ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 1
ชุดจี๋ฝู (吉服)

เป็นชุดทางการอีกประเภทหนึ่ง รองลงมาจากชุดเฉาฝู ใช้ในงานสำคัญ ๆ เป็นต้นว่างานเทศกาลในพระราชฐานชั้นใน งานเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระจักรพรรดิ สมเด็จพระมเหสี หรือสมเด็จพระพันปีหลวง งานขึ้นปีใหม่ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ชุดจี๋ฝูเผา (吉服袍) และชุดจี๋ฝูกว้า (吉服褂)






ชุดจี๋ฝูเผา (吉服袍) ลักษณะคล้ายกันกับชุดฉลองพระองค์ตัวใน – เฉาเผา คอปกทรงกลม แขนเสื้อและตัวชุดยาว มีสีต่าง ๆ กัน ปักลวดลายมงคล โดยทั่วไปจะปักลายมงคลทรงกลม 8 ตำแหน่ง คือด้านหน้า 3 จุด ด้านหลัง 3 จุด และตรงไหล่เสื้อข้างละ 1 จุด โดยมากเป็นลายมังกรหรือดอกไม้ ก่อนรัชสมัยจักรพรรดิเต้ากวาง แขนเสื้อเรียวเล็กตามรูปแบบ “แขนเสื้อทรงกีบม้า” (马蹄袖) หลังจากนั้นมาจนถึงช่วงสิ้นราชวงศ์ แขนเสื้อทรงกว้าง สตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ฝ่ายในใช้ได้ทุกระดับชั้น แต่ลวดลายและสีสันแล้วแต่ความสูงต่ำของตำแหน่ง


ชุดจี๋ฝูกว้า (吉服褂) หรือเรียกอีกอย่างว่า “ชุดหลงกว้า” (龙褂) ใช้สำหรับพระสนมระดับผินขึ้นไปจนถึงสมเด็จพระมเหสี ตัวชุดสีครามเข้มหรือสีดำ คอทรงกลม ผ่าหน้า ตัวชุดยาว ปักลายมงคลทรงกลม 8 ตำแหน่งเหมือนกับชุดจี๋ฝูเผา ใช้สวมทับชุดจี๋ฝูเผา
ก่อนสวมชุดจี๋ฝู จะสวม “คอเสื้อปลอม” (领衣) ไว้ด้านใน เป็นลักษณะคอเสื้อทรงจีนปกตั้ง

ภาพจากซีรีส์เรื่อง ตำนานหรูอี้ (如懿传)
เป็นชุดทางการอีกประเภทหนึ่ง รองลงมาจากชุดเฉาฝู ใช้ในงานสำคัญ ๆ เป็นต้นว่างานเทศกาลในพระราชฐานชั้นใน งานเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระจักรพรรดิ สมเด็จพระมเหสี หรือสมเด็จพระพันปีหลวง งานขึ้นปีใหม่ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ชุดจี๋ฝูเผา (吉服袍) และชุดจี๋ฝูกว้า (吉服褂)



ชุดจี๋ฝูเผาแบบแขนเสื้อทรงกีบม้า ช่วงต้นถึงกลางราชวงศ์ชิง



ชุดจี๋ฝูเผาแบบแขนเสื้อกว้าง ช่วงกลางถึงปลายราชวงศ์ชิง
ชุดจี๋ฝูเผา (吉服袍) ลักษณะคล้ายกันกับชุดฉลองพระองค์ตัวใน – เฉาเผา คอปกทรงกลม แขนเสื้อและตัวชุดยาว มีสีต่าง ๆ กัน ปักลวดลายมงคล โดยทั่วไปจะปักลายมงคลทรงกลม 8 ตำแหน่ง คือด้านหน้า 3 จุด ด้านหลัง 3 จุด และตรงไหล่เสื้อข้างละ 1 จุด โดยมากเป็นลายมังกรหรือดอกไม้ ก่อนรัชสมัยจักรพรรดิเต้ากวาง แขนเสื้อเรียวเล็กตามรูปแบบ “แขนเสื้อทรงกีบม้า” (马蹄袖) หลังจากนั้นมาจนถึงช่วงสิ้นราชวงศ์ แขนเสื้อทรงกว้าง สตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ฝ่ายในใช้ได้ทุกระดับชั้น แต่ลวดลายและสีสันแล้วแต่ความสูงต่ำของตำแหน่ง


ชุดจี๋ฝูกว้า
ชุดจี๋ฝูกว้า (吉服褂) หรือเรียกอีกอย่างว่า “ชุดหลงกว้า” (龙褂) ใช้สำหรับพระสนมระดับผินขึ้นไปจนถึงสมเด็จพระมเหสี ตัวชุดสีครามเข้มหรือสีดำ คอทรงกลม ผ่าหน้า ตัวชุดยาว ปักลายมงคลทรงกลม 8 ตำแหน่งเหมือนกับชุดจี๋ฝูเผา ใช้สวมทับชุดจี๋ฝูเผา
ก่อนสวมชุดจี๋ฝู จะสวม “คอเสื้อปลอม” (领衣) ไว้ด้านใน เป็นลักษณะคอเสื้อทรงจีนปกตั้ง

ความคิดเห็นที่ 2
ชุดเปี้ยนฝู (便服)

คือ ชุดที่สวมใส่ในยามปกติ ของสตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ภายในพระราชฐานชั้นใน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ชุดเชิ่นอี (衬衣) และชุดฉ่างอี (氅衣)



ชุดเชิ่นอี (衬衣) ชุดตัวยาว คอเสื้อกลมไม่มีปกเสื้อ ผ่าข้าง สีสันและปักลวดลายต่าง ๆ ตามสถานของผู้สวมใส่ แขนเสื้อกว้าง มีขอบด้านขวาของตัวชุด ด้านล่างขอบต่อยาวรอบตัว ไม่มีขอบด้านซ้าย



ชุดฉ่างอี (氅衣) ชุดตัวยาวลักษณะเช่นเดียวกับเชิ่นอี ต่างกันที่ขอบชุด โดยมีขอบด้านขวาและด้านซ้ายรูปคทาหรูอี้ (如意) ใช้สวมทับชุดเชิ่นอี

คือ ชุดที่สวมใส่ในยามปกติ ของสตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ภายในพระราชฐานชั้นใน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ชุดเชิ่นอี (衬衣) และชุดฉ่างอี (氅衣)



ชุดเชิ่นอี
ชุดเชิ่นอี (衬衣) ชุดตัวยาว คอเสื้อกลมไม่มีปกเสื้อ ผ่าข้าง สีสันและปักลวดลายต่าง ๆ ตามสถานของผู้สวมใส่ แขนเสื้อกว้าง มีขอบด้านขวาของตัวชุด ด้านล่างขอบต่อยาวรอบตัว ไม่มีขอบด้านซ้าย



ชุดฉ่างอี
ชุดฉ่างอี (氅衣) ชุดตัวยาวลักษณะเช่นเดียวกับเชิ่นอี ต่างกันที่ขอบชุด โดยมีขอบด้านขวาและด้านซ้ายรูปคทาหรูอี้ (如意) ใช้สวมทับชุดเชิ่นอี
ความคิดเห็นที่ 3
ชุดฉางฝู (常服)





คือ ชุดสีพื้นปกติไม่มีลวดลาย แต่อาจทอลายนูนเป็นคำมงคลต่าง ๆ ใช้สวมไว้ข้างในชุดเปี้ยนฝูหรือใส่ในยามไว้ทุกข์ ลักษณะคอเสื้อกลม แขนยาวทรงกีบม้า ความยาวถึงเท้า ลักษณะนี้จะเรียกว่าชุดฉางฝูเผา (常服袍) อีกประเภทหนึ่งลักษณะเดียวกันกับข้างต้น แต่ผ่าหน้า เรียกว่า “ชุดฉางฝูกว้า” (常服褂) ส่วนชุดฉางฝูหากใช้ในพิธีศพ (丧服) ผ้าพื้นสีขาวขลิบดำ ชุดฉางฝูที่ว่าทั้งหมดนี้ จะสวมทับ “คอเสื้อปลอม” (领衣)
นอกจากชุดที่ว่ามาข้างต้นนี้ยังมีชุดอีกประเภทหนึ่ง เรียกว่า “ชุดเสียเพ่ย” (霞帔) ซึ่งเป็นชุดพิธีการสำหรับเข้าวังของสตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ต่าง ๆ อาทิ มารดาหรือภรรยาเชื้อพระวงศ์ระดับล่างหรือภรรยาขุนนางในราชสำนัก ตลอดจนข้าราชสำนักฝ่ายในผู้มีบรรดาศักดิ์ มีที่มาจากชุดเสียเพ่ยที่ใช้คู่กับชุดหม่างเผา (蟒袍) สีแดง ชุดพระราชพิธีของสตรีในราชสำนักราชวงศ์หมิง โดยในสมัยราชวงศ์ชิง ได้ปรับลักษณะของตัวชุด ปักลายมงคลตามศักดิ์ฐานะ และประดับพู่ระย้าปลายชุด มีลักษณะคล้ายเสื้อกั๊ก สวมทับชุดลำลองสีน้ำเงิน






ชุดฉางฝูเผา


ชุดฉางฝูกว้า
คือ ชุดสีพื้นปกติไม่มีลวดลาย แต่อาจทอลายนูนเป็นคำมงคลต่าง ๆ ใช้สวมไว้ข้างในชุดเปี้ยนฝูหรือใส่ในยามไว้ทุกข์ ลักษณะคอเสื้อกลม แขนยาวทรงกีบม้า ความยาวถึงเท้า ลักษณะนี้จะเรียกว่าชุดฉางฝูเผา (常服袍) อีกประเภทหนึ่งลักษณะเดียวกันกับข้างต้น แต่ผ่าหน้า เรียกว่า “ชุดฉางฝูกว้า” (常服褂) ส่วนชุดฉางฝูหากใช้ในพิธีศพ (丧服) ผ้าพื้นสีขาวขลิบดำ ชุดฉางฝูที่ว่าทั้งหมดนี้ จะสวมทับ “คอเสื้อปลอม” (领衣)
นอกจากชุดที่ว่ามาข้างต้นนี้ยังมีชุดอีกประเภทหนึ่ง เรียกว่า “ชุดเสียเพ่ย” (霞帔) ซึ่งเป็นชุดพิธีการสำหรับเข้าวังของสตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ต่าง ๆ อาทิ มารดาหรือภรรยาเชื้อพระวงศ์ระดับล่างหรือภรรยาขุนนางในราชสำนัก ตลอดจนข้าราชสำนักฝ่ายในผู้มีบรรดาศักดิ์ มีที่มาจากชุดเสียเพ่ยที่ใช้คู่กับชุดหม่างเผา (蟒袍) สีแดง ชุดพระราชพิธีของสตรีในราชสำนักราชวงศ์หมิง โดยในสมัยราชวงศ์ชิง ได้ปรับลักษณะของตัวชุด ปักลายมงคลตามศักดิ์ฐานะ และประดับพู่ระย้าปลายชุด มีลักษณะคล้ายเสื้อกั๊ก สวมทับชุดลำลองสีน้ำเงิน

ชุดเสียเพ่ยสมัยราชวงศ์หมิง


ชุดเสียเพ่ยสมัยราชวงศ์ชิง
ความคิดเห็นที่ 4
นอกจากนี้แล้ว ยังมีเครื่องประดับชุดที่สวมใส่ในราชสำนักอีก ได้แก่

ผ้าพันคอ - หลิ่งจิน (领巾) เป็นผ้าพื้นสีขาว ชายด้านหนึ่งเหน็บไว้ในสาบเสื้อตรงอกด้านขวา ชายอีกด้านปล่อยทิ้งไว้ ใช้คู่กับชุดเชิ่นอีและชุดฉ่างอี

เสื้อกั๊ก – หมากว้า (马褂) ลักษณะเป็นเสื้อแขนกุด คอปกตั้งขึ้น ความยาวแค่ครึ่งตัวของผู้สวมใส่ มีทั้งแบบที่เป็นสาบเสื้อด้านขวาของตัว และแบบผ่าหน้า ลวดลาย สีสันแล้วแต่สถานะของผู้สวมใส่

รองเท้าส้นกระถาง (旗鞋) ตัวรองเท้าทำด้วยผ้าปักลวดลาย ประดับด้วยพู่เชือกหรือพู่ลูกปัด สีสัน ลวดลายตามสถานะของผู้สวมใส่ ตัวส้นทรงสูง ทำด้วยไม้แข็งอย่างหน้า ขนาดใหญ่พอสมควร อยู่กลางตัวรองเท้าเพื่อรับน้ำหนักของผู้สวมใส่ให้สมดุล

เล็บปลอม - ฮู่เจี่ยท่าว (护甲套) ทำด้วยแผ่นทองหรือแผ่นเงินขึ้นรูปทรงแหลม ประดับด้วยอัญมณีล้ำค่าตามสถานะของผู้สวมใส่ มักจะสวมนิ้วนางและนิ้วก้อยทั้งซ้าย-ขวา เนื่องจากสตรีสูงศักดิ์ชาวแมนจูมักจะไว้เล็บยาว จึงต้องสวมฮู่เจี่ยท่าวเพื่อป้องกันเล็บไม่ให้หัก


กรองคอ - อวิ๋นเจียน (云肩) เป็นคนละชิ้นกันกับตัวเสื้อ สตรีสมัยราชวงศ์ชิงนิยมสวมกับชุดพิธีแต่งงาน มีที่มาจากการที่สตรีต้องใส่น้ำมันที่ผมก่อนทำเป็นทรงต่าง ๆ จึงประดิษฐ์กรองคอขึ้นมาใช้สวมทับเสื้อผ้าไว้ ไม่ให้เสื้อผ้าเปื้อนจากน้ำมันใส่ผม โดยทั่วไปไม่ใช้กรองคอกับชุดแมนจู ต่อมาภายหลัง ปลายยุคราชวงศ์ชิงจึงเริ่มนำเอากรองคอปักเข้าไปในตัวชุดแมนจูโดยไม่แยกชิ้น แต่พบเห็นได้น้อยมาก ซึ่งตัวละครหญิงในซีรีส์จีน เรื่อง Story of Yanxi Palace 《延禧攻略》 มักจะสวมชุดแมนจูที่ประดับด้วยกรองคอ ทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่ากรองคอสวมคู่กันชุดแมนจูเป็นปกติ

เสื้อคลุม - อี้โข่วจง (一口钟) เสื้อคลุมประเภทหนึ่ง ไม่มีแขนเสื้อ มีทั้งแบบมีปกเสื้อและไม่มีปกเสื้อ หากเป็นเสื้อคลุมสำหรับฤดูหนาวมักจะประดับขนสัตว์เพิ่มความอบอุ่น

ผ้าพันคอ - หลิ่งจิน (领巾) เป็นผ้าพื้นสีขาว ชายด้านหนึ่งเหน็บไว้ในสาบเสื้อตรงอกด้านขวา ชายอีกด้านปล่อยทิ้งไว้ ใช้คู่กับชุดเชิ่นอีและชุดฉ่างอี

เสื้อกั๊ก – หมากว้า (马褂) ลักษณะเป็นเสื้อแขนกุด คอปกตั้งขึ้น ความยาวแค่ครึ่งตัวของผู้สวมใส่ มีทั้งแบบที่เป็นสาบเสื้อด้านขวาของตัว และแบบผ่าหน้า ลวดลาย สีสันแล้วแต่สถานะของผู้สวมใส่

รองเท้าส้นกระถาง (旗鞋) ตัวรองเท้าทำด้วยผ้าปักลวดลาย ประดับด้วยพู่เชือกหรือพู่ลูกปัด สีสัน ลวดลายตามสถานะของผู้สวมใส่ ตัวส้นทรงสูง ทำด้วยไม้แข็งอย่างหน้า ขนาดใหญ่พอสมควร อยู่กลางตัวรองเท้าเพื่อรับน้ำหนักของผู้สวมใส่ให้สมดุล

เล็บปลอม - ฮู่เจี่ยท่าว (护甲套) ทำด้วยแผ่นทองหรือแผ่นเงินขึ้นรูปทรงแหลม ประดับด้วยอัญมณีล้ำค่าตามสถานะของผู้สวมใส่ มักจะสวมนิ้วนางและนิ้วก้อยทั้งซ้าย-ขวา เนื่องจากสตรีสูงศักดิ์ชาวแมนจูมักจะไว้เล็บยาว จึงต้องสวมฮู่เจี่ยท่าวเพื่อป้องกันเล็บไม่ให้หัก


กรองคอ - อวิ๋นเจียน (云肩) เป็นคนละชิ้นกันกับตัวเสื้อ สตรีสมัยราชวงศ์ชิงนิยมสวมกับชุดพิธีแต่งงาน มีที่มาจากการที่สตรีต้องใส่น้ำมันที่ผมก่อนทำเป็นทรงต่าง ๆ จึงประดิษฐ์กรองคอขึ้นมาใช้สวมทับเสื้อผ้าไว้ ไม่ให้เสื้อผ้าเปื้อนจากน้ำมันใส่ผม โดยทั่วไปไม่ใช้กรองคอกับชุดแมนจู ต่อมาภายหลัง ปลายยุคราชวงศ์ชิงจึงเริ่มนำเอากรองคอปักเข้าไปในตัวชุดแมนจูโดยไม่แยกชิ้น แต่พบเห็นได้น้อยมาก ซึ่งตัวละครหญิงในซีรีส์จีน เรื่อง Story of Yanxi Palace 《延禧攻略》 มักจะสวมชุดแมนจูที่ประดับด้วยกรองคอ ทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่ากรองคอสวมคู่กันชุดแมนจูเป็นปกติ

เสื้อคลุม - อี้โข่วจง (一口钟) เสื้อคลุมประเภทหนึ่ง ไม่มีแขนเสื้อ มีทั้งแบบมีปกเสื้อและไม่มีปกเสื้อ หากเป็นเสื้อคลุมสำหรับฤดูหนาวมักจะประดับขนสัตว์เพิ่มความอบอุ่น
ความคิดเห็นที่ 5
เอกลักษณ์ของแฟชั่นสตรีฝ่ายในสมัยราชวงศ์ชิงอีกอย่างหนึ่งก็คือ “ทรงผม” ซึ่งอย่างที่เห็นไปข้างต้นว่า แฟชั่นสมัยราชวงศ์ชิงต่างจากสมัยราชวงศ์หมิง เพราะมีที่มาจากนอกด่าน เนื่องด้วยราชวงศ์ชิงสถาปนาโดยกลุ่มคนชาวแมนจู ไม่ใช่ชาวฮั่นที่เป็นเจ้าของแผ่นดินจีน ทรงผมจึงเป็นอีกอย่างที่สืบทอดมาจากนอกด่าน และผสมผสานกับวัฒนธรรมชาวฮั่นได้อย่างลงตัว
ช่วงต้นราชวงศ์ชิง สตรีในราชสำนักยังได้คงรักษารูปแบบของการทำทรงผมของนอกด่านไว้อย่างดี เน้นความเรียบง่าย เนื่องจากวิถีชีวิตก่อนตั้งราชวงศ์ชิง เป็นชนเผ่าเร่ร่อน ไม่ได้ตั้งบ้านเมืองเป็นหลักแหล่ง จวบจนจักรพรรดิหวางไท่จี๋เข้ายึดครองแผ่นดินจีน และสถาปนาราชวงศ์พร้อมตั้งเมืองหลวง ณ กรุงปักกิ่ง จึงเริ่มสลัดความเป็นชนเผ่าเร่ร่อนทิ้งไป
โดยทรงผมยุคนอกด่าน สตรีชาวแมนจูจะมวยผมขึ้นไปบนศีรษะ แบ่งเป็น “ผมมวยเดี่ยว” (单髻) และ “ผมมวยคู่” (双髻) โดยสาวแรกรุ่นที่ยังไม่แต่งงาน จะทำผมทรงมวยคู่ โดยเกล้าผมขึ้นเป็นมวยสองข้างซ้ายขวา ส่วนสตรีที่แต่งงานแล้ว จะทำผมมวยเดี่ยวกลางศีรษะ
ผมทรง “ฉีโถวจั้ว” (旗头座) เกล้ามวยสูงแล้วประดับตกแต่งด้วยเครื่องประดับตามฐานันดรศักดิ์


ผมทรง “เฟินหลิ่วซูโถว” (分绺梳头) คือการเกล้าผมแล้วแหวกผมแบ่งซ้ายขวาและตรงกลาง 3 ส่วน ติดเครื่องประดับตามฐานันดรศักดิ์



ผมอีกทรงหนึ่งที่เห็นในซีรีส์เรื่อง ตำนานหรูอี้ (如懿传) คือผมทรง “เกาป่าโถว” (高把头) โดยผู้ทำจะรวบผมขึ้นไป หวีด้วยน้ำมันให้ผมอยู่ทรงแล้วจัดผมให้ตั้งขึ้น ส่วนปลายห้อยไปด้านหลัง เป็นทรงผมที่ทำกันมาตั้งแต่ต้นราชวงศ์ชิง


ต่อมาทรงผมข้างต้น กลายเป็นรูปแบบทรงผมในยุคแรกเมื่อตั้งราชวงศ์ชิง เรียกว่า “เปี้ยนฟ่าผานโถว” (辫发盘头) หรือ “ผานเปี้ยน” (盘辫) โดยจะถักเปียยาวแล้วม้วนเป็นมวยใหญ่ไว้กลางศีรษะ ผมทรงนี้ แต่เดิมไม่ประดับตกแต่งใด ๆ แต่ภายหลังค่อย ๆ เพิ่มเครื่องประดับทีละชิ้นทีละแบบ จนเกิดสวยงาม หรูหราต่างไปจากโบราณ

ช่วงต้นราชวงศ์ชิง สตรีในราชสำนักยังได้คงรักษารูปแบบของการทำทรงผมของนอกด่านไว้อย่างดี เน้นความเรียบง่าย เนื่องจากวิถีชีวิตก่อนตั้งราชวงศ์ชิง เป็นชนเผ่าเร่ร่อน ไม่ได้ตั้งบ้านเมืองเป็นหลักแหล่ง จวบจนจักรพรรดิหวางไท่จี๋เข้ายึดครองแผ่นดินจีน และสถาปนาราชวงศ์พร้อมตั้งเมืองหลวง ณ กรุงปักกิ่ง จึงเริ่มสลัดความเป็นชนเผ่าเร่ร่อนทิ้งไป
โดยทรงผมยุคนอกด่าน สตรีชาวแมนจูจะมวยผมขึ้นไปบนศีรษะ แบ่งเป็น “ผมมวยเดี่ยว” (单髻) และ “ผมมวยคู่” (双髻) โดยสาวแรกรุ่นที่ยังไม่แต่งงาน จะทำผมทรงมวยคู่ โดยเกล้าผมขึ้นเป็นมวยสองข้างซ้ายขวา ส่วนสตรีที่แต่งงานแล้ว จะทำผมมวยเดี่ยวกลางศีรษะ
ผมทรง “ฉีโถวจั้ว” (旗头座) เกล้ามวยสูงแล้วประดับตกแต่งด้วยเครื่องประดับตามฐานันดรศักดิ์


ภาพถ่ายพระนางซูสีไทเฮา ทำผมทรงฉีโถวจั้วแล้วประดับด้วยปิ่นรูปคทาหรูอี้ด้านหน้า
ผมทรง “เฟินหลิ่วซูโถว” (分绺梳头) คือการเกล้าผมแล้วแหวกผมแบ่งซ้ายขวาและตรงกลาง 3 ส่วน ติดเครื่องประดับตามฐานันดรศักดิ์



ผมอีกทรงหนึ่งที่เห็นในซีรีส์เรื่อง ตำนานหรูอี้ (如懿传) คือผมทรง “เกาป่าโถว” (高把头) โดยผู้ทำจะรวบผมขึ้นไป หวีด้วยน้ำมันให้ผมอยู่ทรงแล้วจัดผมให้ตั้งขึ้น ส่วนปลายห้อยไปด้านหลัง เป็นทรงผมที่ทำกันมาตั้งแต่ต้นราชวงศ์ชิง


ต่อมาทรงผมข้างต้น กลายเป็นรูปแบบทรงผมในยุคแรกเมื่อตั้งราชวงศ์ชิง เรียกว่า “เปี้ยนฟ่าผานโถว” (辫发盘头) หรือ “ผานเปี้ยน” (盘辫) โดยจะถักเปียยาวแล้วม้วนเป็นมวยใหญ่ไว้กลางศีรษะ ผมทรงนี้ แต่เดิมไม่ประดับตกแต่งใด ๆ แต่ภายหลังค่อย ๆ เพิ่มเครื่องประดับทีละชิ้นทีละแบบ จนเกิดสวยงาม หรูหราต่างไปจากโบราณ


ความคิดเห็นที่ 7
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องประดับศีรษะที่ควรแก่การกล่าวถึงอีก ได้แก่






เครื่องประดับเหล่านี้มักจะทำด้วยเงิน ทอง หรืออัญมณีล้ำค่าต่าง ๆ แล้วแต่ฐานันดรศักดิ์-อิสริยยศของผู้ประดับ ซึ่งในรูปแบบวิธีการสร้างเครื่องประดับเหล่านี้ มีอยู่ประเภทหนึ่งที่ถือเป็นเครื่องประดับล้ำค่าสำหรับสตรีชั้นสูงในราชสำนัก นั่นก็คือ “เครื่องประดับเตี่ยนชุ่ย” (点翠) โดยทำจากขนของนกกระเต็น ซึ่งมีสีฟ้างดงาม คงทนนับร้อย ๆ ปี ปัจจุบันเนื่องจากการทำเครื่องประดับเตี่ยนชุ่ยมีราคาสูงและต้องแลกมาด้วยชีวิตของเหล่านกกระเต็น จึงเกิดเป็นเครื่องประดับ “เตี่ยนโฉว” (点绸) มาแทนที่ โดยใช้เส้นไหมสีฟ้าแทนขนนกกระเต็น ความล้ำค่าอาจต่างกัน แต่สวยงามพอจะเทียบกันได้




ปิ่นปักผม (簪)

ปิ่นสองขา (钗)

ปิ่นดอกไม้ไหว (步摇)

ปิ่นเอ่อร์วาจาน (耳挖簪)


เปี่ยนฟาง (扁方)
เครื่องประดับเหล่านี้มักจะทำด้วยเงิน ทอง หรืออัญมณีล้ำค่าต่าง ๆ แล้วแต่ฐานันดรศักดิ์-อิสริยยศของผู้ประดับ ซึ่งในรูปแบบวิธีการสร้างเครื่องประดับเหล่านี้ มีอยู่ประเภทหนึ่งที่ถือเป็นเครื่องประดับล้ำค่าสำหรับสตรีชั้นสูงในราชสำนัก นั่นก็คือ “เครื่องประดับเตี่ยนชุ่ย” (点翠) โดยทำจากขนของนกกระเต็น ซึ่งมีสีฟ้างดงาม คงทนนับร้อย ๆ ปี ปัจจุบันเนื่องจากการทำเครื่องประดับเตี่ยนชุ่ยมีราคาสูงและต้องแลกมาด้วยชีวิตของเหล่านกกระเต็น จึงเกิดเป็นเครื่องประดับ “เตี่ยนโฉว” (点绸) มาแทนที่ โดยใช้เส้นไหมสีฟ้าแทนขนนกกระเต็น ความล้ำค่าอาจต่างกัน แต่สวยงามพอจะเทียบกันได้




แสดงความคิดเห็น
[เกร็ดประวัติศาสตร์จีน] แฟชั่นสตรีในราชสำนักต้าชิง
โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ ชุดเฉาฝู (朝服) , ชุดจี๋ฝู (吉服) , ชุดเปี้ยนฝู (便服) และชุดฉางฝู (常服)
อยู่ในประเภทชุดพิธีการ หรือ “หลี่ฝู” (礼服) คู่กันกับชุดบวงสรวง – ชุดจี้ฝู (祭服) ซึ่งมีเพียงหนึ่งสำรับสำหรับสมเด็จพระจักรพรรดิ ชุดเฉาฝูเป็นฉลองพระองค์ในพระราชพิธีต่าง ๆ ของสมเด็จพระพันปีหลวง , สมเด็จพระมเหสีและพระสนมชั้นผินขึ้นไปในพระราชสำนักฝ่ายใน ถือเป็นชุดที่อยู่ลำดับสูงที่สุดในบรรดาชุดต่าง ๆ โดยมีรูปแบบและเครื่องประดับซับซ้อน หลานชิ้นหลายส่วน แบ่งเป็นชุดเฉาฝูสำหรับไทเฮา-ฮองเฮา และชุดเฉาฝูสำหรับพระสนม รายละเอียดแบ่งตามอิสริยยศของผู้สวมใส่ ชุดเฉาฝูแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนเครื่องประดับ และส่วนของฉลองพระองค์