คือตอนนี้ผมอยู่ปีสี่ ใกล้จะจบแล้ว ซึ่งแม่ผมตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่มา 6 ปี จนปัจจุบันก็ยังไม่ได้เงินซักกะก้อน แล้วก็ยังคงรออยู่ไปแบบนั้น
โดยอ้างว่า "เงินบุญ"
แรกๆตอนแกเริ่มเข้าวงการแชร์ลูกโซ่ผมก็คอยให้กำลังใจแกตลอด หวังว่าจะได้ จนผ่านมาเรื่อยๆ ทรัพย์สินแกเริ่มหมด รถโดนยึด จนไม่เหลืออะไร เมื่อผมใช้ชีวิตในมหาลัยนานขึ้น เจอสังคมที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เริ่มเป็นหัวเลี้ยวหัวตอ เราก็เริ่มที่จะอยากพูดเกี่ยวกับความเป็นจริง และกลไกลของการแชร์ลูกโซ่ ให้แม่ฟังแต่แม่ผมไม่รับฟัง และยังหนำซ้ำหาว่าผมเป็นลูกทรพี ไม่ให้ความร่วมมือ "รู้มั้ยว่าถ้าลูกไม่เชื่องานนี้ มันก็จะมีผลพ่วงกับคนในสายเลือดด้วย"
ทุกวันนี้แม่ผมเป็นคนว่างงาน คอยเกาะกินเงินจากพี่น้องๆที่ให้เงินมาเป็นค่าเลี้ยงดูตากับยาย ไม่มีรายได้เข้ากระเป๋า การทำรับเงินเยี่ยวยานู้นนี้นั้นก็ทำไม่เป็น
ไม่คิดจะเรียนรู้ที่จะสมัครอะไรซักอย่าง แต่ดันทำได้กับแชร์ลูกโซ่ ที่ส่งข้อมูลบุ๊คแบงค์ กับบัตรประชาชนรอรับตังค์
ก่อนจะตัดความสัมพันธ์ แม่ผมได้โทรมาชักชวนผม บอกว่าเนี้ย "โครงงานนี้จะให้เงินพรุ่งนี้แล้ว หนึ่งงวด ลูกรีบส่งบัตรประชาชน แนบกับเลขบัญชีบุ๊คแบงค์นะ" "แล้วลูกก็ไปชวนเพื่อนมาอีก 20 คนให้ลงด้วย เพราะมันเป็นเงินบุญ เขาต้องการจะต่อสะพานแจกเงินบุญให้คนทุกคน ถ้าลูกชวนเพื่อนมาลงอีก 20 คนลูกจะได้เงินเพิ่มอีกถึง 4 งวด"
ด้วยความที่ผมอารมณ์ไม่ดี หลังจากได้เห็นข่าวเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่มากมาย ผมจึงได้พูดทุกอย่างที่เป็นความจริง ด้วยเหตุผล และคอยให้กำลังใจแกเสมอ
จนแกบอก "เนี่ย แม่เล่าเรื่องลูกให้คนในสายงานฟัง เขาก็บอกว่าลูกเธอที่โง่จัง เขาจะแจกเงินให้ใช้ฟรีๆไม่เอา" พร้อมทั้งแกก็บอกว่า แม่จะมีลูกไปทำไม ถ้ามีลูกแล้วลูกก็ไม่ให้ความร่วมมือกับแม่ แม่อย่ามีลูกเลยดีกว่า ทุกวันนี้แม่ไม่มีเรื่องลูกอยู่บนหัวเลย มีแต่งานที่แม่ทำให้คนส่วนบุญ "แม่ไม่คิดจะดูความสำเร็จของลูกหลังเรียนจบหรอก แม่รอดูความสำเร็จในการได้เงินของแม่ดีกว่า"
สุดท้ายผมก็ไม่สามารถติดต่อแกได้ คุยไม่ได้ซักเรื่อง ไม่คิดจะรับรู้อะไรทั้งสิ้น
ผมไม่เสียใจกับสิ่งที่แกพูด ด้วยความที่ผมนั้นแทบจะ "ไม่เหลือความรักในตัวท่านแล้ว" ผมจึงคิดได้ว่า ตัดความสัมพันธ์ไปเลยดีกว่า เพราะเดิมทีคนที่ส่งเราก็ไม่ใช่แม่ แต่เป็นพ่อที่แยกกันอยู่ห่างกันไกล รอทำให้ตัวเองสำเร็จในการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัย และพร้อมจะเดินก้าวต่อไป.
ผมโดนตัดขาดความสัมพันธ์กับแม่ เพราะแม่เชื่องานแชร์ลูกโซ่
โดยอ้างว่า "เงินบุญ"
แรกๆตอนแกเริ่มเข้าวงการแชร์ลูกโซ่ผมก็คอยให้กำลังใจแกตลอด หวังว่าจะได้ จนผ่านมาเรื่อยๆ ทรัพย์สินแกเริ่มหมด รถโดนยึด จนไม่เหลืออะไร เมื่อผมใช้ชีวิตในมหาลัยนานขึ้น เจอสังคมที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เริ่มเป็นหัวเลี้ยวหัวตอ เราก็เริ่มที่จะอยากพูดเกี่ยวกับความเป็นจริง และกลไกลของการแชร์ลูกโซ่ ให้แม่ฟังแต่แม่ผมไม่รับฟัง และยังหนำซ้ำหาว่าผมเป็นลูกทรพี ไม่ให้ความร่วมมือ "รู้มั้ยว่าถ้าลูกไม่เชื่องานนี้ มันก็จะมีผลพ่วงกับคนในสายเลือดด้วย"
ทุกวันนี้แม่ผมเป็นคนว่างงาน คอยเกาะกินเงินจากพี่น้องๆที่ให้เงินมาเป็นค่าเลี้ยงดูตากับยาย ไม่มีรายได้เข้ากระเป๋า การทำรับเงินเยี่ยวยานู้นนี้นั้นก็ทำไม่เป็น
ไม่คิดจะเรียนรู้ที่จะสมัครอะไรซักอย่าง แต่ดันทำได้กับแชร์ลูกโซ่ ที่ส่งข้อมูลบุ๊คแบงค์ กับบัตรประชาชนรอรับตังค์
ก่อนจะตัดความสัมพันธ์ แม่ผมได้โทรมาชักชวนผม บอกว่าเนี้ย "โครงงานนี้จะให้เงินพรุ่งนี้แล้ว หนึ่งงวด ลูกรีบส่งบัตรประชาชน แนบกับเลขบัญชีบุ๊คแบงค์นะ" "แล้วลูกก็ไปชวนเพื่อนมาอีก 20 คนให้ลงด้วย เพราะมันเป็นเงินบุญ เขาต้องการจะต่อสะพานแจกเงินบุญให้คนทุกคน ถ้าลูกชวนเพื่อนมาลงอีก 20 คนลูกจะได้เงินเพิ่มอีกถึง 4 งวด"
ด้วยความที่ผมอารมณ์ไม่ดี หลังจากได้เห็นข่าวเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่มากมาย ผมจึงได้พูดทุกอย่างที่เป็นความจริง ด้วยเหตุผล และคอยให้กำลังใจแกเสมอ
จนแกบอก "เนี่ย แม่เล่าเรื่องลูกให้คนในสายงานฟัง เขาก็บอกว่าลูกเธอที่โง่จัง เขาจะแจกเงินให้ใช้ฟรีๆไม่เอา" พร้อมทั้งแกก็บอกว่า แม่จะมีลูกไปทำไม ถ้ามีลูกแล้วลูกก็ไม่ให้ความร่วมมือกับแม่ แม่อย่ามีลูกเลยดีกว่า ทุกวันนี้แม่ไม่มีเรื่องลูกอยู่บนหัวเลย มีแต่งานที่แม่ทำให้คนส่วนบุญ "แม่ไม่คิดจะดูความสำเร็จของลูกหลังเรียนจบหรอก แม่รอดูความสำเร็จในการได้เงินของแม่ดีกว่า"
สุดท้ายผมก็ไม่สามารถติดต่อแกได้ คุยไม่ได้ซักเรื่อง ไม่คิดจะรับรู้อะไรทั้งสิ้น
ผมไม่เสียใจกับสิ่งที่แกพูด ด้วยความที่ผมนั้นแทบจะ "ไม่เหลือความรักในตัวท่านแล้ว" ผมจึงคิดได้ว่า ตัดความสัมพันธ์ไปเลยดีกว่า เพราะเดิมทีคนที่ส่งเราก็ไม่ใช่แม่ แต่เป็นพ่อที่แยกกันอยู่ห่างกันไกล รอทำให้ตัวเองสำเร็จในการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัย และพร้อมจะเดินก้าวต่อไป.