แชร์ประสบการณ์นะคะ วันนี้ 7 กย. 59 เราไปขอวีซ่าเมการอบ 7.30 น.
ตอนเข้าคิวตรวจตรวจเอกสารหน้าประตู บางคนบอกเจ้าหน้าที่ไทยพูดจาไม่ค่อยดี ที่เราเห็น เค้าจะหงุดหงิดใส่คนที่ไม่เตรียมเอกสารให้พร้อม เค้าประกาศแล้ว ให้เปิดรูปหน้าพาสปอร์ต และ โชว์ใบสมัคร DS 160 ไว้เลย เพื่อความรวดเร็ว บางคนไม่เตรียม พอถึงคิว เสียเวลาหาเอกสารในแฟ้ม
ส่วนเจ้าหน้าที่คนไทยด้านใน ตรงที่ต้องสแกนนิ้วมืออ่ะค่ะ เค้าถามค่อนข้างละเอียด กระทั่งเบอร์โทรที่บ้าน ที่ทำงาน ซึ่งเราด็ว่าเค้าถามธรรมดานะ ไม่ได้ดุอะไร
มาถึงเจ้าหน้าที่ฝรั่งที่เป็นผู้กำหนดว่า เราจะเสียเงิน 5 พันกว่าบาทไปฟรีๆ หรือไม่....
เราได้เจ้าหน้าที่ผู้หญิง คำถามแรก คุณจะไปทำอะไร เราว่าไปเที่ยว ไปกับแม่สองคน
ทีนี้เจ้าหน้าที่เริ่มถามเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งคนที่เที่ยวเมืองนอกเองก็ต้องสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ตัวเราไม่เก่งอังกฤษนะ ไวยากรณ์มั่วมาก เอาว่าคุยรู้เรื่องเป็นพอ เราบอก I will spend 11 days 10nights in The US. 4 days in New York 4 days inSanfrancisco and the last couple days in La
เจ้าหน้าที่บอก เราไป all around เลยนะ เราก็ยิ้ม ตอบ yes จากนิวยอร์ค I will get a flight to Sanfran cisco ซึ่งถ้าเราดันบอก เราจะนั่งรถไปซานฟราน เจ้าหน้าที่คงอึ้ง เพราะมันไกลกันมาก นั่งเครื่องยัง 6 ชม. คนละโซนกันเลยทีเดียว
คือเราหาข้อมูลมาแล้ว นิวยอร์ค - ซานฟราน ไกลคอด ต้องนั่งเครื่องบินสถานเดียว
จากนั้นก็ถามสั้นๆ เราทำงานอะไร ทำกี่ปี ไม่ขอดูเอกสารเลย มีเพื่อนหรือญาติที่นั่นมั้ย
เราตอบ I have no friend no counsil in The Us so i have to book the hotels. It s expensive .เจ้าหน้าที่สาวก็ยิ้มๆบอก Yes.
ในแบบฟอร์ม DS160 เรากรอกช่องข้อมูลผู้ติดต่อในเมกา คือ รร.ในนิวยอร์ค ซึ่งคืนละ 8000บาท รวมภาษีเมือง แพงคอดเพราะ อยู่ย่านนิยมของนิวยอร์ค
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็มาถามแม่เรา เราตอบแทนมา My mom is retired teacher.
เจ้าหน้าที่ถาม ใครจะจ่ายเงิน เราบอก เราจ่ายค่าเครื่องบินกับค่าโรงแรมให้แม่ แม่บอกจะจ่ายpocket money เอง
มาถึงคำถามสุดท้าย ยูไปไหนมาบ้าง เราบอก around asia เรากับแม่ไปฝรั่งเศส สวิสเซอรแลน ลักเซมเบริก เบลเยี่ยม เมื่อ 2 ปีก่อน
เจ้าหน้าที่บอก family trip เราตอบ yes ยิ้มรับ
เแล้วเจ้าหน้าที่ก็เก็บพาสปอรตเรากับแม่ไป หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ฝรั่งก็ไหว้แม่เราอย่างนอบน้อม ไหว้เหมือนเด็กไทยไหว้ผู้ใหญ่ แม่เราก็รับไหว้
รวมๆ เวลาที่สัมภาษณ์ 5-6 นาที ถามตอบกันเร็วมาก เจ้าหน้าที่ถามปุ๊บ เราตอบปั๊บ ชัดเจน
ตอนนี้รอพาสปอร์ตอยู่ เราว่านะ ที่เราได้วีซ่า เพราะเราตอบคำถามชัดเจน มีแพลนการท่องเที่ยวในหัวชัดไง ถามมาเหอะ ตอบได้หมด ภาษาอังกฤษเร่สื่อสสนได้ดี แม้ไวยากรณ์ผิด 5555 แนะนำว่าพูดๆ ไปเหอะ ฝรั่งเค้าเข้าใจแหละ การไปเที่ยวเอง แต่พูดสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็แปลกๆอยู่นะ
อีกอย่าง เจ้าหน้าที่ต้องเช็คการเดินทางเข้าออกประเทศของเรา คือ เราเที่ยวนอกทุกปี ไปทีอาทิตย์สองอาทิตย์ แล้วแต่ทริป ทริปยุโรปนั้นไป 12 วัน คือแสดงให้เห็นว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว
คนก่อนหน้าเรา มีไม่ผ่านวีซ่าหลายคน บางคนคุยนานมากก็ไม่ผ่าน สงสารมาก สูญเงินตั้ง 5 พันกว่าบาท เสียความรู้สึกอีก
สำหรับคนที่จะไปขอวีซ่าเมกา เราว่าตอบไปตามความจริง หากไปหาญาติที่นั่น ญาติก็ต้องมีเครดิตพอสมควร คู่พ่อแม่สัมภาษณ์ก่อนหน้าเรา พูดอังกฤษไม่ได้เลย อายุน่าจะ 50 กว่า จะบินไปงานแต่งลูกสาวที่เมกา ตัวพ่อแม่ไม่เคยออกนอกประเทศ แต่ลูกสาวทำงานดี เป็นพนักงานบริษัทในนิวยอร์ค ก็ได้วีซ่าคือไม่ได้แอบฟังนะ มันได้ยินเอง ส่วนช่องใกล้ๆ ไปหาลูกเหมือนกันเจ้าหน้าที่ถามเรื่องลูกเค้าเยอะ แล้วไม่ผ่านวีซ่า
ยังไงขอให้กำลังใจคนที่จะไปขอวีซ่าเมกานะคะ ขอให้ผ่านทุกคน ส่วนใครขอแล้วไม่ผ่าน ลองปรับปรุงข้อมูลดูนะคะ
หวังว่ากระทู้เราจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ
วีซ่าอเมริกาผ่านง่าย เจ้าหน้าที่ไหว้แม่เราด้วย
ตอนเข้าคิวตรวจตรวจเอกสารหน้าประตู บางคนบอกเจ้าหน้าที่ไทยพูดจาไม่ค่อยดี ที่เราเห็น เค้าจะหงุดหงิดใส่คนที่ไม่เตรียมเอกสารให้พร้อม เค้าประกาศแล้ว ให้เปิดรูปหน้าพาสปอร์ต และ โชว์ใบสมัคร DS 160 ไว้เลย เพื่อความรวดเร็ว บางคนไม่เตรียม พอถึงคิว เสียเวลาหาเอกสารในแฟ้ม
ส่วนเจ้าหน้าที่คนไทยด้านใน ตรงที่ต้องสแกนนิ้วมืออ่ะค่ะ เค้าถามค่อนข้างละเอียด กระทั่งเบอร์โทรที่บ้าน ที่ทำงาน ซึ่งเราด็ว่าเค้าถามธรรมดานะ ไม่ได้ดุอะไร
มาถึงเจ้าหน้าที่ฝรั่งที่เป็นผู้กำหนดว่า เราจะเสียเงิน 5 พันกว่าบาทไปฟรีๆ หรือไม่....
เราได้เจ้าหน้าที่ผู้หญิง คำถามแรก คุณจะไปทำอะไร เราว่าไปเที่ยว ไปกับแม่สองคน
ทีนี้เจ้าหน้าที่เริ่มถามเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งคนที่เที่ยวเมืองนอกเองก็ต้องสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ตัวเราไม่เก่งอังกฤษนะ ไวยากรณ์มั่วมาก เอาว่าคุยรู้เรื่องเป็นพอ เราบอก I will spend 11 days 10nights in The US. 4 days in New York 4 days inSanfrancisco and the last couple days in La
เจ้าหน้าที่บอก เราไป all around เลยนะ เราก็ยิ้ม ตอบ yes จากนิวยอร์ค I will get a flight to Sanfran cisco ซึ่งถ้าเราดันบอก เราจะนั่งรถไปซานฟราน เจ้าหน้าที่คงอึ้ง เพราะมันไกลกันมาก นั่งเครื่องยัง 6 ชม. คนละโซนกันเลยทีเดียว
คือเราหาข้อมูลมาแล้ว นิวยอร์ค - ซานฟราน ไกลคอด ต้องนั่งเครื่องบินสถานเดียว
จากนั้นก็ถามสั้นๆ เราทำงานอะไร ทำกี่ปี ไม่ขอดูเอกสารเลย มีเพื่อนหรือญาติที่นั่นมั้ย
เราตอบ I have no friend no counsil in The Us so i have to book the hotels. It s expensive .เจ้าหน้าที่สาวก็ยิ้มๆบอก Yes.
ในแบบฟอร์ม DS160 เรากรอกช่องข้อมูลผู้ติดต่อในเมกา คือ รร.ในนิวยอร์ค ซึ่งคืนละ 8000บาท รวมภาษีเมือง แพงคอดเพราะ อยู่ย่านนิยมของนิวยอร์ค
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็มาถามแม่เรา เราตอบแทนมา My mom is retired teacher.
เจ้าหน้าที่ถาม ใครจะจ่ายเงิน เราบอก เราจ่ายค่าเครื่องบินกับค่าโรงแรมให้แม่ แม่บอกจะจ่ายpocket money เอง
มาถึงคำถามสุดท้าย ยูไปไหนมาบ้าง เราบอก around asia เรากับแม่ไปฝรั่งเศส สวิสเซอรแลน ลักเซมเบริก เบลเยี่ยม เมื่อ 2 ปีก่อน
เจ้าหน้าที่บอก family trip เราตอบ yes ยิ้มรับ
เแล้วเจ้าหน้าที่ก็เก็บพาสปอรตเรากับแม่ไป หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ฝรั่งก็ไหว้แม่เราอย่างนอบน้อม ไหว้เหมือนเด็กไทยไหว้ผู้ใหญ่ แม่เราก็รับไหว้
รวมๆ เวลาที่สัมภาษณ์ 5-6 นาที ถามตอบกันเร็วมาก เจ้าหน้าที่ถามปุ๊บ เราตอบปั๊บ ชัดเจน
ตอนนี้รอพาสปอร์ตอยู่ เราว่านะ ที่เราได้วีซ่า เพราะเราตอบคำถามชัดเจน มีแพลนการท่องเที่ยวในหัวชัดไง ถามมาเหอะ ตอบได้หมด ภาษาอังกฤษเร่สื่อสสนได้ดี แม้ไวยากรณ์ผิด 5555 แนะนำว่าพูดๆ ไปเหอะ ฝรั่งเค้าเข้าใจแหละ การไปเที่ยวเอง แต่พูดสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็แปลกๆอยู่นะ
อีกอย่าง เจ้าหน้าที่ต้องเช็คการเดินทางเข้าออกประเทศของเรา คือ เราเที่ยวนอกทุกปี ไปทีอาทิตย์สองอาทิตย์ แล้วแต่ทริป ทริปยุโรปนั้นไป 12 วัน คือแสดงให้เห็นว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว
คนก่อนหน้าเรา มีไม่ผ่านวีซ่าหลายคน บางคนคุยนานมากก็ไม่ผ่าน สงสารมาก สูญเงินตั้ง 5 พันกว่าบาท เสียความรู้สึกอีก
สำหรับคนที่จะไปขอวีซ่าเมกา เราว่าตอบไปตามความจริง หากไปหาญาติที่นั่น ญาติก็ต้องมีเครดิตพอสมควร คู่พ่อแม่สัมภาษณ์ก่อนหน้าเรา พูดอังกฤษไม่ได้เลย อายุน่าจะ 50 กว่า จะบินไปงานแต่งลูกสาวที่เมกา ตัวพ่อแม่ไม่เคยออกนอกประเทศ แต่ลูกสาวทำงานดี เป็นพนักงานบริษัทในนิวยอร์ค ก็ได้วีซ่าคือไม่ได้แอบฟังนะ มันได้ยินเอง ส่วนช่องใกล้ๆ ไปหาลูกเหมือนกันเจ้าหน้าที่ถามเรื่องลูกเค้าเยอะ แล้วไม่ผ่านวีซ่า
ยังไงขอให้กำลังใจคนที่จะไปขอวีซ่าเมกานะคะ ขอให้ผ่านทุกคน ส่วนใครขอแล้วไม่ผ่าน ลองปรับปรุงข้อมูลดูนะคะ
หวังว่ากระทู้เราจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ