คณะนักโบราณคดีจากปากีสถานและอิตาลีได้คันพบวัดโบราณในหุบเขาสวัต (Swat) ทางตอนเหนือของปากีสถาน ในแคว้นคันธาระ (Gandhara)
ที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์พิชิตได้ ก่อให้เกิดการผสมผสานระหว่างความเชื่อทางพุทธศาสนาและศิลปะกรีก
นักโบราณคดีเชื่อว่าวัดแห่งนี้มีอายุราว 2,000 ปี นั่นหมายความว่าผู้คนได้สร้างวัดขึ้นหลังจากการปรินิพพานของพระโคตมพุทธเจ้าหรือที่รู้จักในชื่อเดิมว่าเจ้าชายสิทธัตถะ โคตมะ ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของศาสนาพุทธเพียงไม่กี่ร้อยปีหลังจากนั้น แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในที่แห่งนี้
ส่วนประกอบของวัดนั้นมีอยู่หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นเจดีย์ขนาดเล็ก ห้องสำหรับพระสงฆ์ บันได แท่นยืนบนเสาขนาดใหญ่ ห้องด้านหน้า และลานสาธารณะที่มองออกไปเห็นถนนโบราณ อีกทั้งตัววัดยังมีความสูงกว่า 3 เมตรที่ถูกประดับประดาไปด้วยสถูป
การค้นพบวัดนี้เกิดจากการที่ ลูกา มาเรีย โอลิวิเอรี (Luca Maria Olivieri) หัวหน้าผู้นำคณะการขุดค้นสังเกตเห็นวัตถุโบราณจากชาวบ้านหลายชิ้นที่ถูกลักลอบขุดออกมาเพื่อนำไปขาย เธอจึงคิดว่าอาจมีบางสิ่งสำคัญอยู่ที่นั่น การขุดค้นอย่างเป็นทางการจึงเริ่มต้นขึ้น
“เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เราเฝ้าดูร่องรอยของสิ่งที่ออกมาจากการขุดในสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการขุดค้นทางการเกษตร หรือหลุมที่เกิดจากการขุดแบบลับๆ” โอลิวิเอรีกล่าว "ดังนั้นจึงมีคำใบ้ว่ามีอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่อยู่ที่นั่น"
นอกจากลักษณะทางสถาปัตยกรรมของวัดที่ถูกฝังแล้ว นักโบราณคดีได้ค้นพบโบราณวัตถุกว่า 2,000 ชิ้นในบริเวณดังกล่าว รวมถึงเหรียญ อัญมณี ตราประทับ เครื่องปั้นดินเผา งานหิน และรูปปั้น ซึ่งบางชิ้นมีจารึกโบราณที่สามารถนำมาระบุวันที่ได้
อย่างไรก็ตาม การขุดค้นในรอบนี้เสร็จสิ้นตามกำหนดแล้ว แต่ทางทีมงานหวังว่าจะสามารถกลับมาใหม่ภายในปีนี้เพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมและหวังว่าจะเปิดเผยตัววัดได้มากขึ้น
Photography by ISMEO/CA' FOSCARI UNIVERSITY OF VENICE
สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล

พบวัดพุทธเก่าแก่ที่สุดอายุ 2,000 ปีในปากีสถาน สร้างหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 200 ปี
ที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์พิชิตได้ ก่อให้เกิดการผสมผสานระหว่างความเชื่อทางพุทธศาสนาและศิลปะกรีก
นักโบราณคดีเชื่อว่าวัดแห่งนี้มีอายุราว 2,000 ปี นั่นหมายความว่าผู้คนได้สร้างวัดขึ้นหลังจากการปรินิพพานของพระโคตมพุทธเจ้าหรือที่รู้จักในชื่อเดิมว่าเจ้าชายสิทธัตถะ โคตมะ ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของศาสนาพุทธเพียงไม่กี่ร้อยปีหลังจากนั้น แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในที่แห่งนี้
ส่วนประกอบของวัดนั้นมีอยู่หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นเจดีย์ขนาดเล็ก ห้องสำหรับพระสงฆ์ บันได แท่นยืนบนเสาขนาดใหญ่ ห้องด้านหน้า และลานสาธารณะที่มองออกไปเห็นถนนโบราณ อีกทั้งตัววัดยังมีความสูงกว่า 3 เมตรที่ถูกประดับประดาไปด้วยสถูป
การค้นพบวัดนี้เกิดจากการที่ ลูกา มาเรีย โอลิวิเอรี (Luca Maria Olivieri) หัวหน้าผู้นำคณะการขุดค้นสังเกตเห็นวัตถุโบราณจากชาวบ้านหลายชิ้นที่ถูกลักลอบขุดออกมาเพื่อนำไปขาย เธอจึงคิดว่าอาจมีบางสิ่งสำคัญอยู่ที่นั่น การขุดค้นอย่างเป็นทางการจึงเริ่มต้นขึ้น
“เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เราเฝ้าดูร่องรอยของสิ่งที่ออกมาจากการขุดในสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการขุดค้นทางการเกษตร หรือหลุมที่เกิดจากการขุดแบบลับๆ” โอลิวิเอรีกล่าว "ดังนั้นจึงมีคำใบ้ว่ามีอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่อยู่ที่นั่น"
นอกจากลักษณะทางสถาปัตยกรรมของวัดที่ถูกฝังแล้ว นักโบราณคดีได้ค้นพบโบราณวัตถุกว่า 2,000 ชิ้นในบริเวณดังกล่าว รวมถึงเหรียญ อัญมณี ตราประทับ เครื่องปั้นดินเผา งานหิน และรูปปั้น ซึ่งบางชิ้นมีจารึกโบราณที่สามารถนำมาระบุวันที่ได้
อย่างไรก็ตาม การขุดค้นในรอบนี้เสร็จสิ้นตามกำหนดแล้ว แต่ทางทีมงานหวังว่าจะสามารถกลับมาใหม่ภายในปีนี้เพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมและหวังว่าจะเปิดเผยตัววัดได้มากขึ้น
Photography by ISMEO/CA' FOSCARI UNIVERSITY OF VENICE
สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล