เจียงไคเช็กทรราชโลกไม่ลืม ตอน เส้นทางขึ้นสู่อำนาจ

เชื่อว่ามีคนไทยจำนวนมากทีเดียวที่ยังไม่ทราบว่าในปัจจุบันเจียงไคเช็กมีสถานะเป็นทราชอย่างเป็นทางการตามกฎหมายของไต้หวัน โดยไช่อิงเหวินซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันของไต้หวัน ได้ออกเป็นกฎหมายเมื่อเดือนธันวาคม 2018 ให้ถอดถอนเกียรติยศทั้งหมดของเจียงไคเช็ก เปลี่ยนชื่อสถานที่ต่างๆที่ตั้งเป็นเกียรติแก่เขา รูปปั้นของเจียงไคเช็กที่มีอยู่ทั่วประเทศมากกว่าหนึ่งพันรูป ส่วนใหญ่ถูกทำลายไปแล้ว ที่เหลือถูกรื้อถอนมาวางเรียงเป็นแถวอยู่ที่อนุสรณ์สถานรอการตัดสินใจของรัฐบาลว่าจะทำอย่างไรต่อ และแม้แต่อนุสรณ์สถานที่มีชื่อเสียงของเขาขณะนี้ก็กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาจะรื้อทำลายเพื่อเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะ โดยเรื่องราวการถอดถอนนั้นดูได้จากกระทู้ 
https://ppantip.com/topic/39569451


ท่านอาจจะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเรื่องราวถึงพลิกผันไปได้ถึงขนาดนั้น บางคนอาจจะพอทราบว่าเขาทำเรื่องเลวร้ายเกี่ยวกับการสังหารหมู่ประชาชนของตนเอง เฉพาะในไต้หวันมากกว่าหนึ่งหมื่นคน จับเข้าคุกอีกมากกว่าหนึ่งแสนคน รวมทั้งยังมีการอุ้มหายอีกหลายพันคน ซึ่งรู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ white terror แต่มันควรแล้วหรือที่จะเอาเรื่องนี้มาถอดถอนเกียรติยศทั้งหมดของเขา ทำไมไม่นึกถึงคุณงามความดีที่เขาเคยทำให้กับประเทศชาติในอดีตกันบ้างเลยหรือ?

ถ้าท่านคิดว่าเจียงไคเช็กเป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อประเทศจีน นั่นแสดงว่าคุณไม่ทราบว่าประวัติศาสตร์จีนนั้นถูกปกปิดและบิดเบือนขนาดหนัก หนักอย่างที่คุณนึกไม่ถึงทีเดียว จริงๆแล้วเจียงไคเช็กเป็นผู้นำทรราชที่ไม่ควรได้รับการยกย่อง แต่เรื่องราวในยุคสมัยของเจียงไคเช็กถูกเขียนขึ้นอย่างบิดเบี้ยว เพื่อยกตัวย่องตัวท่านผู้นำ และใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายตรงข้าม การบิดเบือนข่าวสารในสมัยก่อนนั้นทำได้ง่ายมาก เพราะยังไม่มีอินเตอร์เนต ส่วนโทรศัพท์พื้นฐานก็มีเครือข่ายอยู่ไม่มากและสามารถถูกดักฟังได้ง่ายๆ ข่าวสารที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ก็มีแต่วิทยุและหนังสือพิมพ์ ดังนั้นผู้ปกครองที่เป็นเผด็จการแค่สามารถควบคุมสื่อทั้งสองให้อยู่ในคำสั่งได้ ก็สามารถที่จะทำให้ประชาชนรับรู้เรื่องราวต่างๆเป็นอย่างไรก็ได้ ตามที่ผู้ปกครองต้องการ

เจียงไคเช็กนั้นเป็นจอมเผด็จการที่มีลีลาการดำเนินงานคล้ายๆกับมุสโซลินี ในยุคของเขาเต็มไปด้วยการสังหารหมู่ประชาชน และกำจัดคู่แข่งทางการเมือง และมีการใช้สื่อทำโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อให้ประชาชนรู้เฉพาะสิ่งที่ต้องการให้รู้ และปกปิดบิดเบือนเรื่องที่ไม่ต้องการให้ประชาชนทราบ ความศรัทธาของคนจีนที่มีต่อเจียงไคเช็กนั้น เป็นตัวอย่างที่ดีที่ช่วยให้เข้าใจได้ว่าทำไมคนเยอรมันและอิตาลีในสมัยสงครามครั้งที่สอง จึงยอมเดินตามผู้นำของเขาจนพาประเทศชาติไปสู่ความพินาศได้ถึงขนาดนั้น นั่นเป็นเพราะตลอดเวลาพวกเขาจะได้รับแต่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ถูกทำให้เชื่อว่าผู้นำของเขาเป็นคนดี ทำให้ยอมที่จะทำตามโดยไม่มีข้อสงสัย



เนื่องจากฮิตเล่อร์และมุสโสลินีแพ้สงคราม จึงมีคนมาแก้ไขข้อมูล ทำให้คนเยอรมันและอิตาลีในปัจจุบันตาสว่างและรู้ว่าจริงๆแล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นเป็นอย่างไร แต่สำหรับคนจีนนั้นโชคร้ายที่อยู่ฝ่ายชนะสงคราม จึงไม่มีคนภายนอกมาช่วยทำความจริงให้กระจ่าง ทำให้เจียงไคเช็กและทายาททางการเมืองของเขาสามารถปกครองไต้หวันได้อย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 75 ปี ซึ่งมีผลทำให้ประวัติศาสตร์จีนไต้หวันในช่วงเวลานั้นเกิดความคลาดเคลื่อนค่อนข้างมาก 

ถ้าท่านรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าประวัติศาสตร์จีนที่เขียนโดยก๊กมินตั๋งมีความบิดเบี้ยว แต่การที่รัฐบาลไต้หวันในปัจจุบันออกกฎหมายให้เจียงไคเช็กมีสถานะเป็นทรราชอย่างเป็นทางการ ท่านก็ควรจะทบทวนความเชื่อของท่านได้แล้ว ท่านควรจะฉุกคิดได้แล้วว่าประวัติศาสตร์แนวจารีตที่เคยเรียนมามันไม่ถูกต้อง และความคลาดเคลื่อนนี้ก็ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเรื่องการชิงอำนาจทางการเมืองเท่านั้น แต่มันเกิดกับทุกเรื่องทุกเหตุการณ์ในช่วงที่เจียงไคเช็กครองอำนาจ อย่างไรก็ตามแม้ว่าตอนนี้เจียงไคเช็กจะถูกประกาศให้เป็นทรราชไปแล้ว แต่การแก้ไขประวัติศาสตร์นั้นยังทำทันทีไม่ได้ เพราะถูกต่อต้านจากก๊กมินตั๋งที่แม้จะพ่ายแพ้การเลือกตั้งแต่ก็ยังอิทธิพลในสังคมอยู่มาก อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีไขอิงเหวินนั้นได้ประกาศนโยบายที่จะชำระประวัติศาสตร์ แต่ต้องมีการค้นคว้าศึกษาเพิ่มเติมจนกว่าข้อมูลจะตกผลึกและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย จึงจะดำเนินการได้อย่างเป็นทางการ

ในระหว่างที่รอคอยการแก้ไขอย่างเป็นทางการซึ่งอาจจะใช้เวลานานหลายปี วันนี้ผู้เขียนจะขอนำเรื่องเกี่ยวกับการขึ้นครองอำนาจของเจียงไคเช็กที่ไม่ได้เขียนโดยสมุนบริวารของเจียงไคเช็กมาให้ดูเพื่อเปรียบเทียบเป็นการล่วงหน้า ข้อมูลในนี้มาจากหลายที่ แต่ส่วนใหญ่ผู้เขียนได้ให้ความสำคัญกับ “The Tragedy of The Chinese Revolution” ของ Harold Issacs คอลัมนิสต์ชาวสหรัฐที่ทำงานให้กับสำนักข่าวอังกฤษในฮ่องกง ในช่วงเวลาที่เจียงไคเช็กขึ้นสู่อำนาจนั้นฮาร์โรลได้เข้าไปทำข่าวในกวางโจวและรู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี ฮาร์โรลสังเกตว่าหลังจากเจียงไคเช็กได้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศจีนแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับการขึ้นสู่อำนาจของเจียงไคเช็กได้ถูกบิดเบือนเพื่อทำให้เจียงไคเช็กดูดี เป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้ประเทศ 

เพื่อไม่ให้ความจริงสูญหายไป ฮาร์โรลจึงติดต่อนักข่าวต่างประเทศคนอื่นๆเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเทศจีนในช่วงทศวรรษ 1930s และเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นในปี 1939 หนังสือเล่มนี้เคยเป็นหนังสือต้องห้ามของจีนไต้หวัน และถูกขึ้นบัญชีว่าเป็นหนังสือของคอมมิวนิสต์ เนื่องจากสอดคล้องกับประวัติศาสตร์ของจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ในความเป็นจริงดูเหมือนจะเป็นคอมมิวนิสต์จีนต่างหากที่ใช้ข้อมูลจากหนังสือของฮาร์โรลมาเขียนประวัติศาสตร์ของตน เพราะหนังสือของแฮร์โรลเขียนก่อนที่จะมีประเทศจีนคอมมิวนิสต์นานเป็นสิบปี

และนอกจากเรื่องการขึ้นสู่อำนาจของเจียงไคเช็กแล้ว กระทู้นี้ยังจะบอกเล่าถึงเรื่องราวของการกำเนิดสาธารณรัฐกวางตุ้งก่อนที่จะรวมรวมประเทศกลายเป็นสาธาธารณรัฐจีนยุคใหม่ภายใต้การปกครองของเจียงไคเช็ก รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างก๊กมินตั๋งกับคอมมวินิสต์ในช่วงแรกก่อนที่จะเกิดการแตกหักกัน ในบริบทที่ไม่เหมือนที่เขียนอยู่ในตำราเรียนที่เป็นทางการของไต้หวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ท่านจะหาอ่านได้ยากอีกด้วย

รูปปั้นหน้าสนามบินกำลังถูกรื้อถอน

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่