เดินป่าชุมชน บ้านผาปก-บ้านห้วยน้ำขาว พิชิตยอดเขาแหลม เทือกเขาตระนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

เขาแหลม" ชื่อนี้ไม่คุ้นหู แต่เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เปิดมากว่า 5 ปีแล้ว ตั้งอยู่ในเขตอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เดินเท้าจากบ้านผาปก - บ้านห้วยน้ำขาว ระยะทางร่วม 10 กิโลเมตร บวกกับความชัน ที่จัดว่าลากได้พอสมควร อะเฮื้ออออ!!!

เห็นท่านพี่ของข้าอยู่ตรงนั้นไหม? ฮ่าาาา ชิลเกิ๊น ขึ้นมาได้แล้ว วู้วววววว

ภาพวิวจากมือถือเป็นออเดิร์ฟบริเวณแคมป์ของพวกเรา



เรานัดรวมพลกันที่บ้านของ 'พี่ไก่' หนึ่งในกลุ่มคนรักษ์เขากระโจม ผู้ที่จะพาพวกเราไปส่งยังจุดเริ่มเดินและแวะไปรับผู้นำทาง 'ลุงวร' ที่จะพาเราไปพิชิตยอดเขาแหลม ซึ่งเป็นยอดเขาที่สวยมากยอดหนึ่งบนเทือกเขาตระนาวศรี

เริ่มเดิน 10.50 น. ก่อนจะเริ่มเดิน ขอเก็บภาพสมาชิกไว้ระลึกความทรงจำสักหน่อยก่อนแล้วกัน

จากคำบอกเล่าของอดีตตำรวจตระเวนชายแดน ที่บังเอิญได้พูดคุยกันขณะที่เรากำลังสั่งมื้อกลางวันหน้าตาแปลกประหลาด เนื่องจากขอให้แม่ครัวตักใส่ถุงและมัดยางโดยไม่ต้องเอาลมเข้า (ซึ่งเรา ๆ เธอ ๆ เข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าเพราะเหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้) "ไปไหนหรอหนู?" คือจุดเริ่มต้นคำสนทนา หลังจากนั้นก็ได้ทราบว่า หากผู้นำทางชื่อลุงวร คนนี้จะหุงข้าวด้วยกระบอกไม้ไผ่ได้ยอดเยี่ยมเลยล่ะ ทันทีที่รู้ว่าลุงคือลุงวรคนที่ว่านั่น พวกเราจึงช่วยกันเตรียมกระบอกไม้ไผ่ไว้สำหรับใช้หุงข้าวแทนหม้อที่เตรียมมากันโดยเร็วในช่วง 600 เมตรแรก ระหว่างที่เรารอภาชนะจากธรรมชาติคือกระบอกไม้ไผ่นี้ ไม่ทันรู้ตัวทากน้อยก็เล่นงานเราเข้าให้ซะแล้ว ตัวอยู่ไหนแล้วไม่รู้ แต่เลือดเต็มขากางเกงแล้วค่าาา

ทีนี้ระหว่างทาง เดินเรื่อย ๆ เมื่อยเกินก็พัก



กิโลเมตรแรก  ๆ ทางเดินไม่ค่อยชันเท่าไรนัก พอก้าวเท้าได้ก้าวต่อก้าว มีลำธารน้ำใสเย็นชื่นใจ

อากาศค่อนข้างถ่ายเท อาจมีสาเหตุมาจากไฟป่าทำให้ต้นไม้ไม่รกทึบปิดทางลมเท่าไรนัก ป่ากำลังฟื้น มีต้นไม้น้อยใหญ่กำลังงอกและเติบโตต่อไป



เห็นน้องนอนอยู่ตรงนั้นไหม?
เราถึงแคมป์ประมาณเกือบห้าโมงเย็น ระหว่างทางนอกจากพวกเราจะหาภาชนะเป็นหม้อหุงข้าวแล้ว พวกเรายังเก็บผักกูดป่า มาทำเมนูผัดน้ำมันหอย และหัวปลี มาเป็นส่วนประกอบของผัดพริกแกงใต้ อีกทั้งเพื่อนในทีมมีอาการของตะคริวตัวร้ายเสียด้วย

เมื่อถึงหมายแรก จุดตั้งแคมป์พวกเราเลือกบริเวณผาสิงโต สิงโตในที่นี้ไม่ใช่เจ้าป่าแต่อย่างใด หากแต่เป็นชื่อของกล้วยไม้ป่าชนิดหนึ่ง ที่ในหนึ่งปีจะมีดอกออกมาให้เชยชมเพียงครั้งเดียว

พวกเรากางเต็นท์ส่วนตัวและช่วยกันทำแคมป์ส่วนกลาง ส่วนลุงวรผูกเปลฉึ่บเดียวเสร็จ พร้อมก่อไฟแล้วหุงข้าวในทันที



พอมาถึงยังแคมป์ ก็พบกับพี่คนหนึ่ง กำลังถ่ายรูปอยู่ริมหน้าผา เพียงลำพัง ฮั่นแหน่!!! ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็อยากจะถามนู่นนี่นั่น แต่ฝนกำลังจะตก ต้องกางเต็นท์ให้เรียบร้อยเสียก่อน พวกเราได้แต่ทักทายพี่เขาเพียงเล็กน้อย ยังไม่ทันได้ถามชื่อด้วยซ้ำ แคมป์ของพี่เขาอยู่ห่างไปจากตรงนี้มาก ไว้ค่อยเจอกันใหม่ บ้ายบายค่ะ

เป็นไปตามคาด ฝนตกลงมาพอดีในขณะที่พวกเราเริ่มตั้งแคมป์ หลบในเต็นท์กันสักครู่แล้วกันเนาะ หวังว่าพรุ่งนี้หมอกคงไหลผ่านตัวเรา เป็นรางวัลตอบแทนในความอดทนต่อสู้กับความหนาวกันทั้งคืน

ไม่นานฝนก็หยุดตก พวกเราออกมาตั้งวง พ่อครัวหัวป่าจัดเมนูเด็ดดวงมากเวอร์ ๆ จัดให้แบบอลังการ รังไข่ไก่ผัดพริกแกงใต้สูตรเด็ด ไก่ผัดพริกแกงใส่หัวปลี ต้มแซ่บกระดูกอ่อนหมู ผัดหมูน้ำมันหอยใส่ผักกูดป่า เรียกได้ว่าพ่อครัวของเราไม่แตะอาหารกระป๋องเลยแม้แต่น้อย และขอบอกว่ารสแซ่บระดับภัตตาคารจ้าาาาา

ฟ้าครึ้มเมฆครึ้มฝน บริเวณแคมป์เก็บภาพได้ประมาณนี้ ไว้พรุ่งนี้พบกันใหม่นะดวงตะวัน

รอบกองไฟอุ่น ๆ กับเพื่อนร่วมทางเป็นของคู่กัน พวกเรานั่งล้อมวงกัน ปิ้งขนมปังทาแยมกินรอบดึกอีกรอบระหว่างพูดคุยกับลุงวร หลายประโยคสัมผัสได้ถึงหัวใจที่รักผืนป่าแห่งนี้ของคุณลุง สายตาเราแหงนมองทะลุความสูงของต้นไม้ใหญ่ พระจันทร์เสี้ยวส่องละมุนท่ามกลางดวงดาวน้อยใหญ่ ลุงเล่าถึงเหตุการณ์ไฟป่า คนมักจะพูดกันว่า ไม่ต้องไปดับแล้ว ดับไม่ทันหรอก แต่ลุงกลับมองว่าแม้เพียงตารางเมตรเดียวก็คุ้มค่าแล้ว หรือแม้กระทั่งเศษของเปลือกลูกอมเพียงเม็ดเดียวก็สามารถหยุดการเจริญเติบโตของต้นกล้าได้ เราสังเกตุได้จาก ลุงจะดูแลเรื่องขยะเป็นพิเศษ แม้กระทั่งเชือกฟางเส้นบาง ๆ ที่ผูกไว้บนต้นไม้บริเวณแคมป์ ลุงยังดึงออกไปทิ้ง พลาสติกถูกเผาไปกับกองไฟ เศษอาหารและอื่น ๆ พวกเราช่วยกันฝังกลบจนเกลี้ยง ลุงบอกว่าป่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่สุดมากกว่าเงินทองเป็นไหน ๆ มีหน่อไม้ มีเห็ด มีน้ำ มีพืชผักมากมายให้เราดำรงชีวิต ลุงยังบอกด้วยนะว่า ลุงรักนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ เพราะลุงรู้สึกได้ว่าพวกหนูก็รักผืนป่าเหมือนกัน เพราะถ้าไม่รักจริงมาไม่ได้ขนาดนี้หรอก ลุงพูดพลางหัวเราะ

กลางดึกของคืนนี้ เมฆหมอกเยอะเหลื๊อออเกิน




เวลาประมาณตีห้าครึ่ง ตัวเรายังคงซุกอยู่ในถุงนอน แม้ว่าตายังคงสลึมสลืออยู่แต่มือก็เอื้อมไปรูดซิปเต็นท์ ประกายแสงรำไรสีชมพูตรงนั้น เป็นเหมือนของขวัญต้อนรับเช้าวันใหม่ให้กับเรา และบอกกับเราเป็นนัย ๆ ว่า ความอบอุ่นกำลังเดินทางมาแล้วนะ ออกไปรอต้อนรับมันกันดีกว่า

ไม่นานไม่ช้าก็สว่างแล้วค่าาาา เราเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บเต็นท์และจัดสัมภาระส่วนตัวลงเป้คู่ใจ แล้วก็ไปช่วยกันจัดการของส่วนกลาง กินมื้อเช้าแสนอร่อย และจบด้วยการจัดการขยะต่าง ๆ ให้เรียบร้อย


ระหว่างนั้น จังหวะเร่งรีบของพวกเราหยุดชะงักลง ด้วยสิ่งนี้







บวกกับอากาศที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศยี่ห้อใดบนโลกผลิตให้เราได้แบบนี้




จากนั้นค่อย ๆ สว่างขึ้น




พร้อมไม่พร้อมก็ต้องพร้อม ต้องไปต่อกันล้าววว

ความอ่อนล้าของเมื่อวานถูกสะสมมาจนถึงวันนี้ กว่าจะถึงยอดเขาแหลมก็ทำเอาหมดแรงไปไม่น้อย แต่เมื่อมาถึงอากาศสดชื่นก็ทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาได้มากเลยทีเดียว แม้ว่าไม่ได้มานั่งเฝ้าท้องฟ้าเหมือนทริปอื่น ๆ แต่ก็แฮปปี้ที่ได้สัมผัสกับวันที่สดใสเช่นวันนี้





ระหว่างทางลง มีทั้งชิว และมีทั้งชัน รู้สึกว่าไกล๊ ไกลลลล ชั๊นนนนนน ชัน เมื่อไรจะถึงสักที ฮ่า ๆ ๆ ร้าวรานมากจริง ๆ  


สำหรับใครที่อยากไปเช็คแฮนด์ทำความรู้จักกับ 'สวนผึ้ง' ในมุมแบบนี้บ้างก็ลองไปดูน้าค้าาาา
🌳รถโฟวิล พี่ไก่ : 092-9029618
🌳ต้องมีผู้นำทาง
🌳มีลูกหาบ (บอกล่วงหน้า)
🌳มีทาก
🌳ชันพอสมควร
🌳ระยะเดินเท้า เกือบ 10 กม. เห็นจะได้
🌳ยอดสูง 1,100 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยประมาณ
🌳สัญญาณโทรศัพท์ พอมี
🌳สัญญาณอินเตอร์เน็ต ลมเพลมพัด
     ขอบคุณทุกคนที่ชอบและเข้ามาอ่านกันนะคะ ยินดีที่รู้จักทุกคนค่ะ ใครอยากรู้จักกันมากกว่านี้ ก็ไปส่องดูรูปอื่น ๆ ใน Instagram ได้นะคะ สวยบ้าง ไม่สวยบ้าง โปรไฟล์เป็น Public ค่าาา cha.char.charri     
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่