จากโรคซึมเศร้า สู่ครูสอนโยคะ

เอาละคะ วันนี้เฟิร์นอยากจะมาเล่าประสบการณ์ส่วนตัว ที่เคยเป็นโรคซึมเศร้าขั้นร้ายแรงมาก่อน แต่ณ.ปัจจุบันได้หายสนิทแล้วค่ะ 
“โยคะช่วยเฟิร์นเอาชนะโรคซึมเศร้าค่ะ”
.
ก่อนอื่น เฟิร์นขออนุญาตแนะนำตัวเองก่อนนะค่ะ ชื่อ เฟิร์น ณัฏฐ์นรี อายุ 27 ปี อาชีพปัจจุบัน ครูสอนโยคะ สองภาษา ภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ ค่ะ
.
ย้อนกลับไปเมื่อ 4ปี ที่แล้ว เฟิร์น มีอาการเจ็บป่วยทางด้านร่างกายค่อนข้างเรื้อรังค่ะ เป็นทั้ง ระบบ ทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ ระบบมดลูก และระบบประสาทค่ะ เรียกได้ว่าเดินกำลังเต็มรูปแบบในการป่วย ช่วงชีวิตในตอนนั้น เปลี่ยนโรงพยาบาลหลายแห่ง และก็เข้า-ออก โรงพยาบาลเป็นว่าเล่นเลยค่ะ

.
ทั้งหมด ทั้งมวล นำพามาซึ่งโรคร้ายที่แฝงอยู่ในความเจ็บป่วยของร่างกาย แต่จริงๆแล้วมันคือความเจ็บป่วยทางความคิด เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา นั่นคือ โรคซึมเศร้า หรือ Depression ค่ะ
ตอนแรก เฟิร์นไม่รู้ตัวและไม่คาดคิดด้วย ว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้า อย่างที่เราทราบกันว่ามันเป็นภัยเงียบ รู้ตัวอีกทีก็ถึงขั้นที่ต้องกินยาปรับเคมีในสมอง และอีกหลายตัวยาที่ต้องกิน เพื่อ ให้เราอาการดีขึ้นค่ะ
.
อาการ หนัก มากขนาดไหน?
ถ้าถามถึงอาการของเฟิร์นว่าเป็นมากขนาดไหน เฟิร์นยอมรับตรงนี้เลยว่า เคยคิดฆ่าตัวตายถึง2ครั้งค่ะ แต่เหมือนสวรรค์ยังอยากให้เรามีชีวิตเพื่อทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อ ขณะนั้นเอง ตัวเฟิร์นเองต้องกลับไปพบคุณหมออย่างด่วนเลยค่ะ และรักษาตัวเองให้ดีขึ้นตามลำดับ ด้วยการทานยา บำบัดจิต ควบคู่กันไป เฟิร์นให้ความร่วมมือในการรักษาเป็นอย่างดีค่ะ ใช้ระยะร่วมปีในการรักษา ในตอนนั้นเฟิร์นไม่สามารถทำงาน หรือทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นนานๆได้เลย และความรู้สึกในตอนนั้น ความหวังในการที่จะหายจากโรคนี้น้อยมากๆค่ะ
.
จุดเปลี่ยนแรก
หลังจากนั้นเมื่ออาการเริ่มสงบลงในระยะแรก เฟิร์นเห็นมีสตูดิโอสอนโยคะ มาเปิดใหม่ แถวๆระแวกบ้านเฟิร์นเอง เลยลองไปสมัครเรียนแบบรวมดู
สรุปไปไม่รอดค่ะ ไม่มีสมาธิเลย อยากแต่จะกลับบ้าน แถมพอฝึกเสร็จกลับไปบ้านร้องไห้อีก ไม่รู้จะร้องทำไม เฟิร์นจึงตัดสินใจหยุดพักก่อนค่ะ ในใจลึกๆเฟิร์นอยากเรียนมากๆค่ะ เพราะคิดว่าน่าจะช่วยให้เราดีขึ้นความหวังมี0.1% เฟิร์นก็ไม่หมดหวังค่ะ แต่รู้ว่าด้วยสุขภาพร่างกายยังไม่แข็งแรง เฟิร์นน้ำหนักลดลงไป ถึง10 กิโล ภายใน2ปี ค่ะ เรียวแรงก็ไม่ค่อยมี เคยถึงขนาดเดินขึ้นบันไดบ้านชั้นสองไม่ไหว จนต้องไปให้สารอาหาร และเกลือแร่ เข้าเส้นเลือด ที่โรงพยาบาลค่ะ เฟิร์นยังจำความรู้ได้อยู่เลยค่ะ ว่านอนปวดเส้นทั้งคืน เพราะสารอาหารที่ให้เข้าเส้นเลือด มันหนึดมากๆการเจาะเลือด ในตอนนั้นแต่ละโรงพยาบาลเจาะเลือดให้เฟิร์นไม่ต่ำกว่า3ครั้ง เพราะเส้นมันไม่ขึ้นค่ะ เคยถึงขั้นไปสแกน MRI เพราะตอนแรกคิดว่าเป็นมะเร็งค่ะ
 
.
หลังจากให้ระยะเวลาในการรักษาตัวเองมาสักพักใหญ่ เฟิร์นก็ได้กลับไปเรียนโยคะที่เดิม อีกรอบค่ะ
ระยะที่สอง เป็นระยะที่น้ำหนักของเฟิร์นเพิ่มขึ้นมาแล้วค่ะ เริ่มทานได้เยอะขึ้น แต่ก็ยังทานยา พบหมออยู่ทุกเดือนค่ะ
การเรียนโยคะในระยะที่สอง ใน1 อาทิตย์แรก ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ก็ยังมีอาการเล็กๆน้อยๆค่ะ และไม่น่าเชื่อว่าผ่านไป1 เดือน เฟิร์นอาการดีขึ้นมากๆ ทั้งความคิด สติ ร่างกายแข็งแรงขึ้น ทุกอย่างเริ่มทยอยกลับมาค่ะ หลังจากนั้นเฟิร์นจึงค่อยๆลดยาลง และรักษาด้วยการเรียนโยคะร่วมด้วยเป็นเวลา 3 เดือนค่ะ
.
หลังจาก3 เดือน ที่เฟิร์นได้ฝึกโยคะ เฟิร์นดีขึ้นจนไม่ต้องทานยาแล้วค่ะ ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกดีใจเลยนะค่ะ แต่รู้สึกกลัวมากกว่าค่ะ เฟิร์นมีความรู้สึกกลัวในการที่จะไม่ต้องทานยาค่ะ (อาการคล้ายติดยา) กลัวว่าอาการมันจะกำเริบขึ้นมาอีก แต่ตอนนั้นก็พยายามใจแข็งนะค่ะ เฟิร์นเก็บยาทั้งหมดใส่ไว้ในลิ้นชัก และล็อกมันไว้ เพื่อไม่ให้ไปเปิดมันอีก เสมือนว่าเราได้ลาขาดจากโรคนี้แล้ว เรียกอีกแบบ ประมาณว่า ปิดตายมันไปเลยค่ะ
.
จากนั้นเฟิร์นก็ได้กลับไปทำงาน และขึ้นชื่อว่า ทำงาน มันจะต้องมีอุปสรรค หรือ ความกดดัน ความเครียดเข้ามาอยู่แล้ว แต่คราวนี้มันไม่ได้กระทบกระเทือนจิตใจของเราเท่าไหร่ค่ะ เหมือนว่าสมองของเรา ทำงานดีขึ้น คิดวิเคราะห์ เหตุผลสิ่งต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ และที่สำคัญเฟิร์นหัวเราะได้ในทุกๆวัน และนั้นคือเหตุผลนำมาซึ่ง การอยากเป็นครูสอนโยคะ ของเฟิร์นค่ะ เฟิร์นอยากช่วยคนที่เขาทุกข์จากโรคซึมเศร้า ให้ดีขึ้น เหมือนที่เฟิร์นดีขึ้นได้ค่ะ ไม่มาก ก็น้อย ก็อยากจะช่วยทั้งหมดค่ะ
.
หลังจากที่เฟิร์นได้รู้จักกับโยคะ ไม่ว่าจะเป็นความฝัน เป้าหมาย ความอยากเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ ก็เข้ามาในหัวของเฟิร์นค่ะ
.
จากนั้น เฟิร์นมีความสนใจอยากเรียนรู้ การหายใจในแบบของโยคะ ที่มันลึกกว่าที่เรียนอยู่ค่ะ เพื่อจะสร้างสมาธิให้ดีขึ้น และแล้วก็ได้ไปเจอกับคุณครูท่านนึง ครูษิ ลักษิกา โยคะ ท่านสอนสิ่งที่เฟิร์นอยากรู้ทั้งในเนื้อหาการเรียนโยคะ และชีวิตจริงค่ะ ท่านสอนสิ่งที่เฟิร์นอยากจะเป็น
“เฟิร์นอยากเป็นครูสอนโยคะนานาชาติค่ะครู” เฟิร์นก็บอกอาจารย์ท่านนั้นไปตรงๆ ซึ่งความจริงมันไกลจากความฝันมากๆค่ะ ในตอนนั้นเฟิร์นเหมือนเพิ่งจะหายจากโรคซึมเศร้า และภาษาอังกฤษของเฟิร์นเรียกได้ว่าเท่ากับศูนย์ก็ได้ค่ะ
.
จากนั้น เฟิร์นได้ลงเรียนโยคะแบบส่วนตัวกับครูษิมาสักระยะใหญ่เลยค่ะ อาการของโรคซึมเศร้าก็ไม่กลับมาอีกเลยค่ะ ไม่กำเริบ ทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ เมื่อสุขภาพร่างกายและจิตใจแข็งแรงดีแล้ว เฟิร์นจึงเริ่มอยากเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมค่ะ และพอดีว่าสามีของครูษิเป็นครูสอนภาษาอังกฤษค่ะ ลงล็อกพอดี เฟิร์นจึงลงเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเสริมค่ะ
.
และก็มีข่าวดีค่ะ โรงเรียนครูโยคะ Vikasa Yoga International Yoga Teacher Koh Samui โรงเรียนที่เฟิร์นใฝ่ฝันอยากเรียน เปิดคอร์สพิเศษพอดีเลยค่ะปกติเขาจะเปิดรับสมัครแค่2ครั้ง ต่อปีค่ะ แต่ปีนี้เขาเปิดรับรอบพิเศษค่ะ เมื่อโอกาสมาถึง เฟิร์นไม่รอช้าค่ะ ลงสมัครเลยค่ะ
เฟิร์นใช้เวลาในการเตรียมตัว 3 เดือนค่ะ
ทั้ง Asana ( ท่าโยคะ)
Philosophy (ปรัชญา)
Anatomy (คำศัพท์โครงสร้างของร่างกาย) และ คำศัพท์ต่างๆค่ะ ในตอนนั้นมีความรู้สึกเครียดนะค่ะ แต่คิดว่าเราทำได้ เราต้องทำได้!
อุปสรรคในตอนนั้นก็คือ ภาษาอังกฤษ การฟังภาษาอังกฤษ ค่ะ
เฟิร์นท่องคำศัพท์ ทุกวันค่ะ ทั้งคำศัพท์ภาษาอังกฤษ คำศัพท์ร่างกาย คำศัพท์ในภาษาโยคะ และก็ซ้อมสอนทุกอาทิตย์เป็นภาษาอังกฤษนะค่ะ
ถามว่าท้อไหม เหนื่อยไหม ในช่วงนั้น เฟิร์นเหนื่อยค่ะ คือภาษาอังกฤษมันไม่ใช่ภาษาแม่ของเรา การออกเสียง คำศัพท์ หลายๆอย่าง ค่อยข้างยาก และเวลาน้อยค่ะ
ใน 1วัน ที่เฟิร์น เฟิร์นจะตื่นเช้า 6.30 น. ค่ะ จะบังคับตัวเองให้ตื่นเช้าทุกวัน เพื่อที่จะได้ฝึกโยคะ self practice ประมาน 1 ชั่วโมงครี่ง คะ
จากนั้น ฝึกภาษาอังกฤษต่อ ช่วงบ่ายเฟิร์นก็จะไปทำงานค่ะ กลับมาช่วงเย็น เฟิร์นก็จะฝึกโยคะต่อค่ะ ทำแบบนี้วนไป 3 เดือน ท้อบ้าง เหนื่อยบ้าง ก็ลงมือทำค่ะ
เฟิร์นซ้อมทุกอย่างหนัก เพราะเฟิร์นรู้ว่า จุดด้อยเราอยู่ตรงไหน และเฟิร์นซ้อมหนักเพื่อ ลดอาการกลัว และความเครียดทั้งหลายค่ะ ยิ่งซ้อมเยอะ ความกลัวยิ่งลดลง และต้องขอบคุณครูษิค่ะ ท่านให้กำลังใจ และผลักดันเราตลอด ท่านทุ่มเทกับเรามากๆค่ะ

.
เมื่อไปถึงในวันแรก เฟิร์นร้องไห้เลยค่ะ ร้องไห้หนักมากค่ะ ร้องไห้เพราะ คิดถึงบ้านและเฟิร์นไม่สามารถฟังเพื่อนๆที่เป็นต่างชาติออก ทุกคนที่มาเข้าคอร์สครูที่นี่ ไม่มีคนไทยสักคนเดียวเลยค่ะ มีเฟิร์นคนเดียวที่เป็นคนไทยค่ะ ความรู้สึกในวันนั้น มันกลัวมากๆค่ะ กลัวเพื่อนไม่คบ กลัวพูดไม่รู้เรื่อง กลัวเรียนไม่ได้ สารพัดความกลัวและความกดดันค่ะ เฟิร์นรวบรวมความกล้า และเอาชนะความกลัว ด้วยการเปิดประตูห้อง แล้วเดินออกไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรากลัวค่ะ สรุป สิ่งที่เรากลัว คือสิ่งที่เราไม่เคยลอง ไม่เคยสัมผัสกับมันค่ะ
เฟิร์นต้องบอกก่อนค่ะว่า เฟิร์นเรียนภาษาอังกฤษกับครูเฟิร์ส ทั้งหมดก่อนไป 6เดือนนะค่ะ
และเนื้อหาในการไปเรียนคอร์สครูโยคะเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งหมดค่ะ ครูสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และในชั้นเรียนไม่มีคนไทยค่ะ
เฟิร์นพยายามอย่างหนักมากค่ะ ทั้งการเรียน เรียนเสร็จกลับมาที่ห้อง ทบทวนบทเรียนต่อ แล้วค่อยพักผ่อนค่ะ ทั้งการเข้าสังคมกับเพื่อนๆที่เป็นต่างชาติ พยายามพูด และทักทายก่อนเสมอ เพื่อนๆรักเฟิร์นมากค่ะ คอยช่วยเหลือเฟิร์นตลอดค่ะ
 

.
และในวันสอบสอนเพื่อจบหลักสูตรก็มาถึงค่ะ ด้วยความที่เฟิร์นเตรียมตัวมาดีในระดับนึง เฟิร์นไม่ได้ชมตัวเองนะค่ะ แต่เพื่อนๆทุกคนไม่มีใครเตรียมตัวมาก่อนเลยค่ะ ในการคิดกระบวนท่าโยคะในการสอน
และนี่เป็นข้อดีของเฟิร์นค่ะ ที่ได้เตรียมตัวมาอย่างดี ที่ได้ซ้อมสอนเยอะ จนจำได้และเข้าใจในกระบวนท่าค่ะ เลยไม่ได้มีติดขัดอะไรในการเรียนมากค่ะ
.
แต่ เฟิร์นดันมาติดขัดเรื่องสุขภาพสะก่อนค่ะ ในวันก่อนจะถึงวันสอบจบหลักสูตร เฟิร์นเกิดไม่สบายค่ะเกิดอาการอ้วกไม่หยุดค่ะ อ้วกจนทนไม่ไหว จนต้องไปโรงพยาบาล ฉีดยาให้หยุดอาเจียนค่ะ สรุปว่า อาหารไม่ย่อย และแพ้อาหารบางประเภทค่ะ เนื่องด้วยที่นี่ อาหารจะเป็นแบบนานาชาติ และทุกวันจะไม่ซ้ำกันค่ะทำให้เฟิร์นไม่มีแรง มีอาการมึนหัวมาก จนมันทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากนอนพักค่ะ เมื่อเพื่อนๆรู้ข่าว เพื่อนของเฟิร์นพวกเขาใจดีมากๆค่ะ เขาโทรมาบอกเฟิร์นว่า ให้เฟิร์นสลับกับเพื่อนที่สอบวันสุดท้าย คลาสสุดท้าย เพื่อให้เฟิร์นได้มีเวลาฟื้นตัว พวกเขารักเฟิร์นมากๆคะ

.
และวันที่เฟิร์นรอคอยก็มาถึงคะ วันที่เฟิร์นสอบสอน ความรู้สึกในวันนั้น คิดแค่ว่า ออกไปทำสิ่งที่ตัวเองรักในคนอื่นได้เห็นกัน เฟิร์นไม่สนใจเลยว่าจะสอบผ่านไม่ผ่าน แต่เฟิร์นขอทำสิ่งที่ตัวรัก ก็พอคะ พอสภาพร่างกายค่อนข้างอ่อนแรงมากๆค่ะ
ในช่วงแรกที่สอบสอน ทั้งสั่น ทั้งกลัว และตื่นเต้นมากค่ะ เฟิร์นจึงหลับตาทำสมาธิ ตั้งสติและบอกกับตัวเองว่า นี่แหละ ถึงเวลาของเราแล้ว เวลานี่แหละ ที่เราจะได้ทำในสิ่งที่เรารัก ลืมตาขึ้น และออกไปสอน สรุปเฟิร์นสอนได้แบบไม่ต้องนึกอะไรมากเลยค่ะ ทุกอย่างเป็นธรรมชาติหมด เฟิร์นพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ทุกอย่างที่กลัว และความเครียด อาการสั่น หายไปหมดเลยค่ะ เฟิร์นทำได้ เฟิร์นทำได้ คนที่เคยเป็นโรคซึมเศร้าทำได้ น้ำตาเฟิร์นไหลเลยค่ะ เราทำได้

.
จากนั้นความโชคดีก็เข้ามาค่ะ ครู Kosta Miachin เจ้าของโรงเรียน Vikasa Yoga เขากำลังจะเปิดอีก1ที่ คือที่กรุงเทพ เขาต้องการครูเพิ่ม ซึ่งเขาก็ได้รับเฟิร์นเข้าเป็นครู ที่ Vikasa Bangkok on24 ค่ะ เฟิร์นดีใจมากๆค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ทุกอย่างเป็นไปแล้วค่ะ

.
"อดีตไม่สำคัญ เท่ากับปัจจุบันเราอยากเป็นใคร จงสู่เพื่อความฝันของตัวเอง สู้เพื่อตัวเราเอง"
- Yoga with Fern.
.
“ if you want something you have never had, you have to do things you have never done “
คติประจำใจที่ได้จากสถาบัน Vikasa Yoga International Yoga Teacher Koh Samui.
.
“โยคะสงบความผันผวนของจิตใจ ผู้นั้นจะอยู่ในธรรมชาติที่แท้จริงของตน”
- Yoga Sutra 1.1-1.4
.
ความทุกข์ทรมานของโรคซึมเศร้า มันอาจจะทำให้เราหมดหวัง ไม่มีความหวัง ไม่มีความสุข แต่เชื่อเถอะค่ะว่า ความทุกข์ทรมานจะอยู่กับเราได้ไม่นาน และสุดท้ายแล้วเราจะเอาชนะมันค่ะ 
- ครูเฟิร์น
.
ติดตามการสอน และสอบถามเกี่ยวกับการเรียนโยคะได้ที่ 
Instagram: yogawithfern
Facebook page: yogawithfern
Line : Fernarel
Tel. 098-5856459
ครูสอน ย่าน มีนบุรี รามอินทรา นวลจันทร์ และที่บ้านนักเรียน
สอนโยคะสำหรับผู้ที่ต้องการหายจากโรคซึมเศร้า โยคะสำหรับผู้เริ่มต้น โยคะแนวแข็งแรง ทั้งกลุ่มและเดี่ยวค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่