10 ข้อ การเรียน Wall Street English จากประสบการณ์จริง 5 ปี
ผมเริ่มเรียน Wall Street English มาตั้งแต่อายุ 22 ปี จนตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่
มีความรู้สึกชอบ และไม่ชอบมากมาย เกี่ยวกับโรงเรียนแห่งนี้
กระทู้นี้ตั้งขึ้น ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นโรงเรียนแต่อย่างใด แต่อยากเล่าประสบการณ์ และข้อคิด
เพื่อให้ทุกคนเรียนอย่างมีความสุข เพราะมีคำถามมากว่า Wall Street English เป็นอย่างไร
(กระทู้นี้ ตั้งมาเพื่อบอกเป็น "วิทยาทาน" ทั้งหมดครับ)
1. การได้เบอร์โทรศัพท์จากนักเรียน
- คุณอาจได้รับการติดต่อจาก Sale ของที่นี้ครับ เพราะเพื่อนของคุณ อาจจะเอาเบอร์โทรคุณให้เค้าไป
(บอกด้วยว่า เพื่อนคุณจะได้แต้ม จากการชวนเพื่อนมาเรียน)
- คุณได้รับการติดต่อจากการเทสต์ วัดระดับฟรีในเน็ต และคุณลงชื่อ อีเมล เบอร์โทรลงในนั้น
- คุณได้รับการติดต่อจาก Booth ที่ตั้งในห้างต่างๆ แล้วคุณลงชื่อ อีเมล เบอร์โทรลงไป
ต่อจากนี้ Sale จะโทรหาคุณ ส่งอีเมล ซึ่งแนะนำว่าคุณต้องบอกตรงๆ ว่าคุณจะเรียนหรือไม่เรียน (ซึ่งเขาจะชวนมา เทสต์ฟรี)
2. การวัดระดับความรู้ หรือเทสต์ฟรี
- Sale จะบอกให้คุณมาเทสต์ วัดระดับความรู้ฟรีๆ ครับ
- จากนั้น Sale จะพยายามให้คุณซื้อคอร์สเรียน ในห้องส่วนตัวของเขา เรียนกี่เลเวลถึงจะคุ้ม เวลานี้อยู่ที่ตัวคุณแล้วว่า อยากจะเรียนหรือไม่อยากเรียน เรียนมากน้อยแค่ไหน
- Sale จะพูดต่อให้คุณ Book ภายในวันนั้น เพราะจะได้โปรโมชั่นมากมาย
***สำคัญมาก ตรงที่ 1. คุณจะต้องสำรวจตัวเอง ว่าคุณมีเงินจ่ายพอหรือไม่ บางคนจอง แต่มารู้ว่าทีหลังว่าเงินไม่พอ
(หากไม่พอ ทางโรงเรียนอาจเสนอให้กู้ ผ่อน)
2. คุณจะต้องแน่ใจ ว่าคุณมีเวลามาเรียนมากพอสมควร (หลายคน สมัครไว้ แต่ไม่มีเวลามาเรียน)
3. คุณต้องคุยกับพ่อ แม่ ผู้ปกครอง เกี่ยวกับค่าเรียน
3. เมื่อคุณเริ่มเรียนแล้ว
- แนะนำให้มาเรียนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคุณจ่ายเงินไม่น้อย และเวลาหมดไปเรื่อยๆ
- อย่าลืมว่า คอร์สเรียนเป็น "ซื้อเหมาเวลา" ไม่ใช่ "ซื้อเหมาเลเวล"
4. Sale ที่เป็นที่ปรึกษาของคุณ (บอกความเป็นไปได้)
- มีความเป็นไปได้ ที่เค้าจะให้คุณชวนเพื่อนมาเรียนเพิ่ม โดยให้คุณเขียนเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนเอาไว้
- คุณจะได้แต้ม จากการชวนเพื่อนด้วย และมีของรางวัลให้คุณมากมาย
- เมื่อคุณใกล้จบคอร์ส เขาจะให้คุณเรียนต่อคอร์สไปเรื่อยๆ ด้วยโปรโมชั่นลดราคา
5. Sale ขายคอร์ส ไม่บอก (รายละเอียดต่างๆ) คนเรียน เรื่องนี้ผมโดนมา (ผมไม่อยากให้คนอื่น โดนเหมือนผม)
***สำคัญมาก ตรงที่ 1. การซื้อขายคอร์ส คุณและพ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องอยู่ในห้องเดียวกัน ตั้งแต่ต้นจนจบ
2. คุณควรมีเวลาคิด ในการซื้อคอร์สเพิ่ม โดยให้เราเป็นฝ่ายเข้าไปหา Sale ด้วยตัวเอง
3. อ่านสัญญา โดยละเอียดทุกบรรทัด ไม่มีเวลาให้ไปอ่านข้างนอกเลย ว่าโอเคหรือไม่
4. การจ่ายเงิน ให้คนเรียน อยู่ต่อหน้า รู้เห็นชัดเจน
6. Teacher เปลี่ยนเป็นมีคนไทยมาสอนบ้าง (หมายถึง ยุคปัจจุบันนี้นะครับ) ต่างจากสมัยก่อนเป็นฝรั่งทั้งหมด
7. การจองคลาส
- ซับซ้อนกว่าเมื่อก่อน เพราะคุณต้องจองคลาสเรียน 1 ถึง 2 อาทิตย์ขึ้นไป ในการเรียนคลาส Social Club ใช้เวลาเรียนครั้งละ 1 ชั่วโมง
- คลาสที่ไม่ต้องจอง คือ English Corner แต่การเรียนไม่เป็นทางการเท่า Social Club
- Activity ต่างๆ แค่เซ็นชื่อเท่านั้น
8. การเรียน Focus มากที่สุด คือ Speaking Center
- Speaking Center คือ การเรียนในคอมพิวเตอร์นั่นเอง เป็นส่วนที่ Wall Street เน้นในการเรียนมาก และต้องเรียนก่อนสอบทุกครั้ง
9. คลาสเรียนต่างๆ
- หากคุณทำงาน เลิกงานเย็นๆ คุณอาจจะเสียโอกาส ในการเรียนคลาสตอนบ่ายไปโดยปริยาย เรียนได้แค่ช่วงเย็น - ค่ำ เท่านั้น
- หากมีสอบช่วงบ่ายโมง ตรงกับเลเวลของคุณ คุณจะต้องเลื่อน เพื่อหาคลาสสอบช่วงเลิกงาน
10. ศึกษาคลาสเรียนต่างๆ อย่างแน่ชัด ศึกษารายละเอียด ราคาค่าเรียน เวลาเรียน เวลาที่คุณว่าง ควรมีเพื่อน ผู้ปกครองไปด้วย ช่วยกันปรึกษานะครับ
10 ข้อ การเรียน Wall Street English จากประสบการณ์จริง 5 ปี
ผมเริ่มเรียน Wall Street English มาตั้งแต่อายุ 22 ปี จนตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่
มีความรู้สึกชอบ และไม่ชอบมากมาย เกี่ยวกับโรงเรียนแห่งนี้
กระทู้นี้ตั้งขึ้น ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นโรงเรียนแต่อย่างใด แต่อยากเล่าประสบการณ์ และข้อคิด
เพื่อให้ทุกคนเรียนอย่างมีความสุข เพราะมีคำถามมากว่า Wall Street English เป็นอย่างไร
(กระทู้นี้ ตั้งมาเพื่อบอกเป็น "วิทยาทาน" ทั้งหมดครับ)
1. การได้เบอร์โทรศัพท์จากนักเรียน
- คุณอาจได้รับการติดต่อจาก Sale ของที่นี้ครับ เพราะเพื่อนของคุณ อาจจะเอาเบอร์โทรคุณให้เค้าไป
(บอกด้วยว่า เพื่อนคุณจะได้แต้ม จากการชวนเพื่อนมาเรียน)
- คุณได้รับการติดต่อจากการเทสต์ วัดระดับฟรีในเน็ต และคุณลงชื่อ อีเมล เบอร์โทรลงในนั้น
- คุณได้รับการติดต่อจาก Booth ที่ตั้งในห้างต่างๆ แล้วคุณลงชื่อ อีเมล เบอร์โทรลงไป
ต่อจากนี้ Sale จะโทรหาคุณ ส่งอีเมล ซึ่งแนะนำว่าคุณต้องบอกตรงๆ ว่าคุณจะเรียนหรือไม่เรียน (ซึ่งเขาจะชวนมา เทสต์ฟรี)
2. การวัดระดับความรู้ หรือเทสต์ฟรี
- Sale จะบอกให้คุณมาเทสต์ วัดระดับความรู้ฟรีๆ ครับ
- จากนั้น Sale จะพยายามให้คุณซื้อคอร์สเรียน ในห้องส่วนตัวของเขา เรียนกี่เลเวลถึงจะคุ้ม เวลานี้อยู่ที่ตัวคุณแล้วว่า อยากจะเรียนหรือไม่อยากเรียน เรียนมากน้อยแค่ไหน
- Sale จะพูดต่อให้คุณ Book ภายในวันนั้น เพราะจะได้โปรโมชั่นมากมาย
***สำคัญมาก ตรงที่ 1. คุณจะต้องสำรวจตัวเอง ว่าคุณมีเงินจ่ายพอหรือไม่ บางคนจอง แต่มารู้ว่าทีหลังว่าเงินไม่พอ
(หากไม่พอ ทางโรงเรียนอาจเสนอให้กู้ ผ่อน)
2. คุณจะต้องแน่ใจ ว่าคุณมีเวลามาเรียนมากพอสมควร (หลายคน สมัครไว้ แต่ไม่มีเวลามาเรียน)
3. คุณต้องคุยกับพ่อ แม่ ผู้ปกครอง เกี่ยวกับค่าเรียน
3. เมื่อคุณเริ่มเรียนแล้ว
- แนะนำให้มาเรียนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคุณจ่ายเงินไม่น้อย และเวลาหมดไปเรื่อยๆ
- อย่าลืมว่า คอร์สเรียนเป็น "ซื้อเหมาเวลา" ไม่ใช่ "ซื้อเหมาเลเวล"
4. Sale ที่เป็นที่ปรึกษาของคุณ (บอกความเป็นไปได้)
- มีความเป็นไปได้ ที่เค้าจะให้คุณชวนเพื่อนมาเรียนเพิ่ม โดยให้คุณเขียนเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนเอาไว้
- คุณจะได้แต้ม จากการชวนเพื่อนด้วย และมีของรางวัลให้คุณมากมาย
- เมื่อคุณใกล้จบคอร์ส เขาจะให้คุณเรียนต่อคอร์สไปเรื่อยๆ ด้วยโปรโมชั่นลดราคา
5. Sale ขายคอร์ส ไม่บอก (รายละเอียดต่างๆ) คนเรียน เรื่องนี้ผมโดนมา (ผมไม่อยากให้คนอื่น โดนเหมือนผม)
***สำคัญมาก ตรงที่ 1. การซื้อขายคอร์ส คุณและพ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องอยู่ในห้องเดียวกัน ตั้งแต่ต้นจนจบ
2. คุณควรมีเวลาคิด ในการซื้อคอร์สเพิ่ม โดยให้เราเป็นฝ่ายเข้าไปหา Sale ด้วยตัวเอง
3. อ่านสัญญา โดยละเอียดทุกบรรทัด ไม่มีเวลาให้ไปอ่านข้างนอกเลย ว่าโอเคหรือไม่
4. การจ่ายเงิน ให้คนเรียน อยู่ต่อหน้า รู้เห็นชัดเจน
6. Teacher เปลี่ยนเป็นมีคนไทยมาสอนบ้าง (หมายถึง ยุคปัจจุบันนี้นะครับ) ต่างจากสมัยก่อนเป็นฝรั่งทั้งหมด
7. การจองคลาส
- ซับซ้อนกว่าเมื่อก่อน เพราะคุณต้องจองคลาสเรียน 1 ถึง 2 อาทิตย์ขึ้นไป ในการเรียนคลาส Social Club ใช้เวลาเรียนครั้งละ 1 ชั่วโมง
- คลาสที่ไม่ต้องจอง คือ English Corner แต่การเรียนไม่เป็นทางการเท่า Social Club
- Activity ต่างๆ แค่เซ็นชื่อเท่านั้น
8. การเรียน Focus มากที่สุด คือ Speaking Center
- Speaking Center คือ การเรียนในคอมพิวเตอร์นั่นเอง เป็นส่วนที่ Wall Street เน้นในการเรียนมาก และต้องเรียนก่อนสอบทุกครั้ง
9. คลาสเรียนต่างๆ
- หากคุณทำงาน เลิกงานเย็นๆ คุณอาจจะเสียโอกาส ในการเรียนคลาสตอนบ่ายไปโดยปริยาย เรียนได้แค่ช่วงเย็น - ค่ำ เท่านั้น
- หากมีสอบช่วงบ่ายโมง ตรงกับเลเวลของคุณ คุณจะต้องเลื่อน เพื่อหาคลาสสอบช่วงเลิกงาน
10. ศึกษาคลาสเรียนต่างๆ อย่างแน่ชัด ศึกษารายละเอียด ราคาค่าเรียน เวลาเรียน เวลาที่คุณว่าง ควรมีเพื่อน ผู้ปกครองไปด้วย ช่วยกันปรึกษานะครับ