หลุมยักษ์ที่เกิดจากการทำเหมือง

Bingham Canyon Mine



เหมืองบิงแฮมแคนยอน (Bingham Canyon Mine) อยู่ในซอลต์เลคเคาน์ตี้ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของซอลต์เลคซิตี้ รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เป็นเหมืองทองแดงขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มเปิดเหมืองทำการขุดค้นมาตั้งแต่ ค.ศ.1906  หลุมขุดของเหมืองแห่งนี้ลึกกว่า 970 เมตร ปากหลุมกว้าง 4 กิโลเมตร อาณาเขตเหมืองครอบคลุมพื้นที่ 4,750 ไร่

เหมืองแห่งนี้มีที่มาจากการค้นพบแหล่งแร่ทองแดงโดยชาวปศุสัตว์สองพี่น้อง แซนฟอร์ดและโทมัส บิงแฮม ในปี 1848 เมื่อเริ่มแรกการขุดหาแร่เป็นไปอย่างยากลำบากเพราะความทุรกันดารของพื้นที่ หลุมขุดแต่ละแห่งก็เป็นเพียงหลุมเล็กๆ จนกระทั่งปี 1873 เมื่อทางรถไฟพาดผ่านมาถึง ก็นำพาเอาความสะดวก เครื่องมือ และผู้คนมาที่นี่กันมากขึ้น

จนกระทั่งมีการตั้งเป็นเหมืองถาวรที่บริหารงานแบบบริษัทขึ้นมาในภายหลัง ในปี ค.ศ. 1920 เป็นช่วงเฟื่องฟูที่มีชาวเหมืองคับคั่งมากที่สุด ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติกว่า 15,000 คน ทำงานและตั้งบ้านเรือนอยู่ในแคนยอนอันเป็นหุบเขาลึกที่มีผนังผาสูงชัน ต่อมาเมื่อมีเทคนิคการทำเหมืองที่ดีขึ้น การใช้แรงงานคนก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ ในปัจจุบันก็ยังมีการทำเหมืองกันอยู่ แต่ด้วยวิธีที่แตกต่างจากอดีตลิบลับ

ในปี 1966 เหมืองแห่งนี้ได้รับเกียรติประกาศให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ ถ้านับถึงตอนนี้เหมืองบิงแฮมแคนยอนก็มีอายุกว่า 100 ปีแล้วครับ
Cr.https://www.dek-d.com/board/view/3526816/




Rio Tinto


ริโอ ทินโต (Rio Tinto) เป็นเหมืองแร่กลางแจ้งของประเทศสเปน โดยเหมืองแร่กลางแจ้งขนาดใหญ่แห่งนี้ หากมองให้ดีๆแล้วคุณจะพบว่ามันมีลักษณะคล้ายๆ กับพื้นผิวดวงจันทร์
สำหรับ "เมืองแร่ริโอ ทินโต" นั้นหลังจากขุดแร่ไปเรื่อยๆก็ก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ จากเทือกเขาที่เคยสูงตระหง่านก็ค่อยๆหายไปจนเหลือสภาพพื้นที่ดังเช่นปัจจุบัน
มีต้นกำเนิดจากหุบเขาเซียร์ร่าโมเร่นหน่า Sierra Morenna  แคว้นอันดาลูเซีย Andalusia ในสเปน เป็นแม่น้ำที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสเปน
แม่น้ำสายนี้มีการชักน้ำมาใช้ทำเหมืองแร่มานานหลายศตวรรษแล้ว  เป็นผลทำให้แร่ธาตุจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งแร่เหล็กไหลปะปนอยู่ในน้ำ 
การปรากฏตัวของสนิมจากแร่เหล็ก  คือ  เหตุผลหลักที่ทำให้น้ำเป็นสีแดง

นอกจากนี้ยังมีแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนี้ได้ เหตุผลที่มันยังอาศัยอยู่ได้เป็นเรื่องที่แปลกมาก  เพราะแม่น้ำสายนี้มีสภาพเป็นกรดสูง ทั้งนี้ยังทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์บางคน อนุมานว่าน้ำและดินบนดาวอังคาร ที่พบเห็นจากกล้องโทรทัศน์ที่ถ่ายภาพพื้นผิวบนดาวอังคาร มีสภาพเทียบเคียงกับสายน้ำที่ไหลผ่านแม่น้ำสายนี้     
ซึ่งตอนนี้หมู่บ้านที่เคยมีอยู่รอบๆก็ค่อยๆย้ายออกไปจนหมด เหมืองแร่แห่งนี้ใช้ชื่อเดียวกันกับแม่น้ำที่มีน้ำสีแดงอ่อนซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน น้ำในแม่น้ำสายนี้มีสภาพเ็ป็นกรดอย่างสูง (pH 1.7-2.5) เต็มไปด้วยแร่ธาตุและโลหะหนัก
Cr.ภาพ duranelectronica.com/e
Cr.https://travel.thaiza.com/amaze/187536/




Kimberley


เหมืองคิมเบอร์ลีย์ (Kimberley Mine) หรือเรียกกันอีกชื่อว่าหลุมใหญ่ (Big Hole) เป็นเหมืองเพชรในประเทศแอฟริกาใต้ เชื่อกันว่าเป็นหลุมใหญ่ที่สุดในโลก ที่ขุดด้วยแรงงานมนุษย์โดยไม่ใช้เครื่องจักรเลย แรงงานมนุษย์ราว 50,000 คน ลงแรงขุดเหมืองนี้ด้วยพลั่ว โดยเริ่มขุดกันตั้งแต่ ค.ศ.1871 จนกระทั่งปิดตัวลงในปี 1914
เหมืองคิมเบอร์ลีย์มีความลึกถึง 1,097 เมตร ในยุคนั้นมีผู้คนล้มตายไปไม่น้อยในการขุดหลุมมโหฬารแห่งนี้ เนื่องจากอุบัติเหตุความร้อนแล้งแสนทารุณ โรคจากความสกปรก รวมถึงการขาดแคลนน้ำและอาหาร ด้วยความอุตสาหะของชาวเหมืองทำให้สามารถขุดเพชรขึ้นมาได้ถึง 2.72 ตัน จากเนื้อดินหินแร่ที่ขุดขึ้นมามากมายมหาศาลกว่า 22 ล้านตัน

หลุมซึ่งเกิดจากการขุดเหมืองเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ทำให้แอฟริกาใต้มีแร่ทองคำ และแพลทตินั่มมากถึง 70% ของโลก และเป็นประเทศ ผู้ส่งออกเพชรที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกเลยทีเดียว

เหมืองนี้มีอุบัติเหตุที่เกิดจากความผิดพลาดของหลายครั้ง แต่เพียงเรื่องเดียวที่ดูเหมือนจะเป็นโชคร้ายจริงๆ ของเหมืองแห่งนี้ คือการที่มันต้องปิดตัวลงก่อนเวลาอันควรจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และหลังจากนั้นมามันก็ไม่เคยถูกเปิดเป็นเหมืองอีกเลย

ในปัจจุบันเหมืองแห่งนี้ได้ถูกพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว และพิพิธภัณฑ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางเมืองได้มีการส่งเรื่องขอให้เหมืองแห่งนี้เป็นมรดกโลกของทางยูเนสโกไป อย่างไรคำข้อนั้นยังคงอยู่ในขั้นตอนดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน และยังไม่มีการอนุมัติอย่างเป็นทางการแต่อย่างไร
ที่มา ancient-origins
Cr.https://travel.thaiza.com/amaze/177855/r
Cr.https://www.catdumb.com/kimberley-mine-378/  By เหมียวศรัทธา




Grasberg mine



ปีค.ศ.1936  นักธรณีวิทยาชาวดัตช์ ได้ค้นพบแหล่งแร่สำคัญบนยอดเขาสูงกว่า 4,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลในเมืองทิมิกา เกาะปาปัว ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งต่อมาได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นเหมืองแร่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกชื่อว่า เหมืองกราสเบิร์ก (Grasberg mine)

เหมืองกราสเบิร์ก (Grasberg mine) ถือเป็นเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเหมืองทองแดงที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลก ดำเนินงานโดยมีบริษัทฟรีพอร์ทแมคมอแรน ( Freeport-McMoRan ) ของสหรัฐฯเป็นหุ้นใหญ่ มีคนงาน 19,500 คน ที่ทำงานขุดค้นแร่ทองแดง ทองคำ และแร่เงิน อยู่บนยอดเขาสูงกว่า 4,200 เมตร  เฉพาะปี2559 เพียงปีเดียวผลิตทองแดงได้ 482,000 ตัน ผลิตทองคำได้ 33 ตัน ขณะปีที่แล้วผลิตทองคำได้ 87ตัน และเหมืองยังจะผลิตต่อไปจนถึงปี 2584

เมื่อ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2556 เคยเกิดเหตุอุโมงค์ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ฝึกอบรมถล่มลงมา ทำให้มีเจ้าหน้าที่จำนวน 38 ราย ที่กำลังฝึกอบรมด้านความปลอดภัยต้องติดอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 28 คน และที่เหมืองกราสเบิร์กแห่งนี้ยังเคยมีเหตุคนงานสไตรก์ประท้วงขอขึ้นค่าแรงอยู่หลายครั้งอีกด้วย 

เหมืองตั้งอยู่ที่สูงมีความลาดชันสูงบางครั้งมีแผ่นดินไหวหรือมีแผ่นดินถล่มจากการละลายของหิมะและน้ำแข็งบนยอดเขาหรือฝนตกหนักจนแผ่นดินถล่มลงมาทับเหมือง  ทั้งยังมีกลุ่มกบฎเข้าโจมตียิงพนักงานเหมืองแร่ตาย แต่ด้วยราคาที่สูงของทองแดง จึงทำใหการทำเหมืองยังคุ้มค่าที่จะเสี่ยงภัยอยู่ต่อไป
Cr.https://www.thairath.co.th/content/509390 / โดย : ประลองพล เพี้ยงบางยาง
Cr.https://www.blockdit.com/posts/5dcba38039ac0d73076a07d3




Ekati Diamond Mine



 เหมืองเพชรเอกาติ (Ekati Diamond Mine) ตั้งอยู่ชายฝั่งอาร์กติกของแคนาดา เปิดทำเหมืองในปี 1998 หลังจากเมื่อปี 1985 นักธรณีวิทยาได้ค้นพบ
แหล่งหินคิมเบอร์ไลท์ (kimberlite) ซึ่งเป็นหินลาวาประเภทที่อาจพบเพชรได้อยู่ในบริเวณแหล่งทะเลสาบตื้นๆ เมื่อมองจากทางอากาศเราจะเห็นหลุมขุดทั้งเล็กและใหญ่จำนวน 4 หลุม รวมถึงสนามบินซึ่งตั้งอยู่ในที่ลุ่มมีแหล่งน้ำเรียงรายกระจายตัวล้อมรอบกว้างไกลสุดสายตา

ระหว่างปี 1998–2009 เหมืองเพชรเอกาติมีผลผลิตเพชรดิบกว่า 40 ล้านกะรัต (8 ตัน) และเมื่อปีที่ผ่านมาสามารถขุดเพชรขึ้นมาได้ถึง 7.5 ล้านกะรัต
Cr.https://www.dek-d.com/board/view/3526816/




Mirny Diamond Mine



เหมืองเพชรเมียร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย เหมือนแห่งนี้เปิดทำการเมื่อปี 1957 โดยเฉลี่ยแล้วผลิตเพชรได้กว่า 10 ล้านกะรัตต่อปี สำหรับเพชรเม็ดใหญ่ที่สุดในเหมืองถูกพบในปี 1980 มันมีน้ำหนักกว่า 342.5 กะรัต

 เหมืองแห่งนี้ถูกปิดอย่างถาวรในปี 2004 ปัจจุบันมันกลายเป็นหลุมที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก โดยมีความลึก 525 เมตร และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1,200 เมตร ด้วยรูปร่างและขนาดทำให้ได้ฉายาว่าเป็น " สะดือของโลก " 

ขุมทรัพย์ใต้พิภพแห่งนี้ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 1955 โดย ยูริ คห์าบาร์ดิน (Yuri Khabardin) และคณะสำรวจทางธรณีวิทยา พวกเขาพบร่องรอยของหินคิมเบอร์ไลท์ หินภูเขาไฟที่มักจะพบร่วมกันกับเพชร ซึ่งนี่เป็นความสำเร็จครั้งที่ 2 ของพวกเขาในการหาแหล่งทำเหมืองเพชรในรัสเซีย หลังจากที่ค้นหากันมาอย่างยากลำบากและยาวนานนับสิบปี ตามคำสั่งของท่านผู้นำ สตาลิน ซึ่งต้องการให้หาเพชรมาช่วยเยียวยาเศรษฐกิจของประเทศ การค้นพบครั้งนี้ทำให้ยูริได้รับ รางวัลเลนิน (Lenin Prize) ซึ่งเป็นรางวัลทรงเกียรติสูงสุดรางวัลหนึ่งของสหภาพโซเวียตในยุคนั้น

เนื่องจากเหมืองเมียร์นีมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นจัด การสร้างเหมืองในยุคแรกๆ เป็นไปได้อย่างยากลำบากมาก เพราะพื้นที่ที่มีการพบเหมืองนั้นส่วนใหญ่จะถูกปกคลุมไปด้วยเพอร์มาฟรอส และที่มักจะละลายเป็นโคลนในหน้าร้อน  นอกจากนี้อากาศที่นี่ยังหนาวมากจนน้ำแข็งเป็นน้ำแข็ง แต่ด้วยความพยายามของโซเวียตในสมัยนั้น สุดท้ายเหมืองแห่งนี้ก็เปิดทำการได้สำเร็จ

ที่แห่งนี้ลึกมากจนทำให้ที่บริเวณหลุมมีการไหลเวียนทางอากาศที่จะดูดสิ่งที่อยู่บนฟ้าลงมา และในอดีตเองก็เคยมีเฮลิคอปเตอร์ถูกดูดลงไปจริงๆ มาแล้ว ทำให้ที่แห่งนี้ต้องออกกฎห้ามอากาศยานบินผ่าน  เหมืองเมียร์เคยปิดไปช่วงหนึ่งหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต หลังจากนั้นก็เปิดทำการต่ออีกได้ไม่นานก็ต้องปิดไปอย่างถาวรในปี 2004 
ที่มา allthatsinteresting, alrosa , สำรวจโลก
Cr. https://www.catdumb.com/mirny-diamond-mine-378/ By เหมียวศรัทธา

Diavik Diamond Mine


ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคนาดายังมีเหมืองเพชรที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งคือ เหมืองเพชรไดอาวิค (Diavik Diamond Mine) ซึ่งเป็นเหมืองเพชรที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดา และเป็นแหล่งเพชรน้ำงามคุณภาพสูงอีกทั้งยังมีขนาดใหญ่ ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก
ดินแดนแห่งนี้ได้รับการสำรวจทางธรณีวิทยาเมื่อปี 1992 และเริ่มการผลิตได้เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ.2003 เมื่อถึงปี 2010 ก็เริ่มทำเหมืองใต้ดินแทนการทำเหมืองแบบเปิดหลุม

ภูมิทัศน์ของเหมืองเมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นหลุมขุดขนาดใหญ่ 2 หลุม มีถนนทอดยาวไปสู่สนามบิน ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ท่ามกลางผืนน้ำ เหมืองแห่งนี้จำเป็นต้องมีระบบการจัดการที่รัดกุมมาก เพราะต้องมีทั้งเสบียงอาหาร น้ำ เชื้อเพลิง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากพอที่จะสามารถสู้กับความทุรกันดาร ความเหน็บหนาวต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง และห่างไกลผู้คนของภูมิภาคอาร์กติก สำหรับที่พักอาศัยและกระบวนการทำเหมืองก็ต้องมีระบบจัดการของเสียที่เหมาะสมไม่ก่อมลภาวะกับสิ่งแวดล้อมด้วย
ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน
Cr.https://www.thairath.co.th/content/509390 / โดย ประลองพล เพี้ยงบางยาง

Super Pit Gold Mine


เหมืองทองซุปเปอร์พิต (Super Pit Gold Mine) ในเมืองคาลกูรลี (Kalgoorlie) ออสเตรเลียตะวันตก กำเนิดของเหมืองแห่งนี้ในยุคแรกเป็นการเข้ามาขุดหาทองคำของเหล่านักแสวงโชคท่ามกลางภูมิประเทศอันแห้งแล้ง ไม่ต่างจากเหตุการณ์ตื่นทองของบรรดานักขุดทองในอเมริกายุคบุกเบิก 

โดยขุดกันแบบเหมืองใต้ดินขนาดเล็ก ผู้ลงทุนขุดในยุคต่อมาเป็นบริษัททำเหมืองรายใหญ่ได้เปลี่ยนระบบการขุดเป็นแบบหลุมเปิดเมื่อปี 1989 ในปัจจุบันหลุมขุดมีความยาวประมาณ 3.5 กิโลเมตร  กว้าง 1.5 กิโลเมตร และลึก 570 เมตร สามารถขุดแร่ทองขึ้นมาได้ประมาณ 28 ตันต่อปี
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/509390
Cr.https://www.dek-d.com/board/view/3526816/

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากๆค่ะ น่ากลัวจริงๆฝีมือมนุษย์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่