Mr.Jones (Agnieszka Holland)
7.5/10
....
"หนังเปิดโปงความจริงที่แสนเจ็บปวดในยุคสงครามเย็น ที่เจ็บปวด สิ้นหวังและหดหู่"

ความรู้สึกแรกที่เดินออกจากโรงหนัง หลังจากดู Mr. Jones งานกำกับของผู้กำกับหญิงเชื้อสายโปแลนด์ Agnieszka Holland จบ ...คืออึ้ง พูดไม่ออก หนังมันหดหู่ใจ แทบไม่มีความหวังอะไรใดๆ เลย ด้วยความสงสาร เห็นใจ เจ็บปวดกับชะตะกรรมที่ผู้มีอำนาจกระทำต่อมนุษย์ภายใต้การปกครองอย่างกับพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ด้วยกัน ...แม้หนังจะหดหู่ เจ็บปวดมากแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นหนังที่คนรุ่นเราควรได้ดู ได้คิด ได้เข้าใจ โดยเฉพาะคนเป็นผู้นำทั้งองค์กร สังคม หรือระดับประเทศ ...ดูแล้วควรจำเป็นบทเรียนว่า อะไรคือสิ่งที่ผู้นำที่ดีไม่ควรทำ และ ควรทำอย่างไร ต่อประชาชน

Mr.Jones เล่าเรื่องราวของ กาเร็ธ โจนส์ (เจมส์ นอร์ตัน) นักข่าวอิสระชาวเวลส์ (ในเครือจักรภพอังกฤษ) เขาเป็นนักข่าวคนเดียวที่เคยได้สัมภาษณ์ ฮิตเลอร์ ผู้นำเยอรมันมาแล้ว ...โจนส์ ตั้งใจจะเดินทางไปสหภาพโซเวียต เพื่อขอสัมภาษณ์ผู้นำ โจเซฟ สตาลิน ถึงสังคมยูโทเปีย (สังคมในอุดมคติที่สมบูรณ์แบบที่ได้มาจากแนวความคิดของ เซอร์ โทมัส มอร์ นักเขียนชาวอังกฤษ ที่ว่าด้วยความดีงาม ความเท่าเทียมกัน ลดความขัดแย้งทางชนชั้น อันเป็นแนวคิดสำคัญของลัทธิคอมมิวนิสต์) ...โจนส์ได้ติดต่อเพื่อนนักข่าวที่อยู่ในโซเวียต ก่อนที่เพื่อนนักข่าวคนนั้นกำลังจะบอกความจริงบางอย่างจากจ่าวที่เขาตามอยู่ ก่อนที่สายทางไกลจะถูกตัดไป ...ที่โซเวียต โจนส์ ได้พบว่าเพื่อนนักข่าวคนสนิทเสียชีวิตแล้ว และโจนส์ยังได้พบกับ วอเตอร์ ดูแรนตี้ จากสำนักข่าวนิวยอร์ค ไทม์ สาขามอสโคว์ (ปีเตอร์ ซาร์การ์ด) และ เอด้า บรู๊ค นักข่าวสาวชาวอังกฤษ ที่ทำงานในมอสโคว์ (วาเนสซา เคอร์บี้) ...จากครั้งแรกที่ตั้งใจมาสัมภาษณ์สตาลิน แต่เมื่อมาถึง โจนส์ค้นพบความจริงบางอย่างที่ถูกปกปิดไว้ ความจริงที่เจ็บปวดของสังคมยูโทเปีย ที่มันไม่มีจริงเลย ...โจนส์ลักลอบไปในยูเครน (ที่เป็นส่วนหนึ่งของโซเวียตในตอนนั้น) พบว่า ประชาชน ผู้คนอดอยาก หิวโหย ล้มตายจำนวนมาก ถึงขนาดต้องกินเนื้อมนุษย์ด้วยกัน ในขณะที่รัฐรวยเอา รวยเอา กินหรู อยู่ดี จากการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรเช่นข้าวสาลี เพื่อสร้างสังคมนิยม สร้างความยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิโซเวียต

หนังยังเชื่อมโยงผ่านการบอกเล่าของ จอร์จ ออเวลล์ นักเขียน กับงานวรรณกรรมเยาวชน Animal Farm ซึ่งว่ากันว่า เรื่องราวของ โจนส์ ที่ได้พบกับออเวลล์ หลังกลับจากโซเวียตได้ส่งอิทธิพลมาสู่งานเขียน Animal Farm อันลือชื่อ โดยออเวลล์ได้เปลี่ยนบริบทจากคนมาสู่สัตว์ในฟาร์ม และสัตว์หลายๆ ตัวในฟาร์ม ก็มีส่วนล้อถึงผู้นำเผด็จการในยุคนั้น และหนึ่งในนั้นคือสตาลิน

หนังเปิดเรื่องด้วยการเล่าผ่านงาน Animal Farm ผ่านการเริ่มต้นเขียนหนังสือเล่มนี้ของออเวลล์ แล้วเชื่อมเข้าสู่เรื่องราวของกาเร็ธ โจนส์ ...ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ไม่เคยอ่าน Animal Farm มาก่อน อาจจะต้องใช้เวลาในการจูนเรื่องราวในหนังกว่าจะเขาที่ เข้าทาง ....ผู้กำกับ Agnieszka Holland เล่าหนังแบบเรื่อยๆ ค่อยๆ พาคนดู ตามตัวละครมิสเตอร์โจนส์ ไปสู่ความจริงอันน่าเจ็บปวด ...ยอมรับว่าหนังช่วงต้นๆ มีช่วงเอื่อยๆ บ้างเล่าเรื่องแบบกระท่อนกระแท่นอยู่บ้าง ...ถ้าคนที่ไม่เคยอ่าน Animal Farm เลยอาจจะดูงงๆ นิดหน่อย ....แต่เมื่อหนังเข้าเรื่องที่ยูเครนกับการค้นพบความจริงที่แสนเจ็บปวด หนังในช่วงหลังกลับมีพลังอย่างมาก ในการสื่อสารเรื่องราวสังคมยุคเผด็จการ ภายใต้การบงการของสตาลิน ผู้นำที่ได้ชื่อว่าโหดที่สุดคนหนึ่งของประวัติศาสตร์ โหดที่ปล่อยให้คนในประเทศอดอยาก หิวโหย ขณะที่ตัวเองสุขสบาย โหดที่ขนาดฆ่าคนคิดต่าง เห็นต่าง หรือใครต่อต้าน จุดจบคือความตาย

ถ้าใครติดตามงานของ Agnieszka Holland จะพบว่างานหนังของเธอหลายๆ เรื่องได้ซ่อน Message อะไรบางอย่างถึงความไม่เท่าเทียมกันในสังคม เรื่องของชนชั้น การกดขี่ ผ่านงานดีๆ อย่าง Europa Europa , Total Eclipse หรืองานจากวรรณกรรมเยาวชนที่ผมชอบมาก (ทั้งหนังสือและตัวหนัง) The Secret Garden (กำลังนำมารีเมคใหม่ และจะเข้าฉายในบ้านเรา 16 กรกฎาคม นี้) ...อันนี้ไม่แน่ใจเพราะเธอเกิดและเติบโตมาในสังคมแบบยุโรปตะวันออก ที่ปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ รึเปล่า ทำให้มันสะท้อนตัวตนบางอย่างในหนังหลายๆ เรื่องที่กำกับ

Mr.Jones คืออีกหนึ่งงาน ที่แม้ตัวหนังเองอาจยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ทำให้เราได้เห็นในอีกมุมหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ที่ถูกปกปิด ถูกเคลื่อบไว้ด้วยเปลือกแห่งความจอมปลอมที่ผู้นำเผด็จการสร้างขึ้น ...มันสะท้อนถึงความจริงที่เจ็บปวด ที่มนุษย์ด้วยกันทำกับมนุษย์ เพียงเพราะต้องการอยู่ในอำนาจ เงินทอง โดยลืมไปกว่า การก้าวยืนบนความสำเร็จ บนอำนาจ โดยผ่านซากศพ ผ่านความเจ็บปวด ผ่านเสียงร้องไห้ของผู้คน มันคืออำนาจที่ได้มาด้วยความชอบธรรมจริงๆ หรือเป็นแค่เปลือกปลอมๆ ที่ไว้หลอกตัวเองกันแน่

FB : https://www.facebook.com/eattravelmoviecritic