ลูกชายสุดที่รักถูกวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติก.....1ปีเต็มกับความเปลี่ยนแปลง

จากกระทู้เก่าที่เราพบว่าลูกชายเราเป็น ASD 

ลูกชายสุดที่รักถูกวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติก.....
https://ppantip.com/topic/38954598
ลูกชายสุดที่รักถูกวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติก.....กับ Second Opinion
https://ppantip.com/topic/38962981

นับจากวันแรกที่เราได้พบความจริงว่าลูกเราเป็น ASD จนถึงวันนี้ก็ครบ 1 ปีเต็มแล้วค่ะ
เลยอยากมาอัพเดทอาการของน้องให้เพื่อนๆสมาชิกฟัง เผื่อจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย

อาการของน้องคือเป็น ASD แบบ High Fuctioning
หลังจากการตรวจ เราตัดสินใจให้น้องเข้าโรงเรียน และย้ายไปอยู่กับน้องที่บ้านย่า
ร่วมกับการเรียนพัฒนาการที่ศูนย์พัฒนาการเด็กอาทิตย์ละ 1 วัน
โชคดีที่น้องได้ตารางเรียนวันเสาร์เราเลยได้ไปดูการฝึกเกือบทุกครั้ง
คอร์สที่น้องเรียนเป็นคอร์สฝึก SI (Sensory Integration)
การฝึก SI จะเป็นการฝึกเรื่องประสาทสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส การทรงตัว การรับรู้กล้ามเนื้อและข้อต่อ
กรณีของน้องจะมีปัญหาเรื่องการกล้ามเนื้อมัดเล็กไม่ค่อยแข็งแรง 
ในแต่ละสัปดาห์ครูจะฝึกในรูปแบบไม่ซ้ำกัน เป็นการฝึกเดี่ยว วันละ 1 ชม
โดยที่เราจะสามารถดูน้องผ่านจอทีวีแต่ไม่มีเสียง 
5 นาทีสุดท้ายครูจะมาอธิบายการฝึกของแต่ละวัน รวมถึงวิธีการนำไปฝึกที่บ้าน
เรียนมาเกือบปี พัฒนาการน้องดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังพบว่าน้องเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง
การปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆยังคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีเคสโดนเพื่อนแย่งของเล่นแล้วโกรธจนไปกัดเพื่อน
เราเลยให้น้องเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม สลับกับการฝึก SI ในกลุ่มจะมีน้องๆที่เข้าฝึกประมาณ 5-6 คน
มีครูฝึก 1 ครูพี่เลี้ยง 2 คอยประกบน้องๆ ครูจะให้น้องทำกิจกรรมกลุ่มโดยฝึกให้มีการช่วยเหลือกัน
ตอนท้ายๆจะมีการทานขนม ให้เด็กๆได้เลือกว่าอยากกินอะไร
และให้ฝึกการเก็บของเป็นการฝึกระเบียบวินัยในตัว
การฝึกแบบนี้ ฝึกครั้งละ 2 ชั่วโมง โดย 15 นาทีท้ายครูจะคุยกับผู้ปกครองทุกคน

ในส่วนของโรงเรียน น้องก็เรียนรู้ได้ดีค่ะ ความจำดีเหมือนเคย การออกเสียงดีขึ้น
แต่ก็มีบางคำที่ยังพูดไม่ชัด เช่น "เนื้อ"จะออกเสียงว่า "เน้ย"
"นมเปรี้ยว" ออกเสียงว่า "นมแป๊ว" ซึ่งเราก็ค่อยๆฝึกไปค่ะ
พูดคุยกับครูกับเพื่อน กล้าแสดงออก เป็นที่รักของครูกับเพื่อนๆ โดยเฉพาะสาวๆ
พี่เลี้ยงจะกลับมาเล่าให้ฟังว่า สาวๆจะทักทายน้องกันเยอะมาก ^ ^

ที่บ้านเราฝึกให้น้องรักการอ่านค่ะ ทุกคืนเราจะอ่านหน้งสือให้น้องฟังไม่ต่ำกว่า 3 เล่ม
น้องสามารถจำและเล่าเนื้อหาและทุกประโยคในหนังสือได้ไม่มีผิดเพี้ยน
น้องสามารถจำชื่อพันธุ์ไดโนเสาร์ได้เป็นร้อยๆสายพันธ์ุ ซึ่งอันนี้เป็นความพิเศษของน้องเลย 
น้องไม่เคยร้องให้ซื้อของเล่นค่ะ สิ่งที่น้องชอบที่สุดก็คือหนังสือ เวลาเข้าร้านหนังสือทีน้องจะดีใจมาก
อย่างเมื่อไม่กี่วันก่อนเราเพิ่งพาน้องออกจากนอกบ้านครั้งแรกหลังจากโควิดระบาด
น้องวิ่งเข้าร้านหนังสือโดยผ่านร้านของเล่นไป ไม่หันมามองแม้แต่นิดเดียว
อ้อ ของเล่นชิ้นโปรดอีกชิ้นของน้องคือ Puzzle ค่ะ น้องต่อแบบอาศัยความจำ
ตอนนี้ต่อ Puzzle ของเด็กอายุ 5 ขวบโดยใช้เวลาแป๊บเดียวค่ะ

เรื่องพฤติกรรมส่วนตัวอื่นๆของน้องที่เราพบค่อนข้างมีปัญหามาก
เนื่องจากน้องค่อนข้างถูกเลี้ยงมาแบบคุณหนู มีแต่คนเอาใจ
1.น้องกินยากมากจะกินแต่สิ่งที่คุณเคย เราใช้วิธีการให้น้องไม่มีทางเลือก
เมื่อหิวน้องก็ต้องกินค่ะ (สมัยก่อน ถ้าน้องไม่กินอะไร ย่ากับพี่เลี้ยงก็จะไปทำของที่น้องกินได้ให้แทน)
2.น้องรู้จักการต่อรองโดยใช้การร้องไห้เข้ามาทำให้ได้สิ่งที่ต้องการ
น้องรู้ ว่าใครใจอ่อน พอเห็นคนที่ตามใจก็จะร้องไห้เรียกร้องความสนใจทันที
ซึ่งเราก็ใช้วิธีให้คนที่ตามใจน้องออกจากบริเวณนั้น ตอนที่เราจัดการแก้ปัญหา
3.น้องช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ เช่น น้องไม่ยอมเลิกแพมเพิส จนกระทั่ง 3 ขวบครึ่ง
ย่ากับพี่เลี้ยงเองคาดหวังว่าครูจะสามารถช่วยให้น้องเลิกแพมเพิสได้ แต่ครูก็ไม่ทำ
ย่าให้เหตุผลว่าน้องไม่พร้อม เพราะน้องไม่ยอมพูดว่าน้องจะเข้าห้องน้ำ
เราเลยจับน้องเลิกแพมเพิสเองค่ะ ฝึกแค่เสาร์อาทิตย์ น้องก็เลิกได้แล้ว
ทุกวันนี้เวลาปวดฉี่ ถอดกางเกงเดินเข้าห้องน้ำเอง กดชักโครก น้ำล้างมือเองเลย แม่ไม่ต้องช่วย
4.น้องไม่ถูกฝึกให้ช่วยงานบ้าน เราฝึกให้น้องช่วยงานบ้านง่ายๆเช่นเก็บของ รดน้ำต้นไม้ ล้างรถ
เก็บไข่เข้าตู้เย็น ซึ่งเป็นการฝึกกล้ามเนื้อ และเพิ่มความระมัดระวังไปในตัว

ทุกวันนี้ครอบครัวเรามีความสุขมากค่ะ ถึงจะต้องแยกกันอยู่กับคุณพ่อน้องช่วงวันธรรมดา 
แต่คุณพ่อน้องก็จะแวะมาหาเกือบทุกคืน ช่วงเสาร์อาทิตย์ก็เป็นวันที่เราใช้เวลาที่ว่างทำกิจกรรมครอบครัวกันทุกวัน
ทุกวันนี้น้องพูดเก่งมาก อาจจะมีภาษาต่างดาวปนเล็กๆ แต่เราก็พยายามสอนคำที่ถูกต้องให้
เราเชื่อว่าการดูแลที่ดี การเอาใจใส่ จะทำให้เค้าใกล้เคียงกับเด็กปกติได้ในที่สุด
ทุกวันนี้เวลาเราพาน้องไปไหน มีแต่คนเอ็นดูน้อง ไม่มีใครรู้เลยค่ะว่าน้องมีความผิดปกติ
คนส่วนใหญ่จะมองว่าน้องช่างเจรจา ไอคิวสูงกว่าเด็กทั่วไป 
การที่เห็นน้องดีขึ้นกว่าปีที่แล้วมากๆก็ถือว่าเราสำเร็จมาขั้นนึง แต่หนทางนี้ยังอีกยาวไกลค่ะ

เราขอส่งกำลังใจให้ผู้ปกครองของน้องที่เป็น ASD ทุกคนนะคะ อย่าท้อ
ถ้าเรามุ่งมันที่จะพัฒนาลูกเรา เชื่อว่ายังไงก็ต้องได้ผลลัพธ์ที่ดีแน่นอนค่ะlovelove
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่