🕊ครบรอบ 25 ปีของสมณสาส์นเวียน 🕊
“UT UNUM SINT” (1995-2020)
“เพื่อเขาทุกคนจะได้เป็นหนึ่งเดียว”
การริเริ่มเอกภาพในคริสตศาสนาระหว่างชาวคริสต์นิกายต่างๆ หรือที่เรียกว่า คริสตศาสนสัมพันธ์ของคาทอลิกนั้นเริ่มมาตั้งแต่สังคยนาวาติกันครั้งที่2 การสังคยนาที่ให้ชาวคริสต์นิกายอื่นๆ ทั้งโปรแตสแตนท์และออธอดอกซ์ ตลอดจนฆารวาสที่เป็นนักเทววิทยา และนักวิชาการในสาขาอาชีพอื่นๆ เข้าร่วมสังเกตการณ์และให้คำแนะนำปรึกษาในการสังคยนาด้วย
แต่กระบวนการหรือการเคลื่อนไหวเพื่อคริสตศาสนสัมพันธ์หรือที่เรียกว่า Ecumenical จริงๆ เริ่มจากฝ่ายโปรแตสแตนท์ก่อน (แม้ปัจจุบัน กระบวนการนี้จะรุดหน้า และสำเร็จในคาทอลิกมากกว่า) และสมณสาส์น UT UNUM SINT ของพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่2 ก็ถือเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของประวัติศาสตร์ ซึ่งชี้ว่า คาทอลิกทั้งหมดทั่วโลกจะยึดถึอหลักการนี้ร่วมกัน และทำให้ในเวลาไม่ถึง20ปี เกิดการสมานฉันท์ระหว่างคาทอลิกกับฝ่ายออธอดอกซ์หลายส่วน และกับบรรดาโปรแตสแตนท์สายหลักต่างๆ โดยเฉพาะแองกลีกันและลูเธอรัน ถึงก้าวไปถึงการร่วมมือชำระประวัติศาสตร์และเสวนาข้อเชื่อร่วมกัน และวาติกัน ได้ตั้งสมณทบวงแห่งการเป็นเอกภาพกับคริสตชนนิกายอื่นๆ ที่ชื่อว่า Pontifical Council for Promoting Christian Unity (PCPCU) ซึ่งแปลว่า วาติกันถือว่าเรื่องนี้เป็นพันธกิจสำคัญอันหนึ่งเลยทีเดียว
ท่านที่สนใจสามารถหาอ่านสมณสารนี้ในภาษาต่างๆรวมทั้งภาษาอังกฤษได้ตามลิงค์นี้
http://www.vatican.va/content/john-paul-ii/en/encyclicals/documents/hf_jp-ii_enc_25051995_ut-unum-sint.html
มงซินยอร์ วิษณุ ธัญญอนันต์ ได้ส่งสมณลิขิตของสันตะปาปาฟรานซิสเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 24 พค 2020 ที่ผ่านมาจึงขอคัดมาแบ่งปัน
⛪️สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงรำลึกถึง
ครบรอบ 25 ปีของสมณสาส์นเวียน
“UT UNUM SINT” (1995-2020)
“เพื่อเขาทุกคนจะได้เป็นหนึ่งเดียว”
🕊ถึงน้องชายที่รัก พระคาร์ดินัลเคริท ค็อกช (Kurt Koch)
สมณมนตรีแห่งสมณสภาเพื่อส่งเสริมความเป็นเอกภาพของบรรดาคริสตชน
พรุ่งนี้ (วันที่ 25 พฤษภาคม 2020) จะครบ 25 ปีแห่งสมณสาส์นเวียนชื่อ “Ut Unum Sint” ออกโดยพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ด้วยการพิศเพ่งของพระองค์ไปยังขอบฟ้าแห่งปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2000 พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ทรงปรารถนาให้พระศาสนจักรเดินทางสู่สหัสวรรษที่สาม จึงสมควรเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อคำภาวนาของพระเยซูคริสต์พระอาจารย์ของพวกเราที่ทรงวอนขอ “เพื่อเขาทุกคนจะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน” (เทียบ ยน. 17: 21) เพราะเหตุนี้พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 จึงได้ออกสมณสาส์นเวียนที่ยืนยันสิ่งที่ “ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้” (UUS, ข้อ 3) นั่นคือหน้าที่ที่ต้องสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันของพระศาสนจักรคาทอลิก พระองค์ทรงพิมพ์เอกสารดังกล่าวในวันสมโภชพระเยซูคริสต์เสด็จขึ้นสวรรค์ ด้วยการมอบให้อยู่ภายใต้เครื่องหมายของพระจิตผู้สถาปนาความเป็นเอกภาพในความหลากหลาย บัดนี้พวกเราทำการรำลึกถึงในบริบทแห่งพระจิตและจารีตพิธีเดียวกันและขอนำเสนอสู่ประชากรของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง
สภาพระสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ยอมรับว่ากระบวนการฟื้นฟูความเป็นเอกภาพในหมู่คริสตชน “เกิดขึ้นโดยพระหรรษทานของพระจิต” (กฤษฎีกา Unitatis Redintegratio, ข้อ 1) สภาสังคายนายังสอนด้วยว่าพระจิตในขณะที่ “แจกจ่ายของขวัญฝ่ายจิตและพันธกิจต่างๆ” ยังเป็น “เสาหลักแห่งความเป็นเอกภาพของพระศาสนจักร” (ibid., ข้อ 2) ในสมณสาส์นเวียน “Ut Unum Sint” ยืนยันว่า “ความแตกต่างอันชอบธรรม ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความเป็นเอกภาพของพระศาสนจักร แต่อำนวยความสง่างาม และมีส่วนช่วยได้อย่างมากต่อความสำเร็จแห่งพันธกิจของพระศาสนจักร” (ข้อ 50) อันที่จริง “มีแต่เพียงพระจิตเท่านั้นที่สามารถจุดประกายความแตกต่าง การเพิ่มจำนวน และในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความเป็นเอกภาพ... เป็นพระองค์เองที่นำความสมานฉันสู่พระศาสนจักร” เพราะดังที่นักบุญบาซิลกล่าว“พระองค์เองทรงเป็นความสมานฉัน” (Homily in the Catholic Cathedral of the Holy spirit, Istanbul, 29 November 2014)
ในโอกาสครบรอบปีนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระเยซูคริสต์สำหรับการเดินทางที่พระองค์ทรงโปรดให้พวกเราก้าวเดินในฐานะที่เป็นคริสตชนที่แสวงหาความเอกภาพที่สมบูรณ์ ข้าพเจ้าเห็นใจกับบางคนที่อดทนไม่ไหว ซึ่งบางครั้งคิดว่าเราสามารถและสมควรที่จะทำอะไรให้มากกว่านั้น แต่ว่าพวกเราไม่ควรขาดความเชื่อและความกตัญญู พวกเราได้ดำเนินหลายขั้นตอนแล้วในหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อการเยียวยาบาดแผลแห่งหลายศตวรรษและหลายพันปี ความรู้และความเข้าใจระหว่างกันและกันมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่วยให้เอาชนะต่อความลำเอียง ความมีอคติที่ฝังรากลึก มีการพัฒนาการเสวนาเชิงเทวศาสตร์ และการเสวนาในความรักรวมถึงรูปแบบต่างๆในความร่วมมือกันในการเสวนาแห่งชีวิตทั้งในระดับการอภิบาลและระดับวัฒนธรรม ขณะนี้ความคิดของข้าพเจ้าหวนกลับไปคิดถึงพี่น้องหลายคน บรรดาหัวหน้าผู้นำของศาสนาคริสต์นิกายต่างๆ ชุมชนคริสตชน ตลอดจนบรรดาพี่น้องชายหญิงแห่งคริสต์ศาสนาทุกนิกายทุกแขนงองค์กร ซึ่งเป็นเพื่อนหรือกัลยาณมิตรร่วมเดินทางกับพวกเรา เฉกเช่นศิษย์แห่งหมู่บ้านเอมมาอุส ขอให้พวกเรามีประสบการณ์แห่งการประทับอยู่ของพระเยซูคริสต์ผู้เสด็จกลับฟื้นคืนพระชนม์ชีพ ซึ่งเดินเคียงข้างพวกเราและอธิบายพระคัมภีร์ให้พวกเราฟัง ขอให้พวกเราจดจำพระองค์ที่ทรงหักปังในขณะที่พวกเราเฝ้ารอคอยวันที่พวกเราจะมีส่วนแบ่งปันกันบนพระแท่นแห่งศีลมหาสนิทด้วยกัน
ข้าพเจ้าขอแสดงความกตัญญูต่อทุกคนอีกครั้งที่ได้ทำงาน และยังคงทำงานต่อไปในสมณสภาเพื่อส่งเสริมเอกภาพของบรรดาคริสตชน เพื่อดำรงไว้ซึ่งการรับรู้อย่างดีในเป้าหมายที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในพระศาสนจักร ข้าพเจ้ารู้สึกพอใจเป็นพิเศษที่รับรู้มาว่า ได้มีความคิดริเริ่มสองประการเมื่อเร็วๆนี้ ประการแรกคือคู่มือเพื่อการเดินทางแนวทางปฏิบัติเพื่อส่งเสริมคริสตศาสนสัมพันธ์ (Ecumenical Vademecum) สำหรับบรรดาบิชอป ผู้นำพระศาสนจักร ซึ่งจะมีการพิมพ์ในฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึงนี้ เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในความรับผิดชอบเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นเอกภาพ อันที่จริงการรับใช้ความเป็นเอกภาพเป็นมิติที่สำคัญยิ่งแห่งพันธกิจของบิชอปทุกองค์ซึ่งเป็น “เสาหลักที่มองเห็นได้และเป็นรากฐานแห่งความเป็นเอกภาพในพระศาสนจักรท้องถิ่นของตนเอง (Lumen Gentium, ข้อ 23; cf. CID มาตรา383 §3: CCEO มาตรา 902-908) ความคิดริเริ่มประการที่สอง คือการเริ่มนิตยสาร “Acta Ecumenica” (กิจการทางด้านคริสตศาสนสัมพันธ์) ซึ่งอาศัยการฟื้นฟูฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสมณสภาฯ ตั้งใจที่จะช่วยทุกคนที่ทำงานในการรับใช้เอกภาพ
ในเส้นทางที่นำไปสู่ความเป็นเอกภาพที่สมบูรณ์เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจดจำใส่ใจถึงความก้าวหน้าที่ทำสำเร็จไปแล้วแต่ที่สำคัญที่ไม่แพ้กันคือ การที่ต้องวิเคราะห์ไตร่ตรองขอบฟ้าใหม่ แล้วต้องถามคำถามพร้อมกับการรำพึงในสมณสาส์นเวียน “Ut Unum Sint” ว่า “Quanta est nobis via?” กล่าวคือ “พวกเราจะไปได้ไกลแค่ไหน” (ข้อ 77) แต่ที่แน่นอนอย่างหนึ่งคือเอกภาพมิใช่เป็นกิจกรรมหรือผลงานส่วนใหญ่ของพวกเรา แต่เป็นของขวัญจากพระจิต ทว่า “เอกภาพจะไม่เกิดขึ้นได้ในฐานะที่เป็นอัศจรรย์” ตรงกันข้าม เอกภาพจะเกิดขึ้นเพราะจากการเดินทางร่วมกัน พระจิตเจ้าทรงกระทำเช่นนี้ในระหว่างการเดินทาง” (Homily at the Celebration of Vespers, saint Paul Outside the Walls, 25 January 2014) ดังนั้นด้วยความมั่นใจขอให้พวกเราวอนขอพระจิตได้โปรดชี้นำการเดินทางของพวกเรา และทำให้ทุกคนสามารถได้ยินการร้องขอให้ทำงานเพื่อความเป็นเอกภาพด้วยความร้อนรนที่รื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ขอพระจิตโปรดบันดาลใจพวกเราให้มีพลังใหม่ และสร้างความเข้มแข็งให้กับความรักฉันพี่นองในบรรดาศิษย์ของพระเยซูคริสต์ทุกคน “เพื่อว่าโลกจะได้เชื่อ” (ยน. 17: 21) และเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาในสรวงสวรรค์จะได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
จากนครรัฐวาติกัน วันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2020
พระสันตะปาปาฟรานซิส
แปลโดย-มองซินญอร์ วิษณุ ธัญญอนันต์
เรียบเรียงโดย- facebook.com/holysmn
CR. :
https://www.facebook.com/100000534736435/posts/3497065300321260/?d=n
ครบรอบ 25 ปีของสมณสาส์นเวียน “UT UNUM SINT” (1995-2020) “เพื่อเขาทุกคนจะได้เป็นหนึ่งเดียว”
“UT UNUM SINT” (1995-2020)
“เพื่อเขาทุกคนจะได้เป็นหนึ่งเดียว”
การริเริ่มเอกภาพในคริสตศาสนาระหว่างชาวคริสต์นิกายต่างๆ หรือที่เรียกว่า คริสตศาสนสัมพันธ์ของคาทอลิกนั้นเริ่มมาตั้งแต่สังคยนาวาติกันครั้งที่2 การสังคยนาที่ให้ชาวคริสต์นิกายอื่นๆ ทั้งโปรแตสแตนท์และออธอดอกซ์ ตลอดจนฆารวาสที่เป็นนักเทววิทยา และนักวิชาการในสาขาอาชีพอื่นๆ เข้าร่วมสังเกตการณ์และให้คำแนะนำปรึกษาในการสังคยนาด้วย
แต่กระบวนการหรือการเคลื่อนไหวเพื่อคริสตศาสนสัมพันธ์หรือที่เรียกว่า Ecumenical จริงๆ เริ่มจากฝ่ายโปรแตสแตนท์ก่อน (แม้ปัจจุบัน กระบวนการนี้จะรุดหน้า และสำเร็จในคาทอลิกมากกว่า) และสมณสาส์น UT UNUM SINT ของพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่2 ก็ถือเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของประวัติศาสตร์ ซึ่งชี้ว่า คาทอลิกทั้งหมดทั่วโลกจะยึดถึอหลักการนี้ร่วมกัน และทำให้ในเวลาไม่ถึง20ปี เกิดการสมานฉันท์ระหว่างคาทอลิกกับฝ่ายออธอดอกซ์หลายส่วน และกับบรรดาโปรแตสแตนท์สายหลักต่างๆ โดยเฉพาะแองกลีกันและลูเธอรัน ถึงก้าวไปถึงการร่วมมือชำระประวัติศาสตร์และเสวนาข้อเชื่อร่วมกัน และวาติกัน ได้ตั้งสมณทบวงแห่งการเป็นเอกภาพกับคริสตชนนิกายอื่นๆ ที่ชื่อว่า Pontifical Council for Promoting Christian Unity (PCPCU) ซึ่งแปลว่า วาติกันถือว่าเรื่องนี้เป็นพันธกิจสำคัญอันหนึ่งเลยทีเดียว
ท่านที่สนใจสามารถหาอ่านสมณสารนี้ในภาษาต่างๆรวมทั้งภาษาอังกฤษได้ตามลิงค์นี้
http://www.vatican.va/content/john-paul-ii/en/encyclicals/documents/hf_jp-ii_enc_25051995_ut-unum-sint.html
มงซินยอร์ วิษณุ ธัญญอนันต์ ได้ส่งสมณลิขิตของสันตะปาปาฟรานซิสเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 24 พค 2020 ที่ผ่านมาจึงขอคัดมาแบ่งปัน
⛪️สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงรำลึกถึง
ครบรอบ 25 ปีของสมณสาส์นเวียน
“UT UNUM SINT” (1995-2020)
“เพื่อเขาทุกคนจะได้เป็นหนึ่งเดียว”
🕊ถึงน้องชายที่รัก พระคาร์ดินัลเคริท ค็อกช (Kurt Koch)
สมณมนตรีแห่งสมณสภาเพื่อส่งเสริมความเป็นเอกภาพของบรรดาคริสตชน
พรุ่งนี้ (วันที่ 25 พฤษภาคม 2020) จะครบ 25 ปีแห่งสมณสาส์นเวียนชื่อ “Ut Unum Sint” ออกโดยพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ด้วยการพิศเพ่งของพระองค์ไปยังขอบฟ้าแห่งปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2000 พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ทรงปรารถนาให้พระศาสนจักรเดินทางสู่สหัสวรรษที่สาม จึงสมควรเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อคำภาวนาของพระเยซูคริสต์พระอาจารย์ของพวกเราที่ทรงวอนขอ “เพื่อเขาทุกคนจะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน” (เทียบ ยน. 17: 21) เพราะเหตุนี้พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 จึงได้ออกสมณสาส์นเวียนที่ยืนยันสิ่งที่ “ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้” (UUS, ข้อ 3) นั่นคือหน้าที่ที่ต้องสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันของพระศาสนจักรคาทอลิก พระองค์ทรงพิมพ์เอกสารดังกล่าวในวันสมโภชพระเยซูคริสต์เสด็จขึ้นสวรรค์ ด้วยการมอบให้อยู่ภายใต้เครื่องหมายของพระจิตผู้สถาปนาความเป็นเอกภาพในความหลากหลาย บัดนี้พวกเราทำการรำลึกถึงในบริบทแห่งพระจิตและจารีตพิธีเดียวกันและขอนำเสนอสู่ประชากรของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง
สภาพระสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ยอมรับว่ากระบวนการฟื้นฟูความเป็นเอกภาพในหมู่คริสตชน “เกิดขึ้นโดยพระหรรษทานของพระจิต” (กฤษฎีกา Unitatis Redintegratio, ข้อ 1) สภาสังคายนายังสอนด้วยว่าพระจิตในขณะที่ “แจกจ่ายของขวัญฝ่ายจิตและพันธกิจต่างๆ” ยังเป็น “เสาหลักแห่งความเป็นเอกภาพของพระศาสนจักร” (ibid., ข้อ 2) ในสมณสาส์นเวียน “Ut Unum Sint” ยืนยันว่า “ความแตกต่างอันชอบธรรม ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความเป็นเอกภาพของพระศาสนจักร แต่อำนวยความสง่างาม และมีส่วนช่วยได้อย่างมากต่อความสำเร็จแห่งพันธกิจของพระศาสนจักร” (ข้อ 50) อันที่จริง “มีแต่เพียงพระจิตเท่านั้นที่สามารถจุดประกายความแตกต่าง การเพิ่มจำนวน และในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความเป็นเอกภาพ... เป็นพระองค์เองที่นำความสมานฉันสู่พระศาสนจักร” เพราะดังที่นักบุญบาซิลกล่าว“พระองค์เองทรงเป็นความสมานฉัน” (Homily in the Catholic Cathedral of the Holy spirit, Istanbul, 29 November 2014)
ในโอกาสครบรอบปีนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระเยซูคริสต์สำหรับการเดินทางที่พระองค์ทรงโปรดให้พวกเราก้าวเดินในฐานะที่เป็นคริสตชนที่แสวงหาความเอกภาพที่สมบูรณ์ ข้าพเจ้าเห็นใจกับบางคนที่อดทนไม่ไหว ซึ่งบางครั้งคิดว่าเราสามารถและสมควรที่จะทำอะไรให้มากกว่านั้น แต่ว่าพวกเราไม่ควรขาดความเชื่อและความกตัญญู พวกเราได้ดำเนินหลายขั้นตอนแล้วในหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อการเยียวยาบาดแผลแห่งหลายศตวรรษและหลายพันปี ความรู้และความเข้าใจระหว่างกันและกันมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่วยให้เอาชนะต่อความลำเอียง ความมีอคติที่ฝังรากลึก มีการพัฒนาการเสวนาเชิงเทวศาสตร์ และการเสวนาในความรักรวมถึงรูปแบบต่างๆในความร่วมมือกันในการเสวนาแห่งชีวิตทั้งในระดับการอภิบาลและระดับวัฒนธรรม ขณะนี้ความคิดของข้าพเจ้าหวนกลับไปคิดถึงพี่น้องหลายคน บรรดาหัวหน้าผู้นำของศาสนาคริสต์นิกายต่างๆ ชุมชนคริสตชน ตลอดจนบรรดาพี่น้องชายหญิงแห่งคริสต์ศาสนาทุกนิกายทุกแขนงองค์กร ซึ่งเป็นเพื่อนหรือกัลยาณมิตรร่วมเดินทางกับพวกเรา เฉกเช่นศิษย์แห่งหมู่บ้านเอมมาอุส ขอให้พวกเรามีประสบการณ์แห่งการประทับอยู่ของพระเยซูคริสต์ผู้เสด็จกลับฟื้นคืนพระชนม์ชีพ ซึ่งเดินเคียงข้างพวกเราและอธิบายพระคัมภีร์ให้พวกเราฟัง ขอให้พวกเราจดจำพระองค์ที่ทรงหักปังในขณะที่พวกเราเฝ้ารอคอยวันที่พวกเราจะมีส่วนแบ่งปันกันบนพระแท่นแห่งศีลมหาสนิทด้วยกัน
ข้าพเจ้าขอแสดงความกตัญญูต่อทุกคนอีกครั้งที่ได้ทำงาน และยังคงทำงานต่อไปในสมณสภาเพื่อส่งเสริมเอกภาพของบรรดาคริสตชน เพื่อดำรงไว้ซึ่งการรับรู้อย่างดีในเป้าหมายที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในพระศาสนจักร ข้าพเจ้ารู้สึกพอใจเป็นพิเศษที่รับรู้มาว่า ได้มีความคิดริเริ่มสองประการเมื่อเร็วๆนี้ ประการแรกคือคู่มือเพื่อการเดินทางแนวทางปฏิบัติเพื่อส่งเสริมคริสตศาสนสัมพันธ์ (Ecumenical Vademecum) สำหรับบรรดาบิชอป ผู้นำพระศาสนจักร ซึ่งจะมีการพิมพ์ในฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึงนี้ เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในความรับผิดชอบเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นเอกภาพ อันที่จริงการรับใช้ความเป็นเอกภาพเป็นมิติที่สำคัญยิ่งแห่งพันธกิจของบิชอปทุกองค์ซึ่งเป็น “เสาหลักที่มองเห็นได้และเป็นรากฐานแห่งความเป็นเอกภาพในพระศาสนจักรท้องถิ่นของตนเอง (Lumen Gentium, ข้อ 23; cf. CID มาตรา383 §3: CCEO มาตรา 902-908) ความคิดริเริ่มประการที่สอง คือการเริ่มนิตยสาร “Acta Ecumenica” (กิจการทางด้านคริสตศาสนสัมพันธ์) ซึ่งอาศัยการฟื้นฟูฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสมณสภาฯ ตั้งใจที่จะช่วยทุกคนที่ทำงานในการรับใช้เอกภาพ
ในเส้นทางที่นำไปสู่ความเป็นเอกภาพที่สมบูรณ์เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจดจำใส่ใจถึงความก้าวหน้าที่ทำสำเร็จไปแล้วแต่ที่สำคัญที่ไม่แพ้กันคือ การที่ต้องวิเคราะห์ไตร่ตรองขอบฟ้าใหม่ แล้วต้องถามคำถามพร้อมกับการรำพึงในสมณสาส์นเวียน “Ut Unum Sint” ว่า “Quanta est nobis via?” กล่าวคือ “พวกเราจะไปได้ไกลแค่ไหน” (ข้อ 77) แต่ที่แน่นอนอย่างหนึ่งคือเอกภาพมิใช่เป็นกิจกรรมหรือผลงานส่วนใหญ่ของพวกเรา แต่เป็นของขวัญจากพระจิต ทว่า “เอกภาพจะไม่เกิดขึ้นได้ในฐานะที่เป็นอัศจรรย์” ตรงกันข้าม เอกภาพจะเกิดขึ้นเพราะจากการเดินทางร่วมกัน พระจิตเจ้าทรงกระทำเช่นนี้ในระหว่างการเดินทาง” (Homily at the Celebration of Vespers, saint Paul Outside the Walls, 25 January 2014) ดังนั้นด้วยความมั่นใจขอให้พวกเราวอนขอพระจิตได้โปรดชี้นำการเดินทางของพวกเรา และทำให้ทุกคนสามารถได้ยินการร้องขอให้ทำงานเพื่อความเป็นเอกภาพด้วยความร้อนรนที่รื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ขอพระจิตโปรดบันดาลใจพวกเราให้มีพลังใหม่ และสร้างความเข้มแข็งให้กับความรักฉันพี่นองในบรรดาศิษย์ของพระเยซูคริสต์ทุกคน “เพื่อว่าโลกจะได้เชื่อ” (ยน. 17: 21) และเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาในสรวงสวรรค์จะได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
จากนครรัฐวาติกัน วันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2020
พระสันตะปาปาฟรานซิส
แปลโดย-มองซินญอร์ วิษณุ ธัญญอนันต์
เรียบเรียงโดย- facebook.com/holysmn
CR. : https://www.facebook.com/100000534736435/posts/3497065300321260/?d=n