ช่วงเวลาปิดเทอม ณ ท้องถิ่นตำบลแห่งนี้ ผองเพื่อนหนุ่มสาวที่ต้องแยกย้ายกันไปเรียนคนละที่ คนละจังหวัด กลับมารวมตัวกัน ได้มานั่งกินข้าว สังสรรค์ กระชับความสัมพันธ์กัน อีกครั้ง หลังจากห่างหายกันไปหลายเดือน
ผู้คนที่นี่ ยังใช้ชีวิตตามวิถีเดิม ข้าวเช้ากินตอนเช้า ข้าวเที่ยงกินตอนเที่ยง ข้าวเย็นก็กินตอนเย็น ไม่ใช่ตอนกลางคืน ข้าวเย็นกินกันก่อนพระอาทิตย์ตก พอตกค่ำก็เอนหลังดูทีวี ความเคยชินเป็นเช่นนี้
แต่หนุ่มสาวที่ได้ปรับตัวกับวิถีชีวิตในตัวเมือง ความเคยชินต่างออกไป ถึงเวลาข้าวเย็นไม่มากิน ไปเที่ยวเล่นสนุกสนาน กลับมาตอนฟ้ามืด แล้วยังชวนกันมากินข้าวที่บ้านยายพวง เปิดไฟ นั่งล้อมวงกินข้าว พูดคุยกันเฮฮา
บ้านยายพวงถึงจะหลังใหญ่พอรองรับเพื่อนๆของหลานชาย แต่ก็เป็นบ้านไม้เรือนไทยหลังเก่า ที่ไม้กระดานเริ่มผุพังตามสภาพ หลายคนเดินเสียงก็ลั่นอย่างน่ากลัว ที่สำคัญกว่านั้น ห้องที่พวกหลานชายนั่งล้อมวงกัน ก็อยู่ถัดจากห้องที่ยายพวงใช้นั่งดูทีวีนี่เอง เสียงช้อนกระทบจานสังกะสี เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และคำที่ด่ากันหยาบๆ ทำลายสมาธิในการดูละครของแก
"ไอ้โต้งเอ๊ย เบาๆหน่อย ข้าดูทีวีอยู่" ยายพวงต้องเดินมาบอก ไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ในหลายวันนี้ เพราะแกไม่สามารถตะโกนบอกแข่งกับเสียงทีวีได้
"ครับๆ ย่า" หลานชายและเพื่อนๆรับคำ เสียงก็จะเบาลงแป๊บนึง ก่อนจะเหมือนเดิม เป็นอยู่อย่างนี้
"โบราณเขาถือ กินข้าวกลางค่ำกลางคืนต้องกินเงียบๆ ไม่อย่างนั้น พวกผีได้ยินเสียงเคาะจาน จะมาแย่งกินข้าว" ยายพวงพูด แล้วกลับไปนั่งดูละครต่อ
ข้างฝ่ายในห้องกินข้าวนั้น เงียบลงไปครู่หนึ่ง เสียงช้อนเคาะจานสังกะสีก็ดังรัว เป๊งๆๆๆๆ
"ใครหิว เข้ามากินด้วยกันก็ได้นะครับ โม่ะๆๆๆ"
"ผีนะมึ- ไม่ใช่หมา"
""""ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"""" เสียงหัวเราะลั่นตามมา แล้วบรรยากาศในวงกินข้าวก็กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง
ที่พวกหนุ่มสาวมารวมตัวกันที่บ้านของโต้ง ก็เพราะพ่อแม่มันไม่อยู่บ้าน ไปทำกิจการที่ต่างจังหวัด คอยส่งเงินกลับมาให้ มีแค่ย่ามันอยู่คนเดียว ทั้งยังใจดี แค่บ่นแค่เตือน ไม่ด่าทอหรือขับไล่ พวกเขาจึงเลือกบ้านนี้เป็นที่รวมตัว
คืนวันต่อมา โต้งพร้อมผองเพื่อนหิ้วของกินเดินขึ้นบ้าน เจอกับยายพวงเดินสวนลงมา
"ย่าจะไปไหนครับ" โต้งถาม
"ไปหาตาเอี่ยม จองตัวให้พรุ่งนี้มายาแนวร่องกระดานในบ้าน"
เมื่อยายพวงไม่อยู่บ้าน เพื่อนฝูงก็ส่งเสียงอย่างเคยกันเต็มที่ เสียงช้อนกระทบจานสังกะสี เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และคำหยาบคายด่ากันไม่มีหยุด
แต่แล้ว ขณะที่พวกหนุ่มสาวกำลังเฮฮากันอยู่นั้น มีใครคนหนึ่งเห็นก่อน จึงชี้นำ คนอื่นได้เห็นตาม วงเฮฮาก็เงียบในทันที
มีมือและแขนเหี่ยวๆผอมแห้งเกร็งดำกร้านลอดขึ้นมาจากช่องพื้นกระดานที่อยู่ห่างไปเล็กน้อย มือนั้นคืบคลานปัดป่ายซ้ายขวาเหมือนต้องการจะหาอะไรบางอย่าง เสียงแหบๆแหลมๆสั่นเครือ ดังให้ได้ยิน
"หิว หิว กินอะไรกัน ขอกินบ้าง "
&%~}[`;>@*#!!!
เสียงกรี๊ด เสียงร้อง เสียงสบถ เสียงแหกปากโวยวาย เสียงจานตกพื้นและถูกเหยียบพลิก เสียงไม้กระดานสะเทือน ดังขึ้นมาแทนที่ในวงเฮฮานั้น
แต่ละคนขนหัวลุก แย่งวิ่งกรูออกจากบ้าน แตกกระเจิงกันไปคนละทิศคนละทาง
....................................................................................................................
"หลังจากนั้นนะ ไอ้โต้งมันก็เชื่อฟัง ว่านอนสอนง่ายขึ้นเยอะเลย" ยายพวงหัวเราะเอิ๊กๆอย่างชอบใจ
ตาเอี่ยมละสายตาจากแหในมือที่กำลังซ่อมอยู่ เหลือบมองคู่สนทนา
นึกถึงเมื่อคืนนั้น ที่แกไปตามคำชวนของยายพวง ฝืนสังขารปีนโอ่งขึ้นไปสอดแขนลอดรูพื้นกระดาน โดยมียายพวงเป็นคนส่งเสียงหลอกพวกเด็กๆ
นิสัยแก่นแก้วของยายพวง เมื่อก่อนเป็นยังไง แก่แล้วก็ยังไม่หาย
"แล้วนี่แกคิดจะบอกความจริงพวกมันเมื่อไหร่"
ยายพวงอมยิ้ม หลิ่วตาให้ ยักคิ้วแผลบ
"เขาเรียกว่า เฮ็ดในสิ่งที่เซื่อ เซื่อในสิ่งที่เฮ็ด" ว่าแล้วก็หัวเราะเอิ๊กๆ อีกยก
............................................................................................................................................./..
ความเชื่อ
ผู้คนที่นี่ ยังใช้ชีวิตตามวิถีเดิม ข้าวเช้ากินตอนเช้า ข้าวเที่ยงกินตอนเที่ยง ข้าวเย็นก็กินตอนเย็น ไม่ใช่ตอนกลางคืน ข้าวเย็นกินกันก่อนพระอาทิตย์ตก พอตกค่ำก็เอนหลังดูทีวี ความเคยชินเป็นเช่นนี้
แต่หนุ่มสาวที่ได้ปรับตัวกับวิถีชีวิตในตัวเมือง ความเคยชินต่างออกไป ถึงเวลาข้าวเย็นไม่มากิน ไปเที่ยวเล่นสนุกสนาน กลับมาตอนฟ้ามืด แล้วยังชวนกันมากินข้าวที่บ้านยายพวง เปิดไฟ นั่งล้อมวงกินข้าว พูดคุยกันเฮฮา
บ้านยายพวงถึงจะหลังใหญ่พอรองรับเพื่อนๆของหลานชาย แต่ก็เป็นบ้านไม้เรือนไทยหลังเก่า ที่ไม้กระดานเริ่มผุพังตามสภาพ หลายคนเดินเสียงก็ลั่นอย่างน่ากลัว ที่สำคัญกว่านั้น ห้องที่พวกหลานชายนั่งล้อมวงกัน ก็อยู่ถัดจากห้องที่ยายพวงใช้นั่งดูทีวีนี่เอง เสียงช้อนกระทบจานสังกะสี เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และคำที่ด่ากันหยาบๆ ทำลายสมาธิในการดูละครของแก
"ไอ้โต้งเอ๊ย เบาๆหน่อย ข้าดูทีวีอยู่" ยายพวงต้องเดินมาบอก ไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ในหลายวันนี้ เพราะแกไม่สามารถตะโกนบอกแข่งกับเสียงทีวีได้
"ครับๆ ย่า" หลานชายและเพื่อนๆรับคำ เสียงก็จะเบาลงแป๊บนึง ก่อนจะเหมือนเดิม เป็นอยู่อย่างนี้
"โบราณเขาถือ กินข้าวกลางค่ำกลางคืนต้องกินเงียบๆ ไม่อย่างนั้น พวกผีได้ยินเสียงเคาะจาน จะมาแย่งกินข้าว" ยายพวงพูด แล้วกลับไปนั่งดูละครต่อ
ข้างฝ่ายในห้องกินข้าวนั้น เงียบลงไปครู่หนึ่ง เสียงช้อนเคาะจานสังกะสีก็ดังรัว เป๊งๆๆๆๆ
"ใครหิว เข้ามากินด้วยกันก็ได้นะครับ โม่ะๆๆๆ"
"ผีนะมึ- ไม่ใช่หมา"
""""ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"""" เสียงหัวเราะลั่นตามมา แล้วบรรยากาศในวงกินข้าวก็กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง
ที่พวกหนุ่มสาวมารวมตัวกันที่บ้านของโต้ง ก็เพราะพ่อแม่มันไม่อยู่บ้าน ไปทำกิจการที่ต่างจังหวัด คอยส่งเงินกลับมาให้ มีแค่ย่ามันอยู่คนเดียว ทั้งยังใจดี แค่บ่นแค่เตือน ไม่ด่าทอหรือขับไล่ พวกเขาจึงเลือกบ้านนี้เป็นที่รวมตัว
คืนวันต่อมา โต้งพร้อมผองเพื่อนหิ้วของกินเดินขึ้นบ้าน เจอกับยายพวงเดินสวนลงมา
"ย่าจะไปไหนครับ" โต้งถาม
"ไปหาตาเอี่ยม จองตัวให้พรุ่งนี้มายาแนวร่องกระดานในบ้าน"
เมื่อยายพวงไม่อยู่บ้าน เพื่อนฝูงก็ส่งเสียงอย่างเคยกันเต็มที่ เสียงช้อนกระทบจานสังกะสี เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และคำหยาบคายด่ากันไม่มีหยุด
แต่แล้ว ขณะที่พวกหนุ่มสาวกำลังเฮฮากันอยู่นั้น มีใครคนหนึ่งเห็นก่อน จึงชี้นำ คนอื่นได้เห็นตาม วงเฮฮาก็เงียบในทันที
มีมือและแขนเหี่ยวๆผอมแห้งเกร็งดำกร้านลอดขึ้นมาจากช่องพื้นกระดานที่อยู่ห่างไปเล็กน้อย มือนั้นคืบคลานปัดป่ายซ้ายขวาเหมือนต้องการจะหาอะไรบางอย่าง เสียงแหบๆแหลมๆสั่นเครือ ดังให้ได้ยิน
"หิว หิว กินอะไรกัน ขอกินบ้าง "
&%~}[`;>@*#!!!
เสียงกรี๊ด เสียงร้อง เสียงสบถ เสียงแหกปากโวยวาย เสียงจานตกพื้นและถูกเหยียบพลิก เสียงไม้กระดานสะเทือน ดังขึ้นมาแทนที่ในวงเฮฮานั้น
แต่ละคนขนหัวลุก แย่งวิ่งกรูออกจากบ้าน แตกกระเจิงกันไปคนละทิศคนละทาง
....................................................................................................................
"หลังจากนั้นนะ ไอ้โต้งมันก็เชื่อฟัง ว่านอนสอนง่ายขึ้นเยอะเลย" ยายพวงหัวเราะเอิ๊กๆอย่างชอบใจ
ตาเอี่ยมละสายตาจากแหในมือที่กำลังซ่อมอยู่ เหลือบมองคู่สนทนา
นึกถึงเมื่อคืนนั้น ที่แกไปตามคำชวนของยายพวง ฝืนสังขารปีนโอ่งขึ้นไปสอดแขนลอดรูพื้นกระดาน โดยมียายพวงเป็นคนส่งเสียงหลอกพวกเด็กๆ
นิสัยแก่นแก้วของยายพวง เมื่อก่อนเป็นยังไง แก่แล้วก็ยังไม่หาย
"แล้วนี่แกคิดจะบอกความจริงพวกมันเมื่อไหร่"
ยายพวงอมยิ้ม หลิ่วตาให้ ยักคิ้วแผลบ
"เขาเรียกว่า เฮ็ดในสิ่งที่เซื่อ เซื่อในสิ่งที่เฮ็ด" ว่าแล้วก็หัวเราะเอิ๊กๆ อีกยก
............................................................................................................................................./..