น่านเหนือในหน้าฝน กับคนเดินทาง ด้วยจักรยานทัวร์ริ่ง ตอนที่ 4 (ตอนจบ)

อมยิ้ม33ความเดิมจากตอนที่แล้ว https://ppantip.com/topic/40110109

เมื่อคืนประมาณตอนตี 3 ฝนตกลงมาอย่างหนัก  คราวนี้ผมไม่กังวลแระ ข้าวของสัมภาระเก็บหลบมิดชิด แถมเต็นท์นอนยังอยู่ในศาลาอีกด้วย 
6 โมงเช้า ฝนซาเม็ดลงบ้างแล้ว ผมกับพี่บุญมีกำลังเก็บเต็นท์กันอยู่ เสือต้อมก็เข็นจักรยานออกจากโรงเรียนมารอใกล้ๆศาลา ไม่นานนักเกือบเจ็ดโมงเช้าพวกเราทุกคนก็มารวมตัวกันหน้าโรงเรียน  พร้อมแล้วสำหรับการเดินทางในวันสุดท้ายของทริปนี้
คุณครูสาว 2-3 คน ยืนรอเด็กนักเรียนหน้าโรงเรียน พวกเราเข้าไปขอบคุณพร้อมทั้งล่ำลา ก่อนจะออกเดินทางกันต่อไป
นานาจักรยานวันที่ 4 ของการเดินทาง ( ร.ร.บ้านขุนน้ำน่าน – ด่านชายแดนำไทย – ลาว ห้วยโก๋น )

ออกจาก ร.ร.บ้านขุนน้ำน่าน พวกเราปั่นขึ้นเนินกันทันที มองไปเห็นโรงเรียนและหมู่บ้านตั้งอยู่ด้านล่างในหุบด้านล่าง มีท้องนารายรอบ หมอกบางๆ ลอยกระจายไปทั่ว  ฝนยังพรำเบา ทำท่าว่าจะหยุด ถนนยังคงเปียก การปั่นจึงต้องเพิ่มความระวังครับ
ยิ่งปั่นขึ้นเขาเรา ก็จะเห็นลำน้ำน่านสีแดง ไหลผ่านไปตามนาข้าว ที่ปลูกเป็นขั้นบันได ลดหลั่นกันไปตามเชิงเขา
รั้วไม้เก่าๆ ที่ชาวบ้านเขาสร้างไว้ริมทาง ใช้กั้นแปลงข้าว แม้ดูเก่าแต่ว่าคลาสสิกน่าดู พวกเราแวะหยุดถ่ายภาพเป็นระยะ 
ฝนหยุดเม็ด อากาศสดชื่นมาก  พวกเราพบเห็นชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซด์พาลูกหลานไปโรงเรียนอยู่ตลอดทางที่ปั่นผ่าน ปั่นกันมาเรื่อยๆ ผ่านป้ายริมทาง บอกเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ก่อนจะลงเขา ผมจอดรถเก็บภาพความงามของตัวหมู่บ้านด้านล่างที่ถูกโอบล้อมด้วยนาขั้นบันไดและภูเขา 
ก่อนจะไหลลงมาเข้าเขตบ้านนาคู เห็นรถยนต์ขายกับข้าวจอดขายของอยู่กลางหมู่บ้าน  พวกเราแวะซื้อข้าวกล่องติดตัวไปกันคนละกล่อง กะไว้ว่าเจอทำเลดีๆ ทิวทัศน์สวยๆ ก็จะจอดพักกินกัน

ระหว่างนั้นเห็นเด็กน้อย 2 คนกำลังเล่นอยู่หน้าบ้าน พี่บุญมีสายเปย์ของเรา จึงเรียกเด็กๆ มารับทิปไปคนละ 20 บาท โทษฐาน น่ารักน่าเอ็นดู 

ออกจากบ้านนาคู พวกเราปั่นขนานไปกับลำน้ำน่านที่อยู่ทางขวามือ ช่วงนี้ทิวทัศน์ความสวยงามมาอยู่ด้านขวามือของผมหมดแล้ว  น้ำน่านสีแดงข้นเริ่มกว้างขึ้น พื้นหินทรายริมน้ำน่านขยายตลิ่งให้กว้างขึ้น 
โดยเฉพาะช่วงหน้าหน่วยพิทักษ์ อช.ดอยภูคาที่ ภค. 9 (บ้านด่าน) มองเห็นความกว้างร่องรอยแนวของสายน้ำที่เคยกัดเซาะตลิ่ง ดูสวยงามมาก
 ไร่น่าและไร่ข้าวโพดตามเนินเขาที่อยู่อีกฟาก ของลำน้ำน่านกำลังอุดมสมบูรณ์  ตูบนาชาวบ้านกระจัดกระจายกันตามเชิงเขาลัดหลั่นกันไป  ส่วนข้างทางที่พวกเราปั่นผ่าน ก็จะพบเรือนยกพื้นสูงไว้สำหรับเก็บข้าวโพดกันอยู่เป็นระยะ ๆ 

ปั่นผ่านบ้านด่านมาไม่ไกล พวกเราไหลลงเขามาถึงสะพานปูนข้ามแม่น้ำน่าน พวกเราจอดแวะพักพร้อมกับนำข้าวกล่องออกมากินกัน 

และจากสะพานปูนแห่งนี้ แม่น้ำน่านฝั่งขวามือจะเปลี่ยนเส้นทางไหล โดยจะไหลผ่านลอดใต้สะพานไปไหลอยู่ด้านซ้ายมือของถนนแทน ซึ่งจากตรงนี้ไป ลำน้ำน่านจะไหลผ่านบ้านเปียงก่อ ซึ่งอยู่ถัดออกไป ก่อนจะหายเข้าหุบเขาผ่านป่าลึกไปโผล่อีกที ที่บ้านปอน เขตอำเภอทุ่งช้าง แล้วมันก็จะไหลซอกแซกลงใต้ ผ่านอีกหลายอำเภอในจังหวัดน่าน รวมถึงอำเภอเมือง ก่อนจะไปสิ้นฤทธิ์ ที่เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ 

อิ่มท้องกันแล้วพวกเราก็ออกปั่นกันต่อ ปั่นผ่านบ้านเปียก่อ ก็เริ่มขึ้นเขากันอีกครั้ง 

ถนนช่วงนี้ไม่ค่อยดีนัก ยังเป็นถนนเดิมๆ เป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง แดดเริ่มออก ความร้อนเริ่มมา  ตามเชิงเขาสองข้างทางเป็นไร่ข้าวโพดอีกตามเคย ปลูกกันมากเหลือเกิน จนติดขอบถนนเลยก็ว่าได้ ตรงไหนวิวสวย พวกเราจอดรถพักเหนื่อยเข้าไปถ่ายรูปกันตลอด
ตรงจุดชมวิวเหนือบ้านเปียงก่อ ลำน้ำน่านจะหายเข้าไปในหุบเขา แล้วจะไปโผล่ที่ ตำบลปอน อำเภอทุ่งช้างฝากโน้นเลย
ในที่สุดเราก็ถึงยอดของเส้นทาง พร้อมกับถนนที่ทำใหม่สวยงาม เสมือนคอยรอต้อนรับจักรยานเดินทางอย่างพวกเรา 

ทางข้างหน้าลงเขาชัน ถนนคดโค้งทิวทัศน์สวยงาม รถใหญ่แทบไม่มี เส้นทางมันเป็นของพวกเราชัดๆ 
ทุกคนทยอยกันไหลลงเขาด้วยความมันส์  เสือต้อมกับเสือเบิร์ดจอดคอยเก็บภาพตามโค้งต่างๆ ช่วงนี้ถ่ายรูปถ่ายวีดีโอกันสนุกเลยครับ
ไหลยาวๆ ชมวิวสวยๆ กันมา จนถึงสะพานข้ามลำห้วยกลั่น
 ก็ขึ้นเขากันอีกครับ มองเห็นไร่ข้าวโพดที่ปลูกกระจายกันตามเชิงเขาไปจนถึงลำห้วยด้านล่าง  

กำลังปั่นกันดีๆ อยู่ๆ ฝนก็ตกมาซะยังงั้น ผมกับเสือต้อมรีบงัดเอาเสื้อกันฝนกันออกมาใส่ พี่บุญมีบอก ไม่ต้องใส่หรอก ลุยกันไปเลย ส่วนเสือเบิร์ดไปแนบแล้ว ฝนตกคราวนี้ทำให้วงแตกเลยครับ 555+  ผมจำได้ว่าเสือเบิร์ดแกหายจากกลุ่มไปเลย ไม่ได้ตกเขาหรือหลงทางนะครับ แกล่วงหน้าไปก่อน แต่ไปไกลถึง ห้วยโก๋นเลย 
ผมกับเสื้อต้อมใส่เสื้อกันฝนแล้วปั่นกันต่อ ส่วนพี่บุญมีแกถึก ทน คนพันธ์อึดครับ แกลุยต่อเลย ฝนเริ่มตกหนักขึ้น ๆ
พวกเราก็ยังคงปั่นลุยฝนกันไป ก็สนุกดีครับ ไม่ร้อนดี ทางก็ไต่ระดับความชันขึ้นเรื่อยๆ จนผ่านบ้าน ทางเข้า อบต.ขุนน่าน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านบวกอุ้ม ฝนก็เริ่มซาลง 
เจอวิวมุมไหนสวย จอดพักตลอด เห็นไกลๆ หมู่บ้านบวกอุ้มครับ
 ผมทอดสายตามองสายหมอกตามยอดเขาที่ไกลออกไป ดูสวยงามแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเงียบเหงา เหมือนพวกเราที่กำลังมาเหนื่อยกันในกลางป่าเขา  ทางก็ชันขึ้นตลอด พวกเราก้มหน้าก้มตางัดเนินเผชิญเขา แต่ละคนแทบไม่มีเสียงพูดจากัน เสียงเพลงคาราวานยังคงดังมาจากลำโพงหน้ารถจักรยานของผม อย่างน้อยก็ทำให้บรรยากาศไม่เงียบจนเกินไป 

พวกเรางัดดอยจนมาถึงทางแยกบ้านน้ำรีพัฒนา(ทางที่จะไปสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริภูพยัคฆ์ )
ก็พบกับกลุ่มคาราวานรถยนต์แรลรี่ “เส้นทางจากขุนเขา สู่สายธารา” ของ ททท.สำนักงานแพร่ จอดพักรถกันอยู่บริเวณสามแยก
นักท่องเที่ยวบางคนเข้ามาพูดคุยกับพวกเรา บางคนก็มาขอถ่ายรูปด้วย  จากนั้นพวกเราก็ปั่นต่อ ระยะทางอีกไม่ไกลก็จะถึง อ.เฉลิมพระเกียรติแล้ว       ทางก็ยังคงขึ้นเขา

 แต่ช่วงนี้หมอกลงมาปกคลุมเส้นทางตลอด ทัศนะวิสัยไม่ค่อยดี แม้บรรยากาศจะดีก็ตาม เพื่อความปลอดภัยพวกเราจึงเปิดไฟหน้าและหลังกันครับ ฝนเริ่มตกปรอยๆมาเป็นระยะ อากาศเย็นสบายครับ พวกเราก็ปั่นฝ่าสายฝน รมด้วยสายหมอก ในบรรยากาศมาคุ 
ซักพัก ฝนซาเม็ดลง อากาศเริ่มเย็น จนผมต้องเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ ไม่นานนักทางก็เริ่มลงเขา 
ประมาณบ่ายโมง ผมไหลลงมาถึงบ้านกิ่วจันทร์ก่อนใคร กะว่าจะหาอะไรกินที่หมู่บ้านนี้ จึงจอดคอยดักพวกที่ตามมา แต่เสือต้อมที่ไหลตามหลังมาอย่างเร็ว ผมทักบอกกันไม่ทัน หลุดไหลลงเขาต่อไปแล้ว ( อ้าว.....หลุดตามเสือเบิร์ดไปแล้ว จากกันคราวนี้ เจอกันที่ห้วยโก่นเลย555++) 
ซักพักพี่บุญมีไหลลงตามมา คราวนี้ผมดักกักตัวไว้ทัน เลยชวนพากันเข้าไปหาร้านข้าวกินในหมู่บ้านครับ 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่