จขกท.มีปัญหาเรื้อรังกับครอบครัวมานานแล้วค่ะ ปัญหาเรื่องไลฟ์สไตล์และทัศนคติไม่ตรงกัน(อย่างรุนแรง)
ครอบครัวจขกท.ค่อนข้างหัวโบราณและมีความคาดหวังต่อลูกสูงโดยเฉพาะผู้หญิง พ่อแม่คาดหวังว่าเราต้องเก่งต้องดีงานบ้านต้องได้ฯล ซึ่งตัวเราคือคนที่ต้องปรับทุกอย่าง มีดีแค่ว่าเรียนพอได้เลยไม่ค่อยโดนเรื่องนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่ก็เคยได้เกรด3วิชานึงก็โดนบ่นอยู่เป็นอาทิตย์เหมือนกันค่ะ
อาหารที่ชอบที่ทานก็ต่างจากที่บ้าน(แต่เราก็ต้องทานให้ได้ถ้าไม่ร่วมทานด้วยก็เป็นปัญหา)
ทัศนคติต่อหลายสิ่งหลายอย่างก็ต่างกัน(เช่น พ่อแม่จะเชื่อว่าคนสักเป็นคนไม่ดีและพยายามให้เราเชื่อแบบนั้นแต่เราไม่เห็นด้วย เป็นต้น)
กลายเป็นว่าพอเราเริ่มอธิบายทัศนคติของเรา จขกท.ก็จะโดนไล่ออกจากบ้านทันที นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาเรื่องงานบ้านอีก ด้วยความที่แม่หัวโบราณ ผญคือคนรับผิดชอบงานบ้านทุกอย่าง ผู้น้อยดูแลผู้ใหญ่ ส่วนตัวก็ไม่ได้อยากยึดคตินี้แต่ก็จำใจทำไป แย่กว่านั้นคือถ้าทำไม่ดีไม่ได้ดั่งใจเราก็จะถูกด่าทออีก
ถ้าให้100%ของการพูดกับครอบครัว 95%คือการบ่นด่าว่ากล่าว 5%คือการพูดธรรมดา
ตั้งแต่เด็กจนโต จขกท.คือคนที่รองรับอารมณ์แม่มาตลอดค่ะ แม่จขกท.เป็นคนอารมณ์ร้อน เครียดเรื่องงานก็ลงที่เรา ทำไม่ถูกใจก็จะถูกตีถูกตวาด
หลังๆเราเลยพูดน้อยลง พยายามที่จะไม่พูดกับคนในครอบครัวเพราะพูดอะไรมันก็คิดไม่ตรงกันซักอย่าง พอเราพูดน้อยก็กลายเป็นปัญหาว่าทำไมเราไม่พูด
สุดท้ายก็จบที่จขกท.เป็นลูกที่ไม่ดี เป็นคนที่ไม่ดี เป็นลูกที่เลี้ยงมาผิดพลาดต่างจากพี่เรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จขกท.มีพี่ชายคนนึงค่ะ พี่เรามีทัศนคติที่ค่อนข้างตรงกับครอบครัว เข้ากับครอบครัวได้ดี ตอนเด็กก็ไม่ได้ถูกแม่เราใส่อารมณ์มากเพราะพี่ไม่ค่อยดื้อหรือทำอะไรไม่ถูกใจแม่เท่าเรา
บอกตามตรงว่า จขกท.อิจฉาพี่ตัวเองมาโดยตลอด พี่เราด้วยความเป็นผชไม่ต้องรับผิดชอบอะไรซักอย่าง ทำอะไรก็ไม่มีใครมาจับผิดว่าไม่เป็นแบบนั้นแบบนี้ ถ้าคนนอกมองจขกท.กับครอบครัวก็คงคิดว่า
เราโอเค เราเพอร์เฟค ครอบครัวก็ดี การเรียนก็ดี ดูชีวิตดี๊ดี แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ทรมานมากค่ะ เก็บความเจ็บไว้คนเดียว รู้สึกไม่มีใครทั้งที่อยู่ในบ้าน คิดฆ่าตัวตายไปไม่รู้กี่ครั้งสุดท้ายก็จบที่กลัวครอบครัวเสียใจ
เป้าหมายสูงสุดในชีวิตหลังเรียนจบคือทำงานหาเงินแล้วย้ายตัวเองออกจากบ้านให้ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซึ่งแน่นอนว่าการตัดสินใจแบบนี้เป็นปัญหาใหญ่แน่นอนค่ะเพราะท่านว่าพอแก่ตัวลูกสาวต้องมาอยู่ดูแลซึ่งท่านก็วางแผนไว้หมดแล้วว่าจบมาเราจะต้องทำงานที่ไหน เดินทางยังไงเสร็จสรรพ
เวลาอยู่นอกบ้าน จขกท.เป็นคนละคนกับที่บ้านเลยค่ะ อยู่กับคนอื่นง่ายๆสบายๆ อยากทำอะไรก็ทำดูเป็นคนมั่นใจ เป็นผู้นำได้แต่พอมาอยู่กับครอบครัวรู้สึกด้อยค่า เราเก่งไม่พอ ดีไม่พอ รู้สึกเครียดตลอดเวลากับเรื่องเล็กๆน้อยๆก็เสียความมั่นใจ
เคยมีเพื่อน จขกท.สังเกตพฤติกรรมเรากับครอบครัวก็พูดประโยคนึงที่จุกจนน้ำตาคลอตอนเพื่อนพูด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพื่อนจขกท.พูดว่า สาเหตุที่เราแฮปปี้กับข้างนอกมากกว่าในบ้านเพราะอยู่บ้านเราโดนตีกรอบหลายอย่าง ตอนนั้นน้ำตาแทบร่วง เราเซนซิทีฟมากค่ะกับเรื่องครอบครัว เคยไปสัมภาษณ์แล้วอ.จี้เรื่องครอบครัวก็เกือบร้องไห้เหมือนกัน
หลายๆครั้งก็เก็บเรื่องที่ตัวเองเป็นคนแบบนี้มานั่งร้องไห้แล้วโทษตัวเองเงียบๆคนเดียว โกรธที่เราเป็นคนแบบนี้ โกรธที่ชอบในสิ่งที่ต่างจากครอบครัวโดยสิ้นเชิงแล้วปรับตัวไม่ได้ซักที พยายามแก้มาตลอดแต่มันก็ยังดีไม่พอ รู้สึกตัวเองเป็นคนตัดสินใจอะไรผิดพลาด ไม่มีค่า เป็นเป็ดที่ไม่มีดีเหมือนที่ครอบครัวเราชอบพูดใส่.. ก่อนหน้านี้จขกท.เคยเป็นหนักจนบอกพ่อแม่ด้วยตนเองว่าเราไปพบจิตแพทย์กันดีมั้ย เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น สุดท้ายก็จบที่เราเป็นคนปรับตัวไม่ได้เอง คิดไปเองว่าตนเองมีปัญหา ทำปมให้ตัวเอง...
จขกท.ควรทำยังไงต่อไปดีคะ จะปรับความคิดยังไงดี ตอนนี้ก็ยังพยายามปรับตัวไปเรื่อยๆ
ช่วงอยู่หอจะไม่ได้ทะเลาะกัน มีติดต่อพอให้คิดถึงแต่ช่วงนี้กลับมาอยู่บ้านเพราะโควิด เหนื่อยใจมากค่ะ
(ยาวหน่อยต้องขออภัยด้วยค่ะTT)
[ระบาย]จะจัดการกับความคิดยังไงคะ รู้สึกด้อยค่าเวลาอยู่กับครอบครัว
ครอบครัวจขกท.ค่อนข้างหัวโบราณและมีความคาดหวังต่อลูกสูงโดยเฉพาะผู้หญิง พ่อแม่คาดหวังว่าเราต้องเก่งต้องดีงานบ้านต้องได้ฯล ซึ่งตัวเราคือคนที่ต้องปรับทุกอย่าง มีดีแค่ว่าเรียนพอได้เลยไม่ค่อยโดนเรื่องนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อาหารที่ชอบที่ทานก็ต่างจากที่บ้าน(แต่เราก็ต้องทานให้ได้ถ้าไม่ร่วมทานด้วยก็เป็นปัญหา)