นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ ถ้ามนุษย์ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมากเทียบเท่าปัจจุบัน สัตว์ที่อาศัยแถบขั้วโลก “หมีขาวขั้วโลก” มีโอกาสสูงที่จะสูญพันธุ์เกือบหมดภายในปี ๒๖๔๓
ที่จริงเพียงแค่ปี ๒๕๘๓ หรืออีกราว ๒๐ ปีข้างหน้าก็จะเห็นสภาพปัญหาที่หมีขาวประสบในด้านการแพร่พันธุ์ และเริ่มทยอยสูญพันธุ์ในบางพื้นที่
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Nature Climate Change ได้ศึกษาโอกาสอยู่รอดของหมีขาวภายใต้สภาวะอากาศ 2 scenario , ภายใต้ business-as-usual คือ ไม่ได้มีการลดก๊าซเรือนกระจกแต่อย่างใด ยังคงดำเนินกิจกรรมของมนุษย์ตามปกติ เมื่อสิ้นสุดศตวรรษ หมีขาวจะยังหลงเหลืออยู่แค่ที่ Queen Elizabeth Islands , หมู่เกาะทางตอนเหนือของแคนาดา และหากภายใต้สถานการณ์ที่มีการลดก๊าซเรือนกระจกลงระดับปานกลาง หมีขั้วโลกบริเวณ Arctic จะไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ในปี ๒๖๒๓
นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า ปัจจุบันหมีขั้วโลกหลงเหลืออยู่ประมาณ ๒๖,๐๐๐ ตัว บริเวณ Svalbard,Norway,Hudson Bay ในแคนาดา และบริเวณ Chucki Sea ระหว่าง Alaska และ Siberia โดยปกติแล้วหมีขาวอาศัยผืนน้ำแข็งในการหาอาหาร แต่สาเหตุจากภาวะโลกร้อน กำลังทำให้ผืนน้ำแข็งหายไป หมีขาวจะสะสมพลังงานช่วงฤดูหนาว เพื่อนำพลังงานเหล่านี้ไปใช้ในช่วงฤดูร้อนที่ต้องออกหาอาหาร บนผืนน้ำแข็งที่ลดลงเรื่อยๆ
โดยพบว่าบริเวณ Alaska’s southern Beaufort Sea จำนวนหมีขาวลดลงถึง ๒๕-๕๐% ในช่วงที่ปริมาณน้ำแข็งเริ่มลดลง และบริเวณ western Hudson Bay ปริมาณหมีลดลง ๓๐% ตั้งแต่ปี ๒๕๓๐
Péter Molnár นักชีววิทยาจาก University of Toronto ศึกษาวิจัยว่าหมีขาวสามารถอดอาหาร หรือใช้พลังงานน้อยสุดเท่าใดเพื่อการอยู่รอด และหาความสัมพันธ์กับปริมาณในวันที่ทะเลจะปราศจากน้ำแข็งในอนาคต ว่าจะมีจำนวนหมีขาวมากน้อยแค่ไหนที่ได้รับผลกระทบ
“ถึงแม้ว่าเราจะสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังจะมีหมีขาวจำนวนหนึ่งหายไปภายในสิ้นศตวรรษนี้ โดยเฉพาะบริเวณ western และ southern Hudson Bay,Davis Straight แต่ปริมาณหมีขาวจะยังคงเหลือมากกว่าการที่เราไม่ลดก๊าซเรือนกระจกเลยแน่นอน”
งานวิจัยศึกษาประชากรหมี ๑๓ แห่งจากทั้งหมด ๑๙ แห่ง คิดเป็น ๘๐% ของหมีขาวทั้งหมด พบว่าหมีขาวบริเวณ sounthern Hudson Bay และ Davis Straight จะเริ่มสูญพันธุ์ในปี ๒๕๘๓ บริเวณ Alaska และ Russia ในปี ๒๕๖๓ และสูญพันธุ์เกือบหมดในปี ๒๖๔๓
แม้ว่าเราจะสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ในอนาคต แต่โลกยังต้องอาศัยเวลา ๒๕-๓๐ ปี กว่าที่น้ำแข็งขั้วโลกจะกลับมาแข็งแรงพอ เนื่องจากปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้สะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศมาเป็นเวลานานนั่นเอง
https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9630000074952
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เอาจริงก้ยังมีวิธ๊จับหมีเข้ามาเลี้ยงในพท.ของมนุษย์ แต่คงไม่ถูกใจพวก NGO คลั่งอนุรักษ์แหงๆ อ้างว่าคาถาคลาสสิก"ไม่เปนไปตามธรรมชาติ"อีก ไม่รู้ฝรั่งมีพวกแบบนี้เยอะเท่าเมืองไทยมั้ย แต่บ้านเขามีทั้งสัตว์ป่าเศรษฐกิจและฟาร์มสัตว์ป่าเยอะกว่าบ้านเราหลายเท่า แต่สัตว์บ้านเขาไม่ยักสูญพันธ์ แถมยังบางช่วงเปิดอีเวนท์กราบกรานให้คนเข้าไปช่วยล่า(หาเงินเข้าหน่วยงาน)อีก
แต่เมืองไทย ทางการอนุรักษ์แบบไม่ให้เอกชนแตะสัตว์ป่าหาวงห้ามมาจะ ๖๐ ปีละ
ถ้าเป็นอเมริกา จากควายไบสันเพียง ๕๐๐ ตัว เวลา ๖๐ ปีนั้น ควายบ้านเขาก็แตะหลักหมื่นไปแล้ว
แต่จำนวนสัตว์ป่าที่ทางการไทยหวงห้ามเพาะพันธ์นั้น จำนวนในป่าแทบไม่เพิ่มแถมยังร่อแร่ อเมซซิ่งไทยแลนด์มากๆ
หมีขาวขั้วโลก สุ่มเสี่ยงจะสูญพันธุ์!! ภายในพศ. 2643
ที่จริงเพียงแค่ปี ๒๕๘๓ หรืออีกราว ๒๐ ปีข้างหน้าก็จะเห็นสภาพปัญหาที่หมีขาวประสบในด้านการแพร่พันธุ์ และเริ่มทยอยสูญพันธุ์ในบางพื้นที่
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Nature Climate Change ได้ศึกษาโอกาสอยู่รอดของหมีขาวภายใต้สภาวะอากาศ 2 scenario , ภายใต้ business-as-usual คือ ไม่ได้มีการลดก๊าซเรือนกระจกแต่อย่างใด ยังคงดำเนินกิจกรรมของมนุษย์ตามปกติ เมื่อสิ้นสุดศตวรรษ หมีขาวจะยังหลงเหลืออยู่แค่ที่ Queen Elizabeth Islands , หมู่เกาะทางตอนเหนือของแคนาดา และหากภายใต้สถานการณ์ที่มีการลดก๊าซเรือนกระจกลงระดับปานกลาง หมีขั้วโลกบริเวณ Arctic จะไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ในปี ๒๖๒๓
นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า ปัจจุบันหมีขั้วโลกหลงเหลืออยู่ประมาณ ๒๖,๐๐๐ ตัว บริเวณ Svalbard,Norway,Hudson Bay ในแคนาดา และบริเวณ Chucki Sea ระหว่าง Alaska และ Siberia โดยปกติแล้วหมีขาวอาศัยผืนน้ำแข็งในการหาอาหาร แต่สาเหตุจากภาวะโลกร้อน กำลังทำให้ผืนน้ำแข็งหายไป หมีขาวจะสะสมพลังงานช่วงฤดูหนาว เพื่อนำพลังงานเหล่านี้ไปใช้ในช่วงฤดูร้อนที่ต้องออกหาอาหาร บนผืนน้ำแข็งที่ลดลงเรื่อยๆ
โดยพบว่าบริเวณ Alaska’s southern Beaufort Sea จำนวนหมีขาวลดลงถึง ๒๕-๕๐% ในช่วงที่ปริมาณน้ำแข็งเริ่มลดลง และบริเวณ western Hudson Bay ปริมาณหมีลดลง ๓๐% ตั้งแต่ปี ๒๕๓๐
Péter Molnár นักชีววิทยาจาก University of Toronto ศึกษาวิจัยว่าหมีขาวสามารถอดอาหาร หรือใช้พลังงานน้อยสุดเท่าใดเพื่อการอยู่รอด และหาความสัมพันธ์กับปริมาณในวันที่ทะเลจะปราศจากน้ำแข็งในอนาคต ว่าจะมีจำนวนหมีขาวมากน้อยแค่ไหนที่ได้รับผลกระทบ
“ถึงแม้ว่าเราจะสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังจะมีหมีขาวจำนวนหนึ่งหายไปภายในสิ้นศตวรรษนี้ โดยเฉพาะบริเวณ western และ southern Hudson Bay,Davis Straight แต่ปริมาณหมีขาวจะยังคงเหลือมากกว่าการที่เราไม่ลดก๊าซเรือนกระจกเลยแน่นอน”
งานวิจัยศึกษาประชากรหมี ๑๓ แห่งจากทั้งหมด ๑๙ แห่ง คิดเป็น ๘๐% ของหมีขาวทั้งหมด พบว่าหมีขาวบริเวณ sounthern Hudson Bay และ Davis Straight จะเริ่มสูญพันธุ์ในปี ๒๕๘๓ บริเวณ Alaska และ Russia ในปี ๒๕๖๓ และสูญพันธุ์เกือบหมดในปี ๒๖๔๓
แม้ว่าเราจะสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ในอนาคต แต่โลกยังต้องอาศัยเวลา ๒๕-๓๐ ปี กว่าที่น้ำแข็งขั้วโลกจะกลับมาแข็งแรงพอ เนื่องจากปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้สะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศมาเป็นเวลานานนั่นเอง
https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9630000074952
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เอาจริงก้ยังมีวิธ๊จับหมีเข้ามาเลี้ยงในพท.ของมนุษย์ แต่คงไม่ถูกใจพวก NGO คลั่งอนุรักษ์แหงๆ อ้างว่าคาถาคลาสสิก"ไม่เปนไปตามธรรมชาติ"อีก ไม่รู้ฝรั่งมีพวกแบบนี้เยอะเท่าเมืองไทยมั้ย แต่บ้านเขามีทั้งสัตว์ป่าเศรษฐกิจและฟาร์มสัตว์ป่าเยอะกว่าบ้านเราหลายเท่า แต่สัตว์บ้านเขาไม่ยักสูญพันธ์ แถมยังบางช่วงเปิดอีเวนท์กราบกรานให้คนเข้าไปช่วยล่า(หาเงินเข้าหน่วยงาน)อีก
แต่เมืองไทย ทางการอนุรักษ์แบบไม่ให้เอกชนแตะสัตว์ป่าหาวงห้ามมาจะ ๖๐ ปีละ
ถ้าเป็นอเมริกา จากควายไบสันเพียง ๕๐๐ ตัว เวลา ๖๐ ปีนั้น ควายบ้านเขาก็แตะหลักหมื่นไปแล้ว
แต่จำนวนสัตว์ป่าที่ทางการไทยหวงห้ามเพาะพันธ์นั้น จำนวนในป่าแทบไม่เพิ่มแถมยังร่อแร่ อเมซซิ่งไทยแลนด์มากๆ