ขออนุญาต นำเรื่องสั้น เรื่อง รักชาติ กลับมาลงอีกครั้ง
หากผิดพลาด ประการใด ขออภัย มา ณ โอกาสนี้ครับ
เรื่อง รักชาติ
เรื่องโดย นัฐพันธ์
.........................................................................................................................................................
“รักชาติ ฉันรักชาติ”
เสียงแว่วมาทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างมองหน้ากัน
“เห็นทีจะไม่ได้แล้วนะแม่ จะปล่อยให้พร้ำเพ้อต่อไปเห็นจะแย่แน่”
“แล้วจะให้ทำอย่างไรเล่า ก็มันรักของมัน” นางเจียดสบตาลูกชาย
“อีนวลมันเจ็บไม่จำ รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่รัก ยังตะบี้ตะบันรักเขาอยู่ได้ มันน่านัก เห็นทีจะปล่อยให้มันตายไปต่อหน้าต่อตาคงไม่ไหว สภาพมันเหมือนศพขึ้นทุกวัน” นอมผู้เป็นพี่ชาย บ่นด้วยท่าทีขึงขัง มารดาส่ายหน้าเมื่อมองมายังบุตรสาวที่นอนซมด้วยพิษรักมาหลายเดือน
“เวรกรรมของมันจริงๆ สร้างเรือนผิดคิดจนเรือนทลาย มีผัวผิดคิดจนตัวตาย” นางเจียดได้แต่ระอา ทำได้แต่เพียงปลงเท่านั้น
ถ้าจะเอ่ยถึงเรื่องของ นวล หญิงสาวที่บูชาความรักยิ่งกว่าอะไร แม้สิ่งใดมาขวางหล่อนก็ไม่ยอม ไอ้ความรัก มันหอมหวานเหมือนขนมเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ แรกก็หวานหยดย้อย น้ำชงน้ำเชื่อม น้ำตงน้ำตาล ก็สู้ไม่ได้ ใครมาทัดทาน ห้ามปรามหรือแม้แต่ติติง หล่อนตะเพิดไปแทบทุกราย ไม่เว้นแม้กระทั่งแม่
“ จะอะไรกันนักหนาละแม่ กะอีแค่ฉันรักกับพี่ชาติ เห็นใครๆก็อิจฉา หูตาร้อนพราวๆ มันจะอะไรกัน จะเห็นฉันมีความสุขบ้าง ไม่ได้หรือยังไง”
“ก็มันเป็นคนไม่ดี นี่ข้าเตือนเอ็งแล้วนะนังนวล นกทัก จิ้งจกร้อง ตุ๊กแกกระโดดมาขวาง โบราณเขายังเชื่อ ไหนเลยเอ็งจะไม่เชื่อคำที่แม่บอกได้ยังไง”
“ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อหรอกแม่ พี่ชาติเขาเป็นคนดี เขารักฉัน และฉันก็รักพี่ชาติ”
“ไอ้
นั่นนะหรอ เอ็งไม่ฟังอิร้าค่าอีรมบ้างเล้ย อยากจะได้มันทำผัว ที่แม่สอนแม่เตือนก็ด้วยความหวังดี ไม่อยากให้เอ็งต้องกินน้ำใต้ศอก มาร้องห่มร้องไห้เสียใจภายหลัง”
“แม่ไม่ต้องมาเป็นคนกำหนดชะตาลิขิตฉันหรอก ฉันรู้ว่าฉันจะทำอย่างไงต่อไป” นวลสะบัดหน้าเดินเชิดๆไปอย่างไม่สนใจคำเตือนของแม่ นางเจียดได้แต่ถอนลมหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย นางเตือน นางสอนแล้วแต่ ไม่จำ คำว่าไม่จำ มันต้องได้รับผลแห่งการกระทำ ต้องสำนึกได้บ้าง
หลายเดือนผ่านไป ชาติเร่งเล้าเข้ามาตีสนิทกับนวล เช้าถึงเย็นถึงและก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตของชาติ ที่เช้าชามเย็นชาม มีก็กินไม่มีก็อด ด้วยความรูปหล่อพ่อไม่รวย คารมใหญ่ หญิงที่ไหนต่างก็ติดใจเป็นนัก สาวๆต่างบ้านก็สนใจเขา นวลใช่ว่าจะเป็นหญิงขี้เหล่ เธอก็ดีกรีนางงามส้มเขียวหวานเชียวนะ ในเมื่อแม่ห้ามไม่ฟัง การแต่งงานกระทันหันก็เกิดขึ้น เมื่อนวลรู้ตัวว่าท้อง
“อกอีแป้นจะแตก นี่มันอะไรก้านนนนนนนนนน ชาวบ้านชาวช่องงนินทากันทั่วคุ้งแคว้นแล้วมั้ง” นางเจียดต้องเอายาลมยาดมยาหม่องมาดมแก้อากาศหน้ามืด เมื่อรู้ว่า นวลท้อง ท้องนะไม่เท่าไหร่ แต่ท้องกับใคร? ชาติ ไอ้ชาติ โถ่จะหาผัวดีดีก็ไม่ได้ ดั้นไปเลือกไอ้ชาติ เห็นแล้วแทบจะเป็นลม
และวันแต่งงานก็มาถึง ในงานมงคลสมรสที่ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบง่าย
“แม่ก็ขอให้เอ็งสองคน อยู่เป็นคู่ ถือไม่เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร อย่าทะเลาะกัน ลิ้นกับฟันมันก็มีกระทบกระทั่งกันบ้าง ขอให้รักกันนานๆนะลูก”
“ขอบใจจ่ะแม่ ที่แม่ช่วยอวยพรให้หนู” นวลยิ้มหน้าระรื่น ชาติยิ้มแป้น
แม้นางเจียดผู้เป็นแม่จะไม่ชอบใจเท่าใดนักก็ตาม
“แต่งแล้ว มีลูกแล้ว ก็รักกันให้มาก เห็นแก่ลูก เห็นแก่ครอบครัว เรื่องไม่ดีที่แล้วๆมาก็ขอให้จำเป็นบทเรียน สิ่งไม่ดีก็ทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วมอย่าเห็นแก่ส่วนตัว ชีวิตคู่มันจะได้เดินไปด้วยกันอย่างราบเรียบ” นางเจียดให้ศีลให้พรอีกครู่ใหญ่
งานแต่งงานของสองคนจัดอย่างเรียบง่าย มีแขกที่สนิทในตัวอำเภอมาร่วมงาน ชาวบ้านต่างซุบซิบนินทาถึงการแต่งงานของนวลอยู่พักใหญ่ก่อนจะค่อยๆซาลงไปเพราะมีเรื่องใหม่ๆนินทาอันเป็นกิจนิสัยและกิจวัตรประจำของเหล่าบรรดาแม่บ้านผู้ว่างงาน
การครองเรือนของนวล แรกๆมันก็ดีอยู่หรอก แต่หลังๆไปนะสิ มันเริ่มออกลาย ชาติพื้นเพเป็นคนจากที่อื่น ด้วยรูปร่างกำยำหน้าตาหล่อเหลา ใครๆก็หลงรัก แม้แต่เจ๊ร้านข้าวสารที่ผัวเพิ่งตายก็เคยอยากที่จะเคลมชายหนุ่มมาแล้ว แต่เขาไม่เล่นด้วยเพราะเจ๊แกแก่เกินไป “ดวง” แม่ม่ายสาวป้ายแดงรายนี้ก็เคยติดบ่วงสวาทของชายหนุ่ม แว่วว่า เคยสานสัมพันธ์ไปถึงฝั่งกันมาหลายต่อหลายยก นี่ถ้ายกสนามมวยราชดำเนินมาที่นี่ก็คงเห็นทั้งสองขึ้นสังเวียนชกมวยกันสนุกสนาน
นวลท้องโตขึ้นเดินไปมาไม่ค่อยสะดวก ชาติก็ยังไม่ทิ้งลาย แต่เขาก็เกรงใจบ้านภรรยา นางเจียดลงทุนปลูกบ้านหลังใหม่ให้ลูกสาวอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันไม่ให้ไปไกลหูไกลตา คอยเตือนคอยปรามเวลาที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน
“นั่นพี่จะไปไหน มันสามทุ่มเข้าไปแล้วนะ ออกไปหาใคร ที่ไหน “นวลตะคอดถาม เสียงนั้นดังไปถึงบ้านของเจียดผู้เป็นแม่ถึงกับเปิดไฟ มองมาทางหน้าต่าง
“ไปกินเหล้า ไอ้นงมันชวน”เขาบอก
“เมียท้องโตเดินโย้ๆใกล้คลอด มีผัวนี่มันไม่ได้ช่วยอะไรซักอย่าง เกิดเจ็บท้องขึ้นมาใครจะช่วยฉัน”
“แม่ก็อยู่ พี่นอมก็อยู่ จะกลัวอะไร” ชาติเถียงแบบไม่ใส่ใจ
“เอ๊ะ นี่พี่ไม่ห่วงไอ้ที่อยู่ในท้องบ้างหรือไง” นวลจิ้มที่ท้องตัวเอง
ชาติไม่สนใจ เขาเดินดุ่มๆลงไปที่บันได เสียงเกรี้ยวกราดของนวลดังไล่หลัง ก่อนที่จะเห็นรถกระบะขับออกไป นวลได้แต่กรี๊ดออกมา แล้วนั่งลงร้องไห้ นางเจียดต้องแบกสังขารวัยหกสิบมาบ้านลูกสาว ปลอมประโลมเป็นการใหญ่ กว่านวลจะสงบสติอารมณ์ของตนเองได้ เล่นเอานางถึงกับต้องพ่นลมออกมาทางปากทีเดียว
พอหลังจากนั้นนวลก็กลายเป็นคนโมโหร้ายเกรี้ยวกราด ชาติยังทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เขาไม่ได้สนใจเมียที่กำลังท้องโย้อยู่แม้แต่นิดเดียว ออกไปเที่ยวสังสรรคเฮฮาเหมือนว่าตนไม่มีห่วงคล้องคอ นวลได้แต่เกรี้ยวกราดเมื่อผัวรักกลับมาก็เอาแต่ต่อว่า นางเจียดได้แต่พ่นลม ทนฟังเสียงทะเลาะจากบ้านลูกสาวอยู่ทุกวัน จวบจนคลอดลูก ลูกของนวลกับชาติเกิดมาไม่แข็งแรงก็เพราะที่นวลไม่มีการบำรุงใดๆ แม่ก็เคลียดส่งผลไปถึงลูกที่อยู่ในท้อง ไม่นานเด็กก็สิ้นใจไป นวลร้องไห้เวทนาปานจะขาดใจ ต่างกับชาติ ที่ยังไม่สำนึก
“เมื่ออยู่กันไม่ได้ ก็เลิกๆกันไปเสียเถอะนังนวล แม่ไม่อยากเห็นเอ็งต้องมานั่งช้ำจิตช้ำใจแบบนี้”
นางเจียดบอกลูกสาว เมื่อออกจากโรงพยาบาลมา นวลชะเง้อมองดูว่าเมื่อไหร่สามีจะกลับมา
“ไม่ หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่เลิก อีพวกไม่มีผัวมันก็คาบไปสิแม่ ฉันไม่ยอมหรอกนะ”
“ผู้ชายดีๆนะมีถมเถไป ทำไม้ทำไมเอ็งยังหน้ามืดตามัวหลงชมชอบไอ้ชาติฮ่ะนังนวล”
“ก็ไอ้ที่ดีๆมันหล่อมั้ยล่ะแม่” นวลเถียงขึ้น
“โถ อีนวล ผัวหล่อนะมันกินไม่อิ่มหรอกนะ ไอ้ที่ผัวดีดีนะเขาขยันทำมาหากิน ไม่ได้เจ้าเลห์เพทุบาย หยิบหยงทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน วันๆก็เมาสุราปลาปิ้ง งานการไม่ทำ ถามจริงเหอะทุกวันนี้เอ็งเลี้ยงผัวต้อยๆเอ็งไม่อายขี้ปากชาวบ้านบ้างหรือไง” นางเจียดเหลือดอดจะทน นวลหันจ้องแม่
“แม่ นี่แม่ว่าฉันอยู่นะ”
“ก็เออนะสิ ที่ข้าว่าเอ็งก็เพราะหวังดี ไอ้ชาติที่เอ็งเคารพบูชาน่ะ มันเป็นผัวประเภทไหนเหรอ ที่ต้องให้เมียมานั่งเลี้ยง นี่มันใส่กางเกงหรือกระโปรง หรือมันเอาผ้าถุงเองไปใส่ เอ็งตอบแม่มาซิ”
นางเจียดเปรียบได้แสบทรวง เจ็บลึกเป็นอย่างมาก ทำให้นวลโกรธนางเจียดไปหลายวัน
บ่ายวันหนึ่ง นางเจียดที่นอนหลับอยู่บนบ้านได้รับโทรศัพท์ เมื่อปลายสายพูดขึ้นนางถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก ถลาลงจากบ้านรีบตามนอมลูกชายคนโตให้ไปส่งทันที
นางเจียดได้รับข่าวเรื่องนวลไปตบตีทะเลาะกับชาติที่ตลาด นวลไปเจอชาติอยู่กับผู้หญิงคนอื่น นวลถึงกับทนไม่ไหว เข้าไปหาเรื่อง และก็เกิดการตะลุมบอลตบตีกัน
นางเจียดเห็นลูกสาวนั่งร้องห่มร้องไห้ที่สถานีตำรวจ ไอ้ความเป็นแม่ก็สงสารลูกสุดหัวใจ พูดแล้วบอกแล้วก็ไม่ฟัง กว่าจะเสร็จสิ้นเรื่องคดีความก็เย็นย้ำ นางเจียดพาลูกสาวกลับมาบ้านด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ชาติกลับมาขนข้าวของออกไป แม่นวลจะรั้งเอาไว้ เขาขับรถกะบะมุ่งตรงออกไป เห็นแต่ฝุ่นที่ตลบอบอวนตามหลังก่อนจะเห็นรถกะบะค่อยๆหายไปทางปากทาง และจากวันนั้นถึงวันนี้ ชาติก็ไม่กลับมาบ้านอีกเลย มันได้ลักพาเอานวลคนเดิมจากไปอย่างไม่มีวันกลับ วันนั้นถึงวันนี้นวลเหม่อลอย รำพึงรำพันถึงแต่ชาติอยู่เช้าค่ำ นวลกลายเป็นอีกคน เป็นคนที่มีแต่ตัวไร้ซึ้งจิตวิญญาณ เธอรำพึงถึงแต่คนรัก ข้าวปลาไม่กิน นั่งรอ เฝ้ารอ ชายอันเป็นที่รักอยู่เมื่อเชื่อวัน จากวัน สองสาม สามวัน เป็นสัปดาห์เป็นเดือน ชาติก็ไม่กลับมา นวลได้แต่เพ้อถึงชาติ สร้างความเวทนาให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
“รักชาติ ฉันรักชาติ ฉันรักชาติ รักชาติ”
นางเจียด กับนอม ได้แต่ปลงตก ทำไมหนอ ทำไมนวบถึงเป็นไปได้อย่างนี้
“แม่จ๋า แม่ ชาติกลับมาหรือยัง ชาติกลับมาหรือยัง”
“นวล เอ็งฟังแม่นะ เอ็งฟังแม่ ไอ้ชาติผัวเอ็งนะมันไม่กลับมาแล้ว มันไปตายโหงตายห่าที่ไหนก็ไม่รู้ เอ็งเลิกพร้ำเพ้อถึงมันเถอะนะ แม่สงสารเอ็ง คนอื่นเขาก็เวทนาเอ็งนะนวล”
“ไม่ ฉันรักชาติ รักชาติ แม่เข้าใจมั้ย”
นวลเกรี้ยวกราด เธอเฝ้าแต่รอชายอันเป็นที่รักอยู่ แม้แต่นางเจียดเองก็ไม่สามารถห้ามปรามได้เลยแม้แต่น้อย คิดแล้วก็ได้แต่ปลง ปลง และก็ปลง เวรกรรมอะไรหนอ ถึงทำให้นวลเป็นเช่นนี้
นวลโทรมลงเรื่อยๆ พิษรักทำให้เธอล้มหมองนอนเสื่อจนจวนเจียนใกล้ตายเข้าไปทุกที แต่ชาติก็มิได้หวนกลับมาแต่อย่างใด จวบจนวาระสุดท้ายของนวลสิ้นลมหายใจ
ไฟจากการเผาไหม้ล่องลอยไปในอากาศ ปล่องเมรุที่ทำพิธีณาปนกิจเสร็จสิ้นลงพร้อมกับผู้คนที่
ถยอยเดินลงจากเมรุ นวลได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว นางเจียดมิได้มีน้ำตาแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะนางทำใจได้แล้ว
นอมและครอบครัวมองดูปล่องควันไฟที่โพยพุ่ง นางเจียดมองปล่องควันไฟด้วยแววตาแห่งความเวทนาปนสังเวชใจ
“รักมากก็ทุกข์มาก รักไม่ลืมหูลืมตาก็เป็นทุกข์ เขาถึงว่า การยึดมั่นถือมั่นจนเกินไปมันก็เหมือนบ่วงที่ผูกมัดเอาไว้ ถ้าคนเรามันยึดติด จะรักอยู่ฝ่ายเดียว สุดท้ายก็ต้องจบลงแบบนี้”
“มันรักของมันน่ะแม่ รักชาติ ไม่รู้ว่านวลมันจะปล่อยวางได้มั้ย”
มารดาหันมาทางคนพูด
“ต่อให้มันตายเป็นผีเป็นสาง ข้าก็เชื่อว่ามันยังยึดติด ก็เห็นก่อนตาย นวลมันก็พร้ำเพ้อ รักชาติ รักชาติ”
“ย่า ย่า อย่างนี้อานวลจะมาหลอกเราที่บ้านหรือเปล่า” หลานชายตัวน้อยกับหลานสาวรีบซุกหลังของย่าด้วยความกลัวผีอานวล
ได้ยินเสียงของนางเจียดพูดขึ้นลอยๆว่า
“มาซิวะ ย่าจะเพ่นกบาลผีอีนวลให้ โทษฐาน รักชาติไม่ลืมหูลืมตา”
จบ
รีรัน -เรื่องสั้น "รักชาติ"
หากผิดพลาด ประการใด ขออภัย มา ณ โอกาสนี้ครับ
เรื่อง รักชาติ
เรื่องโดย นัฐพันธ์
.........................................................................................................................................................
“รักชาติ ฉันรักชาติ”
เสียงแว่วมาทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างมองหน้ากัน
“เห็นทีจะไม่ได้แล้วนะแม่ จะปล่อยให้พร้ำเพ้อต่อไปเห็นจะแย่แน่”
“แล้วจะให้ทำอย่างไรเล่า ก็มันรักของมัน” นางเจียดสบตาลูกชาย
“อีนวลมันเจ็บไม่จำ รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่รัก ยังตะบี้ตะบันรักเขาอยู่ได้ มันน่านัก เห็นทีจะปล่อยให้มันตายไปต่อหน้าต่อตาคงไม่ไหว สภาพมันเหมือนศพขึ้นทุกวัน” นอมผู้เป็นพี่ชาย บ่นด้วยท่าทีขึงขัง มารดาส่ายหน้าเมื่อมองมายังบุตรสาวที่นอนซมด้วยพิษรักมาหลายเดือน
“เวรกรรมของมันจริงๆ สร้างเรือนผิดคิดจนเรือนทลาย มีผัวผิดคิดจนตัวตาย” นางเจียดได้แต่ระอา ทำได้แต่เพียงปลงเท่านั้น
ถ้าจะเอ่ยถึงเรื่องของ นวล หญิงสาวที่บูชาความรักยิ่งกว่าอะไร แม้สิ่งใดมาขวางหล่อนก็ไม่ยอม ไอ้ความรัก มันหอมหวานเหมือนขนมเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ แรกก็หวานหยดย้อย น้ำชงน้ำเชื่อม น้ำตงน้ำตาล ก็สู้ไม่ได้ ใครมาทัดทาน ห้ามปรามหรือแม้แต่ติติง หล่อนตะเพิดไปแทบทุกราย ไม่เว้นแม้กระทั่งแม่
“ จะอะไรกันนักหนาละแม่ กะอีแค่ฉันรักกับพี่ชาติ เห็นใครๆก็อิจฉา หูตาร้อนพราวๆ มันจะอะไรกัน จะเห็นฉันมีความสุขบ้าง ไม่ได้หรือยังไง”
“ก็มันเป็นคนไม่ดี นี่ข้าเตือนเอ็งแล้วนะนังนวล นกทัก จิ้งจกร้อง ตุ๊กแกกระโดดมาขวาง โบราณเขายังเชื่อ ไหนเลยเอ็งจะไม่เชื่อคำที่แม่บอกได้ยังไง”
“ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อหรอกแม่ พี่ชาติเขาเป็นคนดี เขารักฉัน และฉันก็รักพี่ชาติ”
“ไอ้นั่นนะหรอ เอ็งไม่ฟังอิร้าค่าอีรมบ้างเล้ย อยากจะได้มันทำผัว ที่แม่สอนแม่เตือนก็ด้วยความหวังดี ไม่อยากให้เอ็งต้องกินน้ำใต้ศอก มาร้องห่มร้องไห้เสียใจภายหลัง”
“แม่ไม่ต้องมาเป็นคนกำหนดชะตาลิขิตฉันหรอก ฉันรู้ว่าฉันจะทำอย่างไงต่อไป” นวลสะบัดหน้าเดินเชิดๆไปอย่างไม่สนใจคำเตือนของแม่ นางเจียดได้แต่ถอนลมหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย นางเตือน นางสอนแล้วแต่ ไม่จำ คำว่าไม่จำ มันต้องได้รับผลแห่งการกระทำ ต้องสำนึกได้บ้าง
หลายเดือนผ่านไป ชาติเร่งเล้าเข้ามาตีสนิทกับนวล เช้าถึงเย็นถึงและก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตของชาติ ที่เช้าชามเย็นชาม มีก็กินไม่มีก็อด ด้วยความรูปหล่อพ่อไม่รวย คารมใหญ่ หญิงที่ไหนต่างก็ติดใจเป็นนัก สาวๆต่างบ้านก็สนใจเขา นวลใช่ว่าจะเป็นหญิงขี้เหล่ เธอก็ดีกรีนางงามส้มเขียวหวานเชียวนะ ในเมื่อแม่ห้ามไม่ฟัง การแต่งงานกระทันหันก็เกิดขึ้น เมื่อนวลรู้ตัวว่าท้อง
“อกอีแป้นจะแตก นี่มันอะไรก้านนนนนนนนนน ชาวบ้านชาวช่องงนินทากันทั่วคุ้งแคว้นแล้วมั้ง” นางเจียดต้องเอายาลมยาดมยาหม่องมาดมแก้อากาศหน้ามืด เมื่อรู้ว่า นวลท้อง ท้องนะไม่เท่าไหร่ แต่ท้องกับใคร? ชาติ ไอ้ชาติ โถ่จะหาผัวดีดีก็ไม่ได้ ดั้นไปเลือกไอ้ชาติ เห็นแล้วแทบจะเป็นลม
และวันแต่งงานก็มาถึง ในงานมงคลสมรสที่ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบง่าย
“แม่ก็ขอให้เอ็งสองคน อยู่เป็นคู่ ถือไม่เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร อย่าทะเลาะกัน ลิ้นกับฟันมันก็มีกระทบกระทั่งกันบ้าง ขอให้รักกันนานๆนะลูก”
“ขอบใจจ่ะแม่ ที่แม่ช่วยอวยพรให้หนู” นวลยิ้มหน้าระรื่น ชาติยิ้มแป้น
แม้นางเจียดผู้เป็นแม่จะไม่ชอบใจเท่าใดนักก็ตาม
“แต่งแล้ว มีลูกแล้ว ก็รักกันให้มาก เห็นแก่ลูก เห็นแก่ครอบครัว เรื่องไม่ดีที่แล้วๆมาก็ขอให้จำเป็นบทเรียน สิ่งไม่ดีก็ทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วมอย่าเห็นแก่ส่วนตัว ชีวิตคู่มันจะได้เดินไปด้วยกันอย่างราบเรียบ” นางเจียดให้ศีลให้พรอีกครู่ใหญ่
งานแต่งงานของสองคนจัดอย่างเรียบง่าย มีแขกที่สนิทในตัวอำเภอมาร่วมงาน ชาวบ้านต่างซุบซิบนินทาถึงการแต่งงานของนวลอยู่พักใหญ่ก่อนจะค่อยๆซาลงไปเพราะมีเรื่องใหม่ๆนินทาอันเป็นกิจนิสัยและกิจวัตรประจำของเหล่าบรรดาแม่บ้านผู้ว่างงาน
การครองเรือนของนวล แรกๆมันก็ดีอยู่หรอก แต่หลังๆไปนะสิ มันเริ่มออกลาย ชาติพื้นเพเป็นคนจากที่อื่น ด้วยรูปร่างกำยำหน้าตาหล่อเหลา ใครๆก็หลงรัก แม้แต่เจ๊ร้านข้าวสารที่ผัวเพิ่งตายก็เคยอยากที่จะเคลมชายหนุ่มมาแล้ว แต่เขาไม่เล่นด้วยเพราะเจ๊แกแก่เกินไป “ดวง” แม่ม่ายสาวป้ายแดงรายนี้ก็เคยติดบ่วงสวาทของชายหนุ่ม แว่วว่า เคยสานสัมพันธ์ไปถึงฝั่งกันมาหลายต่อหลายยก นี่ถ้ายกสนามมวยราชดำเนินมาที่นี่ก็คงเห็นทั้งสองขึ้นสังเวียนชกมวยกันสนุกสนาน
นวลท้องโตขึ้นเดินไปมาไม่ค่อยสะดวก ชาติก็ยังไม่ทิ้งลาย แต่เขาก็เกรงใจบ้านภรรยา นางเจียดลงทุนปลูกบ้านหลังใหม่ให้ลูกสาวอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันไม่ให้ไปไกลหูไกลตา คอยเตือนคอยปรามเวลาที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน
“นั่นพี่จะไปไหน มันสามทุ่มเข้าไปแล้วนะ ออกไปหาใคร ที่ไหน “นวลตะคอดถาม เสียงนั้นดังไปถึงบ้านของเจียดผู้เป็นแม่ถึงกับเปิดไฟ มองมาทางหน้าต่าง
“ไปกินเหล้า ไอ้นงมันชวน”เขาบอก
“เมียท้องโตเดินโย้ๆใกล้คลอด มีผัวนี่มันไม่ได้ช่วยอะไรซักอย่าง เกิดเจ็บท้องขึ้นมาใครจะช่วยฉัน”
“แม่ก็อยู่ พี่นอมก็อยู่ จะกลัวอะไร” ชาติเถียงแบบไม่ใส่ใจ
“เอ๊ะ นี่พี่ไม่ห่วงไอ้ที่อยู่ในท้องบ้างหรือไง” นวลจิ้มที่ท้องตัวเอง
ชาติไม่สนใจ เขาเดินดุ่มๆลงไปที่บันได เสียงเกรี้ยวกราดของนวลดังไล่หลัง ก่อนที่จะเห็นรถกระบะขับออกไป นวลได้แต่กรี๊ดออกมา แล้วนั่งลงร้องไห้ นางเจียดต้องแบกสังขารวัยหกสิบมาบ้านลูกสาว ปลอมประโลมเป็นการใหญ่ กว่านวลจะสงบสติอารมณ์ของตนเองได้ เล่นเอานางถึงกับต้องพ่นลมออกมาทางปากทีเดียว
พอหลังจากนั้นนวลก็กลายเป็นคนโมโหร้ายเกรี้ยวกราด ชาติยังทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เขาไม่ได้สนใจเมียที่กำลังท้องโย้อยู่แม้แต่นิดเดียว ออกไปเที่ยวสังสรรคเฮฮาเหมือนว่าตนไม่มีห่วงคล้องคอ นวลได้แต่เกรี้ยวกราดเมื่อผัวรักกลับมาก็เอาแต่ต่อว่า นางเจียดได้แต่พ่นลม ทนฟังเสียงทะเลาะจากบ้านลูกสาวอยู่ทุกวัน จวบจนคลอดลูก ลูกของนวลกับชาติเกิดมาไม่แข็งแรงก็เพราะที่นวลไม่มีการบำรุงใดๆ แม่ก็เคลียดส่งผลไปถึงลูกที่อยู่ในท้อง ไม่นานเด็กก็สิ้นใจไป นวลร้องไห้เวทนาปานจะขาดใจ ต่างกับชาติ ที่ยังไม่สำนึก
“เมื่ออยู่กันไม่ได้ ก็เลิกๆกันไปเสียเถอะนังนวล แม่ไม่อยากเห็นเอ็งต้องมานั่งช้ำจิตช้ำใจแบบนี้”
นางเจียดบอกลูกสาว เมื่อออกจากโรงพยาบาลมา นวลชะเง้อมองดูว่าเมื่อไหร่สามีจะกลับมา
“ไม่ หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่เลิก อีพวกไม่มีผัวมันก็คาบไปสิแม่ ฉันไม่ยอมหรอกนะ”
“ผู้ชายดีๆนะมีถมเถไป ทำไม้ทำไมเอ็งยังหน้ามืดตามัวหลงชมชอบไอ้ชาติฮ่ะนังนวล”
“ก็ไอ้ที่ดีๆมันหล่อมั้ยล่ะแม่” นวลเถียงขึ้น
“โถ อีนวล ผัวหล่อนะมันกินไม่อิ่มหรอกนะ ไอ้ที่ผัวดีดีนะเขาขยันทำมาหากิน ไม่ได้เจ้าเลห์เพทุบาย หยิบหยงทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน วันๆก็เมาสุราปลาปิ้ง งานการไม่ทำ ถามจริงเหอะทุกวันนี้เอ็งเลี้ยงผัวต้อยๆเอ็งไม่อายขี้ปากชาวบ้านบ้างหรือไง” นางเจียดเหลือดอดจะทน นวลหันจ้องแม่
“แม่ นี่แม่ว่าฉันอยู่นะ”
“ก็เออนะสิ ที่ข้าว่าเอ็งก็เพราะหวังดี ไอ้ชาติที่เอ็งเคารพบูชาน่ะ มันเป็นผัวประเภทไหนเหรอ ที่ต้องให้เมียมานั่งเลี้ยง นี่มันใส่กางเกงหรือกระโปรง หรือมันเอาผ้าถุงเองไปใส่ เอ็งตอบแม่มาซิ”
นางเจียดเปรียบได้แสบทรวง เจ็บลึกเป็นอย่างมาก ทำให้นวลโกรธนางเจียดไปหลายวัน
บ่ายวันหนึ่ง นางเจียดที่นอนหลับอยู่บนบ้านได้รับโทรศัพท์ เมื่อปลายสายพูดขึ้นนางถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก ถลาลงจากบ้านรีบตามนอมลูกชายคนโตให้ไปส่งทันที
นางเจียดได้รับข่าวเรื่องนวลไปตบตีทะเลาะกับชาติที่ตลาด นวลไปเจอชาติอยู่กับผู้หญิงคนอื่น นวลถึงกับทนไม่ไหว เข้าไปหาเรื่อง และก็เกิดการตะลุมบอลตบตีกัน
นางเจียดเห็นลูกสาวนั่งร้องห่มร้องไห้ที่สถานีตำรวจ ไอ้ความเป็นแม่ก็สงสารลูกสุดหัวใจ พูดแล้วบอกแล้วก็ไม่ฟัง กว่าจะเสร็จสิ้นเรื่องคดีความก็เย็นย้ำ นางเจียดพาลูกสาวกลับมาบ้านด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ชาติกลับมาขนข้าวของออกไป แม่นวลจะรั้งเอาไว้ เขาขับรถกะบะมุ่งตรงออกไป เห็นแต่ฝุ่นที่ตลบอบอวนตามหลังก่อนจะเห็นรถกะบะค่อยๆหายไปทางปากทาง และจากวันนั้นถึงวันนี้ ชาติก็ไม่กลับมาบ้านอีกเลย มันได้ลักพาเอานวลคนเดิมจากไปอย่างไม่มีวันกลับ วันนั้นถึงวันนี้นวลเหม่อลอย รำพึงรำพันถึงแต่ชาติอยู่เช้าค่ำ นวลกลายเป็นอีกคน เป็นคนที่มีแต่ตัวไร้ซึ้งจิตวิญญาณ เธอรำพึงถึงแต่คนรัก ข้าวปลาไม่กิน นั่งรอ เฝ้ารอ ชายอันเป็นที่รักอยู่เมื่อเชื่อวัน จากวัน สองสาม สามวัน เป็นสัปดาห์เป็นเดือน ชาติก็ไม่กลับมา นวลได้แต่เพ้อถึงชาติ สร้างความเวทนาให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
“รักชาติ ฉันรักชาติ ฉันรักชาติ รักชาติ”
นางเจียด กับนอม ได้แต่ปลงตก ทำไมหนอ ทำไมนวบถึงเป็นไปได้อย่างนี้
“แม่จ๋า แม่ ชาติกลับมาหรือยัง ชาติกลับมาหรือยัง”
“นวล เอ็งฟังแม่นะ เอ็งฟังแม่ ไอ้ชาติผัวเอ็งนะมันไม่กลับมาแล้ว มันไปตายโหงตายห่าที่ไหนก็ไม่รู้ เอ็งเลิกพร้ำเพ้อถึงมันเถอะนะ แม่สงสารเอ็ง คนอื่นเขาก็เวทนาเอ็งนะนวล”
“ไม่ ฉันรักชาติ รักชาติ แม่เข้าใจมั้ย”
นวลเกรี้ยวกราด เธอเฝ้าแต่รอชายอันเป็นที่รักอยู่ แม้แต่นางเจียดเองก็ไม่สามารถห้ามปรามได้เลยแม้แต่น้อย คิดแล้วก็ได้แต่ปลง ปลง และก็ปลง เวรกรรมอะไรหนอ ถึงทำให้นวลเป็นเช่นนี้
นวลโทรมลงเรื่อยๆ พิษรักทำให้เธอล้มหมองนอนเสื่อจนจวนเจียนใกล้ตายเข้าไปทุกที แต่ชาติก็มิได้หวนกลับมาแต่อย่างใด จวบจนวาระสุดท้ายของนวลสิ้นลมหายใจ
ไฟจากการเผาไหม้ล่องลอยไปในอากาศ ปล่องเมรุที่ทำพิธีณาปนกิจเสร็จสิ้นลงพร้อมกับผู้คนที่
ถยอยเดินลงจากเมรุ นวลได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว นางเจียดมิได้มีน้ำตาแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะนางทำใจได้แล้ว
นอมและครอบครัวมองดูปล่องควันไฟที่โพยพุ่ง นางเจียดมองปล่องควันไฟด้วยแววตาแห่งความเวทนาปนสังเวชใจ
“รักมากก็ทุกข์มาก รักไม่ลืมหูลืมตาก็เป็นทุกข์ เขาถึงว่า การยึดมั่นถือมั่นจนเกินไปมันก็เหมือนบ่วงที่ผูกมัดเอาไว้ ถ้าคนเรามันยึดติด จะรักอยู่ฝ่ายเดียว สุดท้ายก็ต้องจบลงแบบนี้”
“มันรักของมันน่ะแม่ รักชาติ ไม่รู้ว่านวลมันจะปล่อยวางได้มั้ย”
มารดาหันมาทางคนพูด
“ต่อให้มันตายเป็นผีเป็นสาง ข้าก็เชื่อว่ามันยังยึดติด ก็เห็นก่อนตาย นวลมันก็พร้ำเพ้อ รักชาติ รักชาติ”
“ย่า ย่า อย่างนี้อานวลจะมาหลอกเราที่บ้านหรือเปล่า” หลานชายตัวน้อยกับหลานสาวรีบซุกหลังของย่าด้วยความกลัวผีอานวล
ได้ยินเสียงของนางเจียดพูดขึ้นลอยๆว่า
“มาซิวะ ย่าจะเพ่นกบาลผีอีนวลให้ โทษฐาน รักชาติไม่ลืมหูลืมตา”
จบ