👝👝👝👝/มาลาริน/นายกฯ สั่งเตรียม 'แรงงาน' ที่สนใจไปทำงานตปท. หลังโควิดคลี่คลาย ดัชนีความเชื่อมั่นฯฟื้นในรอบ 6 เดือน

นายกฯสั่งเตรียมพร้อมดูแลแรงงานไทยทำงานต่างประเทศ หลังโควิดคลี่คลาย

วันอาทิตย์ ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 15.11 น.



เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2563 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒนา โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ประเทศต่างๆ ทั่วโลกประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว แต่คาดว่ากิจกรรมด้านเศรษฐกิจจะกลับมาสู่สภาพปกติโดยเร็ว 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับผู้ใช้แรงงาน ซึ่งแรงงานไทยเป็นประเทศลำดับต้นๆ ที่ตลาดแรงงานในต่างประเทศต้องการ ทั้งในประเทศที่เป็นคู่เจรจาเดิม และที่เป็นที่นิยมของแรงงานไทย เช่น ไต้หวัน สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย ญี่ปุ่น อิสราเอล และในภูมิภาคอื่นทั่วโลกต่างยอมรับเรื่องความมีวินัย และทักษะฝีมือของแรงงาน ประกอบกับประเทศไทยมีการบริหารจัดการโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีจนเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ
 
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีผู้แทนจากประเทศต่างๆ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี อาทิเช่น เอกอัครราชทูตคูเวต ได้แจ้งความประสงค์ต้องการแรงงานไทยไปทำงานในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ร่วมกับภาคเอกชน เร่งเตรียมความพร้อมในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ได้ทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีโอกาสได้รับการพัฒนาทักษะฝีมือ รวมถึงทักษะด้านภาษา ซึ่งหากการเดินทางระหว่างประเทศสามารถทำได้ตามปกติ สามารถจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศได้ทันที ให้ใกล้เคียงกับเป้าหมาย จำนวน 100,000 คน ตามที่ตั้งเป้าไว้ คาดว่าจะทำให้มีรายได้เข้าประเทศกว่า 140,000 ล้านบาท
 
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำให้แรงงานไทยที่สนใจเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เดินทางไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เตรียมร่างกาย และทักษะฝีมือไว้ให้พร้อม รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ

https://www.naewna.com/politic/497665

ดัชนีความเชื่อมั่นฯฟื้นรอบ 6 เดือนรัฐอัดมาตรการอุ้มศก.

พาณิชย์เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ค.ปรับขึ้นครั้งแรกรอบ 6 เดือน หลังรัฐอัดมาตรการพยุงเศรษฐกิจ  ประชาชนหวังการแพร่ระบาดของไวรัสคลี่คลาย



น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของกระทรวงพาณิชย์ประจำเดือนพ.ค.  ปรับตัวสูงขึ้น โดยอยู่ที่ระดับ 38.1 เมื่อเทียบกับระดับ 33.3 ในเดือนก่อนหน้า เป็นการสูงขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน 

ทั้งนี้เป็นหลมาจากโดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 28.0 มาอยู่ที่ระดับ 32.0 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต สูงขึ้นจากระดับ 36.8 มาอยู่ที่ระดับ 42.1

นอกจากนี้หากจำแนกรายอาชีพ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนเม.ย.ทุกอาชีพ โดยกลุ่มเกษตรกร สูงขึ้นจากระดับ 34.2 เป็น 38.3 กลุ่มพนักงานเอกชน จากระดับ 32.2 เป็น 35.5 กลุ่มผู้ประกอบการ จากระดับ 31.1 เป็น 38.7 กลุ่มรับจ้างอิสระ จากระดับ 30.8 เป็น 35.6 

กลุ่มพนักงานของรัฐ จากระดับ 40.8 เป็น 45.8 กลุ่มนักศึกษา จากระดับ 34.6 เป็น 42.5 และกลุ่มไม่ได้ทำงาน จากระดับ 30.8 เป็น 33.1 การสูงขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในทุกกลุ่ม คาดว่าเกิดจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่องสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบครอบคลุมในทุกๆ กลุ่มอาชีพ 

ขณะเดียวกันหากจำแนกรายภาค พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าทุกภาค กรุงเทพฯ และปริมณฑลจากระดับ 35.7 มาอยู่ที่ระดับ 38.9 ภาคกลาง จากระดับ 35.9 มาอยู่ที่ระดับ 39.2 ภาคเหนือ จากระดับ 32.1 มาอยู่ที่ระดับ 38.4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากระดับ 35.5 มาอยู่ที่ระดับ 40.5 และภาคใต้ จากระดับ 30.9 มาอยู่ที่ระดับ 37.9

ส่วนเดือนมิ.ย.นั้น ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนใน 3 ประเด็น ได้แก่ ความกังวลในปัจจุบัน ผลกระทบที่ได้รับจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์/เดลิเวอรี่ 

ประเด็นแรก เรื่องที่ประชาชนมีความกังวลมากที่สุด อันดับแรก ไวรัสโควิด-19 จะยืดเยื้อ ประชาชนมีความกังวล  28.9%  ซึ่งถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ประชาชนมีความกังวลสูงที่สุด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลในเดือนที่ผ่านมาพบว่ามีแนวโน้มลดลงอยู่ที่  31.5%  ทั้งนี้เนื่องจากการบริหารจัดการด้านการควบคุมโรคที่ดี ประกอบกับประชาชนมีความตระหนักและให้ความร่วมมือในการป้องกันการแพร่ระบาด ส่งผลให้สถิติผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทยมีอยู่ในระดับต่ำ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชนคลายความกังวลลงจากช่วงก่อนหน้าได้ในระดับหนึ่ง
 
อันดับสองรายได้ลดลง ประชาชนมีความกังวลว่ารายได้จะลดลง   18.5%  ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนเม.ย.อยู่ที่  15.1%  ถึงแม้จะเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทำให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศได้ในบางส่วน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหลายประเภทยังไม่สามารถกลับมาดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ

อันดับสามสินค้าราคาสูงขึ้น ประชาชนมีความกังวล  14.6 % ซึ่งลดลงจากเดือนเม.ย.อยู่ที่  16.5%  

เป็นที่น่าสังเกตว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และสร้างความกังวลต่อประชาชนในหลายๆ ด้าน โดยความกังวลด้านสาธารณสุข สังคม และการดำเนินชีวิตประจำวันเริ่มลดลง แต่ความกังวลด้านเศรษฐกิจกลับเพิ่มมากขึ้น

ด้านผลกระทบที่ประชาชนได้รับในการประกอบอาชีพ พบว่า เรื่องที่ประชาชนได้รับผลกระทบมากที่สุด  คือ รายได้ของกิจการลดลง ประชาชนได้รับผลกระทบ  38.2 %   รองลงมาคือได้รับค่าจ้างน้อย  18.6%  และกิจการต้องปิด  7.2%  (เป็นการปิดกิจการชั่วคราว   6.5%  และปิดกิจการถาวร  0.7% ) 

อย่างไรก็ตาม  การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เป็นระยะๆ ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องในทุกภาคส่วนจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันมีประชาชนส่วนหนึ่ง 28 %  มีความเห็นว่าตนไม่ได้รับผลกระทบในการประกอบอาชีพจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

ส่วนพฤติกรรมการซื้อสินค้าสินค้าออนไลน์/เดลิเวอรี่ จากผลการสำรวจ พบว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในครั้งนี้ส่งผลให้ประชาชนมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์/เดลิเวอรี่ เปลี่ยนแปลงไป โดยประชาชนมีการซื้อสินค้าออนไลน์/เดลิเวอรี่ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 36.6  %  ขณะที่ประชาชนกลุ่มอาชีพรับจ้าง พนักงานเอกชน และไม่ได้ทำงาน มีการซื้อสินค้าออนไลน์/เดลิเวอรี่ ลดลงเกินกว่า 50 % ในทุกกลุ่มอาชีพ ซึ่งคาดว่ากลุ่มนี้เป็น กลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากการแพร่ระบาดของไวรัส ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากอายุ พบว่า ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มีการซื้อสินค้าออนไลน์/เดลิเวอรี่ เพิ่มขึ้น 44.6%  รองลงมาคือ อายุ 40-49 ปี 33.9%  และอายุ 30-39 ปี  29.5 %  

อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/economic/778505

มีหนทางทำมาหากินมาให้เลือกอีกแล้วค่ะ  เตรียมตัวเอาไว้ในไม่ช้าคงได้งานทำสำหรับคนที่จะไปทำงานต่างประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขยับตัวสูงขึ้นในรอบ 6 เดือน  ประชาชนเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอย  เป็นข่าวดีอีกเรื่งหนึ่งค่ะ

โควิดก็กำลังจะลด...คนเดินทางเที่ยวและซื้อของมากขึ้น  วันนี้แขกประจำบ้านเดินทางผ่านอยุธยา บอกว่าจะซื้อกุ้งเผามาฝาก แต่รถเยอะมาก เลยเปลี่ยนใจกลัวถึงบ้านค่ำ  เลยเอาทุเรียนมาฝากแทน...🤐

ดูเถอะค่ะ...แค่ไม่กี่วันที่ผ่อนปรนให้เดินทางข้ามจังหวัดได้  คนก็เริ่มเดินทางจับจ่ายใช้สอยกันคึกคัก

เศรษฐกิจระดับชาวบ้านดูไม่เงียบเหงาเลยค่ะ...ไม่อดตายขอยืนยัน

ยินดีกับข่าวดีๆค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
นายกฯ เตรียมส่งแรงงานไทยทำงานต่างประเทศ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
นายกฯ เตรียมส่งแรงงานไทยทำงานต่างประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงงแรงงานเร่งเตรียมความพร้อมให้แรงงานไทยที่สนใจไปทำงานต่างประเทศ หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ย้ำพร้อมให้การสนับสนุน อำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ โดยมีเป้าหมายส่งแรงงานไทยไปทำงานได้ทันที 1 แสนคน


กระทรวงแรงงาน เตรียมความพร้อมส่งแรงงานไทยที่สนใจไปทำงานต่างประเทศ หลังโควิด -19 คลี่คลาย
**********************

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับผู้ใช้แรงงาน ซึ่งแรงงานไทยเป็นประเทศลำดับต้นๆ ที่ตลาดแรงงานในต่างประเทศต้องการ ทั้งในประเทศที่เป็นคู่เจรจาเดิมและที่เป็นที่นิยมของแรงงานไทย เช่น ไต้หวัน สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย ญี่ปุ่น อิสราเอล และในภูมิภาคอื่นทั่วโลกต่างยอมรับเรื่องความมีวินัยและทักษะฝีมือของแรงงาน ประกอบกับประเทศไทยมีการบริหารจัดการโรคโควิด -19 ได้เป็นอย่างดีจนเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ

นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ร่วมกับภาคเอกชน เร่งเตรียมความพร้อมในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ได้ทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีโอกาสได้รับการพัฒนาทักษะฝีมือ รวมถึงทักษะด้านภาษา หลังเอกอัครราชทูตคูเวต ได้แจ้งความประสงค์ต้องการแรงงานไทยไปทำงานในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ

หากการเดินทางระหว่างประเทศสามารถทำได้ตามปกติ สามารถจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศได้ทันที ให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายจำนวน 100,000 คน ตามที่ตั้งเป้าไว้ คาดว่าจะทำให้มีรายได้เข้าประเทศกว่า 140,000 ล้านบาท

พร้อมย้ำให้แรงงานไทยที่สนใจเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เดินทางไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เตรียมร่างกายและทักษะฝีมือไว้ให้พร้อม รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/697820137717386



เช้านี้แอดขอนำเสนอทั้งสถานการณ์ความเคลื่อนไหวเศรษฐกิจการค้าโลก และดัชนีความเชื่อมั่นของ สนค. พร้อมกันนะคะ ^^ ในส่วนเรื่องความเชื่อมั่นนั้น นอกจากจะดูมีแนวโน้มที่ประชาชนเชื่อมั่นมากขึ้นแล้ว ที่น่าสนใจคือ แอดเห็นข้อมูลว่า ประชาชนกลุ่มสูงวัยก็เริ่มสั่งสินค้าออนไลน์มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วยค่ะ แสดงว่าโควิดนี่จะเป็นตัวผลักดัน new normal จริง ๆ ค่ะ
https://web.facebook.com/TPSO.MOC/posts/2559146281066319?_rdc=1&_rdr
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่