เรื่องมีอยู่ว่าพ่อเราป่วยมานานมากประมาน10ปีได้ ป่วยเป็นโรคนี้พอหายอีกโรคก็เข้ามา ต้องกินยาตลอด10ปีที่ผ่านมา พอป่วยนานๆเข้าก็ส่งผลกับสมอง พ่อเราจำพี่น้องกับเราไม่ค่อยได้ สับสนว่าคนไหนชื่อไร ร่างกายก็เสื่อมถอยไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง บ้านเราอยู่ในหมู่บ้านชนบทไม่มีรถโดยสารผ่านทาง เวลาไปโรงพยาบาลก็หารถยากมาก พ่อเราจะมีอาการเสียสติเป็นระยะ(ไม่ทำร้ายใคร แต่จะแกะโน้นแกะนี้ เจอของอะไรใกล้มือก็จะแกะทุบไป มีบางครั้งพ่อล็อกประตูแล้วแล้วอาการกำเริบพ่อก็เอาไม้มาทุบกุญแจบ้าน พ่อจะฟังไม่รู้เรื่องว่าคนรอบข้างพูดอะไร)อย่างที่บอกไว้ว่าบ้านเราอยู่ในชนบท ทำให้พี่ๆเราต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดที่เจริญมีงานให้ทำ ส่วนตัวเรานั้นยังเรียนอยู่(ระดับมหาลัยในต่างจังหวัด) เราเป็นห่วงพ่อมากทุกครั้งที่กลับมาบ้าน พ่อจะอาการกำเริบพ่อจะบอกว่าปวดหัวเอามือไปทุบหัวแรงๆเราจะไปเฝ้าพ่อข้างเตียงและต้องปลอบพ่อปลอบตัวเองว่าไม่ต้องกลัวทั้งที่จริงเราเป็นคนขวัญอ่อนมาก เราทั้งสงสารทั้งกลัวว่าพ่อจะทำร้ายตัวเอง หรือทำร้ายเรา 2วันก่อนลุงเราโทรมาว่าพ่ออาการไม่ดีพอเมื่อวานมหาลัยหยุดเรียนเรารีบกลับมาบ้านพอกลับมาถึงเรากำลังจะทำกับข้าว จู่ๆพ่อก็เดินไปหยิบขวดยาฆ่าหญ้าเราตกใจมาก ถามพ่อว่าเอามาทำไม พ่อบอกว่ากินยาแล้วไม่หายป่วยสักที พ่ออยากกินยาฆ่าตัวตายจะได้ไม่ทรมาน เรารีบไปหยิบขวดยานั้นไปซ่อน เราร้องไห้ไป โทรหาพี่ๆไป เราเครียดมาก ไม่รู้จะยังไง เพราะยังไงพี่ๆเราก็กลับมาดูแลพ่อไม่ได้ ทุกวันต้องเห็นพ่อป่วยตามเนื้อตามตัวเพราะถ้าพี่ๆเรากลับบ้านก็ไม่มีเงินพาพ่อไปหาหมอ บางครั้งเราก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีถ้าพ่อเราตาย พ่อเราอาจทรมานน้อยกว่านี้ ้เราไม่เข้าใจทำไมคนดีแบบพ่อเราต้องมาทนทุกข์ทรมาน ทั้งที่ไม่เคยเอาเปรียบใครทั้งยังเป็นคนขี้เกรงใจมาก เราได้เข้าใจอย่างถ่องแท้เลยว่าการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐมันเป็นยังไง ใครมีประสบการณ์แบบนี้มาแชร์กันได้นะคะ
เคยไหม บางทีถ้าให้เขาตาย เขาอาจทรมานน้อยกว่านี้ มาแชร์ประสบการณ์กันค่ะ