สวัสดีครับ เป็นการตั้งกระทู้แรกในชีวิตเลยครับ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
เริ่มจากเมื่อต้นปี 2018 ผมเคยทำเรื่องขอวีซ่านักเรียน F1 ของอเมริกาแต่ถูกปฏิเสธมาทั้งหมด 3 ครั้งครับ รอบสุดท้ายเจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่ต้องมาสัมภาษณ์แล้วนะ เสียเวลาและเสียดายเงินด้วย ถึงมาสัมภาษณ์อีกก็ไม่ผ่าน T T ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนไปเรียนที่ออสเตรเลียแทน (ผมใช้บริการเอเจ้นท์ในการกรอกข้อมูลและเตรียมเอกสารทั้งหมด) ขออภัยที่ดองกระทู้ไว้เกือบปี เพิ่งจะมีเวลาว่างมาแชร์ประสบการณ์ครับ
วันนี้ผมเลยอยากจะแชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาในปี 2019 ของผมเองครับ โดยครั้งนี้ผมจะทำการกรอกข้อมูลเองทั้งหมด
ข้อมูลพื้นฐานของผมอายุ 20 ปลาย ทำงานบริษัทเอกชนระยะเวลา 8 เดือนกว่า (เริ่มงานหลังจากกลับจากออสเตรเลีย) เที่ยวต่างประเทศบ้างปีละครั้ง สองครั้ง เคยมีวีซ่าเชงเก้นและเคยไป work&travel ที่อเมริกามาในปี 2010 ครับ
ขั้นตอนแรก
ผมเริ่มหาข้อมูลการขอวีซ่าจากในพันทิปนี่แหละครับ ได้ข้อมูลจากกระทู้นี้เลยครับสำหรับการเตรียมเอกสารทั้งหมด และเป็นเคสที่ค่อนข้างจะเหมือนของผมคือเคยโดนปฎิเสธวีซ่านักเรียนมาเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากๆครับ.
https://ppantip.com/topic/37911897
แพลนการท่องเที่ยวที่ผมทำไว้คร่าวๆ ประมาณนี้ครับ ซึ่งจะมีไปน้ำตาไนแองการ่าและดีซีด้วยครับ
Day 1 : Arrive JFK airport at 4pm
- Hotel (The local hotel address : 13-02 44th Avenue, Long Island City NY 11101)
Day 2
- Top of the rock Empire State Building
- Flatiron Building
- 230 Rooftop bar
Day 3 : Time Square
- Grand Central Terminal
- Bryant Park
- The New York Public Library
- Father Duffy Square (บันไดแดงกลาง Time Square)
Day 4 : Dumbo
- Brooklyn Bridge
- Soho
- China town
Day 5 : Fifth Avenue
- St. Patrick’s Cathedral
- Rockefeller Center (Top of the rock)
- Trump Tower
- Apple Fifth Avenue
- Lotte New York Palace
- Radio City Music Hall
Day 6
- Chelsea Market
- High Line (สวนสาธารณะลอยฟ้า)
- Big Gay Ice Cream Shop
- Washington Square Park
Day 7 : Financial District
- Lady of Liberty
- Battery Park
- Wall Street
- Charging Bull
- Federal Hall
- The Oculus
- 9/11 Memorial / Ground Zero
Day 8 : - The Metropolitan Museum of Art (The MET)
- Central Park : Alice in Wonderland / Bethesda Fountain
Day 9 : Washington DC go with tour For Funs
- National Air and Space museum
- U.S. capitol
- White House
- Lincoln Memorial
- DC sightseeing cruise
Day 10 :
- Corning glass museum
- Watkins Glen
- Niagara Falls night view
Day 11 :
- Niagara Whirlpool park
- The U.S. historic landmark of Old Fort Niagara
- Maid of Mist
Day 12 :
- Alexandra bay Thousand Island region
- Go back to New York
- Stay at Airbnb in town
Day 13 : Shopping day
- 34 street
- SoHo
- Go to the JFK Airport around 7pm...
ขั้นตอนที่สอง
ทำการสมัครและกรอก DS 160 ออนไลน์จากเว็บไซต์นี้ครับ
https://ceac.state.gov/genniv/
เนื่องจากครั้งนี้ผมกรอกข้อมูลเองทุกขั้นตอน ผมจะใส่ข้อมูลให้เยอะที่สุดเท่าที่กรอกได้ครับ โดยเฉพาะในส่วนของการทำงาน
เมื่อทำกรอกข้อมูลเรียบร้อยและได้ทำการสมัคร จะให้เราไปชำระเงินค่าธรรมเนียมการสมัครที่ธนาคาร
ขั้นตอนที่สาม
เมื่อชำระเงินเรียบร้อย จะสามารถเข้าระบบไปทำการนัดวันสัมภาษณ์วีซ่าได้ ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนวันนัดได้ 2ครั้ง
เว็บไซต์สำหรับทำการนัดวัดสัมภาษณ์
https://cgifederal.secure.force.com/?language=Thai&country=Thailand
ผมได้คิวมาเป็นวันอังคารถัดไปครับ พอวันพฤหัสไปเจอโพสต์ของน้องๆที่ไป work&travel ซึ่งแจ้งว่าถ้าเคยได้รับวีซ่ามาก่อน (ผมเคยได้วีซ่า J1) ต้องโทรไปเปลี่ยน barcode กับทางสถานทูตก่อนซึ่งใช้เวลา3วันทำการ ผมจึงรีบโทรไปเปลี่ยนทันทีครับ แต่ของผมโทรไปวันพฤหัสครับ ปกตินับเป็น พฤหัส ศุกร์ จันทร์ แต่วันจันทร์ถัดไปดันเป็นวันหยุดราชการ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าคงไม่ทัน ยกเลิกก็ไม่ได้ เลื่อนนัดก็ไม่ได้ละเช่นกันเพราะเลื่อนมาแล้ว2ครั้ง เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะมาเช็คหน้างานอีกทีก็ได้แต่คิดว่ายังไงก็ไม่ได้เข้าสัมภาษณ์ เลยได้แต่ทำใจยอมรับครับ TT เสียเงินไปเลยฟรีๆ เพราะปกติเอเจ้นท์จัดการให้ทุกอย่างเลยไม่ทราข้อมูลนี้เลยครับ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ขอทำการจองคิวจ่ายเงินค่าสัมภาษณ์ใหม่ครับ ครั้งนี้นับเป็นคร้งที่5 ในรอบ 2ปีของผม (3ครั้งแรกขอวีซ่านักเรียน)ได้ทำการของคิวใหม่ก็ได้คิวในอาทิตย์ถัดไป และได้ทำการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เรื่องการปรับเปลี่ยน barcode ทุกอย่างเรียบร้อย รอวันไปสัมภาษณ์
ขั้นตอนที่4
เตรียมเอกสารทุกอย่างเข้าแฟ้ม ดูว่ามีอะไรขาดเหลือไหม พอดีตอนจัดเอกสารไปเจอใบ certificate ที่ไปเรียนที่ออสเตรเลียมาเลยแนบไปด้วยครับ
การแต่งกายตอนที่ไปสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนแต่งตัวเป็นทางการมากครับ ใส่สูทไปด้วย ร้อนมากกกก แต่รอบนี้แต่งกายสุภาพพอครับ เสื้อ กางเกงยีนส์ รองเท้าหุ้มส้น สีสุภาพ
ก่อนไปสัมภาษณ์ผมก็คิดคำถาม-คำตอบไว้ประมาณนี้ครับ
1.ไป US ทำไม = ไปท่องเที่ยว
2.ไปที่ไหนบ้าง กี่วัน ไปกับใคร = ไปนิวยอร์ค ดีซี อยากเห็นไนแองการ่า ไป2อาทิตย์ ไปคนเดียว
3.ทำงานที่ไหน = ทำงานบริษัท.....
4.ใครซัพพอร์ต = ซัพพอร์ตตัวเอง
5.ครั้งก่อนเคยมาขอวีซ่านักเรียนแล้วใช่ไหม = ใช่ แต่ถูกปฏิเสธ
6.รู้จักใครบ้างที่ US = ไม่รู้จักใคร
7.เคยไปที่ไหนมาบ้าง = ประเทศที่เคยไปเที่ยวมา เตรียมไว้สัก3-4ประเทศ
อันนี้เป็นคำถามคร่าวๆที่คิดไว้ครับ คิวผม 9โมงไปถึงก่อนเวลาสัก 15นาที จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจคิวและชื่อ ต้องทำการฝากกระเป๋าและโทรศัพท์
พอผ่านจุดตรวจเข้าไปก็เอาเอกสารไปตรวจก่อนเข้าสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่จะเรียกเป็นรอบๆไปนะครับ ผมรอบ 9โมงเช้า ก็เอาเอกสารพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่เช็ค พอต้องเข้าไปสัมภาษณ์ก็ต้องผ่านช่องเจ้าหน้าที่คนไทยซักถามรอบแรกก่อนละเข้าคิวรอสัมภาษณ์กับท่านกงสุล รอบนี้ได้เจ้าหน้าที่ผู้หญิงครับ ถึงจะเคยมาสัมภาษณ์มา4รอบแล้ว แต่ก็ยังตื่นเต้นมากๆครับ ผมสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษนะครับ เจ้าหน้าที่พูดช้า เข้าใจได้ง่ายครับ
คำถามประมาณนี้เลยครับ
1.ไป USทำไม = ไปเที่ยว อยากไปเห็นนิวยอร์คกับน้ำตกไนแองการ่าสักครั้ง
2.ตอนนั้นเคยมาขอวีซ่านักเรียน? = ใช่ แต่ถูกปฏิเสธเลยไปเรียนที่ออสเตรเลียแทน
3.ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ไหน? ขอใบรับรองทำงาน = ทำงานที่บริษัท... ตำแหน่ง... ยื่นใบรับรองการทำงานให้
4.ขอดูใบ Certificate ที่ออสเตรเลีย
5.ขอวีซ่านักเรียนก่อนหรือหลังไปออสเตรเลีย = ก่อนไปออสเตรเลีย เพราะถูกปฏิเสธวีซ่านักเรียนที่นี่เลยไปที่ออสเตรเลียแทน
6.เรียนจบหลักสูตรไหม = จบครับ
7.ใครซัพพอร์ตคุณ = ซัพพอร์ตตัวเอง
8.ไปกับUSใคร ละตอนไปยุโรปไปกับใคร = ไปคนเดียว ตอนไปยุโรปก็ไปคนเดียว เพราะชอบเที่ยวคนเดียว
แล้วเจ้าหน้าที่ก็แจ้งผมว่า Have a nice trip คือผ่านครับผม เจ้าหน้าที่ก็รับเล่มพาสปอร์ตไปและจะจัดส่งถึงบ้านภายใน7วัน
การไปสัมภาษณ์รอบนี้จะค่อนข้างแตกต่างกับการขอวีซ่านักเรียนตรงเรามีหลักฐานการเงิน การงานของตัวเอง ทำให้เราสามารถตอบคำถามทั้งหมดได้เพราะเป็นข้อมูลของเราทั้งหมด และเรารู้ข้อมูลที่เรากรอกลงไปใน DS160 ด้วยตัวเองด้วยครับ ส่วนตัวผมโชคดีตรงที่แนบใบ certificate ตอนไปเรียนที่ออสเตรเลียมาด้วยครับ ซี่งเจ้าหน้าที่ถามและผมมีเอกสารให้เค้าเป็นหลักฐานว่าไปมาแล้วกลับมาจริง ถึงแม้จะเคยโดนปฏิเสธวีซ่านักเรียน US มาถึง3ครั้ง แต่ถ้าหลักฐานเราครบถ้วน จุดประสงค์ชัดเจน ก็สามารถผ่านวีซ่าได้ง่ายๆครับ
***ข้อมูลเพิ่มเติมตอนไปถึงนิวยอร์คและตอบคำถาม Immigration
1. มากี่วัน พักที่ไหน = 2 อาทิตย์ พักที่อพาร์ทเม้นต์เช่ารายวันของคนไทย
2.ทำงานอะไร = แจ้งตำแหน่ง
3.ทำไมถึงพักอพาร์ทเม้นต์เช่ารายวันแทนที่จะพักโรงแรมทั้งๆที่การงานดี = เพราะว่าราคาถูกกว่าโรงแรมเยอะมาก ทำเลดีกว่าด้วย
4.มีเพื่อนอยู่ที่นิวยอร์คไหม = ไม่มี
5.มาเที่ยวไม่ได้จะมาทำงานใช่ไหม = ไม่ทำครับ มีงานทำที่ไทย
และก็ผ่านฉลุยเข้านิวยอร์คได้อย่างราบรื่นครับ กระทู้ล่าช้าไปเกือบปีขออภัยด้วยครับ แต่เพราะเคยพูดไว้ว่าถ้าวีซ่าผ่านจะมาแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง วันนี้มีเวลาได้ทำการตั้งกระทู้จริงจังสักที จริงๆผมแอบมูด้วยเล็กน้อย ค่าวีซ่าแพงจริงๆครับ กลัวจะไม่ผ่านอีก 55555555 เลยต้องมูด้วยเล็กน้อย
หวังว่าการแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่ต้องการไปขอวีซ่าไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ...
แชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาปี2019 หลังจากโดนปฏิเสธวีซ่านักเรียนถึง 3 ครั้ง
เริ่มจากเมื่อต้นปี 2018 ผมเคยทำเรื่องขอวีซ่านักเรียน F1 ของอเมริกาแต่ถูกปฏิเสธมาทั้งหมด 3 ครั้งครับ รอบสุดท้ายเจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่ต้องมาสัมภาษณ์แล้วนะ เสียเวลาและเสียดายเงินด้วย ถึงมาสัมภาษณ์อีกก็ไม่ผ่าน T T ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนไปเรียนที่ออสเตรเลียแทน (ผมใช้บริการเอเจ้นท์ในการกรอกข้อมูลและเตรียมเอกสารทั้งหมด) ขออภัยที่ดองกระทู้ไว้เกือบปี เพิ่งจะมีเวลาว่างมาแชร์ประสบการณ์ครับ
วันนี้ผมเลยอยากจะแชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาในปี 2019 ของผมเองครับ โดยครั้งนี้ผมจะทำการกรอกข้อมูลเองทั้งหมด
ข้อมูลพื้นฐานของผมอายุ 20 ปลาย ทำงานบริษัทเอกชนระยะเวลา 8 เดือนกว่า (เริ่มงานหลังจากกลับจากออสเตรเลีย) เที่ยวต่างประเทศบ้างปีละครั้ง สองครั้ง เคยมีวีซ่าเชงเก้นและเคยไป work&travel ที่อเมริกามาในปี 2010 ครับ
ขั้นตอนแรก
ผมเริ่มหาข้อมูลการขอวีซ่าจากในพันทิปนี่แหละครับ ได้ข้อมูลจากกระทู้นี้เลยครับสำหรับการเตรียมเอกสารทั้งหมด และเป็นเคสที่ค่อนข้างจะเหมือนของผมคือเคยโดนปฎิเสธวีซ่านักเรียนมาเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากๆครับ. https://ppantip.com/topic/37911897
แพลนการท่องเที่ยวที่ผมทำไว้คร่าวๆ ประมาณนี้ครับ ซึ่งจะมีไปน้ำตาไนแองการ่าและดีซีด้วยครับ
Day 1 : Arrive JFK airport at 4pm
- Hotel (The local hotel address : 13-02 44th Avenue, Long Island City NY 11101)
Day 2
- Top of the rock Empire State Building
- Flatiron Building
- 230 Rooftop bar
Day 3 : Time Square
- Grand Central Terminal
- Bryant Park
- The New York Public Library
- Father Duffy Square (บันไดแดงกลาง Time Square)
Day 4 : Dumbo
- Brooklyn Bridge
- Soho
- China town
Day 5 : Fifth Avenue
- St. Patrick’s Cathedral
- Rockefeller Center (Top of the rock)
- Trump Tower
- Apple Fifth Avenue
- Lotte New York Palace
- Radio City Music Hall
Day 6
- Chelsea Market
- High Line (สวนสาธารณะลอยฟ้า)
- Big Gay Ice Cream Shop
- Washington Square Park
Day 7 : Financial District
- Lady of Liberty
- Battery Park
- Wall Street
- Charging Bull
- Federal Hall
- The Oculus
- 9/11 Memorial / Ground Zero
Day 8 : - The Metropolitan Museum of Art (The MET)
- Central Park : Alice in Wonderland / Bethesda Fountain
Day 9 : Washington DC go with tour For Funs
- National Air and Space museum
- U.S. capitol
- White House
- Lincoln Memorial
- DC sightseeing cruise
Day 10 :
- Corning glass museum
- Watkins Glen
- Niagara Falls night view
Day 11 :
- Niagara Whirlpool park
- The U.S. historic landmark of Old Fort Niagara
- Maid of Mist
Day 12 :
- Alexandra bay Thousand Island region
- Go back to New York
- Stay at Airbnb in town
Day 13 : Shopping day
- 34 street
- SoHo
- Go to the JFK Airport around 7pm...
ขั้นตอนที่สอง
ทำการสมัครและกรอก DS 160 ออนไลน์จากเว็บไซต์นี้ครับ https://ceac.state.gov/genniv/
เนื่องจากครั้งนี้ผมกรอกข้อมูลเองทุกขั้นตอน ผมจะใส่ข้อมูลให้เยอะที่สุดเท่าที่กรอกได้ครับ โดยเฉพาะในส่วนของการทำงาน
เมื่อทำกรอกข้อมูลเรียบร้อยและได้ทำการสมัคร จะให้เราไปชำระเงินค่าธรรมเนียมการสมัครที่ธนาคาร
ขั้นตอนที่สาม
เมื่อชำระเงินเรียบร้อย จะสามารถเข้าระบบไปทำการนัดวันสัมภาษณ์วีซ่าได้ ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนวันนัดได้ 2ครั้ง
เว็บไซต์สำหรับทำการนัดวัดสัมภาษณ์ https://cgifederal.secure.force.com/?language=Thai&country=Thailand
ผมได้คิวมาเป็นวันอังคารถัดไปครับ พอวันพฤหัสไปเจอโพสต์ของน้องๆที่ไป work&travel ซึ่งแจ้งว่าถ้าเคยได้รับวีซ่ามาก่อน (ผมเคยได้วีซ่า J1) ต้องโทรไปเปลี่ยน barcode กับทางสถานทูตก่อนซึ่งใช้เวลา3วันทำการ ผมจึงรีบโทรไปเปลี่ยนทันทีครับ แต่ของผมโทรไปวันพฤหัสครับ ปกตินับเป็น พฤหัส ศุกร์ จันทร์ แต่วันจันทร์ถัดไปดันเป็นวันหยุดราชการ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าคงไม่ทัน ยกเลิกก็ไม่ได้ เลื่อนนัดก็ไม่ได้ละเช่นกันเพราะเลื่อนมาแล้ว2ครั้ง เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะมาเช็คหน้างานอีกทีก็ได้แต่คิดว่ายังไงก็ไม่ได้เข้าสัมภาษณ์ เลยได้แต่ทำใจยอมรับครับ TT เสียเงินไปเลยฟรีๆ เพราะปกติเอเจ้นท์จัดการให้ทุกอย่างเลยไม่ทราข้อมูลนี้เลยครับ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ขอทำการจองคิวจ่ายเงินค่าสัมภาษณ์ใหม่ครับ ครั้งนี้นับเป็นคร้งที่5 ในรอบ 2ปีของผม (3ครั้งแรกขอวีซ่านักเรียน)ได้ทำการของคิวใหม่ก็ได้คิวในอาทิตย์ถัดไป และได้ทำการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เรื่องการปรับเปลี่ยน barcode ทุกอย่างเรียบร้อย รอวันไปสัมภาษณ์
ขั้นตอนที่4
เตรียมเอกสารทุกอย่างเข้าแฟ้ม ดูว่ามีอะไรขาดเหลือไหม พอดีตอนจัดเอกสารไปเจอใบ certificate ที่ไปเรียนที่ออสเตรเลียมาเลยแนบไปด้วยครับ
การแต่งกายตอนที่ไปสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนแต่งตัวเป็นทางการมากครับ ใส่สูทไปด้วย ร้อนมากกกก แต่รอบนี้แต่งกายสุภาพพอครับ เสื้อ กางเกงยีนส์ รองเท้าหุ้มส้น สีสุภาพ
ก่อนไปสัมภาษณ์ผมก็คิดคำถาม-คำตอบไว้ประมาณนี้ครับ
1.ไป US ทำไม = ไปท่องเที่ยว
2.ไปที่ไหนบ้าง กี่วัน ไปกับใคร = ไปนิวยอร์ค ดีซี อยากเห็นไนแองการ่า ไป2อาทิตย์ ไปคนเดียว
3.ทำงานที่ไหน = ทำงานบริษัท.....
4.ใครซัพพอร์ต = ซัพพอร์ตตัวเอง
5.ครั้งก่อนเคยมาขอวีซ่านักเรียนแล้วใช่ไหม = ใช่ แต่ถูกปฏิเสธ
6.รู้จักใครบ้างที่ US = ไม่รู้จักใคร
7.เคยไปที่ไหนมาบ้าง = ประเทศที่เคยไปเที่ยวมา เตรียมไว้สัก3-4ประเทศ
อันนี้เป็นคำถามคร่าวๆที่คิดไว้ครับ คิวผม 9โมงไปถึงก่อนเวลาสัก 15นาที จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจคิวและชื่อ ต้องทำการฝากกระเป๋าและโทรศัพท์
พอผ่านจุดตรวจเข้าไปก็เอาเอกสารไปตรวจก่อนเข้าสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่จะเรียกเป็นรอบๆไปนะครับ ผมรอบ 9โมงเช้า ก็เอาเอกสารพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่เช็ค พอต้องเข้าไปสัมภาษณ์ก็ต้องผ่านช่องเจ้าหน้าที่คนไทยซักถามรอบแรกก่อนละเข้าคิวรอสัมภาษณ์กับท่านกงสุล รอบนี้ได้เจ้าหน้าที่ผู้หญิงครับ ถึงจะเคยมาสัมภาษณ์มา4รอบแล้ว แต่ก็ยังตื่นเต้นมากๆครับ ผมสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษนะครับ เจ้าหน้าที่พูดช้า เข้าใจได้ง่ายครับ
คำถามประมาณนี้เลยครับ
1.ไป USทำไม = ไปเที่ยว อยากไปเห็นนิวยอร์คกับน้ำตกไนแองการ่าสักครั้ง
2.ตอนนั้นเคยมาขอวีซ่านักเรียน? = ใช่ แต่ถูกปฏิเสธเลยไปเรียนที่ออสเตรเลียแทน
3.ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ไหน? ขอใบรับรองทำงาน = ทำงานที่บริษัท... ตำแหน่ง... ยื่นใบรับรองการทำงานให้
4.ขอดูใบ Certificate ที่ออสเตรเลีย
5.ขอวีซ่านักเรียนก่อนหรือหลังไปออสเตรเลีย = ก่อนไปออสเตรเลีย เพราะถูกปฏิเสธวีซ่านักเรียนที่นี่เลยไปที่ออสเตรเลียแทน
6.เรียนจบหลักสูตรไหม = จบครับ
7.ใครซัพพอร์ตคุณ = ซัพพอร์ตตัวเอง
8.ไปกับUSใคร ละตอนไปยุโรปไปกับใคร = ไปคนเดียว ตอนไปยุโรปก็ไปคนเดียว เพราะชอบเที่ยวคนเดียว
แล้วเจ้าหน้าที่ก็แจ้งผมว่า Have a nice trip คือผ่านครับผม เจ้าหน้าที่ก็รับเล่มพาสปอร์ตไปและจะจัดส่งถึงบ้านภายใน7วัน
การไปสัมภาษณ์รอบนี้จะค่อนข้างแตกต่างกับการขอวีซ่านักเรียนตรงเรามีหลักฐานการเงิน การงานของตัวเอง ทำให้เราสามารถตอบคำถามทั้งหมดได้เพราะเป็นข้อมูลของเราทั้งหมด และเรารู้ข้อมูลที่เรากรอกลงไปใน DS160 ด้วยตัวเองด้วยครับ ส่วนตัวผมโชคดีตรงที่แนบใบ certificate ตอนไปเรียนที่ออสเตรเลียมาด้วยครับ ซี่งเจ้าหน้าที่ถามและผมมีเอกสารให้เค้าเป็นหลักฐานว่าไปมาแล้วกลับมาจริง ถึงแม้จะเคยโดนปฏิเสธวีซ่านักเรียน US มาถึง3ครั้ง แต่ถ้าหลักฐานเราครบถ้วน จุดประสงค์ชัดเจน ก็สามารถผ่านวีซ่าได้ง่ายๆครับ
***ข้อมูลเพิ่มเติมตอนไปถึงนิวยอร์คและตอบคำถาม Immigration
1. มากี่วัน พักที่ไหน = 2 อาทิตย์ พักที่อพาร์ทเม้นต์เช่ารายวันของคนไทย
2.ทำงานอะไร = แจ้งตำแหน่ง
3.ทำไมถึงพักอพาร์ทเม้นต์เช่ารายวันแทนที่จะพักโรงแรมทั้งๆที่การงานดี = เพราะว่าราคาถูกกว่าโรงแรมเยอะมาก ทำเลดีกว่าด้วย
4.มีเพื่อนอยู่ที่นิวยอร์คไหม = ไม่มี
5.มาเที่ยวไม่ได้จะมาทำงานใช่ไหม = ไม่ทำครับ มีงานทำที่ไทย
และก็ผ่านฉลุยเข้านิวยอร์คได้อย่างราบรื่นครับ กระทู้ล่าช้าไปเกือบปีขออภัยด้วยครับ แต่เพราะเคยพูดไว้ว่าถ้าวีซ่าผ่านจะมาแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง วันนี้มีเวลาได้ทำการตั้งกระทู้จริงจังสักที จริงๆผมแอบมูด้วยเล็กน้อย ค่าวีซ่าแพงจริงๆครับ กลัวจะไม่ผ่านอีก 55555555 เลยต้องมูด้วยเล็กน้อย
หวังว่าการแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่ต้องการไปขอวีซ่าไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ...