโก้เข้ามาขอบเครื่องพร้อมกับเล่นวัสดุแบบเงาทำให้แตกต่างกับส่วนอื่นๆของเครื่องด้วยเช่นกัน ส่วนความหนาจะอยู่ที่ 16 มม. ถือว่าหนามากๆเหมือนกับพารพกพามือถือ 2 เครื่องพร้อมกันเลย
ส่วนอีกฝั่งนั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่มทั้งหมด ด้านขอบขวา หรือส่วนล่างในภาพจะเป็น สแกนนิ้ว พร้อมกับปุ่ม Power ในตัว รวมถึงปุ่ม เพิ่ม ลด เสียงในด้านบน และอีกฝั่งนั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิมนั้นเอง รองรับ Nano 2 ซิม ครับ
ส่วนขอบด้านล่างเองเราจะเห็นช่องไมค์ และ USB-C รวมถึง ลำโพงตัวล่างให้มาครบๆ และรุ่นนี้ยังคงรองรับการชาร์จไร้สายด้วยนะถือว่าสเปกสมกับเรือธงและราคาของมัน ขอบเครื่องบางกว่าเดิมและพับอะไรได้แข็งแรงกว่ารุ่นแรกมากๆ
เมื่อกางออกมาเราจะเห็นเลยว่าตัวเครื่องบางทันทีประมาณ 6.4มม.ถือว่ากำลังดี และข้อต่ออะไรแข็งแรงรวมถึงเสาสัญญาณอะไรให้มาครบและทั้ง 2 ฝั่ง และหน้าจอเรียบๆมีกระจกพิเศษ ฟิล์มกันรอยอะไรในตัวที่ไม่ให้แกะออกมานะ
ด้านหลังยังคงเรียบๆตามสไตล์ค่ายนี้พร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัวแนวตั้ง สีด้านหลังแบบด้านสีดำสวยงามแต่เราจะไม่เห็นโลโก้ Samsung ในด้านหลังเลยครับแปลกตาเหมือนกัน พร้อมกับไฟแฟลชด้านล่าง ซึ่งด้านหลังเรียบๆและสวยงามมากๆการออกแบบกล้องหลังนูนเล็กน้อย และเมื่อพับและใช้งานตัวเครื่องยาวๆผอมๆจับถนัดและใช้งานได้ง่ายมาก
ทางด้านกล้องหลังเองนั้นมาให้ 3 ตัวเลยทีเดียวพร้อมกับระยะที่ใช้งานได้สบายๆ กล้องตัวหลัก 12MP (f/1.8), รองรับ PDAF, OIS พร้อมกับ กล้อง Telephoto 12MP (f/2.4), รองรับ PDAF, OIS, ซูมแบบ optical ได้ 2x, ซูมแบบดิจิทัลได้ 10x และ ทางด้าน กล้อง Ultra Wide กว้าง 120 องศา 12MP (f/2.2), ที่ใช้กระจก Gorilla Glass with DX + แฟลช LED ถือว่าเสปกให้มาดีและครบพร้อมใช้งานแม้จะเป็นรุ่นพับก็ไม่ธรรมดาเลย
SPEC
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 7.6 นิ้ว (2208×1768พิกเซล) QXGA+, อัตราส่วน 22.5:18, 374ppi, รีเฟรชเรทแบบ adaptive 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1200nits
- หน้าจอด้านนอก Dynamic AMOLED ขนาด 6.2 นิ้ว (2268×832พิกเซล) อัตราส่วน 24.5:9 HD+, 387ppi, รีเฟรชเรทแบบ adaptive 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1,500nits, ใช้กระจก Gorilla Glass Victus
- ชิปประมวลผล Snapdragon 888 5nm
- RAM LPDDR5 12GB + storage (UFS 3.1) 256GB / 512GB
- Android 11 ที่ครอบด้วย One UI 3.1
- ซิมคู่ (nano + eSIM)
- กล้องหลัง
กล้องตัวหลัก 12MP (f/1.8), รองรับ PDAF, OIS
กล้อง Telephoto 12MP (f/2.4), รองรับ PDAF, OIS, ซูมแบบ optical ได้ 2x, ซูมแบบดิจิทัลได้ 10x
กล้อง Ultra Wide กว้าง 120 องศา 12MP (f/2.2), ที่ใช้กระจก Gorilla Glass with DX
แฟลช LED
- กล้องหน้าด้านนอก 10MP (f/2.2)
- กล้องหน้าใต้หน้าจอด้านใน 4MP (f/1.8)
- ลำโพง Stereo, รองรับ Dolby Atmos
- เซนเซอร์สแกนนิ้วด้านข้าง
- ตัวเครื่องกันน้ำมาตรฐาน IPX8
- ขนาดตัวเครื่องขณะพับ: 67.1 x 158.2 x 16.0มม. (รวมแกนพับ) ~ 14.4มม. (ส่วนที่เว้าลง), ขนาดตัวเครื่องขณะกางออก: 128.1 x 158.2 x 6.4มม.; น้ำหนัก: 271 กรัม
- รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Sub6 / mmWave, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 6E (2.4/5GHz), HE160, MIMO, 1024-QAM, Bluetooth 5.2 LE, Ultra Wide Band, GPS with GLONASS, NFC, MST
- USB Type-C (Gen 3.2)
- แบตเตอรี่ความจุ 4,400mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 25W และชาร์จไร้สาย 10W (WPC และ PMA), รองรับ reverse charging 4.5W
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพตัวนี้แน่นอนว่ารองรับการใช้งานได้สบายและใช้งาน ชิปประมวลผล Snapdragon 888 5nm ซึ่งเป็นเรือธงของค่าย และแน่นอนว่าเป็นค่าย Snapdragon ที่หลายๆคนชอบใช้งานกันซึ่งปกติแล้วเราจะเห็น Exynos นั้นเอง และมาพร้อมกับ RAM LPDDR5 12GB รองรับการทำงานหลากหลายโปรแกรมได้แบบสบายไม่มีปัญหา รวมถึงรุ่นนี้สามารถใช้งานได้ 3 แอปพร้อมกันได้ทำให้การใส่สเปกแบบจัดเต็มแบบนี้มารองรับได้สบาย พร้อมกับ storage (UFS 3.1) 256GB / 512GB และ ใช้งาน Android 11 ที่ครอบด้วย One UI 3.1 ตัวล่าสุดของค่าย
ทำให้เรื่องของคะแนน Antutu นั้นพุ่งไปสูงถึง 728096 คะแนนเลยทืเดียวแม้จะใช้งานหน้าจอขนาดใหญ่และความถี่สูงแบบนี้ก็ตาม รวมถึงในการดูหนัง Netflix นั้นรองรับความละเอียดสูงสุดได้สบายๆ พร้อมกับในแง่ของการใช้งานจริงๆรุ่นนี้สามารถส่งออกไฟล์ภาพหลากหลายภาพได้ง่ายรวดเร็ว รวมถึงความร้อนที่ไม่สูงมากนักในการแต่งรูป Lightroom นั้นเองซึ่งสามารถส่งออกได้ไวมากๆแม้จะเกือบ 91 รูปหลังแต่งภาพถ่ายแล้วก็ตาม แต่เรื่องความร้อนนั้นเวลาใช้งานต่อเนื่องยาวๆ หรือเล่นเกมยาวๆนั้นความร้อนสูงได้ง่ายมากๆหรือการเปิดหลายๆแอปพร้อมกันก็ส่งผล
SYSTEM UI
หน้าตาระบบนั้นแม้จะมาในอัตราส่วนแบบใหม่สี่เหลี่ยมแบบนี้ก็ตาม แต่รุ่นนี้ก็ยังสามารถใช้งานแบบที่เราคุ้นเคยกันได้ดีทั้งหมดในบรรดามือถือของทาง Samsung ที่คุ้นเคยกันในระบบ One UI นั้นเอง และสามารถรองรับการใช้งานทั้งแนวตั้ง แนวนอนได้สบายๆเลยครับ และจะมีการออกแบบหลายๆฟีเจอร์ที่ออกมารองรับกับหน้าจอพับได้มากขึ้น หรือว่าจะเป็นการใส่ใช้งานฟีเจอร์ปุ่มควบคุม การแบ่งหน้าจอหรือว่า การถ่ายรูป ใช้งานต่างๆก็หลากหลายขึ้น
[SR] รีวิว Samsung Galaxy Z FOLD 3 5G พับได้ จอใหญ่สะใจ สเปกแน่นสมกับเรือธง !
Samsung เป็นค่ายแรกๆที่ลุยตลาดในบรรดามือถือพับได้และยังคงเดินหน้าพัฒนามากันต่อเนื่องจนมาถึงรุ่นที่ 3 แล้วนั้นเอง แน่นอนว่าค่ายนี้เก่งเรื่องหน้าจอเทคโนโลยีที่ถือว่าเป็นค่ายผู้ผลิตอันดับต้นๆอยุ่แล้ว ในการพัฒนาหน้าจอ หรือเทคโนโลยีคงไม่ยากเกินไปสำหรับค่ายนี้ และ ก็ได้พัฒนามาต่อเรื่องจนมาถึงรุ่น Z FOLD 3 ที่ยังคงใช้งานหน้าจอพับได้พร้อมกับพัฒนาขึ้นในหลายๆส่วน และเป็นตัวแรกที่มาพร้อมกล้องหน้าแบบใต้หน้าจอที่ไม่ต้องเจาะรูอะไรทั้งนั้นทำให้เนียนเรียบสวยกว่ารุ่นอื่นๆ และ ยังรองรับการกันน้ำเป็นรุ่นแรกในบรรดามือถือที่รองรับการพับได้ทั้งหมดเช่นกัน อีกทั้งในแง่ของสเปกก็ไม่ธรรมดาทั้งกล้องหลัง หน้าจอ 120Hz หรือว่าจะเป็นการกันน้ำ รองรับปากกาจัดเต็ม
Z Fold3 5G มาพร้อมหน้าจอ Dynamic AMOLED ขนาด 7.6 นิ้วความละเอียด QXGA+ ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz ซึ่งตัวหน้าจอใช้กระจกบางที่มีความแข็งแรงขึ้น 80% และสว่างกว่าหน้าจอของ Z Fold2 ถึง 29% ส่วนหน้าจอด้านนอกเป็นแบบ Dynamic AMOLED ที่มีขนาด 6.2 นิ้วความละเอียด HD+ และมีรีเฟรชเรทแบบปรับอัตโนมัติ 120Hz กล้องหน้าของหน้าจอหลังจะเป็นกล้องแบบใต้หน้าจอที่มีความละเอียด 4MP ทำให้เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของ Samsung ที่มาพร้อมกล้องหน้าใต้หน้าจอ ส่วนกล้องของหน้าจอด้านนอกมีความละเอียด 10MP กรอบตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมที่ทางบริษัทเคลมว่ามีความแข็งแรงที่สุด และตัวเครื่องยังกันน้ำมาตรฐาน IPX8 เหมือนกับ Z Flip3 นอกจากนี้ Z Fold3 มาพร้อมโหมด Flex ที่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันสองอย่างในเวลาเดียวกันได้ และมีการอัปเกรดให้การเปิดหลายแอปพร้อมกัน การจับคู่แอป และ Taskbar แบบใหม่ที่สามารถสลับแอพไปมาได้โดยไม่ต้องกลับไปหน้า home screen ภายในตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 888 ที่มาพร้อม RAM 12GB และใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบด้วย One UI หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของ Z Fold3 คือรองรับปากกา S Pen โดยปากกาให้เลือก 2 รุ่นคือ S Pen Fold Edition และ S Pen Pro ซึ่งทั้งคู่ถูกออกแบบให้มีตัวปลายปากกา (ส่วนที่สัมผัสหน้าจอ) ให้มีระบบจำกัดแรงกดเพื่อถนอมหน้าจอของตัวสมาร์ตโฟน รวมทั้งปากกาทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมฟีเจอร์ Air Command และรุ่น Pro มาพร้อมฟีเจอร์ Air actions เรียกได้ว่าพัฒนาขึ้นกว่าเดิมหลายๆส่วน
Galaxy Z Fold3 5G วางจำหน่ายในราคา 57,900 บาท (256GB) และ 61,900 บาท (512GB) มาในตัวเลือกทั้งหมด 3 สีสุดคลาสสิก ได้แก่ สีดำ Phantom Black, สีเขียว Phantom Green และ สีเงิน Phantom Silver
DESIGN
งานออกแบบนั้นต้องบอกเลยว่าค่ายนี้ในแง่ของหน้าจอพับถือว่าสวยมากๆตัวนึง ดีไซน์ด้านหลังและด้านหน้า รวมถึงหน้าจออะไรนั้นทำออกมาได้น่าสนใจ เพราะว่าถ้าเรามองไปรุ่นแรกจะมีทั้งติ่งหน้าจอขนาดใหญ่ ขอบหน้าจอหนามากๆและตัวเครื่องหนาและหนัก แต่ทั้งนี้รุ่นนี้ได้แก้จุดทั้งหมดจนได้หน้าจอขอบบางสวยงาม และ กล้องที่ซ่อนใต้หน้าจอแล้วเช่นกัน แต่แน่นอนว่าถ้าหน้าจอพับได้ยังไงก็มีความหนาหนักเวลาพกพาหรือพับพกพาอยู่ดี และสำหรับบางคนอาจจะหนักไปเหมือนกัน ทำให้น้ำหนักตัวรุ่นนี้อยู่ที่ 271 กรัม และ หนา 16 มม. เลยทีเดียวเวลาพับถือพกพาใช้งาน
หน้าจอ Dynamic AMOLED 7.6 นิ้ว (2208×1768พิกเซล) QXGA+, อัตราส่วน 22.5:18, 374ppi, รีเฟรชเรทแบบ adaptive 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1200nits พร้อมกล้องหน้าแบบซ่อนใต้หน้าจอตัวแรกของค่าย
ขอบด้านบนขนาดเท่ากันทั้งหมด และมุมขวาเราจะเห็นส่วนที่เป็นกล้องใต้หน้าจอที่เม็ดพิเซลจะใหญ่กว่ามาตรฐานนิดหน่อยครับ มาพร้อมกับ กล้องหน้าใต้หน้าจอด้านใน 4MP (f/1.8)
สำหรับจอด้านนอกเองนั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรูกล้องหน้าที่คุ้นเคยกันดี พร้อมกับ10MP (f/2.2) ใช้งานหน้าจอ Dynamic AMOLED ขนาด 6.2 นิ้ว (2268×832พิกเซล) อัตราส่วน 24.5:9 HD+, 387ppi, รีเฟรชเรทแบบ adaptive 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1,500nits, ใช้กระจก Gorilla Glass Victus ถือว่าคุณภาพสูง
ส่วนขอบด้านล่างก็ใช้งานความบางอะไรสวยงามและสามารถควบคุมได้แบบเดียวกับหน้าจอหลักเหมือนกันทั้งหมดครับ มาพร้อมกับฟิล์มกันรอยติดตั้งมาให้เรียบร้อย และ รองรับการใช้งาน 120Hz แบบเดียวกับหน้าจอด้านใน
ขอบเครื่องด้านบนนั้น เราจะเห็นว่าเมื่อพับเข้ามาจะมีความหนาพอสมควรเลยแหละ และมาพร้อมกับ ไมค์หลากหลายที่ พร้อมกับ ลำโพงคู่ที่ใส่เข้ามาทั้ง บน และ ล่าง เสียงดังสะใจ และขอบเครื่องเป็นอลูมิเนียมทั้งหมดแข็งแรงมาก
เมื่อมามองส่วนข้อพับยังคงมีการใส่โลโก้เข้ามาขอบเครื่องพร้อมกับเล่นวัสดุแบบเงาทำให้แตกต่างกับส่วนอื่นๆของเครื่องด้วยเช่นกัน ส่วนความหนาจะอยู่ที่ 16 มม. ถือว่าหนามากๆเหมือนกับพารพกพามือถือ 2 เครื่องพร้อมกันเลย
ส่วนอีกฝั่งนั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่มทั้งหมด ด้านขอบขวา หรือส่วนล่างในภาพจะเป็น สแกนนิ้ว พร้อมกับปุ่ม Power ในตัว รวมถึงปุ่ม เพิ่ม ลด เสียงในด้านบน และอีกฝั่งนั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิมนั้นเอง รองรับ Nano 2 ซิม ครับ
ส่วนขอบด้านล่างเองเราจะเห็นช่องไมค์ และ USB-C รวมถึง ลำโพงตัวล่างให้มาครบๆ และรุ่นนี้ยังคงรองรับการชาร์จไร้สายด้วยนะถือว่าสเปกสมกับเรือธงและราคาของมัน ขอบเครื่องบางกว่าเดิมและพับอะไรได้แข็งแรงกว่ารุ่นแรกมากๆ
เมื่อกางออกมาเราจะเห็นเลยว่าตัวเครื่องบางทันทีประมาณ 6.4มม.ถือว่ากำลังดี และข้อต่ออะไรแข็งแรงรวมถึงเสาสัญญาณอะไรให้มาครบและทั้ง 2 ฝั่ง และหน้าจอเรียบๆมีกระจกพิเศษ ฟิล์มกันรอยอะไรในตัวที่ไม่ให้แกะออกมานะ
ด้านหลังยังคงเรียบๆตามสไตล์ค่ายนี้พร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัวแนวตั้ง สีด้านหลังแบบด้านสีดำสวยงามแต่เราจะไม่เห็นโลโก้ Samsung ในด้านหลังเลยครับแปลกตาเหมือนกัน พร้อมกับไฟแฟลชด้านล่าง ซึ่งด้านหลังเรียบๆและสวยงามมากๆการออกแบบกล้องหลังนูนเล็กน้อย และเมื่อพับและใช้งานตัวเครื่องยาวๆผอมๆจับถนัดและใช้งานได้ง่ายมาก
ทางด้านกล้องหลังเองนั้นมาให้ 3 ตัวเลยทีเดียวพร้อมกับระยะที่ใช้งานได้สบายๆ กล้องตัวหลัก 12MP (f/1.8), รองรับ PDAF, OIS พร้อมกับ กล้อง Telephoto 12MP (f/2.4), รองรับ PDAF, OIS, ซูมแบบ optical ได้ 2x, ซูมแบบดิจิทัลได้ 10x และ ทางด้าน กล้อง Ultra Wide กว้าง 120 องศา 12MP (f/2.2), ที่ใช้กระจก Gorilla Glass with DX + แฟลช LED ถือว่าเสปกให้มาดีและครบพร้อมใช้งานแม้จะเป็นรุ่นพับก็ไม่ธรรมดาเลย
SPEC
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 7.6 นิ้ว (2208×1768พิกเซล) QXGA+, อัตราส่วน 22.5:18, 374ppi, รีเฟรชเรทแบบ adaptive 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1200nits
- หน้าจอด้านนอก Dynamic AMOLED ขนาด 6.2 นิ้ว (2268×832พิกเซล) อัตราส่วน 24.5:9 HD+, 387ppi, รีเฟรชเรทแบบ adaptive 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1,500nits, ใช้กระจก Gorilla Glass Victus
- ชิปประมวลผล Snapdragon 888 5nm
- RAM LPDDR5 12GB + storage (UFS 3.1) 256GB / 512GB
- Android 11 ที่ครอบด้วย One UI 3.1
- ซิมคู่ (nano + eSIM)
- กล้องหลัง
กล้องตัวหลัก 12MP (f/1.8), รองรับ PDAF, OIS
กล้อง Telephoto 12MP (f/2.4), รองรับ PDAF, OIS, ซูมแบบ optical ได้ 2x, ซูมแบบดิจิทัลได้ 10x
กล้อง Ultra Wide กว้าง 120 องศา 12MP (f/2.2), ที่ใช้กระจก Gorilla Glass with DX
แฟลช LED
- กล้องหน้าด้านนอก 10MP (f/2.2)
- กล้องหน้าใต้หน้าจอด้านใน 4MP (f/1.8)
- ลำโพง Stereo, รองรับ Dolby Atmos
- เซนเซอร์สแกนนิ้วด้านข้าง
- ตัวเครื่องกันน้ำมาตรฐาน IPX8
- ขนาดตัวเครื่องขณะพับ: 67.1 x 158.2 x 16.0มม. (รวมแกนพับ) ~ 14.4มม. (ส่วนที่เว้าลง), ขนาดตัวเครื่องขณะกางออก: 128.1 x 158.2 x 6.4มม.; น้ำหนัก: 271 กรัม
- รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Sub6 / mmWave, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 6E (2.4/5GHz), HE160, MIMO, 1024-QAM, Bluetooth 5.2 LE, Ultra Wide Band, GPS with GLONASS, NFC, MST
- USB Type-C (Gen 3.2)
- แบตเตอรี่ความจุ 4,400mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 25W และชาร์จไร้สาย 10W (WPC และ PMA), รองรับ reverse charging 4.5W
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพตัวนี้แน่นอนว่ารองรับการใช้งานได้สบายและใช้งาน ชิปประมวลผล Snapdragon 888 5nm ซึ่งเป็นเรือธงของค่าย และแน่นอนว่าเป็นค่าย Snapdragon ที่หลายๆคนชอบใช้งานกันซึ่งปกติแล้วเราจะเห็น Exynos นั้นเอง และมาพร้อมกับ RAM LPDDR5 12GB รองรับการทำงานหลากหลายโปรแกรมได้แบบสบายไม่มีปัญหา รวมถึงรุ่นนี้สามารถใช้งานได้ 3 แอปพร้อมกันได้ทำให้การใส่สเปกแบบจัดเต็มแบบนี้มารองรับได้สบาย พร้อมกับ storage (UFS 3.1) 256GB / 512GB และ ใช้งาน Android 11 ที่ครอบด้วย One UI 3.1 ตัวล่าสุดของค่าย
ทำให้เรื่องของคะแนน Antutu นั้นพุ่งไปสูงถึง 728096 คะแนนเลยทืเดียวแม้จะใช้งานหน้าจอขนาดใหญ่และความถี่สูงแบบนี้ก็ตาม รวมถึงในการดูหนัง Netflix นั้นรองรับความละเอียดสูงสุดได้สบายๆ พร้อมกับในแง่ของการใช้งานจริงๆรุ่นนี้สามารถส่งออกไฟล์ภาพหลากหลายภาพได้ง่ายรวดเร็ว รวมถึงความร้อนที่ไม่สูงมากนักในการแต่งรูป Lightroom นั้นเองซึ่งสามารถส่งออกได้ไวมากๆแม้จะเกือบ 91 รูปหลังแต่งภาพถ่ายแล้วก็ตาม แต่เรื่องความร้อนนั้นเวลาใช้งานต่อเนื่องยาวๆ หรือเล่นเกมยาวๆนั้นความร้อนสูงได้ง่ายมากๆหรือการเปิดหลายๆแอปพร้อมกันก็ส่งผล
SYSTEM UI
หน้าตาระบบนั้นแม้จะมาในอัตราส่วนแบบใหม่สี่เหลี่ยมแบบนี้ก็ตาม แต่รุ่นนี้ก็ยังสามารถใช้งานแบบที่เราคุ้นเคยกันได้ดีทั้งหมดในบรรดามือถือของทาง Samsung ที่คุ้นเคยกันในระบบ One UI นั้นเอง และสามารถรองรับการใช้งานทั้งแนวตั้ง แนวนอนได้สบายๆเลยครับ และจะมีการออกแบบหลายๆฟีเจอร์ที่ออกมารองรับกับหน้าจอพับได้มากขึ้น หรือว่าจะเป็นการใส่ใช้งานฟีเจอร์ปุ่มควบคุม การแบ่งหน้าจอหรือว่า การถ่ายรูป ใช้งานต่างๆก็หลากหลายขึ้น
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้