แม่น้ำที่ไม่ธรรมดา

BIG STONE 



แม่น้ำประหลาดสายหนึ่งในอุทยานแห่งชาติ Taganai ในแถบเทือกเขาอูราล (southern Ural Mountains) เทือกเขาที่มีความยาวต่อเนื่องในแนวทิศเหนือ-ใต้ในประเทศรัสเซียและประเทศคาซัคสถาน และยังเป็นพรมแดนธรรมชาติที่กั้นทวีปยุโรปกับทวีปเอเชีย

Big Stone rivers หรือที่รู้จักกันในชื่อ stone runs เป็นแม่น้ำที่เต็มไปด้วยก้อนหินขนาดน้อยใหญ่นับพันที่ทอดยาวตัดผ่านป่าต้นสนหนาทึบ ทั้งนี้ แม่น้ำหินสามารถพบได้ทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่เทือกเขา Vitosha ของบัลแกเรียไปจนถึงหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ แต่ไม่มีสถานที่ใดจะน่าประทับใจเท่ากับแม่น้ำ Big Stone ในแคว้น Chelyabinsk ของรัสเซีย  มีความยาวประมาณ 6 กิโลเมตร นับเป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดของ อุทยานแห่งชาติ Taganai  และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าประทับใจที่สุดในรัสเซียอีกด้วย

ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแม่น้ำหินดังกล่าวนั้นเป็นผลมาจากธารน้ำแข็งที่แยกตัวออกจากยอดเขาที่สูงขึ้น เมื่อ 10,000 ปีก่อน และไหลลงสู่หุบเขา ซึ่งสิ่งที่ทำให้แม่น้ำหินสายนี้หญ่แตกต่างจากแม่น้ำหินอื่น ๆทั่วโลก ก็คือวิธีที่มันตัดผ่านป่าสนที่หนาทึบจนมองดูเหมือนกับแม่น้ำจริง ๆ



นอกจากนี้ แม่น้ำ Big Stone ยังเป็นเพียงแม่น้ำเดียวที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเป็นเวลานับพัน ปี เนื่องจากชั้นหินบางแห่งมีน้ำหนักมากถึง 10 ตัน และอยู่ระหว่างความลึก 4 ถึง 6 เมตร ซึ่งทำให้มีพืชชนิดเดียวที่เติบโตใน “แม่น้ำ” สายนี้ได้คือไลเคน
Page asava
ที่มา: https://www.odditycentral.com/travel/russias-big-stone-river-a-little-known-natural-wonder.html
Cr. https://www.thailandstack.com/post-5920-แม่น้ำ-big-stone-แม่น้ำหินประหลาดที่สวยงามและน่าทึ่งที่สุดในรัสเซีย/โดย ​Thailand Stack



 Devil's Pulpit



ภายในหุบเขา Finnich Glen ประเทศสกอตแลนด์ มีลำธารสีเลือดไหลผ่านไปยังร่องน้ำตามหุบเขาและโขดหินรูปร่างแปลกตาต่างๆ และเป็นที่รู้กันดีถึงกิตติศัพท์ซึ่งเป็นลางร้ายของลำธารสีเลือดแห่งนี้ 
ชื่อของ Devil's Pulpit มีต้นกำเนิดมาจากหินที่มีรูปร่างเหมือนเห็ด ซึ่งบางครั้งก็โผล่พ้นลำธารที่ไหลเชี่ยว บางคนก็เล่าขานว่าหินเป็นจุดที่ปิศาจยืนเรียกบริวาร จึงทำให้น้ำมีแดงปนส้ม บ้างก็ว่า Druids (ผู้นำทางศาสนา) ได้มีการประชุมกันอย่างลับๆ ที่ช่องเขาแห่งนี้เพื่อหลบจากสายตาผู้อื่น และก็มีเรื่องราวลี้ลับอื่นๆ เกี่ยวกับแม่มดที่ใช้หินในลำธารในการประหารชีวิตผู้อื่น

ผู้คนจึงพากันขนานนาม หุบเขา Finnich ว่า Devil's Pulpit เนื่องจากน้ำในลำธารที่มีสีแดงทำให้บรรยากาศรอบๆ ดูน่าขนลุกและน่าสะพรึงกลัว แม้ว่าแท้จริงแล้วสีน้ำในลำธารจะเกิดจากสีของหินทรายสีแดงตามธรรมชาติ

เมื่อปีนไปตามโขดหินลื่นๆ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทางเดินของปิศาจ ตรงทางเดินมักจะมีมอสขึ้นปกคลุมเป็นสีเขียว และเบื้องล่างโขดหินคือลำธารสีแดงซึ่งแสดงให้เห็นถึงมนต์สเน่ห์ของแสงอาทิตย์และเสียงลำธาร ที่ลำธารแห่งนี้ยังได้เป็นฉากหนึ่งในเรื่อง Outlander อีกด้วย

ที่มา atlasobscura.com / flickr.com
Cr.https://travel.thaiza.com/foreign/469838/




Caño Cristales



แม่น้ำสายนี้มีความกว้างประมาณ 20 เมตร ลักษณะเป็นลำธารที่ไหลผ่านพื้นหินตื้น ๆ จึงทำให้น้ำในแม่น้ำสายนี้ใสแจ๋วปราศจากตะกอนดิน สิ่งที่สร้างความมหัศจรรย์และสวยงามให้กับแม่น้ำสายนี้ก็คือ หินใต้ท้องน้ำนั้นปกคลุมไปด้วยพืชน้ำจืดที่เรียกว่า macarenia clavigera ซึ่งเมื่อแสงส่องผ่านลงมากระทบกับพืชน้ำเหล่านี้ ก็จะทำให้เกิดสีสันต่าง ๆ นานา บางครั้งอาจจะมีถึง 5 สี เช่น แดง ฟ้า เหลือง ส้ม และเขียว ในเวลาเดียวกัน

Caño Cristales คือปรากฏการณ์การณ์ธรรมชาติที่งดงามแห่งหนึ่งในเขตอุทยานแห่งชาติ Serranía de la Macarena เขต Meta ประเทศโคลอมเบีย ซึ่งเป็นเขตตอนกลางของประเทศรอยต่อระหว่างเทือกเขา แอนดิสฝั่งตะวันตกและป่าอะแมซอนตะวันออก มีความยาวกว่า 100 กิโลเมตร ด้วยเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างภูมิประเทศที่แตกต่างกันไป อาทิ ป่าฝน ป่าแล้ง เขตพุ่มไม้และสะวันนา ทำให้มีความหลากหลายของพืชพันธุ์และสัตว์นานาชนิด

Caño Cristales แปลว่า “คลองแก้วผลึก” (Crystal canal) บางครั้งเรียกว่า แม่น้ำห้าสี  มีความกว้างประมาณ 20 เมตร ลักษณะเป็นลำธารที่ไหลผ่านพื้นหินตื้น ๆ จึงทำให้น้ำในแม่น้ำสายนี้ใสแจ๋วปราศจากตะกอนดิน สิ่งที่สร้างความมหัศจรรย์และสวยงามให้กับแม่น้ำสายนี้ก็คือ หินใต้ท้องน้ำนั้นปกคลุมไปด้วยพืชน้ำจืดที่เรียกว่า macarenia clavigera ซึ่งเมื่อแสงส่องผ่านลงมากระทบกับพืชน้ำเหล่านี้ ก็จะทำให้เกิดสีสันต่าง ๆ นานา บางครั้งอาจจะมีถึง 5 สี เช่น แดง ฟ้า เหลือง ส้ม และเขียว ในเวลาเดียวกัน

แม่น้ำแห่งนี้เดิมเป็นทางน้ำไหลผ่านลานที่ราบสูงหินควอทซ์เก่าแก่นานนับล้านปี กาลเวลาที่ยาวนานทำให้เกิดแอ่ง หลุม โพรง และน้ำตกตลอดแนว เอกลักษณ์ที่ทำให้แม่น้ำแห่งนี้ต่างจากที่อื่นคือ แม่น้ำแห่งนี้มี 5 สี ที่ดูงดงามจนได้ฉายาว่า “แม่น้ำสู่สรวงสวรรค์”
Cr.ภาพ expotur-eco.com
Cr.http://www.nextsteptv.com/crystal-channel-แม่น้ำ-5-สีในอุทยานโคลอ/




Cenote Angelita


ที่คาบสมุทรยูกาตัง ในประเทศเม็กซิโก มีคลองเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้มหสมุทรอันกว้างขวาง มีชื่อเรียกว่า ซีโนเต้ แองเจลิสต้า (Cenote Angelita) คลองเล็กๆ ที่ว่านี้อยู่ทางใต้ของชุมชนตูลุม ความงามที่น่าค้นหาของคลองเล็กๆ แห่งนี้มักจะทำให้นักดำน้ำอยากจะลงไปสัมผัสผิวน้ำทะเลที่มีสารไฮโดรเจนซัลเฟต 
ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (hydrogen sulphide) หรือ ก๊าซไข่เน่า เป็นก๊าซพิษที่สูดดมไปมากๆ จะเป็นอันตรายได้ ผิวน้ำของลำคลองแห่งนี้จะถูกแบ่งโดยก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์โดยซึ่งแยกระหว่างน้ำจืดและน้ำเค็ม ซึ่งน้ำจีดจะอยู่ด้านบนและน้ำเค็มด้านล่าง เมื่อได้ลงไปยังด้านล่างของทะเลแล้วนักดำน้ำจะพบกับคลองสายเล็กๆ ซึ่งอยู่ใต้ทะเล รอบๆ คลองจะมีพวกซากลำต้นและกิ่งก้านของต้นไม้ล้มลงอยู่ตรงพื้นดินสองฝั่งใต้ทะเล ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่น่าเหลือเชื่อซึ่งเกิดขึ้นใต้ท้องทะเลแห่งนี้ ซีโนเต้นั้นเป็นบ่อน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการผุกร่อนของหินปูนที่อยู่ชั้นใต้ดินทำให้เกิดเป็นบ่อน้ำเล็กๆ ใต้ทะเลขึ้น


หากมองลงไปเบื้องล่างจากความสูงประมาณ 18 เมตร จะมองเห็นเป็นลำน้ำสีฟ้าสายเล็กๆ ที่มีซากต้นไม้ที่ตายแล้วกองอยู่บน 2 ฝั่งคลอง และดูเหมือนมีหมอกปกคลุมอยู่บริเวณรอบๆ คลองแห่งนี้ ซึ่งอาจจะทำให้ภาพเบื้องล่างดูพร่ามัว และน่าขนหัวลุกไปกับบรรยากาศที่น่าพิศวงของคลองอันลี้ลับใต้ทะเลนี้ ซึ่งกลุมหมอกวันที่เห็นลอยอยู่เหนือผิวน้ำก็คือกลุ่มก๊าซไข่เน่าที่เกิดจากการย่อยสลายของซากพืชและสัตว์นั่นเอง


แม้ว่าสภาพแวดล้องของ ซีโนเต้ แองเจลิสต้า จะดูหลอนๆ ออกน่ากลัวไปบ้างแต่มันก็ทำให้บรรดานักดำน้ำที่ชอบความท้าทายอยากจะมาลองสัมผัสกับความงามอันชวนพิศวงใต้ท้องทะเลของประเทศเม็กซิโกแห่งนี้

ที่มา boredpanda.com

Cr.https://travel.thaiza.com/foreign/469147/




 Verzasca River



เวอร์ซาสก้า “Verzasca River” คือชื่อของแม่น้ำที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ในเบตทีชีโน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีการพูดภาษาอิตาลี โดยแม่น้ำแห่งนี้มีความยาวถึง 30 กิโลเมตร ต้นกำเนิดของแม่น้ำอยู่ที่ Pizzo Barone และน้ำมีเส้นทางสิ้นสุดที่ทะเลสาบ Maggiore แม่น้ำแห่งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ “แม่น้ำสีมรกต” และ “แม่น้ำคริสตัล” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงของประเทศ

แม่น้ำเวอร์ซาสก้าตั้งอยู่ในหุบเขาชื่อเดียวกัน โดยไหลผ่านเนินเขาหินซึ่งเป็นรอยแยกจากการที่แม่น้ำไหลผ่านในความยาวหลายกิโลเมตรที่มีความซิกแซกและเลี้ยวลดคดเคี้ยว โดยแม่น้ำมีสีเขียวมรกตและมีความใสมากจนมีฉายาว่าใสดุจคริสตัล นักท่องเที่ยวจึงมักไปชมวิวที่แม่น้ำแห่งนี้ที่มีวิวทิวทัศน์แตกต่างกันตลอดเส้นทาง จนได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีของเมือง

อุณหภูมิของแม่น้ำเวอร์ซาสก้าอยู่ที่ประมาณ 7-10 องศาเซลเซียสซึ่งเรียกได้ว่าน้ำมีความหนาวเย็นเป็นอย่างมาก และแม้น้ำจะใสจัดแต่ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย เนื่องจากน้ำนั้นมีความเป็นกรดสูงจึงไม่สามารถมีสิ่งใดเจริญเติบโตขึ้นมาได้ ซึ่งฤดูกาลที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวคือช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง
ที่มา en.wikipedia.org

Cr.ภาพ ascona-locarno.com
Cr.https://travel.thaiza.com/amaze/440982/




Dark river



เกาะกรีนแลนด์ ได้กลายเป็นจุดสนใจที่เพิ่มขึ้นในการศึกษาวิทยาศาสตร์ ที่ผ่านๆมามีงานวิจัยมากมายเผยถึงภาวะวิกฤติของกรีนแลนด์ โดยเฉพาะน้ำแข็งที่ละลายลงอย่างรวดเร็ว บรรดานักวิจัยจึงมุ่งศึกษาด้านสภาพภูมิอากาศและธรณีวิทยา แต่ก็มีเรื่องการขุดค้นซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตในยุคโบราณแทรกแซมให้รู้บ้างเป็นครั้งคราว เช่น การพบซากฟอสซิลสัตว์อายุนับพันล้านปี ที่บ่งชี้ว่าเกาะแห่งนี้มีความลับซ่อนอยู่อย่างมากมายและหลากหลาย
ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮอกไกโด ในญี่ปุ่น และมหาวิทยาลัยออสโล ในนอร์เวย์ เผยว่า อาจพบแม่น้ำซ่อนตัวอยู่ใต้ธารน้ำแข็งในเกาะกรีนแลนด์ และนี่อาจเป็นสิ่งที่ช่วยพยากรณ์ความแตกต่างของการเปลี่ยนระดับน้ำแข็งของโลกในอนาคตก็เป็นได้

นักวิทยาศาสตร์กลุ่มดังกล่าวเผยว่า จากการใช้ข้อมูลเรดาร์ในการวิเคราะห์ความสูงของพื้นผิวหินใต้น้ำแข็ง เพื่อมาสร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์แสดงพื้นที่ที่น่าจะเป็นสิ่งที่พวกเขาค้นพบก็คือหุบเขายาวที่เต็มไปด้วยน้ำซึ่งเป็นของเหลวไหลออกสู่ชายฝั่ง โดยช่วยในการตั้งสมมติฐานว่านี่คือการค้นพบแม่น้ำที่อาจมีขนาดยาวประมาณ 1,600 กิโลเมตรไหลลึกอยู่ข้างใต้เกาะกรีนแลนด์

แม้จะยังต้องค้นหาข้อมูลที่แม่นยำเพื่อยืนยันการมีอยู่จริงของแม่น้ำที่ซ่อนตัวอยู่นี้แต่ทีมนักวิทยาศาสตร์ก็ตั้งชื่อแม่น้ำสายนี้ว่า “ดาร์ก ริเวอร์” (Dark river) ในช่วงที่นำเสนอสิ่งที่พวกเขาค้นพบต่อที่ประชุมของสหภาพธรณีวิทยาอเมริกา (American Geophysical Union)
 
มีการคาดคะเนว่าสิ่งที่ค้นพบนี้จะช่วยให้นักวิจัยในอนาคตเกิดความเข้าใจได้ดีขึ้นว่าสสารในน้ำแข็งกรีนแลนด์นั้นอาจถูกถ่ายโอนจากระบบของสิ่งมีชีวิตเข้าสู่สิ่งแวดล้อม หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของสารหนึ่งไปอีกสารหนึ่ง อันเป็นกระบวนการที่รู้จักในชื่อ “วัฏจักรชีวธรณีเคมี” (biogeochemical)
ซึ่งหมายความว่าแม่น้ำอาจมีอิทธิพลต่อการไหลของน้ำแข็ง และทำให้ตะกอนก๊าซและสารอาหารถูกเคลื่อนย้ายจากภายในแผ่นน้ำแข็งไปสู่มหาสมุทรอย่างรวดเร็ว.
เรื่องโดย ภัค เศารยะ
Cr.https://www.thairath.co.th/news/foreign/1735573


(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่