❣❣❣❣/มาลาริน/พาณิชย์ชี้ต่างชาติยังมั่นใจลงทุนไทย ทุเรียนส่งจีน 4 เดือนพุ่ง 78% รัฐวิสาหกิจส่งรายได้ 9 เดือน 83% ทะลุเป้า

พาณิชย์ชี้ต่างชาติยังมั่นใจลงทุนไทย

กระทรวงพาณิชย์ เผย ต่างชาติยังมั่นใจลงทุนไทย มิ.ย. อนุญาต อีก 22 ราย เงินลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 3,575 คน



นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในเดือนมิถุนายน ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 22 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้ ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจ กว่า 1,587 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 3,575 คน
 
โดยการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในครั้งนี้จะมีผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมเพื่อออกแบบและพัฒนาคุณภาพชิ้นส่วนยานยนต์ และโปรแกรมเพื่อการตรวจและทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ และ องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงของสินทรัพย์

ถือเป็นประโยชน์และเป็นการแสดงถึงความมั่นใจที่ยัง ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และ ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเป็นธุรกิจที่มีลักษณะเป็นคู่สัญญาเอกชน โดยเป็นบริการที่สนับสนุนธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ

โดยแบ่งเป็นธุรกิจบริการโดยเป็นคู่สัญญากับเอกชน จำนวน 4 ราย เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น และจีน มีเงินลงทุนจำนวน 542 ล้านบาท อาทิ บริการขุดเจาะปิโตรเลียม ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือในกลุ่ม จำนวน 6 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ มีเงินลงทุนจำนวน 632 ล้านบาท ธุรกิจนายหน้า ค้าปลีก ค้าส่ง จำนวน 7 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ฟินแลนด์ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ มีเงินลงทุนจำนวน 181 ล้านบาท ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 5 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศสวิส ซามัว อังกฤษ สิงคโปร์ และหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน มีเงินลงทุนจำนวน 232 ล้านบาท อาทิ บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาหอกลั่น (Tower) และเตาปฏิกรณ์ (Reactor) รวมทั้งท่อแยกแก๊ส บริการรับจ้างผลิต วิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนยานยนต์ ให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์
 
และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 มีคนต่างด้าวได้รับใบอนุญาต จำนวน 134 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,357 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้น 35 ราย คิดเป็นร้อยละ 35

https://www.innnews.co.th/economy/news_719387/


 
ผลผลิตทุเรียนไทยพุ่งสูงแบบก้าวกระโดด อานิสงส์ตลาดจีนต้องการ ดันส่งออก ม.ค. - เม.ย. 4 เดือน 17.76 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 78 เมื่อเทียบปีต่อปีในด้านมูลค่า
 
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (10 กรกฎาคม 2563) ว่า ผลผลิตไม้ผลของภาคใต้เติบโตขึ้นเกือบร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยทุเรียนมีผลผลิตเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึงร้อยละ 22 และจีนยังคงเป็นผู้นำเข้าทุเรียนไทยรายใหญ่
 
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า ผลการสำรวจ 14 จังหวัดทางภาคใต้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ชี้ว่า ภาคใต้ได้ผลิตไม้ผลเศรษฐกิจ 844,003 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.93 เมื่อเทียบกับผลผลิตของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 796,751 ตัน
 
อัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า ทุเรียนมีผลผลิตเพิ่มขึ้นมากที่สุดอยู่ที่ 588,337 ตัน คิดเป็นร้อยละ 22.03 เมื่อเทียบปีต่อปี แต่ผลไม้บางชนิดมีผลผลิตลดลง เช่น เงาะ อยู่ที่ 50,280 ตัน ลองกอง อยู่ที่ 52,178 ตัน และ มังคุด อยู่ที่ 153,208 ตัน
“ทุเรียนมีผลผลิตเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเพราะราคาตลาดขยับตัวขึ้น ทำให้เกษตรกรหันไปปลูกทุเรียนมากขึ้น ขณะที่ผลไม้ชนิดอื่นมีพื้นที่เพาะปลูกลดลงและได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง” อัญชนา กล่าว
 
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสริมว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) จีนยังคงเป็นผู้ซื้อทุเรียนไทยรายใหญ่ โดยไทยส่งออกทุเรียนไปจีนคิดเป็นมูลค่า 567 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 17.76 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 78 เมื่อเทียบปีต่อปีในด้านมูลค่า
 

https://www.komchadluek.net/news/regional/436681?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_สถานะการโคโรน่า

รัฐวิสาหกิจ' นำส่งรายได้แผ่นดิน 9 เดือน 1.56 แสนล้าน



สคร.จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสม ณ สิ้นเดือนมิ.ย.63จำนวน 1.56 แสนล้านบาท โดยสำนักงานสลากฯนำส่งรายได้มากสุด 3.4 หมื่นล้านบาท
 
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในเดือน มิ.ย. 2563 สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่า 50% จำนวน 7.19 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ส่งผลให้มีเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมจากรัฐวิสาหกิจและกิจการฯ ในช่วง 9 เดือน (1 ต.ค. 62 – 30 มิ.ย. 63) จำนวน 1.56 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายสะสมจำนวน 7 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 83% ของเป้าหมายทั้งปีงบประมาณ 2563 จำนวน 1.88 แสนล้านบาท
 

 
 
อย่างไรก็ดี สคร. ยังต้องมีการเฝ้าระวังการจัดเก็บรายได้รัฐวิสาหกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2563 เนื่องจากผลการดำเนินของรัฐวิสาหกิจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 โดยรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้แผ่นดินสะสมสูงสุด 10 อันดับแรก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 ได้แก่

ลำดับที่ รัฐวิสาหกิจ เงินนำส่งรายได้แผ่นดิน 

-สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 34,304  ล้านบาท
-บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 29,198   ล้านบาท
-การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  28,619   ล้านบาท
-ธนาคารออมสิน  18,000  ล้านบาท
-บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)  10,500 ล้านบาท
-ธนาคารอาคารสงเคราะห์   5,922 ล้านบาท
-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค   5,733 ล้านบาท
-การท่าเรือแห่งประเทศไทย   4,020  ล้านบาท
-บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)   3,891 ล้านบาท
-การทางพิเศษแห่งประเทศไทย   3,839  ล้านบาท
-อื่นๆ 12,448  ล้านบาท

 รวม 156,474  ล้านบาท


https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/888536?utm_source=homepage_hilight&utm_medium=internal_referral

❣พาณิชย์ชี้ต่างชาติยังมั่นใจลงทุนไทยในปี 63 แค่ 6 เดือน เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน 35 ราย

❣ทุเรียนส่งจีน 4 เดือนพุ่งมากกว่าปีก่อน 78%

❣ รัฐวิสาหกิจส่งรายได้ 9 เดือน  สูงกว่าเป้าหมายเป้าหมาย 7 พันล้านบาท

อ่านข่าวนี้ทั้งหมดแล้วรู้สึกดีมีความมั่นใจ ว่ารัฐบาลลุงตู่ไปต่อได้อย่างแน่นอนค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ครึ่งแรกปี 63 ภาคอุตฯ จ้างงานเพิ่ม 1.2 แสนคน
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

พาณิชย์ไฟเขียวต่างชาติลงทุนครึ่งปีแรกกว่า 5.3 พันลบ.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ก.พาณิชย์ เผยยอดส่งออกมังคุด 5 เดือนแรก ขยายตัว 16%
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า การส่งออก “มังคุด” หรือราชินีแห่งผลไม้ไทย ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-พ.ค.) พบว่าขยายตัว 16% มีมูลค่าส่งออกถึง 290 ล้านเหรียญสหรัฐ ตีเป็นเงินบาทได้ 9,000 พันล้านบาท แม้ยังอยู่ในช่วงสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 โดยมีจีน อาเซียน และฮ่องกง เป็นตลาดส่งออกสำคัญ

ซึ่งเป็นการส่งออกไปจีนได้ 6,000 กว่าล้านบาท ส่งออกไปฮ่องกงได้ 300 กว่าล้านบาท ส่งออกไปอาเซียนได้ 2,000 กว่าล้านบาท มีเวียดนามเป็นตลาดส่งออกหลักในอาเซียน ส่วนแบ่งตลาด 94% ของการส่งออกไปอาเซียน

ทั้งนี้ ความตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกมังคุดไปตลาดโลกเพิ่มขึ้น ปัจจุบันประเทศคู่ FTA ของไทย 14 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เมียนมา อินเดีย ชิลี เปรู และฮ่องกง ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ามังคุดจากไทยแล้ว เหลือเพียง 4 ประเทศ ที่ยังคงเก็บภาษีนำเข้า ได้แก่ เกาหลีใต้ กัมพูชา มาเลเซีย และลาว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่