ไม่คิดว่าหนังมันจะดิ่งขนาดนี้ และไม่คิดว่ามันจะซ่อนเซอร์ไพรส์เอาไว้จนทำให้เราถึงกับใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ยิ่งพอมันเป็นหนังสารคดีที่ฉากสำคัญคือการตั้งกล้องทิ้งไว้นิ่งๆ ปล่อยให้สองแม่ลูกนั่งคุยกันนิ่งๆ เราก็ยิ่งลุ้นกับทีท่าและปฏิกิริยาระหว่างกัน แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เรานั่งย้อนคิดถึงการคลี่คลายความสัมพันธ์อันแสนเปราะบางและเจ็บปวดภายในครอบครัวของเราเอง
.
Small Talk เป็นผลงานสารคดีบันทึกเรื่องราวเล็กๆ ของ “หวงหุ่ยเจิน” (ผู้เป็นผู้กำกับ) ซึ่งมีปมในใจตลอดมาว่า ทำไมแม่ของเธอนั้นจึงเย็นชา เหินห่าง และดูเหมือนไม่รักเธอเอาเสียเลย หรือว่ามันเป็นเพราะแม่ของเธอนั้นเป็นทอมบอย (ในหนังใช้คำว่าเลสเบี้ยน แต่เราคิดว่าตามบริบทในไทยแล้ว แม่เธอน่าจะเป็น “ทอม” แหละ) เธอจึงเริ่มบันทึกบทสนทนาระหว่างเธอกับแม่ พร้อมกับการขุดคุ้ยลงไปถึงเรื่องราวในอดีตทั้งของตัวเธอและแม่ เพื่อค้นหาว่าในความนิ่งเงียบและการรักษาระยะห่างราวกับคนแปลกหน้าที่อยู่ในบ้านเดียวกันนั้น มันเกิดอะไรขึ้น และแม่รู้สึกอย่างไรกับเธอกันแน่
.
Small Talk พาเราไปทำความเข้าใจสังคมไต้หวันยุคก่อนเก่า ที่ผู้หญิงต้องแต่งงานโดยถูกคลุมถุงชนตั้งแต่ยังสาว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทอมบอยอย่าง “อาหนู” จึงต้องแต่งงานมีลูก และเราก็ได้ทำความรู้จักตัวตนของอาหนูผู้เป็นแม่ไปพร้อมกับหวงหุ่ยเจินนั่นแหละ ซึ่งมันก็มีทั้งเรื่องราวอันขมขื่น เจ็บช้ำ ซาบซึ้ง น่ารัก และสะเทือนใจเกิดขึ้นในครอบครัวนี้
.
เราเชื่อว่าในหลายๆ ครอบครัวต่างก็มีความลับ เรื่องปกปิด ความผิด และการทำร้ายกันและกันอยู่ด้วยกันทั้งนั้น ไม่เฉพาะแค่ครอบครัวของอาหนูและหวงหุ่ยเจินหรอก ครอบครัวของเราเองก็เช่นกัน ก่อนหน้านี้มีหลายเรื่องที่สมาชิกในครอบครัวของเราเลือกที่จะฝังกลบดินไปเสียราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แล้วพวกเราก็เลือกที่จะหยิบยกมันขึ้นมาพูดเพื่อเปิดใจ ขอโทษ และให้อภัยกันและกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามผ่านมันไปด้วยกัน แล้วไอ้เจ้าอดีตที่ถูกฝังกลบดินไปอีกครั้ง มันก็ไม่ได้ทำให้เราอึดอัดหรือทุกข์ใจอีกต่อไป
.
ชอบมากที่สุดท้ายแล้ว หลังจากเรื่องราวทั้งหมดผ่านไป ชีวิตของสมาชิกในครอบครัวของหวงหุ่ยเจินก็ยังดำเนินต่อไปในรูปแบบคล้ายๆ เดิม ไม่ได้มีการโอบกอด แสดงความรัก หรือพยายามแสดงความอบอุ่นให้กัน ทุกอย่างที่เห็นมันก็เหมือนในฉากแรกๆ ของสารคดีนั่นแหละ แต่เรารู้ดีว่า ความรู้สึกภายในใจของอาหนูและหวงหุ่ยเจินนั้นมันเปลี่ยนไปจากตอนแรกแล้วโดยสิ้นเชิง
.
Small Talk ชนะรางวัล Teddy Award (ซึ่งมอบให้กับหนังที่มีประเด็น LGBT) สาขาสารคดียอดเยี่ยม จากเทศกาลหนังเบอร์ลินปี 2017 และได้มาฉายในเทศกาลภาพยนตร์ในเมืองไทยหลายครั้งแล้ว แต่เราไม่มีโอกาสได้ดูเลย เพิ่งจะได้ดูใน 2019 Taiwan LGBTQ Film Festival in Bangkok นี่ล่ะ
อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่
เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
[CR] [Review] Small Talk (2016)
ไม่คิดว่าหนังมันจะดิ่งขนาดนี้ และไม่คิดว่ามันจะซ่อนเซอร์ไพรส์เอาไว้จนทำให้เราถึงกับใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ยิ่งพอมันเป็นหนังสารคดีที่ฉากสำคัญคือการตั้งกล้องทิ้งไว้นิ่งๆ ปล่อยให้สองแม่ลูกนั่งคุยกันนิ่งๆ เราก็ยิ่งลุ้นกับทีท่าและปฏิกิริยาระหว่างกัน แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เรานั่งย้อนคิดถึงการคลี่คลายความสัมพันธ์อันแสนเปราะบางและเจ็บปวดภายในครอบครัวของเราเอง
.
Small Talk เป็นผลงานสารคดีบันทึกเรื่องราวเล็กๆ ของ “หวงหุ่ยเจิน” (ผู้เป็นผู้กำกับ) ซึ่งมีปมในใจตลอดมาว่า ทำไมแม่ของเธอนั้นจึงเย็นชา เหินห่าง และดูเหมือนไม่รักเธอเอาเสียเลย หรือว่ามันเป็นเพราะแม่ของเธอนั้นเป็นทอมบอย (ในหนังใช้คำว่าเลสเบี้ยน แต่เราคิดว่าตามบริบทในไทยแล้ว แม่เธอน่าจะเป็น “ทอม” แหละ) เธอจึงเริ่มบันทึกบทสนทนาระหว่างเธอกับแม่ พร้อมกับการขุดคุ้ยลงไปถึงเรื่องราวในอดีตทั้งของตัวเธอและแม่ เพื่อค้นหาว่าในความนิ่งเงียบและการรักษาระยะห่างราวกับคนแปลกหน้าที่อยู่ในบ้านเดียวกันนั้น มันเกิดอะไรขึ้น และแม่รู้สึกอย่างไรกับเธอกันแน่
.
Small Talk พาเราไปทำความเข้าใจสังคมไต้หวันยุคก่อนเก่า ที่ผู้หญิงต้องแต่งงานโดยถูกคลุมถุงชนตั้งแต่ยังสาว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทอมบอยอย่าง “อาหนู” จึงต้องแต่งงานมีลูก และเราก็ได้ทำความรู้จักตัวตนของอาหนูผู้เป็นแม่ไปพร้อมกับหวงหุ่ยเจินนั่นแหละ ซึ่งมันก็มีทั้งเรื่องราวอันขมขื่น เจ็บช้ำ ซาบซึ้ง น่ารัก และสะเทือนใจเกิดขึ้นในครอบครัวนี้
.
เราเชื่อว่าในหลายๆ ครอบครัวต่างก็มีความลับ เรื่องปกปิด ความผิด และการทำร้ายกันและกันอยู่ด้วยกันทั้งนั้น ไม่เฉพาะแค่ครอบครัวของอาหนูและหวงหุ่ยเจินหรอก ครอบครัวของเราเองก็เช่นกัน ก่อนหน้านี้มีหลายเรื่องที่สมาชิกในครอบครัวของเราเลือกที่จะฝังกลบดินไปเสียราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แล้วพวกเราก็เลือกที่จะหยิบยกมันขึ้นมาพูดเพื่อเปิดใจ ขอโทษ และให้อภัยกันและกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามผ่านมันไปด้วยกัน แล้วไอ้เจ้าอดีตที่ถูกฝังกลบดินไปอีกครั้ง มันก็ไม่ได้ทำให้เราอึดอัดหรือทุกข์ใจอีกต่อไป
.
ชอบมากที่สุดท้ายแล้ว หลังจากเรื่องราวทั้งหมดผ่านไป ชีวิตของสมาชิกในครอบครัวของหวงหุ่ยเจินก็ยังดำเนินต่อไปในรูปแบบคล้ายๆ เดิม ไม่ได้มีการโอบกอด แสดงความรัก หรือพยายามแสดงความอบอุ่นให้กัน ทุกอย่างที่เห็นมันก็เหมือนในฉากแรกๆ ของสารคดีนั่นแหละ แต่เรารู้ดีว่า ความรู้สึกภายในใจของอาหนูและหวงหุ่ยเจินนั้นมันเปลี่ยนไปจากตอนแรกแล้วโดยสิ้นเชิง
.
Small Talk ชนะรางวัล Teddy Award (ซึ่งมอบให้กับหนังที่มีประเด็น LGBT) สาขาสารคดียอดเยี่ยม จากเทศกาลหนังเบอร์ลินปี 2017 และได้มาฉายในเทศกาลภาพยนตร์ในเมืองไทยหลายครั้งแล้ว แต่เราไม่มีโอกาสได้ดูเลย เพิ่งจะได้ดูใน 2019 Taiwan LGBTQ Film Festival in Bangkok นี่ล่ะ
อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้