ศาลฎีกาจำคุก 4 เดือน “โตโต้-ปิยรัฐ” อดีตผู้สมัครอนาคตใหม่ ฉีกบัตรประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
ศาลฎีกาสั่งจำคุก 4 เดือน ปรับ 4,000 บาท “โตโต้-ปิยรัฐ” อดีตผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่กับพวก ฉีกบัตรประชามติร่างรัฐธรรมนูญ แต่ศาลปรานีโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (21 ก.ค.) ศาลอาญาพระโขนงได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีฉีกบัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฯ ปี 2560 คดีหมายเลขดำที่ 5952/2559 ที่พนักงานอัยการพระโขนงเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปิยรัฐ หรือโตโต้ จงเทพ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคอนาคตใหม่ และอดีตนายกสมาคมเพื่อเพื่อน, นายจิรวัฒน์ เอกอัครนุวัฒน์ และนายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานทำลายเอกสาร และทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188, 358 ฐานทำลายบัตรออกเสียง และก่อความวุ่นวายในหน่วยลงคะแนน ตาม พ.ร.บ.ประชามติฯ มาตรา 59, 60 (9)
กรณีเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2559 ซึ่งเป็นวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ นายปิยรัฐเดินทางไปยังคูหาลงคะแนนเสียงที่เขตบางนาและฉีกบัตรลงคะแนน พร้อมกับตะโกนว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” เพื่อแสดงออกว่าไม่ยอมรับการลงประชามติที่ปราศจากความชอบธรรม ภายใต้การใช้อำนาจควบคุมการแสดงออกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยนายทรงธรรมกับนายจิรวัฒน์เป็นผู้ถ่ายคลิปวิดีโอการฉีกบัตรดังกล่าว
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2560 พิพากษาลงโทษนายปิยรัฐ จำเลยที่ 1 ฐานทำลายบัตรออกเสียง และทำให้เสียทรัพย์ โดยเป็นการกระทำเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุก 4 เดือน ปรับ 4,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง และยกฟ้องจำเลยที่ 2 และ 3 ทุกข้อกล่าวหา
ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2561 พิพากษาแก้เป็นนายปิยรัฐ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานทำลายบัตรออกเสียง และก่อความวุ่นวายในที่ออกเสียง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานก่อความวุ่นวาย ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนัก ส่วนนายจิรวัฒน์ จำเลยที่ 2 และนายทรงธรรม จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานก่อความวุ่นวาย ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 6,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 4 เดือน ปรับคนละ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
ในวันนี้ จำเลยทั้งสามเดินทางมาศาล โดยมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เดินทางมาให้กำลังใจ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาถึงการฉีกบัตรประชามติ กระทำขณะยังไม่ทำเครื่องหมายลงคะแนนนั้น ตาม พ.ร.บ.ประชามติฯ บัญญัติโทษทำลายบัตรให้ชำรุดเสียหาย โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท แค่เพียงทำลายก็ถือเป็นความผิดแล้ว ส่วนจำเลยทั้งสามทำความผิดฐานก่อความวุ่นวายหรือไม่ โจทก์มีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเบิกความสอดคล้องกัน ตั้งแต่จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อ ตำรวจเห็นจำเลยที่ 2-3 ถ่ายภาพ จึงเชิญจำเลยที่ 2-3 ออกไปจากหน่วย จากนั้นจำเลยที่ 1 รับบัตรแล้วเดินอ้อมคูหา ก่อนหยุดที่หน้าหีบบัตร และตะโกนว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” ก่อนฉีกบัตรและขยำทิ้งลงพื้น โดยมีจำเลยที่ 2-3 บันทึกคลิปเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กจำเลยที่ 2-3 พบว่ามีการเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว จึงเชื่อว่าจำเลยที่ 2-3 ร่วมรู้เห็นด้วย ที่จำเลยที่ 2-3 นำสืบว่าไม่รู้เห็น ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง จึงเป็นความผิดฐานก่อความวุ่นวายฯ ตาม พ.ร.บ.ประชามติฯ
ส่วนการขอให้ลงโทษสถานเบาหรือรอลงอาญานั้น พวกจำเลยทำต่อหน้าสาธารณะ และเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก เป็นการโน้มน้าวจูงใจให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ชอบธรรม ก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ศาลอุทธรณ์พิพากษารอการลงโทษแล้ว ไม่มีเหตุให้ลงโทษเบาลงอีก จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
https://mgronline.com/crime/detail/9630000074589
กกต.แถลงผลประชามติเป็นทางการคนเห็นชอบร่างรธน.61.35%
วันที่ 10 ส.ค. 2559 เวลา 16:58 น.
กกต.เผยผลประชามติอย่างเป็นทางการคนเห็นชอบร่างรธน. 61.35% คำถามพ่วง 58.70% ผู้มาใช้สิทธิ 29.7 ล้านคนคิดเป็น 59.4%
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลการออกเสียงประชามติอย่างเป็นทางการว่า จากยอดรวมผู้มีสิทธิ 50,071,589 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 29,740,677 คน คิดเป็น 59.40 % บัตรดี 28,804,432 ใบ บัตรเสีย 936,209 ใบ (3.15 %) (บัตรที่ถูกฉีกทำลายอยู่นอกบัญชี 36 ใบ) เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ 16,820,402 คะแนน (61.35 %) ไม่เห็นชอบ 10,598,037 (38.65 %) เห็นชอบคำถามพ่วง 15,132,050 คะแนน (58.07 %) ไม่เห็นชอบ 10,926,648 (41.93 %) ทั้งนี้ไม่มีเรื่องร้องคัดค้านเข้ามาภายในเวลาตามมาตรา 49 แห่ง พรบ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ
นายศุภชัยกล่าวว่า กกต. จึงมีมติลงนามประกาศผลการออกเสียง และจำนวนผู้มาใช้สิทธิอย่างเป็นทางการถึงสำนักนายกรัฐมนตรี และได้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว กกต. ขอขอบคุณประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่สละเวลาออกมาใช้สิทธิครั้งนี้
"การออกเสียงประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้น เพราะความร่วมมือของสำนักงานตำรวจ ทหารสามเหล่าทัพช่วยดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อย"ประธาน กกต. กล่าว
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวว่า จำนวนผู้มาใช้สิทธิน่าพอใจ มากกว่าปี 2550 บัตรเสียอยู่ที่ 3.15 % ก็ยังอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ จากปรกติ 4 – 5 % แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่าจังหวัดที่มีบัตรเสียมากเกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้สูง โดยมีผู้มาใช้สิทธิมาก ทั้งสามอันดับคือปัตตานี 7.43 % นราธิวาส 7.11 % และ ยะลา 6.54 % ทาง กกต. ตั้งข้อสังเกตว่าต้องศึกษาวิจัยปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากสาเหตุใด หากเป็นเรื่องความไม่เข้าใจ เรื่องภาษา หรือปัญหาศาสนาก็ต้องไปดูให้ละเอียด
นายสมชัยกล่าวว่าจังหวัดที่ออกเสียงสูงสุด 5 อันดับได้แก่ ลำพูน 76.47 % (หลายครั้ง) แม่ฮ่องสอน 74.36 % เชียงใหม่ 73.17 % ตาก 70.06 % เชียงราย 67.64 %
ซึ่งต้องชมคนภาคเหนือตื่นตัวสูงสุดในการมาใช้สิทธิ
5 จังหวัดที่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญสูงสุด
ได้แก่ ชุมพร 90.04 % นครศรีธรรมราช 88.05 % ภูเก็ต 88.03 % สุราษฎรธานี 87. 29 % ระนอง 87.10 % ซึ่งอยู่ในภาคใต้ทั้งหมด
5 จังหวัดที่เห็นชอบคำถามพ่วงสูงสุด ชุมพร 87.51 % นครศรี 85.93 % ภูเก็ต 85.59 % สุราษฎรธานี 84.22 % ระนอง 84.19 %
พลังประชารัฐชี้ "ก้าวไกล"เข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองปมอุ้มม็อบ
ส่องความเห็นคนรุ่นใหม่ ไม่เชื่อมั่นปรับครม.ได้คนเสียสละเพื่อชาติ
5 จังหวัดที่มีบัตรเสียน้อยสุด กทม. 1.53 % นนทบุรี 2.00 % ภูเก็ต 2.12 % พัทลุง 2.15 % ชุมพร 2.19 %
นายประวิช รัตตนเพียร กกต. กล่าวว่าในปี 2550 มีจังหวัดที่ออกมาน้อยกว่า 50 % แต่ครั้งนี้ทุกจังหวัดออกมาใช้สิทธิเกิน 50 % จากนี้ไปสิ่งแรกที่ กกต. ดำเนินการคือถอดบทเรียนกระบวนการ ปัญหาอุปสรรค และเตรียมจัดการเลือกตั้งใหญ่ปลายปีหน้าถ้าเป็นไปตามโรดแมป
นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ยอดตัวเลขผลการออกเสียงที่เขย่งกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ โดยในกรณีบัตรดีและบัตรเสียที่ขาดไป 36 ใบนั้น น่าจะเกิดจากบัตรที่ถูกฉีกทำลาย เพราะส่วนนี้จะไม่ได้มีการนำมารวมอยู่เป็นบัตรดีหรือบัตรเสีย
ส่วนยอดเห็นชอบและไม่เห็นชอบทั้ง 2 คำถามที่เมื่อรวมแล้วไม่เท่ากัน และน้อยกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธินั้น เพราะมีผู้กาบัตรเพียงคำถามเดียวจำนวนมาก
ทั้งนี้ นายบุณยเกียรติ ได้เดินทางมาที่ตึกบัญชาการ 1 เพื่อนำผลการออกเสียงประชามติอย่างเป็นทางการ มามอบให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ผ่านนางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร
ทั้งนี้ในเวลา 18.00 น. นายกรัฐมนตรี จะแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุทั่วประเทศ เพื่อขอบคุณประชาชน พร้อมชี้แจงขั้นตอนดำเนินการ หลังการออกเสียงประชามติ
https://www.posttoday.com/politic/news/447841
ประชาธิปไตยต้องไม่ฉีกบัตรค่ะ
การฉีกบัตรคือการทำลายทรัพย์ของประเทศที่ใช้งบประมาณเพื่อการลงมติ
และควรยอมรับเสียงของประชาชนที่ลงคะแนนด้วยนะคะ
นี่คือความจริงที่กลุ่มม็อบหัวร้อน...ไม่มีความชอบธรรมมาแต่แรกๆ
จะมาเรียกร้องอะไรอีก
ถ้าเลือกตั้งอีกแล้วแพ้อีก .... จะมาประท้วงแบบหัวร้อน ใครพูดอะไรก็คิดจะไประรานเขาไปหมด มันไม่ใช่ค่ะ
เพราะเขาพูดความจริง....👌
🇹🇭🇹🇭🇹🇭/มาลาริน/เสียหายค่ะ ปชต.ต้องไม่ฉีกบัตรนะคะ ...ศาลฎีกาจำคุก 4 เดือน อดีตผู้สมัครอนค. ฉีกบัตรประชามติร่างรธน.
ศาลฎีกาสั่งจำคุก 4 เดือน ปรับ 4,000 บาท “โตโต้-ปิยรัฐ” อดีตผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่กับพวก ฉีกบัตรประชามติร่างรัฐธรรมนูญ แต่ศาลปรานีโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (21 ก.ค.) ศาลอาญาพระโขนงได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีฉีกบัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฯ ปี 2560 คดีหมายเลขดำที่ 5952/2559 ที่พนักงานอัยการพระโขนงเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปิยรัฐ หรือโตโต้ จงเทพ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคอนาคตใหม่ และอดีตนายกสมาคมเพื่อเพื่อน, นายจิรวัฒน์ เอกอัครนุวัฒน์ และนายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานทำลายเอกสาร และทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188, 358 ฐานทำลายบัตรออกเสียง และก่อความวุ่นวายในหน่วยลงคะแนน ตาม พ.ร.บ.ประชามติฯ มาตรา 59, 60 (9)
กรณีเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2559 ซึ่งเป็นวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ นายปิยรัฐเดินทางไปยังคูหาลงคะแนนเสียงที่เขตบางนาและฉีกบัตรลงคะแนน พร้อมกับตะโกนว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” เพื่อแสดงออกว่าไม่ยอมรับการลงประชามติที่ปราศจากความชอบธรรม ภายใต้การใช้อำนาจควบคุมการแสดงออกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยนายทรงธรรมกับนายจิรวัฒน์เป็นผู้ถ่ายคลิปวิดีโอการฉีกบัตรดังกล่าว
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2560 พิพากษาลงโทษนายปิยรัฐ จำเลยที่ 1 ฐานทำลายบัตรออกเสียง และทำให้เสียทรัพย์ โดยเป็นการกระทำเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุก 4 เดือน ปรับ 4,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง และยกฟ้องจำเลยที่ 2 และ 3 ทุกข้อกล่าวหา
ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2561 พิพากษาแก้เป็นนายปิยรัฐ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานทำลายบัตรออกเสียง และก่อความวุ่นวายในที่ออกเสียง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานก่อความวุ่นวาย ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนัก ส่วนนายจิรวัฒน์ จำเลยที่ 2 และนายทรงธรรม จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานก่อความวุ่นวาย ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 6,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 4 เดือน ปรับคนละ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
ในวันนี้ จำเลยทั้งสามเดินทางมาศาล โดยมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เดินทางมาให้กำลังใจ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาถึงการฉีกบัตรประชามติ กระทำขณะยังไม่ทำเครื่องหมายลงคะแนนนั้น ตาม พ.ร.บ.ประชามติฯ บัญญัติโทษทำลายบัตรให้ชำรุดเสียหาย โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท แค่เพียงทำลายก็ถือเป็นความผิดแล้ว ส่วนจำเลยทั้งสามทำความผิดฐานก่อความวุ่นวายหรือไม่ โจทก์มีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเบิกความสอดคล้องกัน ตั้งแต่จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อ ตำรวจเห็นจำเลยที่ 2-3 ถ่ายภาพ จึงเชิญจำเลยที่ 2-3 ออกไปจากหน่วย จากนั้นจำเลยที่ 1 รับบัตรแล้วเดินอ้อมคูหา ก่อนหยุดที่หน้าหีบบัตร และตะโกนว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” ก่อนฉีกบัตรและขยำทิ้งลงพื้น โดยมีจำเลยที่ 2-3 บันทึกคลิปเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กจำเลยที่ 2-3 พบว่ามีการเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว จึงเชื่อว่าจำเลยที่ 2-3 ร่วมรู้เห็นด้วย ที่จำเลยที่ 2-3 นำสืบว่าไม่รู้เห็น ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง จึงเป็นความผิดฐานก่อความวุ่นวายฯ ตาม พ.ร.บ.ประชามติฯ
ส่วนการขอให้ลงโทษสถานเบาหรือรอลงอาญานั้น พวกจำเลยทำต่อหน้าสาธารณะ และเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก เป็นการโน้มน้าวจูงใจให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ชอบธรรม ก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ศาลอุทธรณ์พิพากษารอการลงโทษแล้ว ไม่มีเหตุให้ลงโทษเบาลงอีก จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
https://mgronline.com/crime/detail/9630000074589
กกต.แถลงผลประชามติเป็นทางการคนเห็นชอบร่างรธน.61.35%
วันที่ 10 ส.ค. 2559 เวลา 16:58 น.
กกต.เผยผลประชามติอย่างเป็นทางการคนเห็นชอบร่างรธน. 61.35% คำถามพ่วง 58.70% ผู้มาใช้สิทธิ 29.7 ล้านคนคิดเป็น 59.4%
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลการออกเสียงประชามติอย่างเป็นทางการว่า จากยอดรวมผู้มีสิทธิ 50,071,589 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 29,740,677 คน คิดเป็น 59.40 % บัตรดี 28,804,432 ใบ บัตรเสีย 936,209 ใบ (3.15 %) (บัตรที่ถูกฉีกทำลายอยู่นอกบัญชี 36 ใบ) เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ 16,820,402 คะแนน (61.35 %) ไม่เห็นชอบ 10,598,037 (38.65 %) เห็นชอบคำถามพ่วง 15,132,050 คะแนน (58.07 %) ไม่เห็นชอบ 10,926,648 (41.93 %) ทั้งนี้ไม่มีเรื่องร้องคัดค้านเข้ามาภายในเวลาตามมาตรา 49 แห่ง พรบ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ
นายศุภชัยกล่าวว่า กกต. จึงมีมติลงนามประกาศผลการออกเสียง และจำนวนผู้มาใช้สิทธิอย่างเป็นทางการถึงสำนักนายกรัฐมนตรี และได้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว กกต. ขอขอบคุณประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่สละเวลาออกมาใช้สิทธิครั้งนี้
"การออกเสียงประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้น เพราะความร่วมมือของสำนักงานตำรวจ ทหารสามเหล่าทัพช่วยดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อย"ประธาน กกต. กล่าว
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวว่า จำนวนผู้มาใช้สิทธิน่าพอใจ มากกว่าปี 2550 บัตรเสียอยู่ที่ 3.15 % ก็ยังอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ จากปรกติ 4 – 5 % แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่าจังหวัดที่มีบัตรเสียมากเกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้สูง โดยมีผู้มาใช้สิทธิมาก ทั้งสามอันดับคือปัตตานี 7.43 % นราธิวาส 7.11 % และ ยะลา 6.54 % ทาง กกต. ตั้งข้อสังเกตว่าต้องศึกษาวิจัยปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากสาเหตุใด หากเป็นเรื่องความไม่เข้าใจ เรื่องภาษา หรือปัญหาศาสนาก็ต้องไปดูให้ละเอียด
นายสมชัยกล่าวว่าจังหวัดที่ออกเสียงสูงสุด 5 อันดับได้แก่ ลำพูน 76.47 % (หลายครั้ง) แม่ฮ่องสอน 74.36 % เชียงใหม่ 73.17 % ตาก 70.06 % เชียงราย 67.64 %
ซึ่งต้องชมคนภาคเหนือตื่นตัวสูงสุดในการมาใช้สิทธิ
5 จังหวัดที่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญสูงสุด
ได้แก่ ชุมพร 90.04 % นครศรีธรรมราช 88.05 % ภูเก็ต 88.03 % สุราษฎรธานี 87. 29 % ระนอง 87.10 % ซึ่งอยู่ในภาคใต้ทั้งหมด
5 จังหวัดที่เห็นชอบคำถามพ่วงสูงสุด ชุมพร 87.51 % นครศรี 85.93 % ภูเก็ต 85.59 % สุราษฎรธานี 84.22 % ระนอง 84.19 %
พลังประชารัฐชี้ "ก้าวไกล"เข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองปมอุ้มม็อบ
ส่องความเห็นคนรุ่นใหม่ ไม่เชื่อมั่นปรับครม.ได้คนเสียสละเพื่อชาติ
5 จังหวัดที่มีบัตรเสียน้อยสุด กทม. 1.53 % นนทบุรี 2.00 % ภูเก็ต 2.12 % พัทลุง 2.15 % ชุมพร 2.19 %
นายประวิช รัตตนเพียร กกต. กล่าวว่าในปี 2550 มีจังหวัดที่ออกมาน้อยกว่า 50 % แต่ครั้งนี้ทุกจังหวัดออกมาใช้สิทธิเกิน 50 % จากนี้ไปสิ่งแรกที่ กกต. ดำเนินการคือถอดบทเรียนกระบวนการ ปัญหาอุปสรรค และเตรียมจัดการเลือกตั้งใหญ่ปลายปีหน้าถ้าเป็นไปตามโรดแมป
นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ยอดตัวเลขผลการออกเสียงที่เขย่งกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ โดยในกรณีบัตรดีและบัตรเสียที่ขาดไป 36 ใบนั้น น่าจะเกิดจากบัตรที่ถูกฉีกทำลาย เพราะส่วนนี้จะไม่ได้มีการนำมารวมอยู่เป็นบัตรดีหรือบัตรเสีย
ส่วนยอดเห็นชอบและไม่เห็นชอบทั้ง 2 คำถามที่เมื่อรวมแล้วไม่เท่ากัน และน้อยกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธินั้น เพราะมีผู้กาบัตรเพียงคำถามเดียวจำนวนมาก
ทั้งนี้ นายบุณยเกียรติ ได้เดินทางมาที่ตึกบัญชาการ 1 เพื่อนำผลการออกเสียงประชามติอย่างเป็นทางการ มามอบให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ผ่านนางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร
ทั้งนี้ในเวลา 18.00 น. นายกรัฐมนตรี จะแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุทั่วประเทศ เพื่อขอบคุณประชาชน พร้อมชี้แจงขั้นตอนดำเนินการ หลังการออกเสียงประชามติ
https://www.posttoday.com/politic/news/447841
ประชาธิปไตยต้องไม่ฉีกบัตรค่ะ
การฉีกบัตรคือการทำลายทรัพย์ของประเทศที่ใช้งบประมาณเพื่อการลงมติ
และควรยอมรับเสียงของประชาชนที่ลงคะแนนด้วยนะคะ
นี่คือความจริงที่กลุ่มม็อบหัวร้อน...ไม่มีความชอบธรรมมาแต่แรกๆ
จะมาเรียกร้องอะไรอีก
ถ้าเลือกตั้งอีกแล้วแพ้อีก .... จะมาประท้วงแบบหัวร้อน ใครพูดอะไรก็คิดจะไประรานเขาไปหมด มันไม่ใช่ค่ะ
เพราะเขาพูดความจริง....👌