*** Two-Spirit คนสองวิญญาน ***

ทำไมผู้ชายต้องชอบผู้หญิง? ทำไมเกย์ กะเทย เลสเบี้ยนถึงเป็นเรื่องผิดผี? บางอย่างที่เราเชื่อว่าถูกต้องอย่างไม่สงสัย แต่เมื่อมองผ่านมุมของประวัติศาสตร์แล้วกลับพบข้อมูลที่แตกต่างออกไป...
บทความ The Wild Chronicles ตอน "Two-Spirit" จะพาท่านย้อนกลับไปยังช่วงเวลาของชนเผ่าอินเดียนแดงในอเมริกาโบราณ เพื่อดูว่าพวกเขามีมุมมองต่อเกย์-กะเทย-เลสเบียนในสังคมของตัวเองอย่างไร

ชาวอินเดียนแดงมีหลายเผ่า แต่มีวัฒนธรรมร่วมประการหนึ่งคือ พวกเขามักให้เกียรติ เกย์-กะเทย-เลสเบียน ในสังคมของตนอย่างมาก โดยเชื่อว่าคนเหล่านี้เป็น "Two-Spirit" หรือมี "สองวิญญาน" จึงมีความพิเศษกว่าคนอื่นๆ
ในสังคมอินเดียนแดงนั้น ผู้หญิงและผู้ชายมีหน้าที่แบ่งแยกจากกันอย่างเด็ดขาด โดยผู้ชายจะล่าสัตว์ เป็นนักรบ ผู้หญิงจะเลี้ยงลูก หุงหาอาหาร ทำงานบ้าน อย่างไรก็ตามหากคนคนหนึ่งไม่ชอบบทบาทตามเพศของตน เขาสามารถเลือกเป็นเพศอื่นๆ ได้ โดยชาวอินเดียนแดงนั้นยอมรับว่ามีเพศทั้งหมดถึง "ห้าเพศ" 

นั่นคือนอกจากผู้ชายกับผู้หญิงแล้ว
ยังมี "อิเควคาโซ" แปลว่า ผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิง
"อินินีคาโซ" แปลว่า ผู้หญิงที่อยากเป็นผู้ชาย
กับ "เฮมาเน" แปลว่า สองเพศ
(เรียกตามภาษาโอจิบเว ซึ่งเป็นภาษาที่แพร่หลายในอินเดียนแถบตอนเหนือของอเมริกา-แคนาดา) 
 

ในสังคมอินเดียน ชายหญิงคนใดพอใจที่จะสวมบทบาทของเพศตรงข้ามย่อมทำได้ ผู้ชายอาจเลือกเป็นอิเควคาโซ อยู่บ้านทำงานบ้าน แล้วมีสามีเป็นผู้ชาย เช่นเดียวกัน ผู้หญิงอาจเลือกเป็นอินินีคาโซ เป็นนักรบแล้วมีเมียเป็นผู้หญิง 


สามีและภรรยาของคนข้ามเพศเหล่านี้ไม่ถือว่าสูญเสียเพศเดิมของตน หากตกพุ่มม่าย ผู้ชายที่เคยเป็นสามีของอิเควคาโซมาก่อน อาจเลือกมีเมียใหม่เป็นผู้หญิง หรือเป็นอิเควคาโซอีกคนก็ได้ 


ในขณะเดียวกันยังมีเพศที่ห้าเรียกว่า เฮมาเน, นิซมานิโดวัก, หรือ คนสองวิญญาน ซึ่งเป็นทั้งชายและหญิง ชาวอินเดียนเชื่อว่าคนเหล่านี้มักมีสติปัญญาสูงกว่าคนทั่วไป (เพราะต้องตั้งคำถามกับเพศของตนเองอยู่เสมอ,) มีความสามารถทางศิลปะ, และมีความสามารถในการเห็นอกเห็นใจคนอื่นเป็นพิเศษ 


คนสองวิญญาน มักได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่พิเศษที่มีความสำคัญ เช่นเป็นแพทย์ หรือเป็นผู้นำทางจิตวิญญาน นอกจากนั้นยังสามารถทำหน้าที่ของทั้งผู้หญิงและผู้ชายได้สลับๆ กัน 


ในศตวรรษที่ 17 แผ่นดินอังกฤษเป็นทุรยศ เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างกลุ่มอำนาจเก่า กับกลุ่มอำนาจใหม่ที่เคร่งศาสนา เรียกว่าพวกพิวริแตน สงครามจบลงโดยพิวริแตนเป็นฝ่ายแพ้ ถูกกดขี่ข่มเหง จึงพากันอพยพมาอเมริกา คนเหล่านี้กลายเป็นบรรพบุรุษของชาวอเมริกันจำนวนมากในปัจจุบัน 
 

เมื่อพวกพิวริแตนมาเจออินเดียนแดงตอนแรกก็เป็นมิตรกัน ดังตำนานแบ่งอาหารกันในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า (เชื่อว่าตำนานนี้อับราฮัม ลินคอล์นแต่งขึ้นเพื่อสร้างความรู้สึกดีๆ จริงๆ แล้วคนอินเดียนกับพิวริแตนชุดแรกๆ มีความหวาดระแวงกันอยู่) 


เมื่อพวกพิวริแตนเพิ่มจำนวนมากขึ้น (เพราะสอนกันว่าให้เร่งปั้มลูก ไม่ต้องคุมกำเนิด) ชาวอินเดียนก็เริ่มเป็นปัญหาในการขยายดินแดน โดยเฉพาะเมื่อพวกพิวริแตนพบว่าอินเดียนแดงมีวัฒนธรรม "สองเพศ" อันวิกลจริตผิดผี สมควรลบล้างมันออกไป ก่อนที่ลูกหลานของเราจะเห็นว่ามีสิ่งนี้อยู่ในโลก 


เกิดเหตุฝรั่งฆ่าล้างอินเดียน กดขี่ข่มเหงสารพัด โดยเฉพาะพวกข้ามเพศจะถูกรังแกมากเป็นพิเศษ เรื่องดังกล่าวเกิดร่วมกับการที่ฝรั่งอื่นๆ เช่นสเปนยึดครองเม็กซิโกได้แล้วก็สั่งให้สังหารชาวพื้นเมืองที่มีพฤติกรรมเกย์-กะเทย ดังในรูปนี้พวกสเปนได้จับเกย์-กะเทยเผ่าแอซเท็กไปโยนให้ฝูงสุนัขฆ่ากิน 
 

ธรรมดาผู้อ่อนแอย่อมพ่ายแพ้ผู้แข็งแรง ชาวอินเดียนไม่อาจต้านทานการรุกรานของชาวตะวันตกได้ก็ค่อยๆ ย่อยยับ เฝ้ามองเผ่าตนถูกเบียดเบียนโดยสิ่งที่ตนไม่เข้าใจ 


คนสองวิญญานที่มีชื่อเสียงที่สุด ชื่อว่าออชทิสช์ เขาเกิดเป็นชาย แต่เลือกที่จะทำหน้าที่ของทั้งชายหญิง เขาเป็นนักรบและผู้นำทางจิตวิญญานของเผ่าโครว์ 


ปี 1876 มีการค้นพบทองคำในเขตของอินเดียนแดงเผ่าซู อเมริกาขอซื้อพื้นที่ที่มีทอง เผ่าซูไม่ยอมขาย จึงทำสงครามกัน ตอนนั้นออชทิสช์เลือกนำเผ่าโครว์สนับสนุนอเมริกา 


เผ่าซูรบพุ่งกล้าหาญ ได้ชัยชนะหลายครั้ง แต่ในที่สุดน้ำน้อยแพ้ไฟ ยังคงพ่ายแพ้ต่อเมริกา ออชทิสช์นั้นสร้างผลงานสังหารนักรบเผ่าซูไปเป็นอันมาก จนได้ฉายาว่า "ตามมัน ฆ่ามัน" 
 

แม้เคยสร้างผลงาน แต่เมื่อหมดเสี้ยนหนามอเมริกากลับจับเผ่าโครว์ไปขังไว้ในเขตสงวน ร่วมกับเผ่าซูและเผ่าอื่นๆ ผู้คุมเขตสงวนเห็นออชทิสช์เป็นกะเทยก็ข่มเหงเป็นพิเศษ จับเขาขังคุก บังคับให้ตัดผม และแต่งตัวแบบผู้ชาย 


เวลาผ่านไป ในที่สุดชาวอินเดียนต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง คนรุ่นใหม่หันไปนับถือศาสนาคริสต์ ใช้ภาษาอังกฤษ ทอดทิ้งวัฒนธรรมประเพณีของบรรพบุรุษ ในที่สุดพวกเขาก็สิ้นความนับถือคนสองวิญญานรุ่นปู่ย่า กลับรังเกียจว่าวิปริตผิดเพศ 


ออชทิสช์ตายในปี 1929 เขาเป็นหนึ่งใน "คนสองวิญญาน" รุ่นเก่าคนสุดท้ายที่ต้องทนมองดูอัตลักษณ์ของตนล่มสลายในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ 


อย่างไรก็ตามตำนานคนสองวิญญานมิได้สูญหายทีเดียว หลายสิบปีต่อมาลูกหลานชาวอินเดียนแดงหลายส่วนได้พยายามรื้อฟื้นวัฒนธรรมของตนขึ้นมาใหม่ ในภาพนี้ชาวอินเดียนในรัฐอริโซนา ชื่อทิโมธี ทวิก วอร์ดได้ปวารณาตนเป็นคนสองวิญญาน ทำการสืบทอดประเพณีโบราณ 
 

ปัจจุบันคำว่า Two-Spirit กลายเป็นคำๆ หนึ่งที่กลุ่ม LGBT ใช้แสดงตัวตน
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามนุษย์เราไม่ได้มีรสนิยมทางเพศแบบเดียว บางสังคมเช่นกรีกโบราณ ญี่ปุ่นโบราณถึงแก่มีการกำหนดให้ผู้ชายรักชอบผู้ชายด้วยกัน และหากเราเติบโตในสังคมนั้นรสนิยมทางเพศของเราก็อาจผันไปตามคนส่วนใหญ่
ดังนี้มีประโยชน์อะไรเล่าที่เราจะรังเกียจรังแกกันด้วยรสนิยมทางเพศ? หากเราเปลี่ยนการมองคนที่ไม่เหมือนตนจากการ "ระแวง รังเกียจ" เป็น "เข้าใจ เห็นใจ" โลกก็คงจะน่าอยู่ขึ้นอีกมาก 


:::  :::  :::
 
สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ ติดตามได้ที่ เพจ The Wild Chronicles นะครับ <a href="https://facebook.com/pongsorn.bhumiwat<br>">https://facebook.com/pongsorn.bhumiwat
</a>
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่