JJNY : ‘เอกชน’ส่อง‘แฟลชม็อบ’/เฉลิมเสนอใช้รธน.1หน้าแล้วยุบสภา/สมชัยชวนจับตาวันลงมติส.ส.ร./ตกงานแห่ขายลอตเตอรี่5หมื่น

‘เอกชน’ส่อง‘แฟลชม็อบ’ ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทย
https://www.matichon.co.th/politics/politics-in-depth/news_2303381

‘เอกชน’ส่อง‘แฟลชม็อบ’ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทย
 
หมายเหตุ – ภาคเอกชนได้ประเมินสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองของนิสิต นักศึกษา จะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 โดยรวมหรือไม่ พร้อมกับมีข้อเสนอแนะถึงฝ่ายรัฐบาลและผู้ชุมนุม
 
เกียรติศักดิ์ จิระขจรวงศ์
นายกสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย
 
จากการติดตามสถานการณ์ของม็อบที่มีหลายกลุ่มทำให้ภาคเอกชนกังวลว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่กำลังชะงักจากสถานการณ์โควิด-19 หากสถานการณ์ของม็อบทวีความรุนแรงอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและอาจทำให้ปริมาณม็อบเพิ่มขึ้นยังมาจาก 2 ประเด็นสำคัญ คือ คดีของบอส หรือ นายวรยุทธ อยู่วิทยา และกรณีของบ่อนพระราม 3 ประเด็น เหล่านี้หากรัฐบาลไม่สามารถทำให้กระบวนการยุติธรรมได้รับการยอมรับจะส่งผลเสียต่อรัฐบาลเอง กระทบต่อความเชื่อมั่นของคนไทยทั้งประเทศ สุดท้ายก็จะวนกลับมาที่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ
 
อยากให้ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่เตรียมเข้าทำงานอย่างเป็นทางการเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีให้เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ต่างๆ โดยเฉพาะซอฟต์โลน 5 แสนล้านบาท ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กลไกที่มีอยู่ทำให้เอสเอ็มอีจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงได้
 
นอกจากนี้ อยากให้รัฐเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มีศักยภาพ สินค้าได้มาตรฐานทัดเทียมต่างชาติสามารถเข้าไปมีส่วนในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐที่แต่ละปีมีวงเงินไม่ต่ำกว่า 1.3 ล้านล้านบาท เพราะเอสเอ็มอีไทยมีศักยภาพสู้ต่างชาติได้ แต่อาจมีต้นทุนราคาที่สูงกว่าสินค้าจากต่างชาติอยู่บ้าง แต่อยากให้ภาครัฐมองถึงประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับมากกว่า โดยเฉพาะการสร้างงาน การสร้างเม็ดเงินที่ช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจไทยให้หมุนเวียนได้
 
กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์
ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย
 
ในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกมีผลกระทบที่ชัดเจนมาก ส่วนการชุมนุมเพื่อแสดงออกการเมืองของนักศึกษาและประชาชนที่มีจุดยืนทางการเมืองนั้น ส่วนหนึ่งก็ไม่อยากให้ถูกปิดกั้นในการแสดงออกทางความคิดเห็น ตราบใดที่ดำเนินการด้วยความสงบ ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้น ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจนั้น เนื่องจากการชุมนุมยังไม่มีอะไรที่รุนแรง และไม่อยากเห็นภาพความรุนแรงในการแสดงออกทางความคิดเห็นเหมือนต่างประเทศที่มีการแสดงออกทางการเมือง ลุกลามไปจนถึงการก่อเหตุจลาจล อาทิ ฮ่องกง สหรัฐ
 
ในส่วนของนักศึกษาที่ต้องการแสดงออกถึงจุดยืนทางการเมืองถือว่า เป็นการกระทำที่ดี แต่อยากให้ทำในขอบเขตที่มีความเหมาะสมและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และอยากให้ผู้ใหญ่ในประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวงการเมือง รับฟังความคิดเห็นของนักศึกษาบ้าง ต้องไม่ลืมว่าคนรุ่นใหม่ถือเป็นพลเมืองของประเทศต่อไปในอนาคต จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนประเทศต่อไป
 
หากการชุมนุมรุนแรงมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศมากกว่า เชื่อว่า คงไม่มีการปิดเส้นทางที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ทำให้ผลกระทบในภาคการส่งออกคงยังไม่มี แต่เรื่องการบริโภคภายในประเทศน่าจะได้รับผลกระทบมากกว่า เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวไทยก็ถูกผลกระทบจากโควิด-19 จนทรุดตัวลงค่อนข้างลึก ทำให้มีการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งการชุมนุมทางการเมืองอาจกระทบกับการเดินทางในพื้นที่ และกระทบกับการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศบ้าง แต่เท่าที่ประเมินเบื้องต้นยังไม่เห็นว่าการชุมนุมทางการเมืองมีผลกระทบทางเศรษฐกิจ
 
ในด้านความเชื่อมั่น เนื่องจากรัฐบาลต่างประเทศให้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว หากพิจารณาจากกรณีการออกกฎหมายความมั่นคงภายในของฮ่องกงจนเกิดผลกระทบตามมาค่อนข้างบานปลาย ตั้งแต่สหรัฐจะคว่ำบาตรจีน จีนจะคว่ำบาตรสหรัฐคืน มีการปิดสถานกงสุล สถานทูตต่างๆ เราไม่อยากเห็นว่าประเทศไทยถูกคว่ำบาตรจากต่างประเทศ เพราะมีการควบคุมการแสดงความคิดเห็นของประชาชนผ่านการใช้ความรุนแรงเข้าปราบปราม เพราะการแสดงความคิดเห็นและจุดยืนต่างๆ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้การปราบปราม ยังไม่ถึงขั้นนั้น หากทุกอย่างเป็นการแสดงด้วยความสงบก็จะไม่มีปัญหา แต่หากมีการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม ต่างชาติอาจจะคิดว่า หากปล่อยให้นักลงทุนจากเมืองเขาเข้ามาแล้ว เกิดมีปัญหาในเรื่องใดขึ้น ภาครัฐก็จะใช้กำลังและอำนาจในการควบคุมพวกเขาได้เช่นกัน
 
เรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจเข้าใจว่าเป็นงานที่ยาก เพราะส่วนหนึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจอาศัยรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 2563 ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแล้ว จึงต้องอาศัยการบริโภคภายในประเทศแทน แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของปริมาณจำนวนประชากรที่ไม่ได้มีมากนัก ไม่เหมือนประเทศจีนที่มีจำนวนประชากรมาก หากกระตุ้นให้บริโภคภายในประเทศ ไม่ซื้อของจากต่างชาติเลยก็สามารถอยู่ได้ สามารถผลิตได้เอง หาวัตถุดิบได้เองและค้าขายกันเองได้ แต่ประเทศไทยไม่สามารถอยู่ได้หากทำอย่างนั้น เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง ทำให้ปัญหาเฉพาะหน้าในตอนนี้คือ การถดถอยทางเศรษฐกิจ สะท้อนได้จากจีดีพีไตรมาส 2/2563 ที่ออกมาติดลบกว่า 10% และตัวเลขการส่งออกที่ติดลบไปกว่า 23% ทำให้ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจเริ่มรู้สึกถึงสภาพคล่องที่น้อยลง และการเลิกจ้างที่อาจจะเกิดขึ้นเพิ่มเติม
 
สิ่งที่ภาครัฐควรทำคือ พยายามกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน อยากเห็นเรื่องการสนับสนุนหรืออัดฉีดเงินเข้ามาในระบบเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบ เพราะหากประเมินจากมาตรการแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟต์โลน) ก็ยังไม่ได้ถึงมือผู้ประกอบการมากนักจึง อยากให้พยายามหาเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจต่อไปให้ได้ ในส่วนของภาครัฐยังอยากเห็นการปรับกฎระเบียบให้สะดวกขึ้น รวมถึงประกาศของกระทรวงต่างๆ ที่มีความล้าสมัย ถือเป็นการสร้างภาระให้กับภาคเอกชน อาทิ การส่งออก ที่จะกำหนดให้รถบรรทุกวิ่งเข้ากรุงเทพฯเป็นเวลา อยากให้ทบทวนให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจมากเกินไป
 
การมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโดยตรง ขณะนี้ยินดีที่ได้เห็น เพราะคนใหม่ที่เข้ามาเคยทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ที่ผ่านมาได้มีการประชุมกับภาคเอกชนในส่วนของมาตรการเยียวยาหลายรอบ เชื่อว่ามีความเข้าใจในสถานการณ์และปัญหาของเศรษฐกิจ การที่เข้าใจในพื้นฐานปัญหา ทำให้การร่วมมือกันระหว่างรัฐและเอกชนในการฟื้นเศรษฐกิจในช่วงถัดไป น่าจะทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
 
อัทธ์ พิศาลวานิช
ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย
 
จากกระแสการออกมาชุมนุมของประชาชนและนักศึกษาในขณะนี้นั้น มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับความกังวลของนักลงทุนต่างประเทศ และนักลงทุนไทยที่ยังไม่เชื่อมั่นในเสถียรภาพทางการเมืองของไทย เห็นได้จากการที่สื่อต่างประเทศนำเรื่องการเมืองไทยไปนำเสนอ แต่มองว่าในช่วงนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตัวเลขเศรษฐกิจของไทย (จีดีพี) มากนัก คาดว่าจีดีพีปีนี้จะติดลบประมาณ -9% และส่งออกจะติดลบอยู่ที่ประมาณ -10% ถึง -12% ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ในสถานการณ์ปัจจุบัน
 
จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการต่างประเทศยังอยากมาลงทุนตั้งฐานการผลิต ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับยาง อาทิ ถุงมือยาง และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพในประเทศไทย แต่ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการเฝ้าดูสถานการณ์หากไม่ทวีความรุนแรงไปมากกว่านี้ ช่วงหลังจากสถานการณ์คลี่คลายก็จะได้เห็นการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
 
แต่หากระดับการชุมนุมรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลไม่สามารถจัดระเบียบได้เชื่อว่าจะกระทบต่อการลงทุนแน่นอน เอกชนอาจจะไม่ได้ยกเลิกการลงทุนในไทย แต่จะทำให้เกิดการชะงักงันในเรื่องของการก่อสร้างแน่นอน รวมถึงจะส่งผลต่อการตัดสินใจของกลุ่มนักลงทุนรายใหม่ๆ อีกด้วย ดังนั้น มองรัฐบาลควรรีบควบคุมสถานการณ์ตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงเหมือนในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา
 
ส่วนเรื่องการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนขณะนี้ ยังถือว่า อยู่ในระดับปกติถึงแม้จะมีการชุมนุมทั่วประเทศแต่จะเห็นได้ว่าประชาชนยังมีการจับจ่ายใช้สอยตามปกติ การชุมนุมจึงยังไม่มีผลต่อเรื่องการจับจ่ายมากนัก เพราะยังไม่ถึงขั้นร้ายแรง
 
จากเหตุการณ์การชุมนุม รัฐบาลควรเปิดให้มีเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นให้กับคนกลุ่มนี้ อยากให้ทุกฝ่ายไม่เอาทัศนคติของตนเองเป็นที่ตั้ง และรัฐบาลไม่ควรมองคนที่คิดเห็นต่างกัน ควรมานั่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแบบจริงจัง เพื่อนำความคิดเห็นต่างๆ มาช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ และลดความขัดแย้งที่มีอยู่ลง เรื่องนี้มองว่าควรรีบดำเนินการเพื่อให้ประเทศได้เดินต่อแบบไม่สะดุด
 
ส่วนทีมเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังจะเข้ามาดำรงตำแหน่งในรัฐบาลนั้น มองว่าคนที่เข้ามารับตำแหน่งทำให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลมากขึ้น แต่แม้ว่าคนที่เข้ามาดำรงตำแหน่งจะเป็นคนที่เป็นที่รู้จักและมีความสามารถ มองว่าโจทย์ที่ต้องเข้ามาแก้ไข อาทิ เรื่องการค้าระหว่างประเทศ การลงทุน และการแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้อง ล้วนเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่ต้องติดตามการทำงานของทีมเศรษฐกิจใหม่นี้ต่อไปว่าจะสามารถเข้ามาแก้หลายปัญหานี้อย่างไร
 
ตระการ คุณาวุฒิ
รองประธานหอการค้าจังหวัดพิจิตร
 
กรณีม็อบนิสิต นักศึกษา ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้รัฐธรรมนูญนั้น ผมเองเห็นด้วย เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับเดิมนั้นเอื้อผลประโยชน์ให้พวกพ้องของรัฐบาล ม็อบจะรุนแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะต้องดูแล ถ้ามีม็อบมาชนกัน นั่นแหละจะเกิดความรุนแรง โดยธรรมชาติม็อบนิสิตนักศึกษาที่ออกมาเรียกร้องเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในการเรียกร้องประชาธิปไตย ขณะที่ม็อบสนับสนุนฝั่งรัฐบาล ไม่เห็นจะถูกจับหรือมีอะไรเกิดขึ้น จะชุมนุมอย่างไรก็ไม่มีความผิด
 
ผมมองว่า หากมีม็อบชนม็อบ ประกอบกับการเมืองยังไม่นิ่ง เชื่อว่ามีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว เนื่องจากนักลงทุนคงไม่กล้ามาประเทศไทย การเมืองไม่นิ่งมีปัญหา ทุกวันนี้นักลงทุนไม่อยากมาลงทุนในประเทศไทยแล้ว ทำเอาเศรษฐกิจแย่ลง จนชาวบ้านจะอดตายกันอยู่แล้ว ไม่อยากให้ม็อบที่เห็นต่างไปเข้าใกล้กับม็อบนิสิตนักศึกษา เพราะจะเกิดความวุ่นวายบานปลาย อาจนำไปสู่ความรุนแรงจนนองเลือดไม่อยากให้ประวัติซ้ำรอย
 
การที่นิสิตนักศึกษาออกมาชุมนุมเรียกร้องอะไร เนื่องจากเป็นห่วงบ้านเมือง เป็นห่วงถึงอนาคต อยากให้รัฐบาลปรับปรุงให้ดีขึ้น จึงควรรับเงื่อนไขในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เอื้อผลประโยชน์ให้พวกพ้อง อีกทั้งรัฐบาลเคยประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลควรเสียสละรับเงื่อนไข ไม่อย่างนั้นปัญหาจะบานปลาย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่