วันนี้ (20 ส.ค.63) นพ.วีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. พร้อมด้วย นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีรายที่เป็นข่าวเมื่อวานนี้ว่า มีหญิงไทยอายุ 35 ปี ตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 ขณะเตรียมตัวเดินทางไปทำงานต่างประเทศ โดยไม่มีอาการใดๆ
ปรากฏผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบสารพันธุกรรมในปริมาณน้อย ในครั้งที่ 1 ในวันที่ 18 สิงหาคม 2563 และเมื่อตรวจซ้ำอีก 2 ครั้ง ในวันที่ 18 และ 20 สิงหาคม 2563 ด้วยตัวอย่างเดิม และที่เก็บใหม่ ผลไม่พบสารพันธุกรรม ซึ่งตรงกับผลการตรวจยืนยันที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ส่วนผลการตรวจเลือดพบมีภูมิคุ้มกัน บ่งชี้ว่าเป็นผู้ติดเชื้อมาก่อนในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมาตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด ซึ่งการติดเชื้ออาจจะเกิดขึ้นในขณะทำงานที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จนถึงในจังหวัดเลย ซึ่งรายนี้อยู่ในการดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาล ระหว่างรอผลการตรวจเพาะเชื้อ (Viral culture) เพื่อยืนยันว่าเชื้อไม่สามารถแพร่ได้ ซึ่งจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์
ขณะที่ รศ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุถึง ผู้ที่เคยติดเชื้อ รายที่ 2 อายุ 35 ปี หลังมาตรวจสุขภาพก่อนไปทำงานที่ต่างประเทศ (UAE) มีการตรวจเชื้อซ้ำ พบสารพันธุกรรมในปริมาณน้อย จากนั้น ทำการตรวจซ้ำ 2 ครั้ง ไม่พบสารพันธุกรรม ซึ่งผลตรงจากกรมการแพทย์ฯ
ทั้งนี้ ได้มีการตรวจเลือดจากภูมิคุ้มกันเพิ่มเติม พบว่า ผลเลือดบวก เท่ากับว่ารายนี้ ในเชิงวิชาการ มีเชื้อจริง มีตั้งแต่อยู่ต่างประเทศแล้ว เบื้องต้นหญิงรายนี้อาการปกติ ไม่มีการแสดงอาการ แต่เแพทย์ ขอให้อยู่โรงพยาบาลก่อน เพื่อดูอาการ และเพื่อนำสารพันธุกรรม ไปเพาะเชื้อไวรัส เพื่อตรวจซ้ำว่าเป็นอันตรายหรือไม่ สำหรับสารพันธุกรรมเป็นส่วนของไวรัส ที่ไม่ทำให้เกิดการติดต่อ
ด้าน ผศ.นพ. ชนเมธ เตชะแสนศิริ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี ย้ำว่า ขณะนี้หญิงคนดังกล่าวไม่ได้ป่วยแล้ว เนื่องจากผลตรวจซ้ำ 2 ครั้งไม่พบเชื้อ เบื้องต้นอาจจะติดเชื้อจากต่างประเทศ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้อยู่ระหว่างรอผลการสอบสวนโรคที่ละเอียดอีกครั้ง ส่วนผู้ใกล้ชิดและผู้สัมผัส ตอนนี้เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค จากทั้งสวนกลางและในพื้นที่จังหวัดเลย ได้ติดตามจนเกือบครบหมดแล้ว
https://news.trueid.net/detail/V5vprZkvgN0Q
ด่วนล่าสุด..!! รพ.รามาฯ แถลงผลตรวจเชื้อซ้ำหญิงไทยไม่พบโควิด-19
วันนี้ (20 ส.ค.63) นพ.วีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. พร้อมด้วย นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีรายที่เป็นข่าวเมื่อวานนี้ว่า มีหญิงไทยอายุ 35 ปี ตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 ขณะเตรียมตัวเดินทางไปทำงานต่างประเทศ โดยไม่มีอาการใดๆ
ปรากฏผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบสารพันธุกรรมในปริมาณน้อย ในครั้งที่ 1 ในวันที่ 18 สิงหาคม 2563 และเมื่อตรวจซ้ำอีก 2 ครั้ง ในวันที่ 18 และ 20 สิงหาคม 2563 ด้วยตัวอย่างเดิม และที่เก็บใหม่ ผลไม่พบสารพันธุกรรม ซึ่งตรงกับผลการตรวจยืนยันที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ส่วนผลการตรวจเลือดพบมีภูมิคุ้มกัน บ่งชี้ว่าเป็นผู้ติดเชื้อมาก่อนในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมาตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด ซึ่งการติดเชื้ออาจจะเกิดขึ้นในขณะทำงานที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จนถึงในจังหวัดเลย ซึ่งรายนี้อยู่ในการดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาล ระหว่างรอผลการตรวจเพาะเชื้อ (Viral culture) เพื่อยืนยันว่าเชื้อไม่สามารถแพร่ได้ ซึ่งจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์
ขณะที่ รศ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุถึง ผู้ที่เคยติดเชื้อ รายที่ 2 อายุ 35 ปี หลังมาตรวจสุขภาพก่อนไปทำงานที่ต่างประเทศ (UAE) มีการตรวจเชื้อซ้ำ พบสารพันธุกรรมในปริมาณน้อย จากนั้น ทำการตรวจซ้ำ 2 ครั้ง ไม่พบสารพันธุกรรม ซึ่งผลตรงจากกรมการแพทย์ฯ
ทั้งนี้ ได้มีการตรวจเลือดจากภูมิคุ้มกันเพิ่มเติม พบว่า ผลเลือดบวก เท่ากับว่ารายนี้ ในเชิงวิชาการ มีเชื้อจริง มีตั้งแต่อยู่ต่างประเทศแล้ว เบื้องต้นหญิงรายนี้อาการปกติ ไม่มีการแสดงอาการ แต่เแพทย์ ขอให้อยู่โรงพยาบาลก่อน เพื่อดูอาการ และเพื่อนำสารพันธุกรรม ไปเพาะเชื้อไวรัส เพื่อตรวจซ้ำว่าเป็นอันตรายหรือไม่ สำหรับสารพันธุกรรมเป็นส่วนของไวรัส ที่ไม่ทำให้เกิดการติดต่อ
ด้าน ผศ.นพ. ชนเมธ เตชะแสนศิริ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี ย้ำว่า ขณะนี้หญิงคนดังกล่าวไม่ได้ป่วยแล้ว เนื่องจากผลตรวจซ้ำ 2 ครั้งไม่พบเชื้อ เบื้องต้นอาจจะติดเชื้อจากต่างประเทศ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้อยู่ระหว่างรอผลการสอบสวนโรคที่ละเอียดอีกครั้ง ส่วนผู้ใกล้ชิดและผู้สัมผัส ตอนนี้เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค จากทั้งสวนกลางและในพื้นที่จังหวัดเลย ได้ติดตามจนเกือบครบหมดแล้ว
https://news.trueid.net/detail/V5vprZkvgN0Q