น่านเหนือในหน้าฝน กับคนเดินทาง ด้วยจักรยานทัวร์ริ่ง ตอนที่ 2


ความเดิมจากตอนแรก https://ppantip.com/topic/40100273

พาพันปั่นจักรยานวันที่ 2 ของการเดินทาง ลานดูดาว – อ.บ่อเกลือ – บ้านสะปัน

การเดินทางของวันนี้ จะปั่นไปนอนที่บ้านสะปัน หมู่บ้านที่อยู่ในหุบเขากลางลำน้ำว้าครับ
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสครับ ลมพัดเย็นๆมาแต่เช้า เมื่อคืนหลับสบายกันทุกคน วันนี้เลยตื่นกันแต่เช้า หลังจากทำธุระส่วนตัวกันเรียบร้อย ประมาณ 08.00 น. พวกเราก็ออกเดินทางกันครับ
ออกจากจากลานดูดาว ก็ขึ้นเขาต่อกันเลย        พวกเราซอยขากันไปเรื่อยๆ      สองข้างทางเป็นป่าที่เขียวชอุ่มเหมือนชุ่มน้ำฝน        อากาศค่อนข้างครึ้ม หมอกปกคลุมตามเส้นทาง 

ผ่านจุดที่ดูต้นชมพูภูคาตรงนั้นมีศาลเจ้าพ่อภูคาตั้งอยู่ พวกเราจอดแวะพักเพื่อนมัสการกราบไหว้สิ่งศักดิ์  เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องที่อยู่ อ.ปัว  บอกว่า            “    ถ้ามา อ.ปัว แล้ว  ไม่ได้มาไหว้ศาลเจ้าพ่อภูคา  ก็เหมือนมาไม่ถึง  ” 
 ออกจากศาลเจ้าพ่อภูคามา เส้นทางเริ่มมีหมอกปกคลุมมากขึ้น เรากำลังปั่นขึ้นไปยังจุดที่สูงที่สุดของเส้นทางสายนี้แล้ว สายหมอกพัดพาความเย็นเข้ามากระทบตัว ทำให้ผมสบายเนื้อสบายตัวจริงๆ 
ไม่นานก็มาถึงจุดชมวิว 1715 ซึ่งเป็นจุดที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปต่างนิยมมาจอดพักรถเพื่อชมวิวที่นี่กัน สายหมอกยังคงปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ นักท่องเที่ยวมีไม่มากนัก

พวกเราแวะถ่ายรูปกับป้ายยอดนิยม 1715  ผมทอดสายตามองวิวที่อยู่ด้านหลังไกลออกไป มองเห็นภูเขาสลับซับซ้อน โดยมีสายหมอกคลอเคลียอยู่ตลอดเวลา ฟ้าค่อนข้างครึ้ม แดดไม่มีเลย วันนี้ท่าทางจะปั่นกันสบายๆ 

จากจุดชมวิวไปบ่อเกลือ จะเป็นทางลงขาวยาว พวกเราต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะทัศนะวิสัยไม่ค่อยดี  สมาธิต้องดี 2 มือกำเบรกแน่น โค้งแต่ละโค้งต้องไม่ประมาท การปั่นจักรยานขึ้นเขาไม่ทำให้ตาย แต่ลงเขานี่ตายกันมาเยอะแล้ว พวกเราต้องพึงสังวรไว้

พวกเราไหลลงเขากันมาจนถึงเพิงร้านค้าบ้านก่อก๋วง ที่อยู่ริมทาง  จอดแวะพักซื้อผักและผลไม้กันครับ กระจายรายได้กันหน่อย บ้านก่อก๋วงเป็นหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าลัวะ           บนเขาบนดอยแถว  จ.น่านนี่ ชาวไทยภูเขาส่วนใหญ่จะเป็นพวกชาวลัวะ ทั้งนั้นครับ

ออกจากบ้านก่อก๋วงก็ไหลลงยาวเลยครับ  ถนนนี่ลาดยางใหม่ เรียบกริ๊บ ไหลลงกันมันส์เลย 

ไม่นานนักก็ลง มาถึง อ.บ่อเกลือ ในเวลาประมาณ 11.00 น. 

พวกเราแวะเข้าไปเที่ยวที่ บ่อเกลือแหล่งทำเกลือสินเธาว์  แล้วก็แวะหาอาหารกลางวันกินที่นั่นเลย ที่นี่นักท่องเที่ยวจะดูคึกคักหน่อย เนื่องจากเป็นแหล่งชุมชนใหญ่ มีที่พักรับรองมากมายไปหมด โดยเฉพาะตามริมน้ำมาง  ซึ่งเป็นลำน้ำหลักที่ไหลผ่าน อ.บ่อเกลือ 
เกือบบ่ายโมง พวกเราเดินทางกันต่อ จากบ่อเกลือพวกเรามุ่งหน้าปั่นไป บ้านสะปัน  ซึ่งจะต้องผ่าน อุทยานแห่งชาติขุนน่าน ระยะทางประมาณ 8- 9 กม.  ตอนแรกก็คิดว่าจะปั่นกันสบายๆ เพราะเหลือระยะทางไม่ไกลแล้ว แต่ที่ไหนได้  อากาศที่นี่กับบนดอยภูคา มันคนละเรื่องกันเลย แสงแดด ความร้อน ในช่วงบ่าย เริ่มบั่นทอนกำลังพวกเราแล้วครับ

 แดดแรงจัดก็พอทนแล้ว แต่เส้นทางที่จะไปบ้านสะปัน ต้องขึ้นเขาอีก ตอนแรกนึกว่าจะเจอแค่เนินซึมๆ กลับต้องงัดเนินเผชิญเขากันอีก ความชันนี่ไม่ธรรมดาเลยครับ ถือว่าเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน พวกเรางัดเนินท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวกันไปเรื่อยๆ  เหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยก็ออกมาโซโล่กันต่อ

 ก้มหน้าก้มตาซอยขาปาดเหงื่องัดเนินกันเพลินๆ จนในที่สุดก็มาถึงหน้าทางเข้าอุทยานแห่งชาติขุนน่าน  พวกเราแวะพักอีกครั้ง ตรงนี้น่าจะสูงสุดแล้ว  ก่อนจะไหลลงยาว จนถึงแยกทางเข้าไปบ้านสะปัน 

ตรงปากทางเขาบ้านสะปัน มี 2 สาวน้อยนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในศาลา พี่บุญมีเห็นเลยเรียก “หนูๆ ช่วยมาถ่ายรูปให้พวกลุงหน่อย” 

ซึ่งสาวน้อยร้อยชั่งก็มีน้ำใจครับ ทั้งถ่ายรูปให้และยังร่วมถ่ายเชลฟี่เป็นที่ระลึกกันอีกด้วย  

ก่อนที่พวกจะแยกปั่นเข้าบ้านสะปันในเวลาต่อมาซึ่งจากตรงนี้ไปจะต้องปั่นไปหมู่บ้านสะปันอีกประมาณ 2 กม.
ถนนคอนกรีตขนานกับลำน้ำว้าไหลทอดส่งพวกเราเข้าหมู่บ้าน 
พวกเราปั่นผ่ากลางหมู่บ้านมุ่งหน้าไปที่วัดสะปัน เป้าหมายคือจะไปกางเต็นท์ที่ลานกางเต็นท์หยุดเวลา หน้าวัดสะปันครับ ผมจอดถามทางจากชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านต่างก็ให้ข้อมูลกันดีครับ “ไปกางเต็นท์สนามฟุตบอลหมู่บ้านก็ได้นะเจ้า  ตรงนั้นติดลำน้ำว้าเลย เล่นน้ำได้เลยเจ้า มีห้องน้ำห้องท่าพร้อม ถ้าจะไป ติดต่อผู้ใหญ่บ้านตรงบ้านหัวมุมนั้นเน้อ  แต่ว่าฝนตกจะลำบากหน่อยนะเจ้า น้ำจะท่วมเต็นท์เอา เพราะที่มันต่ำเน้อ”  พวกเราเลยขอปั่นไปยังลานกางเต็นท์หยุดเวลาเลยดีกว่า พวกเราต้องปั่นขึ้นเขาไปอีก ไม่ไกลแต่ชันโครต กับทางชันระยะสั้นๆ พวกเราผ่านกันมาแบบไม่ยากเย็นอะไรนัก  
ยิ่งขี้นยิ่งสูง  ยิ่งสูงยิ่งสวย มองเห็นนาข้าวและหมู่บ้านที่มีลำน้ำว้าไหลผ่าน อยู่ด้านล่าง สวยงามจริงๆ

ก่อนจะถึงวัด ทางจะชันมาก ชันประมาณ 50 เมตรได้ ผมยอมครับ ลงเข็นดีกว่า กลัวลื่นด้วย

ไม่นานก็มาถึงวัดสะปันประมาณบ่ายสามโมง แดดยังคงร้อนอยู่ เสือเบิร์ดไปติดต่อเจ้าอาวาสเพื่อขอกางเต็นท์ ได้ความว่า เสียค่าบริการสถานที่คนละ    200 บาท
ห้องน้ำมีให้บริการสะดวกสบายพร้อมครับ
มีเต็นท์นักท่องเที่ยวมากางไว้หนึ่งหลัง

พวกเรามาปรึกษาหารือกัน ตอนนี้มันยังไม่เย็นมากนัก อากาศก็ร้อนอบอ้าว อยากจะหาที่กางเต็นท์ริมน้ำกันมากกว่า จะได้เล่นน้ำคลายร้อนกันให้สบาย  สรุปว่าพวกเราปั่นกลับลงมาข้างล่าง หารีสอร์ทที่ติดริมน้ำ ซึ่งมีอยู่มากมาย  จนได้ที่พักที่ถูกใจ  ที่ซื่อ “พบรัก ณ สะปัน” 
ได้อาบน้ำที่ ลำน้ำว้า ชื่นใจจริงๆครับ
ค่าบริการสำหรับกางเต็นท์คนละ 200 บาทครับ
และเวลาพักผ่อนของพวกเราก็มาถึง

อมยิ้ม04สำหรับการเดินทางของวันนี้ วันที่ 2 ก็จบแต่เพียงเท่านี้

พวกเราคงต้องขอตัวพักผ่อนก่อนนะครับ แล้วพบกันตอนต่อไปนะครับ
ติดตามตอนที่ 3 ครับ https://ppantip.com/topic/40110109

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่