ภายหลังทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์เสร็จสิ้น
จนพวกเดียรถีย์ที่มาท้าแข่งพ่ายแพ้ไปแล้ว
พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธดำริถึงจารีตธรรมเนียมของบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลายในปางก่อนว่า
เมื่อทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้ว
เสด็จทรงจำพรรษา ณ ที่ใด ก็ทรงทราบได้ด้วยพุทธญาณว่าทรงจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ปฐมสมโพธิลำดับการเสด็จจำพรรษาของพระพุทธเจ้าไว้ว่า
ในพรรษาที่ ๗ (นับแต่ตรัสรู้เป็นต้นมา) ได้เสด็จจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ตามนิยายท้องเรื่องทั้งจากปฐมสมโพธิ
และข้อเขียนโดยนักเขียนทางศาสนาพุทธอื่นๆ
ยุคหลังพระพุทธเจ้านิพพานแล้ว ที่เรียกกันว่า 'อรรถกถา' กล่าวตรงกันว่า
เหตุที่พระพุทธเจ้าเสด็จจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ก็เพราะทรงต้องการจะแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา
คือ พระนางสิริมหามายา
ซึ่งเมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว เสด็จบังเกิดที่สวรรค์ชั้นดุสิต
พระพุทธเจ้าเสด็จประทับจำพรรษาที่โคนต้นปาริฉัตร ต้นไม้สวรรค์ มีผู้แปลกันว่า
ได้แก่ ต้นทองหลาง ภายใต้ต้นไม้สวรรค์นี้มีแท่นแผ่นหิน ปูลาดด้วยผ้ากัมพลสีแดง เรียก
ว่า 'บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์'
พระอินทร์จอมเทพได้ทรงทราบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาทรงจำพรรษาที่นี้
ก็ทรงป่าวประกาศหมู่เทพยดาในสรวงสวรรค์ให้มาร่วมชุมนุม
เพื่อฟังธรรมพระพุทธเจ้า ปฐมสมโพธิว่า เสียงป่าวประกาศของพระอินทร์นั้น
ดังปกแผ่ทั่วไปในสกลเทพยธานีทั้งหมื่นโยชน์
เทพเจ้าทั้งปวงได้สดับก็บังเกิดโสมนัสพิศวง
ต่างองค์ร้องเรียกซึ่งกันและกันต่อๆ กันไปจนตลอดถึงหมื่นจักรวาล
แม้พระนางสิริมหามายาพุทธมารดา
ซึ่งทรงอยู่ในเพศเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิตก็ได้เสด็จ
มาฟังธรรมพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าทรงแสดงอภิธรรมโปรดพุทธมารดาตลอดพรรษา
พุทธมารดาได้สดับแล้วทรงบรรลุโสดาปัตติผลในที่สุด
ส่วนเทพนอกนั้นอีกจำนวนมาก
ได้บรรลุมรรคผลตามสมควรอุปนิสัยแห่งตน
พระพุทธเจ้าอาศัยกายทิพย์ ไปสวรรค์ได้ เพราะจิตเที่ยง