สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เรื่องที่ไม่คู่ควรเถียง คือ เรื่องที่เถียงโดยไม่ใช้ปัญญา ถ้าเริ่มต้นเสวนา โดยใช้ความรู้สึกเป็นที่ตั้งแบบนี้ ต่อให้บรรยายข้อเท็จจริงมากเท่าไหร่ ก็คงไม่มีประโยชน์ แต่ก็จะขอเถียงด้วยเผื่อจะได้บุญได้ทาน เพราะการให้ปัญญาเป็นทานอย่างหนึ่ง
จะอธิบายให้ฟังด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ดังนี้
คอลลาเจน เป็นโปรตีนโมเลกุลใหญ่ ร่างกายดูดซึมโดยตรงไม่ได้ ร่างกายดูดซึมโปรตีนในรูปของกรดอะมิโนเท่านั้น แล้วร่างกายก็จะเอากรดอะมิโนเหล่านี้ ไปสร้างโปรตีนชนิดต่าง ๆ ตามแต่ที่ร่างกายต้องการ ซึ่งคอลลาเจนก็เป็นหนึ่งในโปรตีนที่ร่างกายสังเคราะห์ขึ้นจากกรดอะมิโนนี้
การที่หน้าตาเหี่ยวย่น เกิดจากความเสื่อมของสังขาร ร่างกายผลิตคอลลาเจนในชั้นผิวหนังได้น้อยลง (ที่จริงมันก็น้อยลงทุกที่ ทั้งแขน ทั้งตูด ทั้งหน้าท้อง) เพราะฉะนั้น การบริโภคคอลลาเจนโดยตรง จึงไม่เกี่ยวข้องกับการทำให้ผิวหน้าเต่งตึงขึ้นเลย เพราะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชิ้นใด บ่งชี้เลยว่า การทานคอลลาเจนมากขึ้น จะทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง โดยเฉพาะ "หนังหน้า" มากขึ้น
ประเด็นสำคัญ คือ คอลลาเจน ไม่ใช่โปรตีนพิเศษที่ได้จากการสังเคราะห์ทางเคมีเท่านั้น คอลลาเจนสามารถพบได้ในธรรมชาติ เช่น หนังหมู หนังปลา และส่วนอื่นของสัตว์ ซึ่งหากรับประทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่มีคอลลาเจน ก็ได้คอลลาเจนเหมือนกัน แถมมีปริมาณมากกว่าสารสกัดกล่องแพง ๆ ไม่ต้องพูดประเด็นเรื่องราคาถูกกว่า
คอลลาเจนเป็นโปรตีนเฉย ๆ ไม่ใช่ยา ไม่มีฤทธิ์ในการรักษาโรคด้วยอีกประเด็น กินแหนมท่อนเดียวยังได้คอลลาเจนมากกว่าซื้อกล่องคอลลาเจนเป็นพัน ๆ บาท อีกสิ่งที่สำคัญ คือ การบริโภคคอลลาเจนเป็นจำนานมาก ทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนในปริมาณที่มากเกินพอดี ไตจะทำงานหนักกว่าปกติ อาจนำพามาซึ่งปัญหาในอนาคตได้
สิ่งที่คุณ จขกท กำลังประสบเขาเรียก "อุปาทาน" หรือการคิดไปเอง
จะอธิบายให้ฟังด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ดังนี้
คอลลาเจน เป็นโปรตีนโมเลกุลใหญ่ ร่างกายดูดซึมโดยตรงไม่ได้ ร่างกายดูดซึมโปรตีนในรูปของกรดอะมิโนเท่านั้น แล้วร่างกายก็จะเอากรดอะมิโนเหล่านี้ ไปสร้างโปรตีนชนิดต่าง ๆ ตามแต่ที่ร่างกายต้องการ ซึ่งคอลลาเจนก็เป็นหนึ่งในโปรตีนที่ร่างกายสังเคราะห์ขึ้นจากกรดอะมิโนนี้
การที่หน้าตาเหี่ยวย่น เกิดจากความเสื่อมของสังขาร ร่างกายผลิตคอลลาเจนในชั้นผิวหนังได้น้อยลง (ที่จริงมันก็น้อยลงทุกที่ ทั้งแขน ทั้งตูด ทั้งหน้าท้อง) เพราะฉะนั้น การบริโภคคอลลาเจนโดยตรง จึงไม่เกี่ยวข้องกับการทำให้ผิวหน้าเต่งตึงขึ้นเลย เพราะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชิ้นใด บ่งชี้เลยว่า การทานคอลลาเจนมากขึ้น จะทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง โดยเฉพาะ "หนังหน้า" มากขึ้น
ประเด็นสำคัญ คือ คอลลาเจน ไม่ใช่โปรตีนพิเศษที่ได้จากการสังเคราะห์ทางเคมีเท่านั้น คอลลาเจนสามารถพบได้ในธรรมชาติ เช่น หนังหมู หนังปลา และส่วนอื่นของสัตว์ ซึ่งหากรับประทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่มีคอลลาเจน ก็ได้คอลลาเจนเหมือนกัน แถมมีปริมาณมากกว่าสารสกัดกล่องแพง ๆ ไม่ต้องพูดประเด็นเรื่องราคาถูกกว่า
คอลลาเจนเป็นโปรตีนเฉย ๆ ไม่ใช่ยา ไม่มีฤทธิ์ในการรักษาโรคด้วยอีกประเด็น กินแหนมท่อนเดียวยังได้คอลลาเจนมากกว่าซื้อกล่องคอลลาเจนเป็นพัน ๆ บาท อีกสิ่งที่สำคัญ คือ การบริโภคคอลลาเจนเป็นจำนานมาก ทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนในปริมาณที่มากเกินพอดี ไตจะทำงานหนักกว่าปกติ อาจนำพามาซึ่งปัญหาในอนาคตได้
สิ่งที่คุณ จขกท กำลังประสบเขาเรียก "อุปาทาน" หรือการคิดไปเอง
แสดงความคิดเห็น
ขอถามคนที่แอนตี้คอลลาเจนหน่อยค่ะ
กินเนื้อหมู กินไข่ดีกว่า คอลลาเจนเป็นแค่ความเชื่อ เป็นการตลาด
เรามีปัญหาผิวพรรณหนักมาก รวมทั้งข้อเข่าก็มีปัญหา ทานโปรตีน ทานวิตามินอะไรสารพัด แต่สุดท้ายมาจบที่คอลลาเจน คอลลาเจนแบบจริงๆเลย ชงน้ำดื่มแล้วมีกลิ่นคาว ไม่ใช่ผสมอย่างอื่น
ผิวกระชับ เนียนขึ้นเห็นผลจริง ข้อเข่าก็หายปวด เสียดายมากที่มาทานเอาป่านนี้ เพราะเชื่อข้อมูลในpantipจริงๆเลย😓
อยากรู้ว่าหลายๆคนที่ให้ความเห็นแนวนั้น ทำไมถึงแอนตี้คอลลาเจนกันคะ