**** เนื่องจากเป็นกระทู้แรกที่เขียน ถ้ามีข้อผิดพลาด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ****
จะขอแยกเขียนเป็นพาร์ทๆไปนะคะ ถ้าใครสนใจหัวข้อไหนให้ข้ามไปอ่านพาร์ทนั้นๆได้เลยค่ะ ( ขอเรียก WSE แทน Wall Street English นะคะ)
**** สาขาที่เรียนคือ แฟชั่นไอส์แลนด์ // ระยะเวลาเรียน 2 ปี (มีนาคม 61- มีนาคม 63) // เริ่มต้น Level.6 จบตามหลักสูตร Level.20 // มีการต่อสัญญา 1 ครั้ง
1.การเข้ามาเป็นนักเรียนของ WSE ( วิธีวัดความรู้ การขายคอร์ส ราคาคอร์ส ปฐมนิเทศ ผู้ดูแลประจำตัวหรือที่เรียกกันว่า EC/อีซี วิธีจองคลาส )
2.ระบบการเรียนภายใน WSE ( ประเภทคลาสเรียน การจองคลาส ระยะเวลาต่อคลาส การพักเรียน ฯลฯ )
3.เนื้อหาแต่ละ Level โดยคราวๆ
4.การเก็บ Point เพื่อนำไปแลกของ
5.สิ่งที่ไม่ชอบใน WSE
6.พัฒนาการหลังจากเรียนจบ
7.ความคิดเห็นส่วนตัว แบบสรุป
8. เรื่องที่อยากให้ทราบ แต่อีซีไม่ค่อยบอก
1.การเข้ามาเป็นนักเรียนของ WSE ( วิธีวัดความรู้ การขายคอร์ส ราคาคอร์ส ปฐมนิเทศ ผู้ดูแลประจำตัวหรือที่เรียกกันว่า EC/อีซี )
-
การได้เข้ามาเรียน WSE เริ่มมาจากการซื้อชาค่ะ ยืนรอชาอยู่ แล้วพี่ที่หน้า WSE ก็เรียกเราให้ช่วยตอบแบบสอบถาม แต่วันนั้นแม่ของเราไปด้วย พี่เขาจึงชวนเราให้เข้าไปทำแบบทดสอบฟรีทั้งแม่ เรา และน้องเลยค่ะ เขาบอกใช้เวลาไม่เกิน 30 ถึง 1 ชม.ค่ะ เราก็อยากวัดความรู้ภาษาอังกฤษด้วยจึงตกลงเข้าไป พอเข้ามาเขาก็ให้นั่งคอมคนละเครื่องเพื่อทำแบบทดสอบ หลังจากทำแบบทดสอบเสร็จ ระหว่างรอ เขาก็จะให้เรามาพูดคุยกับ
EC ค่ะ ซึ่งตอนนี้จะเป็นช่วงที่ EC จะคอยถามเราว่ามีแพลนอยากเรียนภาษาอังกฤษมั้ย บอกวิธีการเรียนการสอนของ WSE ว่าดียังไง พูดง่ายๆคือขายสถาบันกับชักชวนให้เราเรียนค่ะ จากนั้นผลการทดสอบก็ออกมาเราได้เลเวล 6 ซึ่ง EC ก็ขายคอร์สต่ออย่างหนักหน่วง มีบางครั้งที่รู้สึกไม่ดี เพราะเหมือนเขาออกแนวตำหนิหน่อยๆ // ไม่เริ่มตอนนีแล้วจะเริ่มเมื่อไหร่ // ซึ่งปัญหาหลักของเราก็คือเรื่องราคาคอร์สที่เราว่ามันแพงมากๆ สุดท้ายแม่ก็ตกลงให้เรากับน้องลองเรียนดูก่อน 6 เดือน
-
ราคาคอร์ส ตอนแรกเราลองเรียนดูก่อน โดยลงอันที่ถูกที่สุดคือ 6 เดือน ราคา 50,000 ค่ะ พอเราเรียนครบ 6 เดือนตอนนั้นเราอยู่เลเวล 10 เราเลยลงต่ออีก 18 เดือน ในราคา 92,000 เพื่อจะจบเลเวล 20 ให้ได้ รวมระยะเวลา 2 ปี เราเสียไปทั้งหมด 142,000 บาท // มีเพื่อนเราสมัครเรียนครั้งแรกในราคา 2 แสนถ้วน ระยะเวลา 2 ปี ซึ่งเรามองว่าไม่อยากให้ใครเจอ ถ้าจะสมัครก็ลองดูดีๆนะคะ (ถ้าใครเจอแบบนี้สามารถคอมเม้นบอกได้นะคะ เราไม่ได้เจอเอง เลยไม่รู้อะไรมาก)
***** สามารถคลิ๊กดูตารางราคาเพิ่มเติมได้ในสปอยเลย ถ้าใครคิดจะสมัครเรียน WSE อยากให้ลองติดตามข่าวสารดูนะคะ เพราะบางช่วงก็มีโปรลดได้เยอะเลย แถมมีเดือนฟรีให้อีก อย่าดุ่มๆไปแบบเรานะคะ อยากให้ทุกคนได้ในราคาที่คุ้มค่าจริงๆ มีเพื่อนเราคนนึงไปสมัครเรียน WSE สาขาที่เพิ่งเปิดใหม่ ได้ราคากับสิทธิพิเศษที่ดีมากๆเลยค่ะ ( เช่น การดูหนังในโรงหนังฟรี ซึ่งสาขาของเราเมื่อก่อนก็มีนะคะ แต่พอเราเข้ามาเรียนก็ไม่มีแล้ว ซึ่งเราว่าตรงนี้ไม่ค่อยแฟร์หรือป่าว )
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตารางราคาในช่วงปกติของ WSE ถ้าเป็นนักเรียนใหม่ให้ดูที่ช่อง Price ค่ะ ถ้าเป็นนักเรียนเก่าจะได้ลด 10% ดูราคาหลังจากลดแล้วที่ช่อง Final Package เลยค่ะ (ราคาในอนาคตอาจปรับเพิ่มขึ้น แต่เจอโควิดก่อนราคาจึงถูกลงค่ะ)
-
ผู้ดูแลประจำตัว หรือ EC หรือ คนที่ขายคอร์สให้เรา จะเรียกรวมๆว่า อีซี ซึ่งอีซีเป็นคนที่จะคอยให้ความช่วยเหลือเรา เวลาเรามีปัญหาในการเรียน ถ้าเราไม่สะดวกเรียนตามแพลนระยะเวลาที่เรียนไว้ตอนแรก เราสามารถติดต่ออีซีเพื่อพักการเรียน หรือหาแนวทางร่วมกันได้ แต่ๆก็ต้องทำใจนิดนึงอีซีบางคนจะสนใจเราแค่ week แรกๆ หลังจากนั้นถ้ามีปัญหาอะไรก็ต้องเข้ามาติดต่ออีซีเอง
-
การปฐมนิเทศ หลังจากสมัครคอร์สเรียนเสร็จ อีซีก็จะนัดวันปฐมนิเทศ ซึ่งวันนั้นจะมีพี่โค้ชพาเราไปดูโซนต่างๆ บอกวิธีเข้าเรียน ส่วนตัวเราว่าพี่โค้ชช่วยเราไว้ได้เยอะมากในหลายๆเรื่อง แต่จะมีบางเรื่องที่อีซีเท่านั้นที่ทำได้ เพราะ ตำแหน่งของอีซีใหญ่กว่าพี่โค้ช
-
วิธีจองคลาสเรียน สามารถแจ้ง Student Number ได้ที่หน้าเคาน์เตอร์สาขาที่เราเรียนได้เลย โดยบอกว่า Can I book ....(จะเรียนคลาสไหนก็บอกชื่อคลาสไปได้เลย สามารถดูได้จากตารางที่พี่อีซีจะแจ้งในตอนแรก ถ้ายังไม่ได้ สามารถติดต่อสอบถามพี่โค้ชได้เลย) please? หรือโทรจองผ่านโทรศัพท์ หรือ จองผ่านหน้าเว็บไซต์ (ผ่านหน้าเว็บไซต์ไม่แนะนำ เพราะอาจมีบางคลาสตกหล่น แจ้งคนจะดีที่สุด)
2.ระบบการเรียนภายใน WSE
- ประเภทคลาสเรียน คลาสเรียนมีทั้งหมด 4 ประเภทหลักๆ ดังนี้ 1.Speaking Center (เรียนกับคอม) 2.Social Club (กิจกรรมทั่วไป) 3.Complementary (เน้นพูดคุย) 4.Encounter (การสอบวัดระดับ)
1.
Speaking Center เป็นโซนที่เราจะเข้ามาเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องจอง ไม่มีกำหนดระยะเวลา เรียนได้แบบ As long as you can โดยจะเรียนกับคอมพิวเตอร์ เนื้อหาที่เรียนจะเป็นเนื้อหาหลักที่เราต้องใช้สอบใน Encounter เพื่อผ่านไปยังเลเวลต่อๆไป ในห้องนี้จะมีความเข้มงวดมากกว่าส่วนอื่นๆนิดนึงในเรื่องของเสียง และอาหาร เพราะจะเป็นการรบกวนคนอื่นที่ใช้งานอยู่ หากเรียนอยู่และมีข้อสงสัยหรือคำถาม สามารถยกมือเรียกพี่โค้ชเพื่อถามคำถามได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ เพราะพี่โค้ชอยากตอบคำถามเรามากๆ แต่คนไม่ค่อยถามกัน
2.
Social Club คลาสนี้จะเป็นคลาสกิจกรรมที่มีความหลากหลายมากเลยทีเดียว อาทิ ทำอาหาร ดูหนัง แต่งการ์ตูน ร้องเพลง อ่านหนังสือ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งจะสอนโดย Teacher ที่เป็นคนต่างชาติที่มาจากชาติต่างๆ เวียนกันมาสอน และพี่โค้ชคนไทย ถ้าต้องการเข้า เราต้องจอง โดยแจ้งพี่โค้ชหรือ Book (จอง) เองผ่านคอม Social Club จะไม่เข้มงวดเรื่องการจองมากนัก ถ้าลืมจริงๆก็ไม่เป็นไร แต่จองเอาไว้จะดีกว่า เพราะ Teacher จะได้เตรียมของที่ใช้ในกิจกรรมได้เพียงพอต่อความต้องการ สะดวกทั้งเราและผู้สอน โดย Social Club จะมีเลเวลที่คอยระบุในกิจกรรมต่างๆว่าเราสามารถเข้าได้มั้ย สมมติถ้าเราเลเวล 7 ก็เข้าได้แค่กิจกรรมของเลเวล 6-9 ไม่สามารถเข้าของเลเวล 10-13 ได้ เพราะเนื้อหาจะยากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับระดับของผู้เรียน // ระยะเวลาต่อคลาสคือ 1 ชม.
3.
Complementary เป็นคลาสที่เราต้องจอง และมีการจำกัดจำนวนคน ดังนั้นถ้าใครอยากเข้า ต้องลงชื่อรอใน Waiting List ซึ่งถ้ามีคนไม่มาเราถึงจะเข้าได้ คลาสนี้จะเป็นลักษณะแบบเน้นการพูดคุย ถามความคิดเห็นกันเป็นส่วนใหญ่ ถ้าใครมีคำถามสงสัยอะไรก็สามารถถามได้ // มีระยะเวลาต่อคลาส คือ 1 ชม. โดยคลาสนี้ครูผู้สอนจะเป็น Teacher ต่างชาติทั้งหมด
4.
Encounter เรียกง่ายๆคือการสอบวัดระดับเพื่อข้ามไปสู่บทเรียนต่อไป โดยคนที่ประเมิน และให้คะแนนคือ Teacher เนื้อหาในการสอบเอามาจากที่เรียนในคอม โดยเขาจะ check เราว่าสามารถสื่อสารได้รู้เรื่องหรือป่าว ตอบคำถามได้มากน้อยแค่ไหน ก่อนจะสอบ Encounter ทุกครั้ง เราต้องเรียนเนื้อหาในคอมให้จบตามที่กำหนดทั้งหมดก่อน เมื่อเรียนเสร็จแล้วจึงจะสอบได้ ถ้ายังเรียนไม่เสร็จ Teacher จะปล่อยให้เราเข้าสอบ แต่จะโดน repeat หรือ ที่เรียกว่าสอบใหม่นั้นเอง ถ้าคนไหนใจดีหน่อยก็จะให้เราผ่านไปเลยถ้าสามารถสื่อสารได้รู้เรื่อง // ระยะเวลาต่อคลาส 1 ชม. // จำนวนคนสูงสุด 5 น้อยสุด 1 // ต้องจองคลาสล่วงหน้า
3. เนื้อหาแต่ละ Level โดยคราวๆ
- ที่ WSE มีเลเวลทั้งหมด 20 เลเวล โดยในการผ่านแต่ละเลเวล ต้องเรียนเนื้อหาในคอม + สอบวัดระดับ // การจะผ่าน 1 เลเวล ต้องสอบให้ผ่านทั้งหมด 4 ครั้ง
- เนื้อหาความยากง่ายแต่ละเลเวลจะต่างกันไป ขอพิมพ์แบบคราวๆนะคะ
Level 1-2 จะเน้นสอนใช้รูปภาพเป็นหลัก คำศัพท์พื้นฐาน สื่อสารกันด้วยประโยคง่ายๆ
Level 3-5 ยังคงมีรูปภาพอยู่ สอนออกเสียง คำศัพท์ที่ซับซ้อนขึ้น
Level 6-9 จะเริ่มเรียนเพื่อพัฒนาแบบจริงจังขึ้นมาหน่อย หลังจากปูพื้นฐานในเลเวลก่อนหน้าไปแล้ว อารมณ์เหมือนประถมปลาย มี Grammar tenseง่ายๆที่เราเคยเรียนกัน แต่จะเน้นเอามาใช้มากขึ้น
Level 10-13 จะเรียนแกรมม่ากับคำศัพท์ที่แอดวานซ์ขึ้นมา คล้ายๆม.ต้น แต่จะยากกว่าตรงที่เราต้องใช้พูด ใช้เขียนในการเข้ากิจกรรมต่างๆ
Level 14-17 เป็นเลเวลที่ทำให้เราใจสั่นเลยค่ะ เหมือนมาได้ครึ่งทางแล้ว จะได้รับคำศัพท์ใหม่ๆอยู่เยอะพอสมควรเลย เรียนแบบลึกซึ้งขึ้นมาอีกเกี่ยวกับรากศัพท์ ประโยคที่ซับซ้อนกว่าปกติที่เราพูดกัน
Level 18-20 ตามที่เขาเคลมไว้คือจะพูดได้เหมือนนักธุรกิจ อันนี้ก็แล้วแต่คนนะคะ ว่าตัวเองพูดเหมือนนักธุรกิจมั้ย แต่เรารู้สึกผ่อนคลายกว่าตอนอยู่เลเวล 14 เยอะเลยค่ะ เหมือนไม่ตกใจเลเวลสูงๆแล้ว
******สรุป WSE เน้นการพูดการใช้จริง ถ้าอยากอ่านแกรมม่าที่เป็น paper จะไม่ค่อยเห็นเว้นแต่เราอยากหาอ่านเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เลเวลของ WSE
4. การเก็บพ้อยท์เพื่อนำไปแลกของ
-
วิธีการเก็บพ้อยท์ พ้อยท์ของเราได้มาจาก // การเช็คอินครั้งละ 20 แต้ม // สอบ Encounter ภายใน 15 วันหลังจากสอบครั้งสุดท้าย ได้ 100 แต้ม ถ้าสอบหลังจาก 15 วัน จะได้ 50 แต้ม // ทุกๆครั้งที่ผ่าน 1 เลเวลภายใน 3 เดือน จะได้ 2000 แต้ม ถ้าใน 2 เดือนจะได้ 2500 แต้ม // ต่อสัญญากับวอลสตรีด // พาเพื่อนมาเรียน
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://learnandwin.wallstreetenglish.in.th/abouts/earnmore.aspx
-
การแลกของ ต้องเข้าไปที่ LearnandWin WSE สามารถพิมพ์ตรงแถบค้นหาได้เลย จากนั้นก็ดูว่าพ้อยท์ของเราสามารถแลกอะไรได้บ้าง ของจะมีการเปลี่ยนเป็นช่วงๆ ถ้ายังไม่เจอที่ถูกใจก็ยังไม่ต้องแลก ถ้าเจอแล้วแนะนำให้แลกเลย เพราะของอาจหมดหรือเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
****** สำคัญมากๆ พ้อยท์จะหมดอายุและไม่สามารถแลกของได้อีก หลังจากเราหมดสัญญากับ WSE ไปแล้ว 1 เดือน ซึ่งตรงนี้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบกัน ทำให้เสียพ้อยท์ที่สะสมกันไปฟรีๆ และตัวอีซีเองก็ไม่ค่อยแจ้งให้นักเรียนทราบ รู้ไว้ถือเป็นการรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง
5. สิ่งที่ไม่ชอบใน WSE
- การตลาด อย่างที่ทุกคนรู้ๆกัน อีซีจะมีการกดดันให้รีบจ่ายเงินโดยอ้างว่า เป็นวันสุดท้ายของโปรโมชั่น ถ้ายังไม่โอเค พูดให้เคลียร์ไปเลย ว่าให้รอก่อนหรือใดๆ
- เรื่องที่อีซีควรบอกให้เราทราบ เขาจะไม่บอก และให้เรารู้สิ่งนี้จากคนอื่น ซึ่งเราไม่โอเคมากๆ
- อีซีจะชอบพูดให้เราชวนเพื่อนมาเรียน ซึ่งคือเรามาเรียนไง ไม่ได้มาหานักเรียนให้
6. พัฒนาการหลังเรียนจบ อันนี้เป็นผลลัพธ์ส่วนบุคคลนะคะ ไม่อยากให้นำไปอ้างอิงใดๆ
- คะแนน 9 วิชาสามัญ 77.5 / 100
- GAT Eng 117.50 / 150
- Onet Eng 70 / 100
- ส่วนตัวรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจภาษาอังกฤษมากขึ้น มีเซ้นในการใช้ อ่านหรือฟังภาษาอังกฤษมากขึ้น
ปล. ตอนที่เรียนเราเรียนเร็วมากๆ เพราะอยากเข้า Social Club กับเพื่อนที่เรียนมาก่อนหน้าเรา ตอนแรกเลเวลต่างกันเลยเรียนด้วยกันไม่ได้ เร็วแบบ Encounter อาทิตย์ต่ออาทิตย์เลยค่ะ ซึ่งก็ไม่ค่อยดี เพราะไม่ได้ใช้เวลาในการซึบซับเท่าไหร่ ถ้ามีเวลาก็อยากให้ใช้ให้ชำนาญดูนะคะ ขึ้นเลเวลสูงๆจะได้ไม่รู้สึกยาก
7. ความคิดเห็นส่วนตัว แบบสรุป
- เรียน WSE ดีไหม ? เราโอเคกับความรู้ที่ได้มาเลยค่ะ เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นการเรียนภาษาอังกฤษที่ดี เรียนจนจบก็ไม่รู้สึกเสียดายเงิน เพราะรู้สึกว่าเราเรียนคุ้มที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว
- สิ่งที่ไม่ชอบเลย คือมีอะไรจะไม่ค่อยบอกกัน ซึ่งสิ่งนั้นเป็นผลประโยชน์ของเรา ตอนชวนเรียนคือดีมาก พูดดี พอเข้ามาเรียนจริงๆไม่ค่อยแจ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้เราทราบ ต้องหาเอง
***** เดี๋ยวกลับมาต่อนะคะ *****
[CR] รีวิวประสบการณ์ WSE ตั้งแต่ Level.6 จนจบ Level. 20
จะขอแยกเขียนเป็นพาร์ทๆไปนะคะ ถ้าใครสนใจหัวข้อไหนให้ข้ามไปอ่านพาร์ทนั้นๆได้เลยค่ะ ( ขอเรียก WSE แทน Wall Street English นะคะ)
**** สาขาที่เรียนคือ แฟชั่นไอส์แลนด์ // ระยะเวลาเรียน 2 ปี (มีนาคม 61- มีนาคม 63) // เริ่มต้น Level.6 จบตามหลักสูตร Level.20 // มีการต่อสัญญา 1 ครั้ง
1.การเข้ามาเป็นนักเรียนของ WSE ( วิธีวัดความรู้ การขายคอร์ส ราคาคอร์ส ปฐมนิเทศ ผู้ดูแลประจำตัวหรือที่เรียกกันว่า EC/อีซี วิธีจองคลาส )
2.ระบบการเรียนภายใน WSE ( ประเภทคลาสเรียน การจองคลาส ระยะเวลาต่อคลาส การพักเรียน ฯลฯ )
3.เนื้อหาแต่ละ Level โดยคราวๆ
4.การเก็บ Point เพื่อนำไปแลกของ
5.สิ่งที่ไม่ชอบใน WSE
6.พัฒนาการหลังจากเรียนจบ
7.ความคิดเห็นส่วนตัว แบบสรุป
8. เรื่องที่อยากให้ทราบ แต่อีซีไม่ค่อยบอก
1.การเข้ามาเป็นนักเรียนของ WSE ( วิธีวัดความรู้ การขายคอร์ส ราคาคอร์ส ปฐมนิเทศ ผู้ดูแลประจำตัวหรือที่เรียกกันว่า EC/อีซี )
- การได้เข้ามาเรียน WSE เริ่มมาจากการซื้อชาค่ะ ยืนรอชาอยู่ แล้วพี่ที่หน้า WSE ก็เรียกเราให้ช่วยตอบแบบสอบถาม แต่วันนั้นแม่ของเราไปด้วย พี่เขาจึงชวนเราให้เข้าไปทำแบบทดสอบฟรีทั้งแม่ เรา และน้องเลยค่ะ เขาบอกใช้เวลาไม่เกิน 30 ถึง 1 ชม.ค่ะ เราก็อยากวัดความรู้ภาษาอังกฤษด้วยจึงตกลงเข้าไป พอเข้ามาเขาก็ให้นั่งคอมคนละเครื่องเพื่อทำแบบทดสอบ หลังจากทำแบบทดสอบเสร็จ ระหว่างรอ เขาก็จะให้เรามาพูดคุยกับ EC ค่ะ ซึ่งตอนนี้จะเป็นช่วงที่ EC จะคอยถามเราว่ามีแพลนอยากเรียนภาษาอังกฤษมั้ย บอกวิธีการเรียนการสอนของ WSE ว่าดียังไง พูดง่ายๆคือขายสถาบันกับชักชวนให้เราเรียนค่ะ จากนั้นผลการทดสอบก็ออกมาเราได้เลเวล 6 ซึ่ง EC ก็ขายคอร์สต่ออย่างหนักหน่วง มีบางครั้งที่รู้สึกไม่ดี เพราะเหมือนเขาออกแนวตำหนิหน่อยๆ // ไม่เริ่มตอนนีแล้วจะเริ่มเมื่อไหร่ // ซึ่งปัญหาหลักของเราก็คือเรื่องราคาคอร์สที่เราว่ามันแพงมากๆ สุดท้ายแม่ก็ตกลงให้เรากับน้องลองเรียนดูก่อน 6 เดือน
- ราคาคอร์ส ตอนแรกเราลองเรียนดูก่อน โดยลงอันที่ถูกที่สุดคือ 6 เดือน ราคา 50,000 ค่ะ พอเราเรียนครบ 6 เดือนตอนนั้นเราอยู่เลเวล 10 เราเลยลงต่ออีก 18 เดือน ในราคา 92,000 เพื่อจะจบเลเวล 20 ให้ได้ รวมระยะเวลา 2 ปี เราเสียไปทั้งหมด 142,000 บาท // มีเพื่อนเราสมัครเรียนครั้งแรกในราคา 2 แสนถ้วน ระยะเวลา 2 ปี ซึ่งเรามองว่าไม่อยากให้ใครเจอ ถ้าจะสมัครก็ลองดูดีๆนะคะ (ถ้าใครเจอแบบนี้สามารถคอมเม้นบอกได้นะคะ เราไม่ได้เจอเอง เลยไม่รู้อะไรมาก)
***** สามารถคลิ๊กดูตารางราคาเพิ่มเติมได้ในสปอยเลย ถ้าใครคิดจะสมัครเรียน WSE อยากให้ลองติดตามข่าวสารดูนะคะ เพราะบางช่วงก็มีโปรลดได้เยอะเลย แถมมีเดือนฟรีให้อีก อย่าดุ่มๆไปแบบเรานะคะ อยากให้ทุกคนได้ในราคาที่คุ้มค่าจริงๆ มีเพื่อนเราคนนึงไปสมัครเรียน WSE สาขาที่เพิ่งเปิดใหม่ ได้ราคากับสิทธิพิเศษที่ดีมากๆเลยค่ะ ( เช่น การดูหนังในโรงหนังฟรี ซึ่งสาขาของเราเมื่อก่อนก็มีนะคะ แต่พอเราเข้ามาเรียนก็ไม่มีแล้ว ซึ่งเราว่าตรงนี้ไม่ค่อยแฟร์หรือป่าว )
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ผู้ดูแลประจำตัว หรือ EC หรือ คนที่ขายคอร์สให้เรา จะเรียกรวมๆว่า อีซี ซึ่งอีซีเป็นคนที่จะคอยให้ความช่วยเหลือเรา เวลาเรามีปัญหาในการเรียน ถ้าเราไม่สะดวกเรียนตามแพลนระยะเวลาที่เรียนไว้ตอนแรก เราสามารถติดต่ออีซีเพื่อพักการเรียน หรือหาแนวทางร่วมกันได้ แต่ๆก็ต้องทำใจนิดนึงอีซีบางคนจะสนใจเราแค่ week แรกๆ หลังจากนั้นถ้ามีปัญหาอะไรก็ต้องเข้ามาติดต่ออีซีเอง
- การปฐมนิเทศ หลังจากสมัครคอร์สเรียนเสร็จ อีซีก็จะนัดวันปฐมนิเทศ ซึ่งวันนั้นจะมีพี่โค้ชพาเราไปดูโซนต่างๆ บอกวิธีเข้าเรียน ส่วนตัวเราว่าพี่โค้ชช่วยเราไว้ได้เยอะมากในหลายๆเรื่อง แต่จะมีบางเรื่องที่อีซีเท่านั้นที่ทำได้ เพราะ ตำแหน่งของอีซีใหญ่กว่าพี่โค้ช
- วิธีจองคลาสเรียน สามารถแจ้ง Student Number ได้ที่หน้าเคาน์เตอร์สาขาที่เราเรียนได้เลย โดยบอกว่า Can I book ....(จะเรียนคลาสไหนก็บอกชื่อคลาสไปได้เลย สามารถดูได้จากตารางที่พี่อีซีจะแจ้งในตอนแรก ถ้ายังไม่ได้ สามารถติดต่อสอบถามพี่โค้ชได้เลย) please? หรือโทรจองผ่านโทรศัพท์ หรือ จองผ่านหน้าเว็บไซต์ (ผ่านหน้าเว็บไซต์ไม่แนะนำ เพราะอาจมีบางคลาสตกหล่น แจ้งคนจะดีที่สุด)
2.ระบบการเรียนภายใน WSE
- ประเภทคลาสเรียน คลาสเรียนมีทั้งหมด 4 ประเภทหลักๆ ดังนี้ 1.Speaking Center (เรียนกับคอม) 2.Social Club (กิจกรรมทั่วไป) 3.Complementary (เน้นพูดคุย) 4.Encounter (การสอบวัดระดับ)
1. Speaking Center เป็นโซนที่เราจะเข้ามาเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องจอง ไม่มีกำหนดระยะเวลา เรียนได้แบบ As long as you can โดยจะเรียนกับคอมพิวเตอร์ เนื้อหาที่เรียนจะเป็นเนื้อหาหลักที่เราต้องใช้สอบใน Encounter เพื่อผ่านไปยังเลเวลต่อๆไป ในห้องนี้จะมีความเข้มงวดมากกว่าส่วนอื่นๆนิดนึงในเรื่องของเสียง และอาหาร เพราะจะเป็นการรบกวนคนอื่นที่ใช้งานอยู่ หากเรียนอยู่และมีข้อสงสัยหรือคำถาม สามารถยกมือเรียกพี่โค้ชเพื่อถามคำถามได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ เพราะพี่โค้ชอยากตอบคำถามเรามากๆ แต่คนไม่ค่อยถามกัน
2. Social Club คลาสนี้จะเป็นคลาสกิจกรรมที่มีความหลากหลายมากเลยทีเดียว อาทิ ทำอาหาร ดูหนัง แต่งการ์ตูน ร้องเพลง อ่านหนังสือ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งจะสอนโดย Teacher ที่เป็นคนต่างชาติที่มาจากชาติต่างๆ เวียนกันมาสอน และพี่โค้ชคนไทย ถ้าต้องการเข้า เราต้องจอง โดยแจ้งพี่โค้ชหรือ Book (จอง) เองผ่านคอม Social Club จะไม่เข้มงวดเรื่องการจองมากนัก ถ้าลืมจริงๆก็ไม่เป็นไร แต่จองเอาไว้จะดีกว่า เพราะ Teacher จะได้เตรียมของที่ใช้ในกิจกรรมได้เพียงพอต่อความต้องการ สะดวกทั้งเราและผู้สอน โดย Social Club จะมีเลเวลที่คอยระบุในกิจกรรมต่างๆว่าเราสามารถเข้าได้มั้ย สมมติถ้าเราเลเวล 7 ก็เข้าได้แค่กิจกรรมของเลเวล 6-9 ไม่สามารถเข้าของเลเวล 10-13 ได้ เพราะเนื้อหาจะยากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับระดับของผู้เรียน // ระยะเวลาต่อคลาสคือ 1 ชม.
3. Complementary เป็นคลาสที่เราต้องจอง และมีการจำกัดจำนวนคน ดังนั้นถ้าใครอยากเข้า ต้องลงชื่อรอใน Waiting List ซึ่งถ้ามีคนไม่มาเราถึงจะเข้าได้ คลาสนี้จะเป็นลักษณะแบบเน้นการพูดคุย ถามความคิดเห็นกันเป็นส่วนใหญ่ ถ้าใครมีคำถามสงสัยอะไรก็สามารถถามได้ // มีระยะเวลาต่อคลาส คือ 1 ชม. โดยคลาสนี้ครูผู้สอนจะเป็น Teacher ต่างชาติทั้งหมด
4. Encounter เรียกง่ายๆคือการสอบวัดระดับเพื่อข้ามไปสู่บทเรียนต่อไป โดยคนที่ประเมิน และให้คะแนนคือ Teacher เนื้อหาในการสอบเอามาจากที่เรียนในคอม โดยเขาจะ check เราว่าสามารถสื่อสารได้รู้เรื่องหรือป่าว ตอบคำถามได้มากน้อยแค่ไหน ก่อนจะสอบ Encounter ทุกครั้ง เราต้องเรียนเนื้อหาในคอมให้จบตามที่กำหนดทั้งหมดก่อน เมื่อเรียนเสร็จแล้วจึงจะสอบได้ ถ้ายังเรียนไม่เสร็จ Teacher จะปล่อยให้เราเข้าสอบ แต่จะโดน repeat หรือ ที่เรียกว่าสอบใหม่นั้นเอง ถ้าคนไหนใจดีหน่อยก็จะให้เราผ่านไปเลยถ้าสามารถสื่อสารได้รู้เรื่อง // ระยะเวลาต่อคลาส 1 ชม. // จำนวนคนสูงสุด 5 น้อยสุด 1 // ต้องจองคลาสล่วงหน้า
3. เนื้อหาแต่ละ Level โดยคราวๆ
- ที่ WSE มีเลเวลทั้งหมด 20 เลเวล โดยในการผ่านแต่ละเลเวล ต้องเรียนเนื้อหาในคอม + สอบวัดระดับ // การจะผ่าน 1 เลเวล ต้องสอบให้ผ่านทั้งหมด 4 ครั้ง
- เนื้อหาความยากง่ายแต่ละเลเวลจะต่างกันไป ขอพิมพ์แบบคราวๆนะคะ
Level 1-2 จะเน้นสอนใช้รูปภาพเป็นหลัก คำศัพท์พื้นฐาน สื่อสารกันด้วยประโยคง่ายๆ
Level 3-5 ยังคงมีรูปภาพอยู่ สอนออกเสียง คำศัพท์ที่ซับซ้อนขึ้น
Level 6-9 จะเริ่มเรียนเพื่อพัฒนาแบบจริงจังขึ้นมาหน่อย หลังจากปูพื้นฐานในเลเวลก่อนหน้าไปแล้ว อารมณ์เหมือนประถมปลาย มี Grammar tenseง่ายๆที่เราเคยเรียนกัน แต่จะเน้นเอามาใช้มากขึ้น
Level 10-13 จะเรียนแกรมม่ากับคำศัพท์ที่แอดวานซ์ขึ้นมา คล้ายๆม.ต้น แต่จะยากกว่าตรงที่เราต้องใช้พูด ใช้เขียนในการเข้ากิจกรรมต่างๆ
Level 14-17 เป็นเลเวลที่ทำให้เราใจสั่นเลยค่ะ เหมือนมาได้ครึ่งทางแล้ว จะได้รับคำศัพท์ใหม่ๆอยู่เยอะพอสมควรเลย เรียนแบบลึกซึ้งขึ้นมาอีกเกี่ยวกับรากศัพท์ ประโยคที่ซับซ้อนกว่าปกติที่เราพูดกัน
Level 18-20 ตามที่เขาเคลมไว้คือจะพูดได้เหมือนนักธุรกิจ อันนี้ก็แล้วแต่คนนะคะ ว่าตัวเองพูดเหมือนนักธุรกิจมั้ย แต่เรารู้สึกผ่อนคลายกว่าตอนอยู่เลเวล 14 เยอะเลยค่ะ เหมือนไม่ตกใจเลเวลสูงๆแล้ว
******สรุป WSE เน้นการพูดการใช้จริง ถ้าอยากอ่านแกรมม่าที่เป็น paper จะไม่ค่อยเห็นเว้นแต่เราอยากหาอ่านเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4. การเก็บพ้อยท์เพื่อนำไปแลกของ
- วิธีการเก็บพ้อยท์ พ้อยท์ของเราได้มาจาก // การเช็คอินครั้งละ 20 แต้ม // สอบ Encounter ภายใน 15 วันหลังจากสอบครั้งสุดท้าย ได้ 100 แต้ม ถ้าสอบหลังจาก 15 วัน จะได้ 50 แต้ม // ทุกๆครั้งที่ผ่าน 1 เลเวลภายใน 3 เดือน จะได้ 2000 แต้ม ถ้าใน 2 เดือนจะได้ 2500 แต้ม // ต่อสัญญากับวอลสตรีด // พาเพื่อนมาเรียน
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://learnandwin.wallstreetenglish.in.th/abouts/earnmore.aspx
- การแลกของ ต้องเข้าไปที่ LearnandWin WSE สามารถพิมพ์ตรงแถบค้นหาได้เลย จากนั้นก็ดูว่าพ้อยท์ของเราสามารถแลกอะไรได้บ้าง ของจะมีการเปลี่ยนเป็นช่วงๆ ถ้ายังไม่เจอที่ถูกใจก็ยังไม่ต้องแลก ถ้าเจอแล้วแนะนำให้แลกเลย เพราะของอาจหมดหรือเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
****** สำคัญมากๆ พ้อยท์จะหมดอายุและไม่สามารถแลกของได้อีก หลังจากเราหมดสัญญากับ WSE ไปแล้ว 1 เดือน ซึ่งตรงนี้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบกัน ทำให้เสียพ้อยท์ที่สะสมกันไปฟรีๆ และตัวอีซีเองก็ไม่ค่อยแจ้งให้นักเรียนทราบ รู้ไว้ถือเป็นการรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง
5. สิ่งที่ไม่ชอบใน WSE
- การตลาด อย่างที่ทุกคนรู้ๆกัน อีซีจะมีการกดดันให้รีบจ่ายเงินโดยอ้างว่า เป็นวันสุดท้ายของโปรโมชั่น ถ้ายังไม่โอเค พูดให้เคลียร์ไปเลย ว่าให้รอก่อนหรือใดๆ
- เรื่องที่อีซีควรบอกให้เราทราบ เขาจะไม่บอก และให้เรารู้สิ่งนี้จากคนอื่น ซึ่งเราไม่โอเคมากๆ
- อีซีจะชอบพูดให้เราชวนเพื่อนมาเรียน ซึ่งคือเรามาเรียนไง ไม่ได้มาหานักเรียนให้
6. พัฒนาการหลังเรียนจบ อันนี้เป็นผลลัพธ์ส่วนบุคคลนะคะ ไม่อยากให้นำไปอ้างอิงใดๆ
- คะแนน 9 วิชาสามัญ 77.5 / 100
- GAT Eng 117.50 / 150
- Onet Eng 70 / 100
- ส่วนตัวรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจภาษาอังกฤษมากขึ้น มีเซ้นในการใช้ อ่านหรือฟังภาษาอังกฤษมากขึ้น
ปล. ตอนที่เรียนเราเรียนเร็วมากๆ เพราะอยากเข้า Social Club กับเพื่อนที่เรียนมาก่อนหน้าเรา ตอนแรกเลเวลต่างกันเลยเรียนด้วยกันไม่ได้ เร็วแบบ Encounter อาทิตย์ต่ออาทิตย์เลยค่ะ ซึ่งก็ไม่ค่อยดี เพราะไม่ได้ใช้เวลาในการซึบซับเท่าไหร่ ถ้ามีเวลาก็อยากให้ใช้ให้ชำนาญดูนะคะ ขึ้นเลเวลสูงๆจะได้ไม่รู้สึกยาก
7. ความคิดเห็นส่วนตัว แบบสรุป
- เรียน WSE ดีไหม ? เราโอเคกับความรู้ที่ได้มาเลยค่ะ เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นการเรียนภาษาอังกฤษที่ดี เรียนจนจบก็ไม่รู้สึกเสียดายเงิน เพราะรู้สึกว่าเราเรียนคุ้มที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว
- สิ่งที่ไม่ชอบเลย คือมีอะไรจะไม่ค่อยบอกกัน ซึ่งสิ่งนั้นเป็นผลประโยชน์ของเรา ตอนชวนเรียนคือดีมาก พูดดี พอเข้ามาเรียนจริงๆไม่ค่อยแจ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้เราทราบ ต้องหาเอง
***** เดี๋ยวกลับมาต่อนะคะ *****
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้