ดูกรภิกษุทั้งหลาย! ในโลกนี้ บุถุชนผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง ไม่ได้เห็นพระอริยเจ้า
ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ถูกแนะนำในธรรมของพระอริยเจ้า,
ไม่ได้เห็นสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ถูกแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ,
เขาย่อม ตามเห็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ โดยความเป็นตน บ้าง,
ย่อมตามเห็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งตน ว่ามีรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ บ้าง,
ย่อมตามเห็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ว่ามีอยู่ในตนบ้าง,
ย่อมตามเห็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งตน ว่ามีอยู่ในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ บ้าง ;
แต่รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณนั้น ย่อมแปรปรวน ย่อมเป็นโดยประการอื่น แก่เขา,
วิญญาณของเขา( กรรม) ก็เป็นวิญญาณที่เปลี่ยนแปลงไปตามความแปรปรวนของรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ
เพราะความแปรปรวนของรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ได้มีโดยประการอื่น ;
(เมื่อเป็นเช่นนั้น) ความเกิดขึ้นแห่งธรรมเป็นเครื่องสะดุ้งหวาดเสียว อันเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงไปตามความแปรปรวนของรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ย่อมครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่ ;
(อวิชชาผัสสะ) เพราะความที่จิตถูกครอบงำด้วยธรรมเป็นเครื่องสะดุ้งหวาดเสียว (เพราะตัณหาและ
ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งอกุศลธรรม.)
เขาก็เป็นผู้หวาดสะดุ้ง คับแค้น พะว้าพะวัง และสะดุ้งหวาดเสียวอยู่ด้วยอุปาทาน.
(โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย
[ย่อมเกิดขึ้นแก่บุถุชนนั้น. ว่าเป็นเราของเรา) ดังนี้
ความเกิดขึ้นแห่งธรรม...
ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ถูกแนะนำในธรรมของพระอริยเจ้า,
ไม่ได้เห็นสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ถูกแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ,
เขาย่อม ตามเห็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ โดยความเป็นตน บ้าง,
ย่อมตามเห็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งตน ว่ามีรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ บ้าง,
ย่อมตามเห็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ว่ามีอยู่ในตนบ้าง,
ย่อมตามเห็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งตน ว่ามีอยู่ในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ บ้าง ;
แต่รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณนั้น ย่อมแปรปรวน ย่อมเป็นโดยประการอื่น แก่เขา,
วิญญาณของเขา( กรรม) ก็เป็นวิญญาณที่เปลี่ยนแปลงไปตามความแปรปรวนของรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ
เพราะความแปรปรวนของรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ได้มีโดยประการอื่น ;
(เมื่อเป็นเช่นนั้น) ความเกิดขึ้นแห่งธรรมเป็นเครื่องสะดุ้งหวาดเสียว อันเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงไปตามความแปรปรวนของรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ย่อมครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่ ;
(อวิชชาผัสสะ) เพราะความที่จิตถูกครอบงำด้วยธรรมเป็นเครื่องสะดุ้งหวาดเสียว (เพราะตัณหาและ
ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งอกุศลธรรม.)
เขาก็เป็นผู้หวาดสะดุ้ง คับแค้น พะว้าพะวัง และสะดุ้งหวาดเสียวอยู่ด้วยอุปาทาน.
(โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย
[ย่อมเกิดขึ้นแก่บุถุชนนั้น. ว่าเป็นเราของเรา) ดังนี้